tag:blogger.com,1999:blog-89242494367873898802024-02-18T21:03:05.733-08:00RED IN USARed In USAhttp://www.blogger.com/profile/09271768365501393177noreply@blogger.comBlogger7368125tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-56412341496357512282021-12-25T19:00:00.000-08:002021-12-25T19:00:05.172-08:00คุกไม่ใช่ที่เคาท์ดาวน์ของคนเห็นต่าง<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEgYojiJF4zKmM4mb7RW0-MWbhtlauZPCf6m235mlfe4R0vvWOSEG8-XNj1J9fvIEv7b2aTuznStPomj9ZlooCmIK3wMSr46Pnsde2wzd-9499N1zP5W_lsdLt7E94Vp48KkRIaPmOb31T36n4Ql4YKAyYt5E6OkIu-z3x3ZoZkDdq0hJ7kaZTMT7jzXUA=s1478" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="1015" data-original-width="1478" height="305" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEgYojiJF4zKmM4mb7RW0-MWbhtlauZPCf6m235mlfe4R0vvWOSEG8-XNj1J9fvIEv7b2aTuznStPomj9ZlooCmIK3wMSr46Pnsde2wzd-9499N1zP5W_lsdLt7E94Vp48KkRIaPmOb31T36n4Ql4YKAyYt5E6OkIu-z3x3ZoZkDdq0hJ7kaZTMT7jzXUA=w444-h305" width="444" /></a></div><p> นักกิจกรรมฯ ถือป้าย "คุกไม่ใช่ที่เคาท์ดาวน์ของคนเห็นต่าง" ที่ไอค่อนสยาม ภายหลังศาลไม่ให้ประกันตัวแกนนำราษฎร ด้าน รปภ.ห้าง แจ้งเตือนว่าสถานที่นี้เป็นสถานที่ส่วนบุคคล หากทำกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตอาจมีความผิดตามกฎหมาย</p><p> วันนี้ (25 ธ.ค. 64) เวลา 17.00 น นักกิจกรรม จำนวน 3 ราย นัดรวมตัวกันทำกิจกรรมที่ลานห้างไอคอนสยามโดยถึงป้ายข้อความว่า "คุกไม่ใช่ที่เคาท์ดาวน์ของคนเห็นต่าง" และชูป้ายข้อความว่า "หากรับใช้ใบสั่งอย่างอัปรีย์ ตุลาการเช่นนี้อย่ามีเลย" เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยสองคนที่ถือป้ายสวมชุดนักโทษออกศาล
. </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEhjMqn0-y6G1sWZghdAksaIHk2wcsgeb2XU_QYcTukp_dH75E-ORehkEOVJSLevIQHb-CVPXTtnu4UD00JU3H3jfqkXZ090fS8w-7gugwQr8LqUkrgieRwsTNWMlRrI9ZRfCnkqqlHaeJEx8ZqogwE5rnUnct2Gq833_ydnBUsegC7ahmNWkNXSVl2byA=s960" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="626" data-original-width="960" height="302" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEhjMqn0-y6G1sWZghdAksaIHk2wcsgeb2XU_QYcTukp_dH75E-ORehkEOVJSLevIQHb-CVPXTtnu4UD00JU3H3jfqkXZ090fS8w-7gugwQr8LqUkrgieRwsTNWMlRrI9ZRfCnkqqlHaeJEx8ZqogwE5rnUnct2Gq833_ydnBUsegC7ahmNWkNXSVl2byA=w463-h302" width="463" /></a></div><p style="text-align: center;"><br /></p><p> ระหว่างการทำกิจกรรม เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างได้ประกาศแจ้งเตืนกลุ่มนักกิจกรรม พร้อมถือป้ายข้อความว่า "ICONSIAM สถานที่ส่วนบุคคล ไอคอนสยาม ขอสงวนสิทธิ์ในการใช้พื้นที่ภายใน และบริเวณโดยรอบอาคาร เฉพาะกิจกรรมที่ได้ขอล่วงหน้า และได้รับอนุญาตเป็นหนังสือแล้วเท่านั้น ในกรณีที่มีการฝ่าฝืน บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินการตามกฎหมาย รวมถึงฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย" </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEjR1g41vxBg8yXuIg_XjqWnqAhFPm8cwiCY5-4CQqNk5xONCAI2Flfxy-hkNuUls8tk85X4Fs6P5R5qwWsgIPH3KDlEusCOb4y5BGuMRvzo4GeDOMKAzup7l-G_-fS5eGfYOK4vd-qbHFylSg2foGqpFVSVCm3oWmcTlmVnR70O6Hwf9Twk3Lb-YNQwEg=s1477" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="1477" data-original-width="1108" height="567" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEjR1g41vxBg8yXuIg_XjqWnqAhFPm8cwiCY5-4CQqNk5xONCAI2Flfxy-hkNuUls8tk85X4Fs6P5R5qwWsgIPH3KDlEusCOb4y5BGuMRvzo4GeDOMKAzup7l-G_-fS5eGfYOK4vd-qbHFylSg2foGqpFVSVCm3oWmcTlmVnR70O6Hwf9Twk3Lb-YNQwEg=w425-h567" width="425" /></a></div><br /><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEgnZsk7ktAgjlF1uOo9kzGLcciT83ngAupCPyiOvzleD8O1tqnZterBk9kYuC6fbacyR1Ud6MVo-A5CA9Rss4RN5GCHKJtURFc0ArymBHRvQ4oAGAcTFx6y1kTZhT-wMi-kwd082s3v_D5NPMcDkegopWiLNFCablpDUOFVvRbmgDwy095HIS12ZCrYiQ=s1477" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="1477" data-original-width="1108" height="567" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEgnZsk7ktAgjlF1uOo9kzGLcciT83ngAupCPyiOvzleD8O1tqnZterBk9kYuC6fbacyR1Ud6MVo-A5CA9Rss4RN5GCHKJtURFc0ArymBHRvQ4oAGAcTFx6y1kTZhT-wMi-kwd082s3v_D5NPMcDkegopWiLNFCablpDUOFVvRbmgDwy095HIS12ZCrYiQ=w425-h567" width="425" /></a></div><br /><p style="text-align: center;"><br /></p><p> เวลาต่อมามีการแสดงน้ำพุประจำห้าง ซึ่งทางนักกิจกรรมเมื่อชุดการแสดงดังกล่าวเมื่อการแสดงชุดสดุดีจอมราชาจบลงได้ทำการชูสามนิ้วและตะโกนคำว่ายกเลิก 112 และ ปล่อยเพื่อนเรา และเมื่อเวลา 19.00 น. นักกิจกรรมได้ยุติกิจกรรม และแยกย้านเดินทางกลับบ้าน</p><p style="text-align: center;"></p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEh8D8k0fcRJCYDm47NPKwYMbDMhgBBJbdAs15QUvX8taNlhTcwq1yt7ltiDobbKVV1PgL1eU871c9yT9NWg5YQhO3cuL-qgag8k0wd609GawAspAUkVvEN9UkZHX67yOt5G4F_BW7g2D51oejGKEzWqEXK7mXxXrq0kDIdBBndi069Ctsf0WundfhO2xQ=s1477" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="1477" data-original-width="1108" height="573" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEh8D8k0fcRJCYDm47NPKwYMbDMhgBBJbdAs15QUvX8taNlhTcwq1yt7ltiDobbKVV1PgL1eU871c9yT9NWg5YQhO3cuL-qgag8k0wd609GawAspAUkVvEN9UkZHX67yOt5G4F_BW7g2D51oejGKEzWqEXK7mXxXrq0kDIdBBndi069Ctsf0WundfhO2xQ=w430-h573" width="430" /></a></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br /></div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEhw6nU3vFWXDFtz88C8xI0O2GK61I1OXxxnz6uzmfgvFLts3qMxow1GCbJHJ-cGVNCvstaXiVgEjGZKrGJQIYuKgfCGt294SODXzlX60jDsqvCs-5F5RiqPUy6aPXrUzZJeb-FFizQcZauD_B4_PG9HH2NlWDeamSwjgmsjMl3IBAZ6dqaDQC4LcYF5FQ=s1477" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="1477" data-original-width="1108" height="571" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEhw6nU3vFWXDFtz88C8xI0O2GK61I1OXxxnz6uzmfgvFLts3qMxow1GCbJHJ-cGVNCvstaXiVgEjGZKrGJQIYuKgfCGt294SODXzlX60jDsqvCs-5F5RiqPUy6aPXrUzZJeb-FFizQcZauD_B4_PG9HH2NlWDeamSwjgmsjMl3IBAZ6dqaDQC4LcYF5FQ=w428-h571" width="428" /></a></div><p></p>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-49533186681276469852017-11-17T18:40:00.002-08:002017-11-17T18:40:38.042-08:00รื้อคดีปี 53 จับเสื้อแดงอุบลคดีเผาโลงจำลองหน้าราชธานีอโศก<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiYcl-UY8msvVxlsxyrQpX1tlUmngwJqZY_-ZWC0hT0V-HEjEaEUjq6ok-IxIyFIZrQsHMrm0y0ivq7cI9Lmzn7EBdqNPNWmTed-xcSLrtYtEQ79E0pDoqIsmT1Rs7Yn2JXpeMyI99A6HI/s1600/23559910_544918609176796_8335265410563540683_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="518" data-original-width="442" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiYcl-UY8msvVxlsxyrQpX1tlUmngwJqZY_-ZWC0hT0V-HEjEaEUjq6ok-IxIyFIZrQsHMrm0y0ivq7cI9Lmzn7EBdqNPNWmTed-xcSLrtYtEQ79E0pDoqIsmT1Rs7Yn2JXpeMyI99A6HI/s400/23559910_544918609176796_8335265410563540683_n.jpg" width="341" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br /><br />Published on Fri, 2017-11-17 17:25<br /><br /><br /> ดักจับดีเจเสื้อแดงขณะนัดเจรจาซื้อขายที่ดิน โดนข้อหาร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ ชุมนุมมั่วสุมทางการเมือง ประกันหกหมื่น เจ้าตัวเผยทำหน้าที่ดูแลเครื่องปั่นไฟและเครื่องเสียงในที่ชุมนุม ไม่ได้ร่วมเผาโลงจำลอง ขณะถูกควบคุมตัวถูกยึดอุปกรณ์สื่อสารและถูกขอพาสเวอร์ดเข้าไลน์และเฟสบุ๊ค<br /><br /><img src="https://prachatai.com/sites/default/modules/wysiwyg/plugins/break/images/spacer.gif" /><br /> มีรายงานว่าวันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 เวลาประมาณ 13.30 น. บริเวณศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานีหลังเก่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.วารินชำราบ ได้เข้าทำการจับกุมนายพงษ์ศักดิ์ ตุ้มทอง (ดีเจอึ่งอ่าง) วัย 46 ปี ด้วยข้อหาร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น และร่วมกันชุมนุมมั่วสุมทางการเมืองมากกว่า 10 คนขึ้นไป และต่อมาได้ทราบว่า นายพงษ์ศักดิ์ได้รับการประกันตัวออกมาแล้วด้วยเงินสดจำนวน 60,000 บาท ซึ่งนายพงษ์ศักดิ์ระบุว่าเป็นเงินที่ญาติต้องขอกู้ยืมมาหลังจากที่ถูกจับ<br /> <br /> วันนี้ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปที่ ผู้ถูกจับกุมจึงได้ทราบรายละเอียดการจับกุมว่าเหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2553 นายพงษ์ศักดิ์กับพวกซึ่งเป็นคนเสื้อแดงได้ไปชุมนุมที่ราชธานีอโศก ซึ่งเป็นสำนักสงฆ์สาขาของสันติอโศกในจังหวัดอุบล โดยกิจกรรมที่ได้ทำวันนั้นนอกจากการกล่าวปราศัยแล้วได้มีกิจกรรมเผาโลงศพจำลอง เพื่อเป็นการประท้วงท่าทีทางการเมืองของสมณะโพธิรักษ์ และ พลตรีจำลอง ศรีเมือง <br /> <br /> พงษ์ศักดิ์ได้เล่าถึงรายละเอียดการทำกิจกรรมในการชุมนุมวันนั้นว่า วันนั้นตนได้รับหน้าที่ดูแลเครื่องเสียงและเครื่องปั่นไฟในงาน ไม่ได้ไปเป็นผู้ก่อเหตุเกี่ยวข้องกับการเผาโลงจำลองแต่อย่างใด สำหรับการเผาโลงก็ทำไปพอเป็นพิธีพอมีภาพโลงมีไฟลุกแล้วผู้ชุมนุมก็ดับไม่ได้ปล่อยให้ลุกไหมสร้างความเสียหายแต่อย่างใด <br /> <br /> พงษ์ศักดิ์เล่าต่อว่า หลังจากการชุมนุมในครั้งนั้นไม่นาน ได้เคยมีหมายเรียกเพื่อให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา ตนก็ได้ไปเซ็นรับทราบข้อกล่าวหาโดยมิได้ขัดขืน และจากนั้นมาก็ไม่เคยมีการติดต่อจากทางเจ้าหน้าที่อีกเลยทั้งๆ ที่ก็ได้พักอยู่ในจังหวัดอุบลมาโดยตลอด ไม่ได้หลบหนีไปไหน แต่เรื่องก็เงียบหายไป ถ้ามีหมายเรียกมาก็จะไปพบเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว ไม่รอให้ถูกหมายจับ <br /> <br /> ชายชาวอุบลวัย 46 ปี เล่าถึงเหตุที่ถูกจับกุมว่า ตนมีอาชีพเป็นนายหน้าค้าที่ ประกาศขายที่ดิในสื่อออนไลน์เช่นเฟสบุ๊คและไลน์ ก่อนการถูกจับกุม ได้มีผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อ Tawan... ติดต่อแสดงความจำนงว่ต้องการที่จะซื้อที่ดินที่ตนเป็นผู้ประกาศขาย และเมื่อติดต่อโทรนัดหมายจนได้มายังสถานที่นัดพูดคุยก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงตัวเข้าจับกุม เมื่อถูกนำตัวไปสอบสวนที่ สภ.วารินชำราบ ตนได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอให้การในชั้นศาล <br /> <br /> พงษ์ศักดิ์กล่าวต่อว่าการจับกุมไม่ได้มีความรุนแรงใดๆ มีการแสดงหมายจับเป็นที่เรียบร้อย แต่หลังจากถูกควบคุมตัวแล้ว เจ้าหน้าที่ได้ขอตรวจสอบโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต โดยได้ขอพาสเวอร์ดเปิดแท็บเล็ตที่ล็อกอินเฟสบุ๊ค ไลน์และแมสเซนเจอร์ไว้ โดยที่ในขณะนั้นไม่ได้มีทนายความหรือนักกฎหมายให้คำปรึกษา แต่ตนได้ให้ความร่วมมือด้วยดี และหลังจากได้ประกันตัวและได้รับมอบอุปกรณ์สื่อสารคืนในวันที่ 16 พฤศจิกายน แล้ว พบว่านอกจากที่จะได้มีการเข้าไปดูการสื่อสารในเฟสบุ๊ค แมสเซนเจอร์และไลน์แล้ว ยังได้มีการลบหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อ Tawan... ออกจากโทรศัพท์ด้วย<br /> <br /><b><span style="color: blue;">พงษ์ศักดิ์กล่าวว่าไม่แน่ใจว่า การติดต่อซื้อขายที่ดินครั้งนี้จะเป็นการล่อซื้อหลอกมาจับหรือไม่ </span></b> <br /> สำหรับในกระบวนการต่อไป เจ้าหน้าที่ได้นัดหมายพงษ์ศักดิ์ไปรายงานตัวที่ศาลจังหวัดอุบลราชธานีในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2560 เนื่องจากเป็นวันครบกำหนดฝากขัง <br /><br /> </div>
Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-4463247298259488142017-11-17T18:36:00.001-08:002017-11-17T18:36:20.458-08:00อาเซียนไม่ใช่ของเรา #1: รัฐแสดงนำ ภาคประชาชนที่ไม่มีส่วนร่วม และเอ็นจีโอปลอม<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://c1.staticflickr.com/5/4540/24608436888_c42ba70d9b.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://c1.staticflickr.com/5/4540/24608436888_c42ba70d9b.jpg" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br /><br />Published on Fri, 2017-11-17 19:46<br /><br /><br />เยี่ยมยุทธ สุทธิฉายา: สัมภาษณ์/เรียบเรียง/ภาพ<br />อิศเรศ เทวาหุดี: กราฟิกประกอบข่าว<br /><br /> ส่วนร่วมภาคประชาชนภาพรวมที่น้อยนิด ผลักดันประเด็นไม่ได้ และข้อสังเกตด้านพัฒนาการ โครงสร้างอาเซียนไม่เอื้อการมีส่วนร่วม ชาติสมาชิกปิดประเด็นจากประชาชนเอง GONGO (กองโก้) - เอ็นจีโอปลอม (?) ตัวแทนรัฐในเวทีประชาชน ความท้าทายของประชาสังคมในการเดินหน้าไปด้วยกัน<br /><br /><br /><br /> <span style="color: blue;"><b> เรา </b></span>บรรดาประชาชนของรัฐสมาชิกของสมาคมแห่งประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยมีประมุขรัฐหรือหัวหน้ารัฐบาลของบรูไนดารุสซาลาม ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน ลาว มาเลเซีย สหภาพพม่า สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐสิงคโปร์ราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เป็นผู้แทน<br /><br /> รับทราบด้วยความพึงพอใจในความสําเร็จอย่างสูงและการขยายตัวของอาเซียน นับตั้งแต่มี การก่อตั้งขึ้นที่กรุงเทพมหานครด้วยการประกาศใช้ปฏิญญาอาเซียน<br /><b><span style="color: blue;"><br /> “เรา ประชาชน (We, the people)” </span></b>เป็นคำแรกของประโยคแรกในอารัมภบทหน้าแรกของกฎบัตรสมาคมแห่งประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่รับรองกันเมื่อปี 2540 ท่ามกลางการรวมกลุ่มภายของสิบชาติในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ปีนี้เป็นวาระดิถีครบรอบ 50 ปี ของการก่อตั้งกรอบความร่วมมือภูมิภาคขึ้นมาตั้งแต่ปี 2510<br /><br />ในเดือน พ.ย. ปีนี้ การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 31 ที่มีเวทีพูดคุยกับประเทศคู่เจรจา ไม่ว่าจะเป็น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐ รัสเซีย และองค์การสหประชาชาติ นอกจากนี้ยังมีแคนาดา และสหภาพยุโรปเข้าร่วมประชุมในฐานะแขกรับเชิญพิเศษของฟิลิปปินส์ผู้เป็นเจ้าภาพที่ประเทศฟิลิปปินส์ ได้ดำเนินไปจนเสร็จสิ้นตามกรอบเวลา ถึงแม้จะพบเจอกับการประท้วง ต่อต้านจากกลุ่มประชาชนจนถึงกับมีการปะทะกันระหว่ามวลชนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงมะนิลาก็ตามที<br /><br /><div style="text-align: center;">
<img src="https://c1.staticflickr.com/5/4519/37696238394_068772c14f.jpg" /></div>
<br /> ภาพการจับมือในเวทีสุดยอดผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจาเมื่อวันที่ 13-14 พ.ย. ที่ผ่านมา (ที่มา: flickr/<a href="https://www.flickr.com/photos/aseansecretariat/37696238394/sizes/m/">The ASEAN Secretariat</a>)<br /><br /> ณ เมือง เกซอน ห่างจากกรุงมะนิลาไปราว 20 กม. ภาคประชาชนของอาเซียนก็มีการจัดเวทีประชุมภาคประชาสังคมอาเซียนขึ้น (ASEAN Civil Society Conference/ASEAN People Forum: ACSC/APF) เป็นการประชุมภาคประชาสังคมจากทุกประเทศในอาเซียนรวมถึงประเทศติมอร์ เลสเต เข้าร่วมงานในพิธีเปิดจำนวนหลายร้อยคน คู่ขนานไปกับการประชุมสุดยอดผู้นำ <br /><div style="text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<a href="https://prachatai.com/journal/2017/11/74061">เปิดประชุมประชาสังคมอาเซียน-เรียกร้องรัฐสมาชิกตั้งกลไกการมีส่วนร่วม</a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<img src="https://c1.staticflickr.com/5/4571/26617459979_8a7e3f82b9.jpg" /></div>
<br /><div style="text-align: center;">
<img src="https://c1.staticflickr.com/5/4568/37665083944_1f28e426fc.jpg" /></div>
<br /><div style="text-align: center;">
<img src="https://c1.staticflickr.com/5/4543/38324207126_7dbcf1b952.jpg" /></div>
<br /> ตลอด 50 ป่ีของการก่อตั้งอาเซียน การมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนในการร่วมกำหนดชะตากรรมของภูมิภาคนั้นถือว่ามีน้อย นอกจากนั้น ประเทศสมาชิกทั้งหลายยังมีแนวโน้มเพิกเฉยต่อการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนของ “เรา ประชาชน” แห่งอาเซียนอยู่เป็นระยะ<br /><br /><ul style="text-align: left;">
<li><a href="https://prachatai.com/journal/2017/08/72991">เมื่อเยาวชนต้นกล้าชนเผ่าพื้นเมือง ทวงถามความจริงให้บิลลี่และชัยภูมิ</a></li>
<li><a href="https://prachatai.com/journal/2017/09/73239">แอมเนสตี้ฯ เปิดภาพ-พยาน ชี้กองกำลังเมียนมา 'ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์' ชาวโรฮิงญา</a></li>
<li><a href="https://prachatai.com/journal/2017/09/73194">ไม่พอใจถูกตรวจสอบฆ่าตัดตอน-สภาฟิลิปปินส์หั่นงบกรรมการสิทธิฯ เหลือ 1 พันเปโซ</a></li>
<li><a href="https://prachatai.com/journal/2017/10/73505">ศิลปินถือกระจกสะท้อน 32 ปีการจองจำนักโทษการเมืองสิงคโปร์-ก่อนถูกรวบตัว</a></li>
<li><a href="https://prachatai.com/journal/2017/11/74134">สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศในไทยยกเลิกงานแถลงสถานการณ์สิทธิฯในเวียดนาม</a></li>
</ul>
<br /> คำถามที่ตามมาคือ ภาคประชาชน ประชาสังคมของอาเซียนประสบกับความล้มเหลวในการส่งเสียงของประชาชนที่ถูกกดขี่และสะท้อนปัญหาด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสิทธิต่างๆ ประเด็นสิ่งแวดล้อม การคุ้มครองทางสังคม ฯลฯ หรือไม่ อะไรเป็นปัญหาที่ทำให้ท้ายที่สุด อาเซียนกลับกลายเป็นของรัฐบาลไป<br /><br /> อาเซียนไม่ใช่ของเรา ตอนที่ 1 พาผู้อ่านสำรวจภาพรวมพื้นที่การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในเวทีอาเซียน สภาพการก่อตัวของประชาสังคมที่ก่อร่างช้ากว่าอาเซียนของรัฐ ข้อสังเกต บทบาทของภาคประชาสังคมที่สนับสนุนโดยรัฐบาลในเวทีภาคประชาชนที่ส่งผลให้เกิดคำถามต่อความทุลักทุเลของขบวนภาคประชาสังคม<br />ส่วนร่วมภาคประชาชนภาพรวมที่น้อยนิด ผลักดันประเด็นไม่ได้ และข้อสังเกตด้านพัฒนาการ<br /><br /> <b><span style="color: blue;"> ศันสนีย์ สุทธิศันสนีย์ </span></b>จากมูลนิธิส่งเสริมคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ปัจจุบันเป็นคณะกรรมการอำนวยการภาคประชาชนอาเซียน (Regional Steering committee) จากประเทศไทย กล่าวว่าส่วนร่วมบทบาทภาคประชาชนอยู่ในเกณฑ์น้อยมาก อันเป็นผลมาจากทัศนคติของประเทศสมาชิกที่ไม่ยอมรับภาคประชาสังคม ต้นเหตุของปัญหามาจากโครงสร้างกระบวนการของอาเซียนในภาพรวมที่ไม่เปิดพื้นที่ให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมตัดสินใจทิศทางในประเด็นต่างๆ และโครงสร้างการสื่อสารในอาเซียนยังไม่มีการพูดคุยกันที่ดีพอ และไม่มีพื้นที่ให้ภาคประชาสังคมเข้าไปมีส่วนร่วมในการพูดคุย<br /><br /><div style="text-align: center;">
<img src="https://c1.staticflickr.com/5/4573/24608072738_fdfb98f111.jpg" /></div>
<br /><div style="text-align: center;">
ศันสนีย์ สุทธิศันสนีย์</div>
<br /><span style="color: blue;"><b> “(ส่วนร่วมภาคประชาชน) น้อยมาก โดยเฉพาะอาเซียนโดยรวม เราก็รู้ว่า บางประเทศไม่เปิดรับอยู่แล้ว อาเซียนเวลามีส่วนร่วมใหญ่ๆ อย่างเช่นการพบกับผู้นำเพื่อหารือก็มีบางประเทศที่ไม่ยอมรับภาคประชาสังคม”</b></span> ศันศนีย์ กล่าว<br /><br /><b><span style="color: cyan;"> </span><span style="color: purple;"> “ในกระบวนการทำเอกสารต่างๆ ของอาเซียนไม่ว่าจะเป็นปฏิญญาหรือข้อตกลงจะไม่ผ่านการหารือกับภาคประชาสังคม หรือบางครั้งมีการจัดบ้าง แต่เอกสารไม่มีการแชร์ เวลาร่างแล้วก็อาจจะมีการจัดบ้างบางประเทศ แต่ในระดับภูมิภาคเกิดขึ้นได้น้อย จะมีก็แต่เมื่อตอนร่างกฎบัตรอาเซียนที่มีการพบปะ ปรึกษากับภาคประชาสังคม แต่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเอกสารรายย่อย รายเสานั้นไม่มี เขาก็บอกว่าไม่เปิดเผยเพราะเอกสารนั้นเป็นร่าง จะเปิดเผยก็ต่อเมื่อลงนามแล้ว”</span></b><span style="color: purple;"><br /></span><br /> กระบวนการของเวทีภาคประชาชนอาเซียนจะเริ่มต้นจากการหารือกันถึงประเด็นปัญหาต่างๆ จากประชาสังคมที่เข้าร่วม จากนั้นจะไปสู่การร่างแถลงการณ์ร่วมกัน และหาตัวแทนจากภาคประชาชนแต่ละประเทศไปแถลงในประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ซึ่งเป็นที่ๆ พวกเขาจะได้พบกับผู้นำจากชาติสมาชิก กระนั้น ศันศนีย์ระบุว่า การแถลงถึงปัญหาต่างๆ ยังไม่นำไปสู่พูดคุยต่อยอด และติดตามแก้ไขปัญหานั้นๆ ต่อไปในอนาคต การพบกันเพื่อแถลงจึงเป็นไปในลักษณะพิธีการเท่านั้น แต่ทางภาคประชาสังคมก็พยายามผลักดันให้เกิดกระบวนการปรึกษาหารือให้เกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้ยังไม่มี แต่ก็มีความคืบหน้าเพราะอย่างน้อยในส่วนการแถลงการณ์ก็มีการขยายเวลาแถลงการณ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นระยะๆ<br /><b><span style="color: blue;"><br /> กฤษกร ศิลารักษ์ </span></b>ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน ประเด็นเขื่อนปากมูล หนึ่งในผู้เข้าร่วมเวทีภาคประชาชนอาเซียนครั้งนี้ให้ความเห็นว่าการก่อร่างสร้างตัวของภาคประชาชนในอาเซียนเกิดขึ้นช้ากว่าการรวมตัวของอาเซียนในระดับรัฐต่อรัฐเป็นสาเหตุที่ทำให้อำนาจต่อรองยังน้อย แต่หากมองจากมุมของประเทศไทยก็พบว่ารัฐบาลพยายามเข้ามามีส่วนร่วมในเวทีภาคประชาชน ซึ่งสะท้อนถึงการให้ความสำคัญ แต่กระนั้นภาคประชาชนยังไม่ถึงจุดที่จะผลักดันข้อเสนอให้อาเซียนทำตามได้<br /><br /> <br /><br /><div style="text-align: center;">
<img src="https://c1.staticflickr.com/5/4580/38393717651_3425374a88.jpg" /></div>
<br /><span style="color: blue;"><b> กฤษกร ศิลารักษ์ </b></span>ผมถือว่าภาคประชาชนรวมตัวกันค่อนข้างช้า เท่าที่รู้คือเพิ่งรวมกันไม่น่าจะเกินสิบปี ในขณะที่อาเซียนของรัฐรวมกันห้าสิบปีแล้ว การก่อรูปของภาคประชาชนที่จะสร้างอำนาจต่อรองต่อฝ่ายอาเซียนของรัฐย่อมน้อยเป็นธรรมดา ในขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าเอกภาพยังไม่เกิดขึ้น อำนาจต่อรองย่อมน้อยอยู่แล้ว แต่ปฏิกิริยาของหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะไทย ที่หันหน้ามาจับตาการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน อย่างกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พ.ม.) ที่มาเข้าร่วมเวที ACSC/APF แทบทุกครั้งการเข้าร่วมของหน่วยงานรัฐก็ถือว่าเขาให้ความสำคัญ และกรณีอย่างเช่นการรับรองคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนระหว่างรัฐบาลอาเซียน (ASEAN Intergovernmental Commission on Human Rights - AICHR) กระทรวงการต่างประเทศก็เคยถามมาที่เวที ACSC/APF ว่ามีข้อคิดเห็นอย่างไรบ้าง ผมคิดว่าเหล่านี้คือการทีรัฐเริ่มให้ความสำคัญกับท่าทีของเวทีภาคประชาชนพอสมควร อย่างเช่นกรณีข้อเสนอปีที่แล้วที่ภาคประชาชนรับรองให้ติมอร์ เลสเตเป็นสมาชิกภาคประชาชนประเทศที่ 11 ก็ถูกนำไปถกเถียงในเวทีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ผมก็คิดว่ามันเริ่มมีการตระหนักถึงบทบาทของเวทีภาคประชาชนอาเซียนอยู่ระดับหนึ่ง เพียงแต่ข้อเสนอที่แหลมคมที่จะกระทุ้งให้อาเซียนทำตาม มันยังไม่ถึงขั้นนั้นก็จริง แต่มันก็เริ่มเป็นพัฒนาการที่รัฐก็จะนิ่งเฉยต่อเสียงทักท้วงเรียกร้องของประชาชนไม่ได้ ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพอยู่นะ” กฤษกรกล่าว<div>
<span style="color: #666666;"><b><br />โครงสร้างอาเซียนไม่เอื้อการมีส่วนร่วม ชาติสมาชิกปิดประเด็นจากประชาชนเอง</b></span><br /><br /> อีกหนึ่งปัญหาที่ถือเป็นจุดตั้งต้นการของความล้มเหลวของภาคประชาชนอาเซียนในการผลักดันให้รัฐบาลและภูมิภาคหันมารับฟังเสียงของพวกเขามาจากหลักการใหญ่ของอาเซียนสองหลักการ หนึ่ง หลักการที่ชาติสมาชิกจะไม่แทรกแซงกิจการภายในของชาติสมาชิกอื่น และหลักการตัดสินใจระดับภูมิภาคด้วยระบบฉันทามติ (ทุกชาติเห็นตรงกันหมด) ที่ให้อำนาจกับรัฐบาลชาติสมาชิกในการปกปิดปัญหาและเสียงเรียกร้องจากภาคประชาชนไว้ใต้หลักการดังกล่าว<br /><span style="color: blue;"><b><br /> “สองหลักการว่าด้วยการไม่แทรกแซงเรื่องของประเทศอื่น (Non Inteference) และหลักการตัดสินใจแบบฉันทามติ (Consensus)</b></span> นี้ถือเป็นปัญหาในการทำงาน นอกไปจากเรื่องเจตจำนงทางการเมืองของประเทศต่างๆ เราเรียกร้องได้แต่ว่าการที่อาเซียนจะเอาไปทำได้มันไปขึ้นอยู่กับหลักการใหญ่ว่าจะไม่แทรกแซงกิจการภายในของแต่ละประเทศ ถ้าถามว่าแล้วถ้าประชาสังคมในประเทศนั้นพบปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนขึ้น ภาคประชาสังคมไม่สามารถมีปากเสียงในระดับประเทศหรือเรียกร้องถึงรัฐบาลได้ แต่ถ้าจะเรียกร้องไปทางอาเซียนในเวทีอาเซียนก็ไม่ได้รับการตอบสนองเพราะหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในจึงให้แต่ละประเทศจัดการกันเอง” ศันศนีย์อธิบาย<br /><br /> ตัวแทนคณะกรรมการอำนวยการเวทีภาคประชาชนจากประเทศไทยยังระบุว่า กระบวนการรับฟังข้อคิดเห็นและนำไปปฏิบัติของอาเซียนในภาพรวมนั้นไม่มี แต่อาจจะมีบางประเด็นย่อยๆ เช่นการคุ้มครองทางสังคม จะเห็นได้ว่าการดำเนินงานส่วนมากมาจากชาติสมาชิกเป็นสำคัญแล้วจากนั้นจึงเข้าสู่ความเห็นร่วมในเวทีอาเซียนแล้วจึงมีการลงมติร่วมกัน “เราพยายามผลักดันเรื่องมาตรฐานคนทำงานในภาพรวมของอาเซียน เราก็พยายามผสานกับทางกระทรวงแรงงานเพื่อให้เขาผลักประเด็นนี้เข้าอาเซียนอย่างเป็นทางการ ในขณะเดียวกันเราก็ผลักดันจากข้างนอกให้ประเด็นมันเคลื่อนไปได้ แต่ก็ยังไม่มีท่าทีการตอบรับ”<br /><br /> ศันศนีย์ให้ความเห็นว่า ส่วนหนึ่งของปัญหาอาจมาจากความอ่อนแอของภาคประชาชนเองด้วยที่ตามประเด็นของภาครัฐบนกรอบความร่วมมืือของอาเซียนไม่ทันจนกลายเป็นฝั่งรัฐเป็นคนจัดตั้งประเด็นแล้วภาคประชาสังคมวิ่งตามอย่างเดียว “ถ้าถามว่ามีใครบ้างอ่านพิมพ์เขียวอาเซียน ถามว่ารู้ไหมว่าอาเซียนจะพัฒนาอะไร เมื่อไหร่ เราอาจจะไม่ได้ตามเอกสารเท่าใดนัก การเคลื่อนไหวของเรา เราก็มีความร่วมมือกันอยู่ เช่นประเด็นการสร้างเขื่อน ปัญหาที่ดิน ก็มีการพูดคุยร่วมกันบ้างอยู่ แต่ถ้าจะตามให้ทัน เราก็ต้องรู้ว่าเขาจะทำอะไรเมื่อไหร่ ตอนนี้เหมือนเราวิ่งตามแก้ปัญหา บางทีเราต้องศึกษาเพื่อไปดักหน้าว่า ถ้ามันจะมีจะทำให้เกิดอะไรก่อน เรียกว่าหยุดยั้งหรือชะลอมันก่อน”</div>
<div>
<br /><span style="color: blue;"><b>GONGO (กองโก้):เอ็นจีโอปลอม (?) ตัวแทนรัฐในเวทีประชาชน ความท้าทายของประชาสังคมในการเดินหน้าไปด้วยกัน</b></span><br /> สภาวะการรวมตัวของภาคประชาสังคมเองก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้ขบวนภาคประชาสังคมอาเซียนยังขยับไปได้ไม่ไกล สิ่งหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมาในเวทีภาคประชาชนคือภาคประชาชนหรือเอ็นจีโอที่จัดตั้ง หรือได้รับการสนับสนุนโดยรัฐ (Government Non Government Organization - GONGO - กองโก้) ที่หลายคนเรียกไปจนถึงขนาดว่าเป็น “เอ็นจีโอปลอม” การปรากฏตัวและปฏิบัติการของกองโก้มีผลกับบทบาทของเวทีภาคประชาชนอาเซียนมาก และยังคงเป็นประเด็นที่ต้องถกเถียงต่อไปว่าใครกันแน่คือกองโก้ และกลไกการตัดสินใจในเวทีภาคประชาชนอาเซียนที่จะใช้รวบรวมความเห็นที่แตกต่างออกมาทิศทางการดำเนินงานจะทำได้อย่างไร<br /><br /> ศันสนีย์ กล่าวว่า<b> <span style="color: red;">GONGO คือเอ็นจีโอที่จัดตั้งโดยรัฐ หรือรัฐควบคุม ในเวที ACSC/APF จะเห็นได้ชัดเจนจากลาวและเวียดนาม จะมีปัญหาหน่อยหนึ่ง เพราะว่าพี่น้องที่ลาวที่ทำงานเรื่องทรัพยากร ที่ดิน แบบสมบัด สมพอน เขาก็ไม่สามารถมานำเสนออะไรได้เพราะกลัวว่ากลับไปแล้วจะมีผลกระทบอะไรกับเขาหรืออาจจะถูกจับตามอง เข้าประเทศไม่ได้ ทำให้ทำงานลำบาก</span></b><br /><br /> “ปัญหาของลาวกับเวียดนามก็มีความซับซ้อนระดับหนึ่ง อย่างเช่นในการประชุมครั้งนี้ที่มี NOC ของเวียดนามที่เขาบอกว่าเป็น GONGO แล้วก็มีเวียดนามที่มาจากต่างประเทศ ก็จะมีข้อขัดแย้งบนเวทีนิดหน่อย อย่างประเด็นการร่างแถลงการณ์ก็มีเนื้อหาที่ทั้งสองฝ่ายเห็นไม่ตรงกัน แต่ก็คุยกับ NOC ของเวียดนามเขาบอกว่าคนเวียดนามกลุ่มมาจากต่างประเทศไม่ใช่คนสัญชาติเวียดนาม พี่ก็เลยถามว่า แล้วคุณยอมรับไหมว่ามีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นจริงในเวียดนาม เขาก็ยอมรับ แต่ก็บอกว่ามันไม่แฟร์ที่จะใส่เอาไว้ในแถลงการณ์”<br /><br /> “ในการขับเคลื่อนของเราก็อยากให้เกิดจากการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน สำหรับไทยเองก็ต้องมองดูว่า <span style="color: red;"><b>มูลนิธิสภาสังคมสงเคราะห์ หรือมูลนิธิใดๆ ที่ลงท้ายด้วยคำว่าในพระบรมราชูปถัมภ์เป็นประชาสังคมหรือเปล่า แล้วเขาเป็น GONGO หรือเปล่า พี่คิดว่าเราอาจจะต้องกลับไปนั่งคุยกัน”</b></span><br /><br /> กฤษกรเล่าประสบการณ์การพบเจอกับประชาสังคมที่ได้รับการสนับสนุนโดยรัฐว่า “ปีนี้การประชุม APF คนที่เข้าร่วมมีมาจาก 10+1 ประเทศ 1 คือติมอร์ เลสเต แต่ภาคประชาชนรับเป็นสมาชิกภาคประชาชนอาเซียนแล้ว แต่ทางการยังไม่มีการรับรอง ในกลุ่มคนที่มาจะมีอยู่สองส่วนภายใต้ความต่างระหว่างการทำงานและความเป็นอิสระของคนที่ทำงาน ภาคประชาชนในความหมายที่นิยามคือคนที่ทำงานพัฒนาที่ไม่ใช่รัฐ แต่เนื่องจากความหลากหลายของประเทศสมาชิกภายใต้ระบบสังคมการเมืองที่ต่างกันทำให้คนทำงานภาคประชาชนไม่ได้แยกขาดจากรัฐ เป็นเอ็นจีโอที่ทำงานกับรัฐ ในความต่างตรงนี้ก็ทำให้ข้อเสนอที่เป็นข้อเท็จจริงที่นำมาถกเถียงกันมันมีข้อขัดแย้งกัน เช่น เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่มีการคุยกลุ่มย่อยเรื่องเหมืองแร่และพลังงาน ครั้งนั้นก็จะมีเอ็นจีโอจากกัมพูชาที่ทำงานกับรัฐ นำเสนอว่าเขื่อนมีประโยชน์และบริหารจัดการได้ ภายหลังก็มีตัวแทนชาวบ้านที่เป็นชนเผ่าพื้นเมืองขึ้นมาตอบโต้ว่าข้อมูลที่คุณพูดมาไม่เป็นความจริง คนท้องถิ่นไม่เห็นเช่นนั้น”<br /><br /> “เอ็นจีโอที่ทำงานกับรัฐเราเลยเรียกว่าเป็นภาคประชาชนของรัฐ ไม่ใช่ภาคประชาชนที่บริสุทธิ์จริงๆ เลยเรียกขาน ตั้งสมญานามว่า GONGO ทีนี้ GONGO ที่เห็นเป็นปรากฏการณ์จะมีอยู่สามประเทศ ได้แก่กัมพูชา ลาวและเวียดนาม อย่างกรณีเวียดนามชัดเจนมาก ตอนร่างแถลงการณ์ในห้องประชุมใหญ่ก็จะมีภาคประชาชนที่ได้รับผลจากการละเมิดสิทธิฯ จนครอบครัวเขาต้องลี้ภัยในต่างประเทศ เขาก็พยายามอธิบาย เรียกร้องสิทธิ ที่เขาถูกรัฐบาลละเมิดว่ารัฐบาลเวียดนามละเมิดสิทธิเขา แต่ในขณะเดียวกัน เอ็นจีโอที่มาจากเวียดนามเองก็มองว่าเขาเป็นคณะกรรมการตัวจริง คนที่พูดไม่ได้ฟังเสียงจากคนที่อยู่ในเวียดนาม ความต่างตรงนี้ทำให้เรามองว่าพวกนี้เป็นเอ็นจีโอที่สนับสนุนรัฐบาล ซึ่งมันไม่ใช่บทบาทของเอ็นจีโอที่ทำกัน หน้าที่เอ็นจีโอคือการสะท้อนความจริงอีกด้านหนึ่งที่รัฐเข้าไปละเมิดสิทธิของชุมชน คนที่ออกไปปกปิดข้อมูลส่วนนี้แล้วมองว่ารัฐบาลทำดีแล้ว สวยงามแล้ว คนเหล่านี้ก็ไม่น่าจะทำในฐานะที่เป็นเอ็นจีโอหรือประชาสังคมอย่างแท้จริง เราไม่ได้มาฟังคำชื่นชมรัฐบาล แต่เรามาพยายามที่จะสะท้อนว่าสิ่งที่รัฐบาลทำมีผลกระทบอะไรกับชาวบ้านบ้าง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือมีความพยายามที่จะปกป้อง (รัฐบาล)”<br /><br /><div style="text-align: center;">
<img src="https://c1.staticflickr.com/5/4516/37679275344_a157436bf1.jpg" /></div>
<br />(ยืน)ประชาสังคมจากเวียดนามจะบันทึกภาพและวิดีโอทุกครั้งที่มีสมาชิกคนใดคนหนึ่งลุกขึ้นแสดงความเห็นในเวทีหารือเพื่อร่างแถลงการณ์ร่วมกัน<br /><br /><div style="text-align: center;">
<img src="https://c1.staticflickr.com/5/4577/26603632319_f08e2cce98.jpg" /></div>
<br /> กลุ่มประชาสังคมเวียดนามที่ออกมาเคลื่อนไหวในเวทีประชาชนอาเซียนเพื่อตามหานักกิจกรรมที่ถูกรัฐจับไป ประชาสังคมเวียดนามที่ทำงานเหล่านี้บางคนก็กลับเข้าเวียดนามไม่ได้แล้ว<br /><br /> “อย่างกรณีของลาว คนที่จะเป็นเอ็นจีโอหรือคนที่จะมาร่วมประชุมคือคนที่ได้รับการคัดเลือกจากรัฐบาล จึงไม่มีโอกาสเลยที่ข้อมูลจะสะท้อนว่ามีการละเมิดสิทธิฯ โดยรัฐ จะถูกนำมาเสนอในที่ประชุม ทุกข้อมูลที่นำเสนอก็จะพยายามบอกว่ารัฐบาล สปป. ลาว ทำนู่นนี่ดีตลอด การทำดีตลอดเป็นสิ่งที่เราควรต้องรับฟัง แต่เบื้องหลังการทำดีมันมีข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งที่ไม่ถูกนำมาเสนอ”<br /><br /> “มันเป็นเรื่องน่าเบื่อ คือจริงๆ แล้วรากหญ้าไม่มีพื้นที่สะท้อนการถูกละเมิดโดยรัฐบาลอยู่แล้ว แต่คนที่เอาข้อมูลมานำเสนอกลับพยายามปกป้องรัฐบาล พยายามเสนอข้อมูลสวยหรู ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอยู่ว่าพื้นที่เลห่านั้นคือพื้นที่ของรัฐบาล ไม่ใช่พื้นที่ของภาคประชาชน คุณไม่พูดรัฐบาลก็พูดอยู่แล้ว น่าเสียดายโอกาสที่พวกเราจะได้รับทราบข้อมูลที่เป็นจริงจากพื้นที่ของภาคประชาชนจากเวียดนาม ลาว กัมพูชา รวมทั้งที่จะคิดค้นหาทางออกร่วมกันในฐานะพลเมืองอาเซียนมันก็ไม่เกิดขึ้น เป็นที่น่าเสียดายโอกาส”<br /><br /> “ขณะนี้ผมยังไม่ได้อยากจะคิดไปว่าอันนี้คือการวางแผนมาเพื่อที่จะคว่ำบาตร แทรกแซงภาคประชาสังคม แต่พฤติกรรมหลายๆ อย่างก็ทำให้เราต้องคิดเหมือนกันว่า หรือสิ่งที่เกิดขึ้นคือการตั้งใจมาเพื่อไม่ให้เกิดข้อสรุปในขบวนของภาคประชาชนหรือเปล่า ตรงนี้น่าเป็นห่วงมากเพราะมันจะสร้างรอยปริในขบวนการภาคประชาชนเอง อย่างไรก็ตาม ความเห็นต่างซึ่งบางครั้งมันหาจุดร่วมยาก แต่ผมว่าตรงนี้เป็นพัฒนาการของการเรียนรู้จากความแตกต่างทางวัฒนธรรมการทำงาน ในช่วง 2-3 ปีที่ได้เข้าร่วมขบวนการก็ได้เห็นบรรยากาศแบบนี้ตลอด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือคณะกรรมการที่รับผิดชอบการจัดงานได้คิดค้นเครื่องมือในการหาจุดร่วมถึงข้อขัดแย้งของประเทศนั้นๆ แต่ทำให้มติเอกฉันท์ ฉันทานุมัติไม่เกิด มันมีความพยายามหาจุดจบของเรื่องนี้ซึ่งผมคิดว่าเป็นไปได้อยู่ เพราะอย่างไรก็ตามแต่ ไม่น่าจะมีใครกล้าถอนตัวจากการเป็นสมาชิกภาคประชาชนอาเซียน การที่เขาไม่กล้าถอนตัวน่าจะเป็นจุดแข็งที่ทำให้ฝ่ายที่เป็น GONGO เองต้องเปลี่ยยนท่าที เพราะถ้าคุณหลุดขบวนไป การที่จะกอบกู้กลับเข้ามาอย่างมีศักดิ์ศรีเป็นเรื่องยาก ผมคิดว่ายังมีโอกาสอยู่ว่าความเป็นเอกภาพอย่างพร้อมเพรียงกันจะเกิดขึ้นในอนาคต อาจจะปีสองปี ซึ่งก็ถือเป็นพัฒนาการของการรวมตัวภาคประชาชนที่คิดว่าไม่นานเกินไป”<br /><br /> กฤษกรตั้งข้อสังเกตต่อเงื่อนไขและบริบทของไทยในฐานะเจ้าภาพเวทีภาคประชาชนอาเซียนในปี 2562 ว่าตอนนี้ไทยยังไม่ถึงขนาดที่จะทำให้เกิดความเห็นที่ขัดแย้งกันจนกลายเป็นปฏิปักษ์กัน <b><span style="color: blue;">“แต่อาจเป็นรูปแบบขบวนที่เห็นต่างกันเวที ACSC/APF มีจุดยืนที่มีท่วงทำนองในการถนอมและประสานงานกับฝ่ายรัฐ เป็นหลัก ซึ่งในไทยเองก็มีกลุ่มที่มีสไตล์การทำงานที่ค่อนข้างจะเป็นลักษณะของการเคลื่อนไหวมวลชน สองรูปแบบก็มีเป้าหมายเดียวกันคือปกป้องคุ้มครองสิทธิของประชาชนคนเล็กคนน้อย ความต่างของรูปแบบและวิธีการไม่น่าจะมีเหตุผลหรือปัจจัยเพียงพอที่จะทำให้เกิดการปะทะกันเอง แต่อาจจะมีความต่างของการแสดงออกในทางสัญลักษณ์ในการประชุมที่จะเกิดขึ้น ยังไม่กังวลถึงขนาดทีี่จะมี GONGO ที่สนับสนุนรัฐบาลได้”</span></b><br /><br /><b><span style="color: blue;">“เรามีเวลาสองปีในการเตรียมตัว สิ่งที่คณะกรรมการต้องคิดหนักคือไม่ควรที่จะใจดีเกินไปว่าไทยไม่มีปัญหาอะไร ควรที่จะสร้างความเข้าใจที่จะดึงทุกภาคส่วนมาเป็นเจ้าภาพร่วมกัน ผมคิดว่าทุกฝ่ายจะได้ประโยชน์ร่วมกัน”</span></b></div>
</div>
Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-12059066547929146082017-11-17T18:27:00.003-08:002017-11-17T18:27:26.203-08:00พวงทอง ภวัครพันธุ์: ‘มวลชนจัดตั้ง’ ของทหารในยุคต้านประชาธิปไตย เมื่อพวกเขาอยู่รอบตัวเรา<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://c2.staticflickr.com/4/3791/14265308214_2c9697ef79_z.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="266" src="https://c2.staticflickr.com/4/3791/14265308214_2c9697ef79_z.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br />ทวีศักดิ์ เกิดโภคา: เรียบเรียง<br /><br /> พวงทองเปิดประเด็นจากบทเริ่มต้นงานวิจัยเรื่องกิจการพลเรือนของทหาร ชี้หลังสงครามเย็น กอ.รมน. ยังมีส่วนในการจัดตั้งมวลชนอย่างต่อเนื่อง และไม่ได้จัดตั้งเฉพาะมวลชนในต่างจังหวัด แต่มีกลุ่มเป้าหมายหลากหลาย นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ ไปจนถึงผู้ขับขี่รถบิ๊กไบค์-รถออฟโรด เพื่อปลูกฝังอุดมการณ์ราชาชาตินิยม<br /><br /><br /> สองวันก่อนหน้าการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 กองทัพภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประกาศใช้กฎหมายพิเศษที่ชื่อว่า “กฎอัยการศึก” เพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์ ในช่วงสองวันดังกล่าวไม่ได้มีเพียงการเรียกตัวนักการเมืองจากพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งแกนนำเสื้อแดง และแกนนำ กปปส. เข้าพูดคุยเจรจา โดยมีท่าทีเสมือนว่าเป็นการหาทางออกให้กับประเทศในภาวะวิกฤติที่ถูกดันจนมาถึงทางตันเพียงเท่านั้น หากแต่กลไกการทำงานของทหารยังกว้างขวางออกไปในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือด้วย<br /><br /> ขณะที่มีการปิดห้องประชุมพูดคุยที่สโมสรกองทัพบกที่กรุงเทพฯ ช่วงเวลาเดียวกันเจ้าหน้าที่ทหารหลายจังหวัดได้เข้าไปในพื้นที่หมู่บ้านซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นหมู่บ้านสีแดง เพื่อที่จะควบคุมการเคลื่อนไหวต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ พร้อมกับเชิญตัวแกนนำเสื้อแดงหลายคนเข้าไปในค่ายทหารเพื่อ ‘ปรับทัศนคติ’ ก่อนหน้าที่จะมีการรัฐประหาร บางคนโชคดีได้นอนค้างคืนในค่ายทหาร แต่บางคนโชคร้ายไม่ได้รับสิทธิพิเศษดังกล่าว เพียงถูกเรียกไปพูดคุยและได้รับการปล่อยตัวให้กลับบ้าน พร้อมกับการติดตามสอดส่องอย่างใกล้ชิด<br /><br /> ต่อปรากฏการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน ‘พวงทอง ภวัครพันธุ์’ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ตั้งคำถามสำคัญไว้ในงานเสวนาที่ใช้ชื่อหัวข้อว่า “กิจการพลเรือนของทหาร: จากยุคต้านคอมมิวนิสต์ สู่ยุคต้านประชาธิปไตย” คำถามที่ว่าคือ เจ้าหน้าที่ทหารรู้ได้อย่างไรว่าต้องไปยุติความเคลื่อนไหวของชาวบ้านที่ไหนบ้าง และรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นแกนนำคนเสื้อแดงในระดับพื้นที่ และเป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าหน้าที่ทหารได้ทำงานด้านนี้มาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน และหากเป็นเช่นนั้นคำถามที่ตามมาคือ เมื่อไหร่กันที่พวกเขาเริ่มต้นการทำงานในลักษณะนี้ และนี่คือภาพสะท้อนหรือไม่ว่า ทหารได้ทำกิจการพลเรือนอยู่ตลอดเวลาแม้ว่าสงครามเย็นได้สิ้นสุดลงไปแล้ว<br /><br /> งานดังกล่าวจัดในช่วงเย็นของวันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ท่ามกลางผู้ฟังทั้ง นักวิชาการ นักศึกษา ประชาชน สื่อมวลชน นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่เข้ามารับฟัง พร้อมบันทึกภาพวิทยากร และผู้ร่วมฟังเสวนาตลอดงาน สำหรับงานนี้เป็นการนำเสนองานวิจัยชิ้นบทเริ่มต้นงานวิจัยของพวงทอง ซึ่งเป็นงานที่สืบเนื่องมาจากการประชุมวิชาการนานาชาติไทยศึกษา ICTS 2017 จัดขึ้นเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ที่จังหวัดเชียงใหม่<br /><br /> <br /><a href="https://prachatai.org/journal/2017/11/74148">สุรชาติ บำรุงสุข: บทบาทที่ไม่หายไปของ กอ.รมน. และการเกิดขึ้นของอุดมการณ์ต่อต้านการเมือง</a><br /><br /> <br /> ความเป็นมาของกิจการพลเรือนมาจากอะไร บริบทความขัดแย้งทางการเมืองแบบไหนที่ทำให้กองทัพเข้าไปมีบทบาทในกิจการพลเรือน อะไรคือความชอบธรรมทางการเมือง และความชอบธรรมทางกฎหมายที่ถูกเอามาใช้เพื่อขยายอำนาจหน้าที่ของกองทัพ ตั้งแต่ยุคสงครามเย็นมาจนถึงปัจจุบัน และผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่พวงทอง กำลังจะพาเราไปค้นหาคำตอบ<br /><div style="text-align: center;">
<span style="font-weight: 700;"><br /></span></div>
<b><div style="text-align: center;">
<b>00000</b></div>
</b><b><div style="text-align: center;">
<b>จุดเริ่มต้นการขยายบทบาทในกิจการพลเรือนของทหาร</b></div>
</b><br /> พวงทองชี้ให้เห็นว่า กิจการพลเรือนของกองทัพนั้นเกิดขึ้นและเด่นชัดที่สุดในยุคสงครามเย็น หรือสงครามการต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์ของรัฐไทย โดยในช่วงเวลานั้นได้มีการจัดตั้งกองอำนวยการรักษาความั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ขึ้น ซึ่งที่สุดแล้วความหมายของคำว่ากิจการพลเรือนของทัพนั้น หากจะจำกัดความก็พอจะให้ขอบเขตกับมันได้ว่าเป็น กิจการของทหารที่ไม่ใช่การต่อสู้โดยให้กำลังอาวุธแต่เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของการแทรกซึมเข้าไปในชุมชน หมู่บ้าน ผ่านการจัดตั้งมวลชนให้กลายมาเป็นกลไกที่ทำงานให้กับรัฐ เช่น หมู่บ้านป้องกันตนเองชายแดน, ไทยอาสาป้องกันชาติ, กองหนุนเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ อาสาสมัครรักษาดินแดน รวมทั้งกลุ่มนวพล กระทิงแดง และกลุ่มอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรงในเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม 2519 ซึ่งมีข้อครหาว่า กอ.รมน. เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการจัดตั้ง<br /><br /><br /> คำถามที่น่าสนใจซึ่งพวงทองชี้ชวนให้คิดต่อไปคือ หลังจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 และการสิ้นสุดลงของสงครามคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย แม้จะมองเห็นว่าบทบาทของ กอ.รมน. และมวลชนจัดตั้งกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะนวพล กับกระทิงแดง ค่อยๆ หายไป แต่นั่นอาจไม่ได้หมายความการทำงานภายใต้โครงสร้างเดิมจะยุติไปด้วย พร้อมกับตั้งคำถามต่อไปว่าด้วยว่า หากไม่มีการรัฐประหารเกิดขึ้น จะเท่ากับว่ากองทัพไม่ได้มีการทำงานในลักษณะที่เป็นการแทรกแซงการเมืองหรือไม่<br /><b><span style="color: blue;"><br />“ถ้าเรามองกองทัพเพียงในแง่ของการกุมกองกำลังอย่างเดียวเท่านั้นก็จะทำให้มองข้ามบทบาทของกองทัพในมิติอื่นๆ ในด้านการเมือง และด้านอุดมการณ์” </span></b>พวงทอง กล่าว<br /><br /> พวงทอง อธิบายต่อไปว่า กอ.รมน. เป็นหน่วยงานที่กระตือรือร้นที่สุดสำหรับการทำกิจการพลเรือนของทหาร แม้การเกิดขึ้นมาของ กอ.รมน. ในช่วงแรกจะมีภารกิจหลักเพียงอย่างเดียวคือการใช้กำลังเข้าปราบปรามคอมมิวนิสต์ ทว่าสถานการณ์ทางการเมืองในเวลานั้นไม่ได้ทำให้สงครามสิ้นสุดลงได้ในเวลาอันสั้น จนถึงที่สุดรัฐไทยเริ่มตระหนักได้ว่าปัญหาที่ถูกเรียกว่า “ภัยคอมมิวนิสต์” ไม่ได้เกิดขึ้นจากปัจจัยในยุคสงครามเย็นที่ส่งอิทธิพลเข้ามาในประเทศแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เกิดจากความคับแค้นของผู้คนในประเทศเอง ซึ่งถูกกดขี่ให้อยู่ภายใต้ความเหลื่อมล้ำ และช่องว่างทางเศรษฐกิจ ประกอบการเผชิญหน้ากับความอยุติธรรมเป็นเวลานานต่างหากที่เป็นสาเหตุที่ทำให้คอมมิวนิสต์แผ่ขยายอย่างน่ากังวลสำหรับรัฐไทย<br /><br /><span style="color: blue;"><b> “ฉะนั้นการจะแก้ปัญหาคอมมิวนิสต์ได้ก็จะต้องมุ่งให้เกิดการพัฒนาขึ้นในประเทศ รวมทั้งปลูกฝังความรักชาติ ควบคู่ไปกับการใช้กำลังทหาร กลายเป็นการเพิ่มบทบาทให้กับทหารในด้านการพัฒนา และในเรื่องทางอุดมการณ์ เพื่อที่จะแก้ปัญหาที่เป็นสาเหตุของคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย ในเวลานั้น” </b></span>พวงทอง กล่าว<br /><br /> ในช่วงที่ยังมีสงครามคอมมิวนิสต์ ทหารมีบทบาทในการสร้างถนนหนทาง ขุดลอกคูคลอง สร้างฝายในท้องถิ่นให้กับชาวบ้าน นอกจากนี้ทหารเองก็มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนโครงการในพระราชดำริ ด้านหนึ่งเพราะกองทัพมีกองกำลังอยู่ในพื้นที่ชนบท ซึ่งเป็นพื้นที่ถูกแทรกซึมโดยพรรคคอมมิวนิสต์ พร้อมกันกับการเข้าไปเพื่อการพัฒนา กอ.รมน. เองก็ยังมีส่วนในการเข้าไปอบรมจัดตั้งมวลชน เป้าหมายนั้นเป็นไปเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างประชาชนในท้องถิ่นให้มีความจงรักภักดีกับรัฐ พยายามที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายการจับตามองของรัฐในพื้นที่ เปลี่ยนประชาชนให้เป็นดวงตาให้กับรัฐ<br /><br /> <b><span style="color: blue;"> “เมื่อเข้าไปดูเนื้อหาการอบรมพบว่ามีการตอกย้ำประชาชนเป็นหูเป็นตา สอดส่องดูแลพื้นที่ และรายงานเรื่องราวผิดปกติให้กับรัฐ และบทบาทที่สำคัญอีกอันหนึ่งคือ การส่งเสริม สนับสนุนอุดมการณ์ของรัฐ ซึ่งคือ อุดมการณ์ราชาชาตินิยม”</span></b> พวงทอง กล่าว<br /> <br /> ความชอบธรรมทางรัฐธรรมนูญ และความชอบธรรมตามกฎหมายอื่นๆ ที่เอื้อต่อการขยายกิจการพลเรือนของทหาร<br /><br /> พวงทองอธิบายต่อไปถึงความชอบธรรมทางรัฐธรรมนูญที่มารองรับหน้าที่กว้างขวางออกไปของทหารโดยชี้ให้เห็นว่า ในรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2475 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2495 ระบุหน้าที่ของทหารไว้เพียงแต่ว่า รัฐต้องมีกำลังทหารไว้เพื่อรักษาเอกราช และประโยชน์แห่งชาติ แต่ภายหลังจากการรัฐประหารในปี 2516 ในรัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2517 ได้มีการขยายบทบาทของกำลังเพิ่มขึ้นอีก โดยระบุให้ กำลังทหารพึงใช้เพื่อการรบ หรือการสงคราม เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อการปราบปรามกบฏ การจราจล เพื่อรักษาความมั่นของรัฐ เพื่อการพัฒนาประเทศชาติ และหลังจากนั้นรัฐธรรมนูญทุกฉบับก็ไม่ได้มีการแก้ไขบทบาทของทหารอีกเลย<br /><br />ขณะที่ความชอบธรรมตามกฎหมายอื่นๆ นั้น พวงทองชี้ให้เห็นว่าเริ่มมีการขยายบทบาทในด้านกิจการพลเรือนของทหารจาก คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีฉบับที่ 66/2523 และ 65/2526 ซึ่งแผนทางการเมืองเพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์อย่างเด็ดขาด มีการชูธงว่าจะมีใช้การเมืองนำการทหาร มุ่งปลูกฝังความรักชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์ กำจัดความเหลื่อมล้ำ สร้างการมีส่วนร่วมทางการเมือง ขณะเดียวกันก็มีการใช้ปฏิบัติการด้านจิตวิทยาข่าวสารด้วย<br /><br /> <b><span style="color: blue;"> “นโยบายทั้งสองเป็นเรื่องสำคัญของรัฐบาลพลเอกเปรม ซึ่งประกาศเป็นนโยบายแห่งชาติที่หน่วยงานรัฐทั้งหลายต้องนำไปปฏิบัติ โดยมี กอ.รมน. เป็นองค์กรประสานงาน ผลักดัน เสนอแนะแนวทางในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง นี่จึงเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้ กอ.รมน. มีอำนาจหน้าที่ หรือสามารถที่จะเข้าไปทำงานในด้านอื่นๆ ได้” </span></b>พวงทอง กล่าว<br /><br />ต่อมาพวงทองได้ ระบุถึง พ.ร.บ.ความมั่นคง พ.ศ. 2551 ซึ่งถูกผลักดันโดยรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ หลังจากรัฐประหารปี 2549 แม้ว่าจะมีชื่อเรียกว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงกว้างๆ แต่เนื้อหาที่ถึงเขียนนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ กอ.รมน. ทั้งหมด และเป็นกฎหมายที่ให้อำนาจกับ กอ.รมน. อย่างมหาศาล จนถูกมองว่าเป็นกฎหมายที่ยืนยันการมีอยู่ของสภาวะรัฐซ้อนรัฐได้อย่างชัดเจน โดย พ.ร.บ.ดังกล่าวถูกประกาศไม่กี่วันก่อนจะมีการเลือกตั้งใหม่ <br /><br /> ทั้งนี้ ในสมัยรัฐบาลทักษิณ แม้จะไม่ได้มีการปฏิรูปกองทัพอย่างเป็นรูปธรรม แต่สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลในเวลานั้นทำคือการ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบังคับบัญชาภายใน กอ.รมน. โดยกำหนดให้ กอ.รมน. จังหวัดหันมาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้อำนวยการ กอ.รมน. โดยตำแหน่ง แต่หลังจากมี พ.ร.บ.ความมั่นคง ก็ได้กำหนดให้ กอ.รมน. จังหวัดกลับไปขึ้นตรงต่อ กอ.รมน. ภาคเช่นเดิม ซึ่งหมายความว่า ทหารมีอำนาจในการสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดได้<br /><br /><b><span style="color: purple;">กอ.รมน. และกิจการพลเรือนในยุคสมัยปัจุจบัน</span></b><br /><br /> ที่ผ่านมานโยบาย 66/2523 และ 65/2526 ถูกขนานนามว่าเป็น การปักธงชัยยืนยันชัยชนะเหนือพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งในเวลานั้นเป็นศัตรูที่สำคัญของรัฐไทยภายใต้การปกครองของทหาร ล่าสุดช่วงต้นปี 2560 พลเอกประยุทธ์ ผู้นำคณะรัฐประหาร และนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงนโยบายดังกล่าวอีกครั้ง ในช่วงเวลาที่อยู่ระหว่างการเตรียมกระบวนการสร้างความสามัคคีปรองดอง ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติได้ผ่านความเห็นชอบจากประชาชน จึงเป็นเรื่องที่น่าคิดต่อไปว่าการหวนกลับมาพูดถึงนโยบายดังกล่าวอีกครั้งนั้นสื่อความหมายถึงอะไร<br /><br />ขณะที่กระบวนการพูดคุยเพื่อเตรียมสร้างความปรองดองเดินหน้าไปจนสิ้นสุด จนได้ผลลัพท์ออกมาเป็นสัญญาประชาคม 10 ข้อที่รัฐบาลได้มอบหมายให้เป็นหน้าที่ของ กอ.รมน. ในการนำเสนอสัญญาข้อตกลงเหล่านั้นกับประชาชน เมื่อย้อนกลับมามองกลไกพูดคุยเพื่อเตรียมสร้างความปรองดองอีกครั้ง พวงทองชี้ให้เห็นว่า กอ.รมน. ได้เป็นกลไกหลักในการดำเนินการดังกล่าว เช่นมีหน้าที่ในการผลักดันให้เกิดกระบวนการเรียก หรือเชิญตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ ตัวแทนกลุ่มการเมือง มาให้ข้อเสนอแนะ รวมถึงการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นในต่างจังหวัด นอกจากนี้ยังมีการมอบหมายหน้าที่ให้ กอ.รมน. รับผิดชอบในการประสานงานผลักดันการร่างแผนปฏิรูปประเทศด้วย<br /><br /> นับได้ว่า กอ.รมน. เข้ามามีบทบาทอย่างมีนัยสำคัญในทางการเมืองอย่างเห็นได้ชัด พวงทองยังชี้ให้เห็นต่อไปว่า ในช่วงเวลาก่อนหน้าการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อปี 2559 มีการรายงานข่าวว่าจะมีการระดมคนกว่า 5 แสนคน ภายใต้การจัดตั้งของ กอ.รมน. ให้ออกมาช่วยรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญและการลงประชามติ<br /> <br /><br /><div style="text-align: center;">
<img height="640" src="https://c1.staticflickr.com/5/4570/37761964234_cd2fdc12b2_c.jpg" width="464" /></div>
<br /><div style="text-align: center;">
<img height="361" src="https://c1.staticflickr.com/5/4584/37590078495_31729691ee_z.jpg" width="400" /></div>
<br /><br /> <br /><br /> นอกจากนี้ พวงทองพบว่าในช่วงเวลานับตั้งแต่หลังรัฐประหารปี 2549 เป็นต้นมา มีความพยายามรื้อฟื้นโครงการจัดตั้งมวลชนขึ้นมาใหม่อีกครั้ง พร้อมกับขยายขอบเขตของมวลชนจัดตั้งที่เดิมเป็นประชาชนในต่างจังหวัด ไปสู่มวลชนที่อยู่ในเมือง และมีความหลากหลายมากขึ้น เช่น กลุ่มผู้นำทางศาสนา กลุ่มนักธุรกิจ กลุ่มนักเรียน นักศึกษา หรือแม้กระทั่งกลุ่มผู้ขับขี่จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ และรถออฟโรด ขณะที่ตัวอย่างซึ่งเห็นได้ชัดคือ การออกมายอมรับว่า เบส อรพิมพ์ เป็นนักพูดของ กอ.รมน. ซึ่งรับงานเดินสายพูดให้กับข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไปทั่วประเทศฟัง<br /> <br /><br /><br /><span style="color: blue;"><b>เบส อรพิมพ์ รักษาผล พูดสร้างแรงบันดาลในหัวข้อ “เกิดอีกกี่สิบชาติ ก็ไม่เจอมหาราชที่ชื่อภูมิพล”</b></span><br /><br /> ทั้งหมดนี้คือ ข้อมูลบางส่วน และกรอบการมองปรากฏการณ์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของงานวิจัยชิ้นใหม่ของพวงทอง แม้จะยังไม่มีข้อสรุปว่า กระบวนการดังกล่าวที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่อะไร แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยที่กระบวนการจัดตั้งมวลชนของ กอ.รมน. ยังคงทำงาน หรือถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในยุคสมัยปัจจุบัน ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย ขณะเดียวกันหลังจากการนำเสนอจบลง ได้มีผู้ร่วมเสวนาตั้งคำถามถึงกระบวนการจัดตั้งของ กอ.รมน. ว่าสุดท้ายแล้วผลลัพธ์จะนำไปสู่อะไร พวงทองได้ให้ความเห็นว่า ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 จะไม่กลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือกระบวนการดังกล่าวคือ การสถาปนาและตอกย้ำค่านิยมหลักของสังคมไทย และอุดมการณ์ของรัฐ<span style="color: blue;"><b> ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง อะไรคือสิ่งที่พูดได้ อะไรคือสิ่งที่ห้ามพูด</b></span></div>
Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-91673581480357206572017-11-17T18:21:00.005-08:002017-11-17T18:21:50.344-08:00ไผ่ ดาวดิน เผยถูกผู้คุมเรือนจำตบหัว 3 ครั้ง และถูกชักอวัยวะเพศขึ้นลงเพื่อตรวจหายาเสพติด<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://c1.staticflickr.com/9/8850/29172658435_117b4662e8.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://c1.staticflickr.com/9/8850/29172658435_117b4662e8.jpg" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br /><br />Published on Fri, 2017-11-17 16:40<br /><br /><br />ศูนย์ทนายฯ เผยศาลจังหวัดภูเขียวนัดสืบพยาน คดีไผ่ ดาวดินและเพื่อนแจกเอกสารประชามติ เริ่มต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ทั้งนี้ไผ่เปิดเผยระหว่างมาขึ้นศาลว่า หลังจากถูกย้ายตัวมาที่เรือนจำภูเขียวได้ถูกผู้คุมตบหัวอย่างรุนแรง 3 ครั้ง และถูกสั่งให้ถอดเสื้อผ้าเพื่อตรวจหายาเสพติด ถูกแหวกทวาร และชักอวัยวะเพศขึ้นลง 5 ครั้ง<br /><br /><br /><br />เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2560 <a href="http://www.tlhr2014.com/th/?p=5680">ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน</a> รายงานว่า ศาลจังหวัดภูเขียวนัดพร้อมเพื่อหยิบยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่และนัดตรวจพยานหลักฐานคดีประชามติ ซึ่งพนักงานอัยการจังหวัดภูเขียวเป็นโจทก์ฟ้อง นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” ขณะเกิดเหตุเป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และนายวศิน พรหมณี นักศึกษาคณะวิศวกรรมธรณี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ในข้อหาร่วมกันก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และฝ่าฝืนไม่ยอมพิมพ์ลายนิ้วมือตามคำสั่งของพนักงานสอบสวน อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2559 มาตรา 61(1) วรรค 2, วรรค 3 และประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 25 พ.ศ.2549 จากกรณีที่ทั้งสองคนทำกิจกรรมแจกเอกสารรณรงค์เกี่ยวกับการประชามติและร่างรัฐธรรมนูญให้ประชาชนที่ตลาดสดภูเขียว เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 59 ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงก่อนวันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ<br /><br />จำเลยทั้งสองและทนายจำเลยมาศาล โดยจตุภัทร์ จำเลยที่ 1 ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำอำเภอภูเขียว หลังจากที่ถูกส่งตัวจากทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่นมาขังที่เรือนจำภูเขียว ตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค. 60 เพื่อมาพิจารณาคดีนี้ที่ศาลจังหวัดภูเขียว ส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งได้รับการประกันตัว มาศาลตามนัด<br /><br />ทนายจำเลยทั้งสองแถลงว่า จะนำพยานหลักฐานเข้าสืบหักล้างว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้อง แต่เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามกฎหมาย<br /><br />โจทก์อ้างส่งพยานเอกสารจำนวน 6 ฉบับ และมีพยานบุคคลที่จะนำเข้าสืบรวม 7 ปาก ได้แก่ พ.ต.ท. อร่าม ประจิตร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรภูเขียว ผู้กล่าวหา, เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม 3 ปาก, ผอ.กกต.จ.ชัยภูมิ และพนักงานสอบสวน 2 ปาก ส่วนจำเลยอ้างส่งพยานเอกสารจำนวน 9 ฉบับ และมีพยานบุคคลที่จะนำเข้าสืบรวม 6 ปาก ได้แก่ จำเลยทั้งสอง รวมทั้งพยานผู้เชี่ยวชาญด้านการสังเกตการณ์การเลือกตั้ง ด้านสิทธิมนุษยชน ด้านนิติศาสตร์ และด้านรัฐศาสตร์ ทั้งนี้ ศาลให้คู่ความกำหนดวันนัดสืบพยานต่อเนื่องเป็นคดีสามัญพิเศษ โดยนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 13-16, 20 ก.พ. 61 และสืบพยานจำเลยในวันที่ 21, 27-28 ก.พ. 61<br /><br />ก่อนหน้านี้ในวันที่ 16 มี.ค.60 ซึ่งศาลจังหวัดภูเขียวนัดตรวจพยานหลักฐาน จำเลยที่ 1 ไม่มาศาล เนื่องจากถูกขังอยู่ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น ในคดีหมายเลขดำที่ 301/2560 ของศาลจังหวัดขอนแก่น โดยศาลจังหวัดขอนแก่นปฏิเสธที่จะส่งตัวจตุภัทร์มาพิจารณาคดีที่ศาลจังหวัดภูเขียว จนกว่าศาลจังหวัดขอนแก่นจะพิจารณาคดีแล้วเสร็จ โจทก์และฝ่ายจำเลยจึงแถลงร่วมกัน ขอให้ศาลจำหน่ายคดีชั่วคราว ศาลจังหวัดภูเขียวจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีนี้ชั่วคราว หากศาลจังหวัดขอนแก่นพิจารณาคดีแล้วเสร็จให้คู่ความแถลงต่อศาลเพื่อให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ (อ่านเพิ่มเติม<a href="http://www.tlhr2014.com/th/?p=3751">ที่นี่</a>)<br /><br />บรรยากาศการพิจารณาคดีในนัดนี้ ไผ่ถูกนำตัวมาที่ห้องพิจารณาคดีโดยมีกุญแจเท้าล่ามข้อเท้าทั้งสองไว้ด้วยกัน แตกต่างไปจากเมื่อถูกขังอยู่ที่ทัณฑสถานฯ ขอนแก่น เป็นที่สนใจของประชาชนราว 20 คน ที่เข้าร่วมรับฟังการพิจารณาคดี ไผ่ได้เล่าเหตุการณ์ในวันที่เขาย้ายมาเรือนจำอำเภอภูเขียววันแรกว่า เขาถูกผู้คุมคนหนึ่งตบหัวแรงๆ 3 ครั้ง และถามว่าเมื่อไหร่ญาติจะมาเอาของ ซึ่งหมายถึงของใช้ รวมถึงจดหมายและการ์ดที่ไผ่เอามาจากทัณฑสถานฯ ขอนแก่น ผู้คุมคนเดิมกล่าวอีกว่า ถ้าญาติไผ่ไม่มา เขาจะเอาของทิ้ง<br /><br />ไผ่เล่าอีกว่า ในการตรวจรับเข้าเรือนจำภูเขียว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นยาเสพติด โดยให้เขาถอดเสื้อผ้า แหวกทวาร ชักอวัยวะเพศขึ้นลง 5 ครั้ง และลุกนั่ง รวมทั้งเมื่อถูกเบิกตัวมาศาลเช่นในวันนี้ ก่อนออกจากเรือนจำเจ้าหน้าที่ก็ให้เขาถอดเสื้อผ้าเพื่อตรวจหายาเสพติด<br /><br />ไผ่ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ต้องตรวจค้นร่างกายอย่างละเอียดเหมือนเขาเป็นนักโทษคดียาเสพติด และเขาก็ถูกย้ายมาจากอีกเรือนจำหนึ่ง ไม่ใช่ผู้ต้องขังที่เข้าเรือนจำใหม่ รวมทั้งในเวลาที่ถูกเบิกตัวมาศาลทำไมต้องตรวจหายาเสพติดอีก ในเมื่อเขาก็ถูกขังอยู่ในเรือนจำตลอดเวลา<br /><br />หลังพิจารณาคดีเสร็จ ศาลได้สั่งห้ามทุกคนไม่ให้ออกจากห้องพิจารณาคดี จนกว่าจตุภัทร์และตำรวจศาลจะเดินถึงห้องขังใต้ถุนศาล นอกจากนั้น เพื่อนและคนที่มาให้กำลังใจไม่สามารถเข้าเยี่ยมไผ่ที่ห้องขังใต้ถุนศาลได้ ทั้งนี้ ตำรวจศาลชี้แจงว่า ต้องยื่นเอกสารต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขออนุญาตเข้าเยี่ยมก่อน จึงจะสามารถเข้าเยี่ยมได้</div>
Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-12557588786919605542017-11-17T18:19:00.002-08:002017-11-17T18:19:28.921-08:00ป.ป.ช.ประเมินคุณธรรม 422 หน่วยงานรัฐ พบ 5 องค์กรอิสระ ป.ป.ช.คะแนนสูงสุด<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://c1.staticflickr.com/5/4586/26700016719_b53602728c_b.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="640" src="https://c1.staticflickr.com/5/4586/26700016719_b53602728c_b.jpg" width="432" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br /><br />Published on Fri, 2017-11-17 13:14<br /><br /><br />สำนักงาน ป.ป.ช. เผยผลประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส 422 หน่วยงานภาครัฐ พบส่วนองค์กรอิสระ สำนักงาน ป.ป.ช.ได้คะแนนสูงสุด ขณะที่ ต่ำสุดคือ สำนักงานผู้ตรวจกำรแผ่นดิน ส่วนกองทัพบก ได้ 77.94 คะแนน <br /><br />อ่านประกาศผลทั้งหมดได้ที่ <a href="https://www.nacc.go.th//images/article/freetemp/article_20171117092622.pdf">https://www.nacc.go.th//images/article/freetemp/article_20171117092622.pdf</a><br /><br />17 พ.ย. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (16 พ.ย.60) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(สำนักงาน ป.ป.ช.) ประกาศผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity & Transparency Assessment: ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2560 ซึ่งจัดทำโดย ป.ป.ช. และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา เพื่อประเมินผลด้านคุณธรรมและความโปร่งใสในหน่วยงานภาครัฐที่เข้ารับการประเมิน และเพื่อให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงและพัฒนาคุณธรรมและความโปร่งใสในหน่วยงานภาครัฐ ประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐจำนวน 422 หน่วยงาน <br /><br />สำหรับการประเมินนี้ แบ่งออกเป็น 5 ดัชนี 1.ดัชนีความโปร่งใส 2.ดัชนีความพร้อมรับผิด 3.ดัชนีความปลอดจากการทุจริตในการปฏิบัติงาน 4.ดัชนีวัฒนธรรมคุณธรรมในองค์กร และ 5.ดัชนีคุณธรรมการทำงานในหน่วยงาน โดยคะแนนประเมินระหว่าง 80 – 100 ถือว่า อยู่ในเกณฑ์คุณธรรมและความโปร่งใสในระดับที่สูงมาก 60 – 79.99 อยู่ในระดับสูง 40 – 59.99 อยู่ในระดับปานกลาง 20 – 39.99 อยู่ในระดับต่ำ 0 – 19.99 อยู่ในระดับต่ำมาก ซึ่งไม่พบว่า มีหน่วยงานใดได้คะแนนในเกณฑ์ต่ำและต่ำมาก<br /><br />ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน่วยงาน ศาล (เฉพาะหน่วยงานธุรการ) 3 หน่วยงาน นั้น สำนักงานศายุติธรรมได้คะแนนสูงสุดที่ 92.37 คะแนน ขณะที่องค์กรอิสระ 5 หน่วยงาน สำนักงาน ป.ป.ช. ได้คะแนนสูงสุด ที่ 90.44 คะแนน ต่ำสุดคือ สำนักงานผู้ตรวจกำรแผ่นดิน 71.20 คะแนน ส่วนอัยการพบว่า สำนักงานอัยการสูงสุดได้ 78.98 คะแนน หน่วยงานในสังกัดรัฐสภา 2 หน่วยงานคือ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้คะแนนใกล้เคียงที่ 82.70 และ 82.94 ตามลำดับ ขณะที่รัฐวิสาหกิจ คะแนนสูงสุดตกเป็น ธนาคาราคารสงเคราะห์ 97.97 คะแนน <br />กองทัพบก ได้ 77.94 คะแนน กองทัพเรือได้ 88.91 คะแนน กองทัพอากาศได้ 83.99 คะแนน ขณะที่กองบัญชาการกองทัพไทยได้ 86.12 คะแนน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ 73.87 คะแนน<br /> <br />ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อปีที่แล้ว 29 ก.ย. 2559 สำนักงาน ป.ป.ช. ได้เผยแพร่ผลจากโครงการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity & Transparency Assessment : ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ดำเนินการประเมินหน่วยงานภาครัฐที่อยู่ในความรับผิดชอบทั้งสิ้น 115 หน่วยงาน ประกอบไปด้วย สำนักงานศาล (เฉพาะหน่วยงานธุรการ) องค์กรตามรัฐธรรมนูญ หน่วยงานสังกัดรัฐสภา หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และองค์การมหาชน นั้น ซึ่งปรากฏว่า สำนักงาน ป.ป.ช. อยู่ในอันดับที่ 100 ได้เพียง 73.52 คะแนนเท่านั้น โดยขณะนั้น สรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ชี้แจงว่า สำหรับ สำนักงาน ป.ป.ช. สังคมอาจจะมองเรื่องความโปร่งใสเกี่ยวกับการขอข้อมูลหรือเปิดเผยข้อมูลทางคดีอันนี้จึงอาจเป็นจุดที่ทำให้ได้คะแนนประเมินในปีนี้ไม่สูง แต่เรื่องนี้ ป.ป.ช. มีความจำเป็นเนื่องจากข้อมูลทางคดีมีผลต่อการพิจารณา มีผลกระทบต่อบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องในคดี ทำให้บางครั้งไม่อาจให้ข้อมูลหรือเปิดเผยได้ซึ่งก็คงต้องมีการปรับปรุงให้ดีขึ้นต่อไป</div>
Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-15427480316996029892017-11-17T18:17:00.007-08:002017-11-17T18:17:50.346-08:00สกสส.ร้อง ป.ป.ช.สอบ 3 อัยการสูงสุด ปมไม่ดำเนินคดีสุเทพ-พวก ขวางเลือกตั้ง กว่า 3 ปีแล้ว<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://c1.staticflickr.com/5/4557/37579021655_74b5fbe4aa_z.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="266" src="https://c1.staticflickr.com/5/4557/37579021655_74b5fbe4aa_z.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br /><br />Published on Thu, 2017-11-16 22:47<br /><br /><br />สมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิฯ ร้อง ป.ป.ช. สอบ 3 อัยการสูงสุด กรณีไม่สั่งฟ้องและดำเนินคดีกับ สุเทพ และพวก ขัดขวางการเลือกตั้ง ระบุล่าช้ากว่า 3 ปี 4 เดือนแล้ว ด้านอดีต อสส.ไม่กังวล หลังถูกร้อง<br /><br /><br />16 พ.ย. 2560 วันนี้ เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) วิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) เดินทางเข้ายื่นเรื่องต่อประธาน ป.ป.ช. ร้อง อดีตอัยการสูงสุดและอัยการสูงสุดคนปัจจุบัน ประกอบด้วย ตระกูล วินิจฉัยภาค ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร และเข็มชัย ชุติวงศ์ เพื่อขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบและไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำของบุคคลทั้ง 3 ที่กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ตามมาตรา 84 ของ พ.ร.บ.ป.ป.ช. ในกรณีไม่สั่งฟ้องและดำเนินคดีกับ สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. และพวก ในข้อหากบฏ กรณีขัดขวางการเลือกตั้งเมื่อปี 2556 จนจะมีการเลือกตั้งในปี 2561 แล้ว แต่มีเพียงการสั่งฟ้องผู้ต้องหาแค่ 4 ราย ที่เป็นผู้ร่วมการกระทำความผิดกับ สุเทพ <br /><br />วิญญัติ กล่าวว่า การไม่เร่งดำเนินการนำตัวมาฟ้องคดี ปล่อยให้มีการร่วมฟังการพิจารณาคดีในศาล ปล่อยปละละเลยไม่ควบคุมดูแลให้มีการปฏิบัติตามกฏหมาย จนเกิดความล่าช้ากว่า 3 ปี 4 เดือน การปฏิบัติหน้าที่ของอัยการสูงสุดทั้ง 3 ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดขององค์กรอัยการ และพนักงานอัยการ ตามพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2553 และมีหน้าที่รักษาการตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ซึ่งได้กำหนดให้การปฎิบัติหน้าที่ขององค์กรอัยการต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายและหลักนิติธรรม จึงไม่อาจปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือเลือกปฏิบัติในการใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ หรือบิดผันการใช้อำนาจ หรือใช้อำนาจนอกขอบเขตความชอบด้วยกฎหมายและหลักนิติธรรม <br /><br />วิญญัติ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวมีการเลือกปฏิบัติที่จะดำเนินคดีเอากับบุคคลหนึ่ง แต่ไม่ดำเนินคดีกับบุคคลอีกคนหนึ่งตามอำเภอใจ ซึ่งคดีนี้ศาลอาญา ได้รับเป็นคำฟ้องและดำเนินกระบวนการพิจารณาอยู่ในศาลแล้ว<br /><br />เลขาธิการ สกสส. ยังกล่าวว่า การยื่นกล่าวหาต่อ ป.ป.ช.ในครั้งนี้ ย่อมกระทบต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนต่อองค์กรอัยการและกระบวนการยุติธรรมอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ต้นจึงขอเรียกร้องให้กรรมการ ป.ป.ช.ทั้งคณะ เป็นองค์คณะไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้<br /><br /> <br /><b>อดีต อสส.ไม่กังวล หลังถูกร้อง</b><br /><br />ด้าน ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อดีตอัยการสูงสุด (อสส.) เปิดเผยว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดที่ วิญญัติ ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.เพื่อตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า ของ ตระกูล วินิจนัยภาค และ ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ อดีต อสส. และเข็มชัย ชุติวงศ์ อสส. คนปัจจุบัน ที่ไม่เร่งสั่งคดีสุเทพ และแกนนำ กปปส. เป็นการกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมหรือไม่ <br /><br />ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ กล่าวว่า การขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบดังกล่าว ไม่กระทบต่อการทำหน้าที่อัยการอาวุโสในปัจจุบัน เนื่องจากไม่ใช่ตำแหน่งบริหาร จึงสามารถทำหน้าที่ต่อไปได้ ส่วนจะดำเนินการใดต่อกรณีดังกล่าว คงต้องรอฟังผลของ ป.ป.ช.ก่อน ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลอะไร และว่า การทำหน้าที่ขณะดำรงตำแหน่ง อสส. การพิจารณาสำนวน เป็นไปตามลำดับขั้นตอน ซึ่งอัยการที่รับผิดชอบดำเนินการต่อเนื่อง <br /><br />ต่อกรณีคำถามว่า มีความกังวลอะไรหรือไม่ ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ กล่าวว่า ไม่มีอะไร และว่า ที่มาที่ไปการร้องต่อ ป.ป.ช.เป็นอย่างไร ไม่ขอออกความเห็น</div>
Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-3841330392468933102017-11-17T18:15:00.005-08:002017-11-17T18:15:54.501-08:00เรืองไกร ยื่น ป.ป.ช.สอบ รัฐบาล-สนช. ทำงบฯ ปี 61 ขัดรัฐธรรมนูญ<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://c1.staticflickr.com/5/4585/37579400235_50b771012d_z.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="266" src="https://c1.staticflickr.com/5/4585/37579400235_50b771012d_z.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br /><br />Published on Thu, 2017-11-16 21:16<br /><br /><br />เรืองไกร ร้อง ป.ป.ช. สอบ นายกฯ ครม. และ สนช. จัดทำงบประมาณปี 61 ขัดต่อรัฐธรรมนูญ - พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ จี้สอบผู้ร่วมโหวตให้ความเห็นชอบโดยเร็ว ระบุขณะนี้ได้เกิดความเสียหายแล้ว <br /><br /><br />16 พ.ย. 2560 วันนี้ ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา เข้ายื่นหนังสือถึงประธาน ป.ป.ช. ผ่าน กชนนท์ สุขแก้ว รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อขอให้ตรวจสอบนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ว่าจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 142 เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญกำหนดว่า พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี จะต้องจัดทำตามยุุทธศาสตร์ชาติ และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ การกระทำนี้จึงอาจเข้าข่ายการกระทำความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 123/1 แต่จากการตรวจสอบพบว่า ในระหว่างการจัด ทำจนถึง พ.ร.บ.งบประมาณ มีผลบังคับใช้ ยังไม่มีการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ ดังนั้น รัฐบาล และ สนช.จะทำงบประมาณไม่ได้ ต้องกลับไปใช้งบประมาณปี 2560<div>
<br />“ขณะนี้ได้เกิดความเสียหายแล้ว เพราะมีการใช้จ่ายงบประมาณตามกฎหมายฉบับนี้ ผมในฐานะเคยเป็นสมาชิกรัฐสภา ก็ได้รับเงินจากกฎหมายดังกล่าว เป็นเงินทุนเลี้ยงชีพจากงบประมาณปี 2561 งวดเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จึงได้ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินับฉัยว่า พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2561 ขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่” เรืองไกร กล่าว พร้อมขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดทำกฎหมายดังกล่าว รวมทั้ง ผู้ที่ร่วมโหวตให้ความเห็นชอบกฎหมายฉบับนี้โดยเร็ว เพราะขณะนี้ได้มีการใช้จ่ายเงินไปแล้วอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากศาลวินิจฉัยเรื่องนี้แล้วขัดต่อรัฐธรรมนูญ ผู้ที่ได้รับเงินดังกล่าวจะมีความผิดไปด้วย<div class="content" style="border: 0px; font-family: Tahoma; font-size: 1.2em; font-stretch: inherit; font-variant-numeric: inherit; line-height: 1.5em; margin: 0em 0px 0px; overflow-wrap: break-word; padding: 1.5em 0px 0px; vertical-align: baseline; word-wrap: break-word;">
<div style="border: 0px; font-family: inherit; font-size: inherit; font-stretch: inherit; font-style: inherit; font-variant: inherit; font-weight: inherit; line-height: inherit; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
</div>
</div>
</div>
</div>
Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-25347263330241288312017-11-17T18:14:00.001-08:002017-11-17T18:14:11.975-08:00 'คดีซับซ้อน' เลื่อนพิพากษาศาลอุทธรณ์ครั้งที่ 2 คดี 'อภิชาต' ชูป้ายค้านรัฐประหารหน้าหอศิลป์ฯ<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://farm6.staticflickr.com/5446/17867383075_90a3c601c1_o.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="266" src="https://farm6.staticflickr.com/5446/17867383075_90a3c601c1_o.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br /><br />เลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 2 คดี 'อภิชาต' ชูป้ายคัดค้านรัฐประหารหน้าหอศิลป์กรุงเทพฯ ไป ม.ค.ปีหน้า เหตุคดีซับซ้อนและมีคนให้ความสนใจ พร้อมเปิด 6 ประเด็นอุทธรณ์คดีชี้ไม่ผิดเหตุ ประยุทธ์ ไม่ได้อยู่ในฐานะรัฏฐาธิปัตย์ประกาศ คสช.ไม่มีผลเป็นกฎหมาย<br /><br /><br /><br />16 พ.ย. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ศาลแขวงปทุมวันเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดี 'อภิชาต พงษ์สวัสดิ์ ชูป้ายคัดค้านรัฐประหาร' เป็นครั้งที่ 2 โดยเลื่อนไปเป็นวันที่ 31 ม.ค. 2561 <br /><br />คดีดังกล่าว (คดีหมายเลขดำที่ 1097/2559 คดีหมายเลขแดงที่ 9075/2559) เป็นคดีระหว่างพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด กับ อภิชาต พงษ์สวัสดิ์ ในข้อหาคดีความผิดต่อ พ.ร.บ.กฎอัยการศึกและความผิดต่อประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมือง จากการชูป้ายคัดค้านรัฐประหารหน้าหอศิลป์กรุงเทพฯ 23 พ.ค. 2557 หลังการรัฐประหารของ คสช. เพียงวันเดียว<br /> <br /><br /><ul style="text-align: left;">
<li><a href="http://prachatai.com/journal/2016/12/69314">ศาลสั่งจำคุก 2 เดือน รอการลงโทษ 1 ปี คดีอภิชาตชูป้ายต้านรัฐประหารหน้าหอศิลป์</a></li>
<li><a href="http://prachatai.com/journal/2016/02/63996">ยกฟ้องคดี 'อภิชาต' ชูป้ายต้าน คสช.-ศาลระบุกองปราบไม่มีอำนาจทำคดี</a></li>
<li><a href="http://prachatai.com/journal/2016/02/63990">ความในใจก่อนฟังคำพิพากษา ‘ปอนด์ อภิชาต’ จำเลยคดีชูป้ายประท้วงรัฐประหาร</a></li>
</ul>
<br />สำหรับคดีดังกล่าว สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.) เป็นทนายให้ อภิชาต โดยผู้สื่อข่าวประชาไท สอบถาม บัณฑิต หอมเกษ ผู้ประสานงานและรณรงค์ของ สนส. บัณฑิต เปิดเผยว่า ทางศาลไม่มีหนังสือแจงถึงเหตุผลที่เลื่อนอ่านคำพิพากษา ศาลเพียงนั่งบัลลังก์และบอกว่าเลื่อน พร้อมกล่าวว่าคดีนี้เป็นคดีที่มีคนให้ความสนใจ รวมทั้งเป็นคดีที่มีประเด็นที่ซับซ้อน ศาลอุทธรณ์จึงแจ้งมายังศาลแขวงว่าพิจารณายังไม่แล้วเสร็จจึงต้องเลื่อนไปก่อน<br /> <br />บัณฑิต กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า คดีนี้ในตอนแรกศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโดยยกเรื่องกองปราบไม่มีอำนาจสอบสวน อัยการจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลจึงยกฟ้องด้วยเหตุนี้ จากนั้นอัยการได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงระบุว่ากองปราบฯ มีอำนาจสอบสวนอยู่ จึงย้อนสำนวนนี้ไปให้ศาลแขวงปทุมวันพิจารณาคดีใหม่ เมื่อให้ศาลแขวงปทุมวันพิจารณาคดีใหม่ จึงมีคำพิพากษาออกมาว่า อภิชาตทำผิดจริงตามฟ้องพร้อมลงโทษตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 3/2558 ให้จำคุก 2 เดือน ปรับ 6,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี และต่อมาทนายความของจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าว<br /> <br />ผู้ประสานงานและรณรงค์ของ สนส. เปิดเผยว่า อภิชาตได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย รวม 6 ประเด็น ดังนี้<br /><br /><br /><ul style="text-align: left;">
<li>1. ประเด็นเรื่องอำนาจฟ้อง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย เนื่องจากการสอบสวนในคดีนี้มิชอบด้วยกฎหมาย </li>
<li>2. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้อยู่ในฐานะรัฏฐาธิปัตย์ ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่นำมาฟ้องจำเลยจึงไม่มีผลเป็นกฎหมายซึ่งจะนำมาบังคับใช้กับจำเลยได้</li>
<li>3. การประกาศกฎอัยการศึกโดยกองทัพบกในวันที่ 20 พ.ค.2557 และโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติในวันที่ 22 พ.ค.2557 เป็นการประกาศโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย </li>
<li>4. ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ 7/2557 ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ไม่มีผลบังคับแล้ว เพราะได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะพ.ศ.2558 ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะ มีลักษณะเป็นคุณต่อจำเลย โดยพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่มีข้อห้ามมิให้มั่วสุมหรือเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป จำเลยจึงไม่ต้องผูกพันในการแก้ข้อกล่าวหาใดๆ ดังกล่าวอีก</li>
<li>5. ปากคำพยานโจทก์ไม่น่าเชื่อถือ และจำเลยมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองรับรองไว้ </li>
<li>6. จำเลยไม่ได้มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป เพื่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง พยานโจทก์ไม่น่าเชื่อถือ จำเลยต่อต้านโดยสันติวิธีต่อการทำรัฐประหาร ซึ่งเป็นการได้อำนาจการปกครองประเทศมาโดยวิธีการที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยสุจริตใจและเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในฐานะพลเมืองที่มีหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตย </li>
</ul>
<br /> </div>
Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-88660813607861362632017-11-17T18:11:00.005-08:002017-11-17T18:11:56.512-08:00 สุรชาติ บำรุงสุข: บทบาทที่ไม่หายไปของ กอ.รมน. และการเกิดขึ้นของอุดมการณ์ต่อต้านการเมือง<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://c1.staticflickr.com/5/4542/37566775155_845946aaec.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://c1.staticflickr.com/5/4542/37566775155_845946aaec.jpg" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br />Published on Thu, 2017-11-16 14:45<br /><br /><br />สุรชาติไล่ไทม์ไลน์บทบาทกองทัพต่อเรื่องความมั่นคงจากยุคก่อนสงครามคอมมิวนิสต์จนถึงหลังสิ้นสุดสงคราม ชี้ปัจจุบันบทบาท กอ.รมน.ไม่เหมือนเดิม แปลงโฉมใหม่ พร้อมกับการเกิดขึ้นของอุดมการณ์ต่อต้านการเมือง ที่เชื่อว่าทหารมีศีลธรรมทางการเมืองเหนือกว่าพลเรือน<br /><br /><br />เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2560 ที่ห้อง 103 ตึก 1 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการจัดงานรัฐศาสตร์เสวนาในหัวข้อเรื่อง “กิจการพลเรือนของทหาร: จากยุคต้านคอมมิวนิสต์ สู่ยุคต้านประชาธิปไตย” โดยมีวิทยากรคือ สุรชาติ บำรุงสุข และ พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า งานดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมสนใจฟังการเสวนาราว 40 คน โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในชุดนอกเครื่องแบบเข้าร่วมฟังและถ่ายรูปวิทยากรและผู้เข้าร่วมงานเสวนาตลอดงาน<br /> <br /><br /><div style="text-align: center;">
<img src="https://c1.staticflickr.com/1/299/31418790594_8be6753801.jpg" /></div>
<div style="text-align: center;">
สุรชาติ บำรุงสุข (แฟ้มภาพ)</div>
<br />สุรชาติ บำรุงสุข: โจทย์ความมั่นคงหลังสงครามเย็น เมื่อ กอ.รมน. แปลงโฉมใหม่<br /><br />ผมคิดว่าลักษณะการขยายบทบาทของทหาร หรือที่เรียกว่า บทบาทที่ไม่ใช่บทบาททางทหารโดยตรง เกิดขึ้นในหลายประเทศ เพียงแต่ความน่าตกใจของไทยคือ บทบาทที่ทหารขยายงานออกไปสู่ภาคพลเรือน โดยเหตุผลหรือบริบทมันเกิดในยุคสงครามเย็น แต่ปัญหาของไทยคือ สงครามที่จบไม่ได้ทำให้บทบาทตรงนี้จบ จะเห็นความต่างอย่างยิ่งในช่วงหลังๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังรัฐประหารปี 2516 ก็จะเริ่มเห็นบทบาทของ กอ.รมน. ที่ชัด ผมคิดว่าถ้าเราลองแบ่งกรอบเวลา จะได้สักประมาณ 3 ช่วงใหญ่ๆ คือช่วงก่อนสงครามคอมมิวนิสต์ สงครามคอมมิวนิสต์ และหลังสงครามคอมมิวนิสต์<br /> <br />ยุคก่อนสงครามคอมมิวนิสต์: ทหารกับการพัฒนา<br /><br />ทหารจะไม่มีบทบาทอย่างที่เราเห็น ทหารมีหน้าที่อยู่กับการรบอย่างตรงไปตรงมาที่สุด ผมคิดว่าถ้าเราอธิบายสักนิดหนึ่ง ต้นเรื่องทั้งหมดมาจากจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อรัฐประหารปี 2501 จอมพลสฤษดิ์ขึ้นมามีอำนาจโดยตรง ความน่าสนใจตรงนี้คือ เขาเป็นคนอีสาน แล้วในการขึ้นมาเป็นรัฐบาล ทริปแรกที่จอมพลสฤษดิ์เดินทางออกต่างจังหวัดเป็นทริปที่ไปภาคอีสาน ผมล้อเล่นๆ ว่าเป็นทัวร์นกขมิ้น หรือ ครม.สัญจรชุดแรก ซึ่งออกยาวมากถ้าดูเวลา นึกไม่ออกเลยว่ารัฐบาลทิ้งงานกรุงเทพแล้วไปอยู่อีสาน<br /><br />ด้วยความเป็นลูกอีสาน จอมพลสฤษดิ์เห็นอะไร คำตอบคือความยากจนของพี่น้อง ผมคิดว่าโครงการที่รัฐบาลมีต่อพี่น้องในต่างจังหวัดที่เป็นคนยากคนจน จริงๆ แล้วเกิดขึ้นก่อนสมัยนายกฯเปรม ติณสูลานนท์ แต่คนยุคหลังจะเห็นบทบาทตรงนี้สมัยนายกฯ เปรม มากกว่า แต่หากย้อนกลับไปเราจะเห็นบทบาทของจอมพลสฤษดิ์ ที่ให้กำเนิดงานทหารที่เกี่ยวกับการพัฒนา ฉะนั้นเราอาจต้องทำความเข้าใจว่า มันเป็นเรื่องของการพัฒนาจริงๆ เพราะสงครามคอมมิวนิสต์ยังไม่เกิด แม้มี พ.ร.บ.คอมมิวนิสต์จริง แต่ไม่ได้มีนัยสำคัญในการขยายบทบาทของทหารอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน<br /> <br />ยุคสงครามคอมมิวนิสต์: ทหารกับการจัดตั้งมวลชน และสงครามตัวแทน<br /><br />จุดเริ่มต้นของสงครามคอมมิวนิสต์คือ วันเสียงปืนแตก 7 สิงหาคม 2508 หลังจากเหตุการณ์นั้นมันเกิดการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลไทย กับกองกำลังติดอาวุธของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ถ้าพูดแบบละเอียดก็คือ การปะทะที่บ้านนาบัว อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม นี่คือจุดเริ่มต้นของสงครามคอมมิวนิสต์ ทีนี้พอสงครามคอมมิวนิสต์เกิดถ้าเราย้อนกลับไปอ่านประวัติ รัฐบาลไทยก็ต้องคิดว่าจะเอาองค์กรอะไรขึ้นมาเสริมในการทำสงคราม องค์กรนี้ถูกสร้างประมาณเดือนธันวาคม โดยจอมพลประภาส จารุเสถียร เป็นคนผลักดัน องค์กรที่ว่านี้คือ กองบัญชาการป้องกันและปราบปรามคอมมิวนิสต์ (บก.ปค.) เกิดขึ้นเพื่อรองรับภารกิจสงคราม ซึ่งไม่ใช่เรื่องทางการทหารทั้งหมด แต่พยายามดึงหน่วยงานที่เป็นหน่วยงานความมั่นคงที่ไม่ใช่เรื่องทางการรบเข้าไปร่วม จนกระทั่งต่อมาก็ยกฐานะเป็น กองอำนวยการป้องกันและปราบปรามคอมมิวนิสต์ (กอ.ปค.) โดยมีการบริหารงานแบบราชการ<br /><br />ช่วงต้นมันเป็นความหวังของรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร ที่เชื่อว่าสงครามคอมมิวนิสต์จะรบสั้น มีความเชื่อว่าหากทุ่มกำลังเต็มที่สงครามที่เป็นอยู่ในเวลานั้นจะไม่ยาว เราคิดว่าเราจะรบในสงครามคอมมิวนิสต์สักประมาณ 6 เดือน แล้วเราจะชนะ นั่นหมายความว่าจากสิงหาคมถ้าเราคิดเพียง 6 เดือน พูดง่ายๆ คือประมาณต้นปี 2509 หรือกลางปี 2509 เราจะชนะ วันนี้ท่านทั้งหลายจำได้ไหมครับว่าสงครามคอมมิวนิสต์สิ้นสุดเมื่อไหร่ ช่วงที่สงครามคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยสิ้นสุดลงคือปี 2525-2526 ในรัฐบาลของพลเอกเปรม<br /> <br />การแปลงโฉมของ กอ.รมน. และการก่อเกิดสงครามตัวแทน หลัง 14 ตุลา 16<br /><br />จะเห็นว่าสงครามคอมมิวนิสต์มันยาวกว่าที่ผู้นำทหารคิดไว้เยอะ เนื่องจากสถานการณ์สงครามคอมมิวนิสต์มันพัฒนา แต่มันซ้อนด้วยสถานการณ์การเมืองชุดหนึ่ง นั่นคือเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ฉะนั้น หลัง 14 ตุลา เราเห็นอะไร เราเห็น กอ.ปค. แปลงโฉมเป็น กอ.รมน. คือเปลี่ยนชื่อแต่อยู่ภายใต้โครงสร้างเดิม พูดง่ายๆ คือเปลี่ยนเครื่องทรงอีกแบบหนึ่ง ในสภาวะของการเกิด กอ.รมน. มันซ้อนกัน สงครามคอมมิวนิสต์ที่รัฐไทยเคยรบในชนบท มันกลายเป็นแนวรบหนึ่ง คือรัฐไทยเริ่มรู้สึกว่าพลทหารของคอมมิวนิสต์มันย้ายเข้ามาสู่พื้นที่เมือง ก็คือ ขบวนการนักศึกษา<br /><br />กอ.รมน. ในช่วงหลัง 14 ตุลา จะเห็นบทบาทในส่วนของชนบทกับส่วนที่อยู่ในเมือง พูดง่ายๆ ก็คือบทบาทในการต่อต้านการเคลื่อนไหวของนักศึกษา หรือของศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ในช่วงนี้เราก็จะได้เห็นการเกิดขึ้นของกลุ่มนวพล กระทิงแดง และอีกหลายกลุ่ม ผมว่าทั้งหมดที่เราเห็นเป็น proxy หรือสงครามตัวแทนของ กอ.รมน. ที่ไม่ใช้เครื่องมือทางการทหารตรงๆ แต่ใช้เครื่องมือที่เป็นองค์กรพลเรือน องค์กรจัดตั้งของทหาร เข้าทำกิจกรรมบางอย่างเพื่อต่อต้านขบวนการฝ่ายซ้าย<br /><br />ในสภาวะหลัง 14 ตุลา ผมว่ามันมาพีคที่สุดคือ เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 เราเห็นคนจำนวนมากเดินทางเข้าสู่ชนบท ในช่วงเวลาใกล้กัน เราเห็นการล้มของโดมิโน 3 ตัวคือ ลาว เวียดนาม กัมพูชา ในปี 2518 โดยตัวเวลาก็คือกลางปี เราเห็นเวียดนาม กัมพูชา ล้มในเดือนเมษายน 2518 แล้วพอธันวาคมในปีเดียวกัน ลาวเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง<br />คำถามที่เป็นโจทย์ใหญ่ในมิติความมั่นคงก็คือ ไทยจะเป็นโดมิโนตัวที่ 4 หรือไม่ ถ้าไทยเป็นโดมิโนตัวที่ 4 จะทำอย่างไร ผมคิดว่าบริบทแบบนี้ความน่าสนใจ คือ ทหารส่วนหนึ่งเริ่มตัดสินใจ และเชื่อว่าชุดวิธีเก่าในการสู้กับสงครามคอมมิวนิสต์มันจะพาประเทศไม่รอด หรือเชื่อว่าในท้ายที่สุดถ้าจะสู้บนชุดความคิดเดิมหรือ แบบยุทธศาสตร์เดิม ไทยเป็นโดมิโนตัวที่ 4 แน่ๆ<br /><br />ในสถานการณ์นี้เราเห็นบทบาทของทหารประชาธิปไตย อย่างพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ หรือทหารอีกส่วนหนึ่งที่เราเห็นว่าเป็นนักรบมากกว่านักคิดคือ กลุ่มยังเติร์ก ในสภาวะแบบนั้นสิ่งที่เราเห็นก็คือ มันมีความพยายามที่จะถอดสลักสงครามคอมมิวนิสต์ในไทย พูดง่ายๆ คือ หาทางที่จะยุติเงื่อนไขสงครามคอมมิวนิสต์ไม่ให้ขยายตัวเป็นสงครามทางการเมือง<br />เราต้องยอมรับว่าการถอดสลักที่ใหญ่ที่สุดคือ การขึ้นสู่อำนาจของพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ถ้าพูดถึงช่วงนั้นสังเกตว่าหลังรัฐประหารปี 2520 เราจะเริ่มไม่ค่อยเห็นบทบาทของ กอ.รมน. บทบาทเริ่มค่อยๆ ซาลง บทบาทของตัวแทนของ กอ.รมน. ในการต่อสู้กับนักศึกษาพักหลัง ไม่ว่าจะเป็น นวพล กระทิงแดง จะเริ่มค่อยๆ หายไป จนผมเชื่อว่าคนรุ่นหลังไม่ค่อยคุ้นแล้ว ในสภาวะแบบนี้สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอีกชุดหนึ่ง<br /><br />ในปี 2519 มีความรุนแรงในบริบทของปัญหาภายใน แต่พอถึงมกราคม 2521 เวียดนามยึดกัมพูชา พอกัมพูชาแตกไป ต้นปี 2521 โจทย์ใหญ่คราวนี้ มันใหญ่มากสำหรับไทยเพราะว่า ต้องคิดแบบคนยุคผมนะว่าเมื่อกัมพูชาแตก เท่ากับกองทัพกัมพูชาอยู่ใกล้ที่สุดคือ แถวอรัญประเทศ แถวสระแก้ว ระยะทางจากสระแก้วเข้ากรุงเทพบนเงื่อนไขถนนที่ประเทศไทยมี การเคลื่อนกำลังจะใช้เวลา 3 ชั่วโมง แต่เราบอกเราไม่กลัว กองกำลังของเวียดนามที่เคลื่อนจะติดไฟแดงแถวประมาณเซียร์รังสิต คนยุคผมมีโจ๊กเพื่อให้สบายใจ (หัวเราะ)<br /><br />ในสภาวะแบบนี้สิ่งที่อาจารย์พวงทองเปิดประเด็น มันนำไปสู่การจัดตั้งประชาชน การจัดตั้งประชาชนส่วนหนึ่ง ทำในช่วงสงครามคอมมิวนิสต์ แต่อีกส่วนหนึ่งมันไปรองรับบทบาทของการเตรียมรับกับสงครามจริงๆ สิ่งที่เราเห็นทั้งหมด มันมีสถานการณ์ความมั่นคงทั้งภายในและภายนอก ในขณะเดียวกันถ้าสังเกตในปีต่อเนื่องกันประมาณ 2-3 ปี ปี 2519 มีรัฐประหารที่กรุงเทพฯ ปี 2520 มีการยึดอำนาจอีกครั้ง โดยกลุ่มทหารที่ยึดอำนาจเข้ามากับความคิดแบบใหม่ และยุทธศาสตร์ชุดหนึ่ง เมื่อถึงเดือนปี 2522 กัมพูชาแตก พอถึงปี 2523 สิ่งที่ตามมาคือคำสั่งสำนักนายกรัฐนตรีฉบับที่ 66/2523<br /><br />ถ้าเราเรียงปีตั้งแต่ 2519, 2520, 2522 และ 2523 เหตุการณ์มันเหมือนกับว่าปัญหาความมั่นคงภายนอกและภายในรวมอยู่ในเวลาเดียวกัน และมันท้าทายให้รัฐไทยต้องคิดเพื่อแก้ไขปัญหาตรงนั้น ในบริบทดังกล่าว เราต้องยอมรับว่ารัฐไทยเป็นรัฐทหารที่คุมทิศทางยุทธศาสตร์ และทิศทางด้านความั่นคงโดยทหาร<br /><br />เมื่อเป็นอย่างนี้ สิ่งที่เห็นก็คือ พวกเขามีความเชื่อว่าถ้าต้องทำสงคราม การจัดตั้งประชาชนจะเป็นเงื่อนไขสำคัญ หากเรามองไปยาวอีกนิด หลังจากกัมพูชาแตกในปี 2522 และหลังจากมีการออกประกาศฉบับที่ 66/2523 ต้องยอมรับว่านโยบายพวกนี้สามารถผลักดันบทบาทของทหารที่เรารู้สึกว่าอยู่นอกเหนืองานของทหารจริงๆ แต่สำหรับทหารเขามองว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ในการต่อสู้กับสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปัญหาสงครามภายใน หรือแม้กระทั่งเชื่อว่าหากมีความจำเป็นประเทศเราต้องอาศัยประชาชนเป็นกำลังที่จะรับมือการลุกของกองกำลังจากต่างชาติ หรือกองกำลังจากภายนอก<br /> <br /><ul style="text-align: left;">
<li><a href="https://prachatai.com/journal/2017/07/72532">'ปฏิรูปกองทัพ' คือทำให้กองทัพอยู่ภายใต้การควบคุมของพลเรือน</a></li>
<li><a href="https://prachatai.com/journal/2016/10/68223">สุรชาติ บำรุงสุข: 40 ปี 6 ตุลา ถ้าไม่เอาทหารคืนกรมกอง ไม่ต้องคิดถึงประชาธิปไตย</a></li>
<li><a href="https://prachatai.org/journal/2011/02/32979">รายงานเสวนา: กองทัพ การเมือง ประชาธิปไตย</a></li>
</ul>
<b>ยุคหลังสงครามคอมมิวนิสต์: กอ.รมน.4.0 VS ภัยคุกคามใหม่</b><br /><br />แต่พอวันหนึ่ง เมื่อมาถึงเหตุการณ์ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2532 เชื่อว่าวันนี้เราน่าจะลืมเหตุการณ์ตรงนั้นไปแล้ว เหตุการณ์นั้นคือการรวมเยอรมนีตะวันตก และตะวันออกเข้าด้วยกัน ซึ่งนั่นคือความทรงจำที่เราเรียกว่าเป็นการสิ้นสุดของสงครามเย็นหรือสงครามคอมมิวนิสต์ เมื่อสัญญาณของการสิ้นสุดของสงครามเย็นเกิดขึ้น ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ว่าสงครามในประเทศไทยสิ้นสุดก่อนการสิ้นสุดของสงครามในเวทีโลก เพราะเราสิ้นสุดไปในช่วงปี 2525-2526 แต่ในเวทีโลกเริ่มจบในช่วง 2532 ฉะนั้น หลังจากปี 2532 เราจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ในยุโรป ขณะเดียวกัน เราเห็นการถอนตัวของเวียดนามออกจากกัมพูชา ในบริบทนี้การเมืองโลกเปลี่ยน การเมืองในภูมิภาคเปลี่ยน การเมืองในไทยก็เปลี่ยนด้วย ปัญหาใหญ่ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงชุดนี้คือ อะไรคือภัยคุกคามด้านความมั่นคง<br /><br />พูดง่ายๆ คือ โลกหลังสงครามเย็นเมื่อไม่มีคอมมิวนิสต์เป็นภัยคุกคาม อะไรคือปัญหาความมั่นคง และไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิดเฉพาะกองทัพไทย แต่เป็นปัญหาทั่วโลก ในสภาวะที่ไม่มีความชัดเจนว่าอะไรเป็นภัยคุกคามหลักของกองทัพ หรือแม้กระทั่งของประเทศ สิ่งที่ตามมามันต้องการคำตอบ คำตอบที่วงวิชาการเรียกว่า Non-Traditional Security คือการแยกความมั่นคงและภัยคุกคามที่ไม่ใช่ความมั่นคงทางทหารออกมาเป็นภัยอีกชุดหนึ่ง เช่น ปัญหายาเสพติด ปัญหาผู้ก่อการร้าย ปัญหาความมั่นคงของมนุษย์ หรืออะไรก็ตามที่เราเห็น<br /><br />สิ่งที่น่าสนใจคือ วิทยานิพนธ์ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เขียนเรื่อง "กองทัพไทยกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ Non-Traditional Threats" หากอยากจะเข้าใจความคิดของกองทัพไทย หรือความคิดของผู้นำเรื่องการมองภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ก็ต้องอ่านงานชิ้นนี้<br /><br />ผมคิดว่างานของพลเอกประยุทธ์เป็นต้นร่างชุดหนึ่งของการมองภัยความมั่นคงรูปแบบใหม่ หากมองในยุคหลังสงครามเย็นสิ่งที่ตามมาในสมัยของรัฐบาลชวน หลีกภัย คือการยกเลิกกฎหมายคอมมิวนิสต์ แต่ก็เป็นเพียงการยกเลิก พ.ร.บ.คอมมิวนิสต์ ไม่ได้ยุติบทบาทของ กอ.รมน. สิ่งที่ตามมากลับไปสู่การขยายบทบาทของ กอ.รมน. หรือถึงที่สุดแล้วมันเป็นการขยายบทบาทของทหารผ่านโครงสร้างเดิม และจุดพลิกผันที่เห็นชัดที่สุดคือ รัฐประหารในปี 2549 ซึ่งเราเห็นการกลับมาของ กอ.รมน. ซึ่งทำหน้าที่อยู่ในยุคหลังสงครามเย็น สิ่งที่น่าสนใจคือ กองทัพนิยามภัยคุกคามอย่างไร ความน่ากังวลคือ เราเริ่มเห็นการปรากฏตัวของความคิดชุดหนึ่งในสังคมไทยด้วย ชุดความคิดชุดนี้อาจจะเรียกได้ว่า อุดมการณ์ต่อต้านการเมือง<br /><br />อุดมการณ์ต่อต้านการเมืองชุดนี้ เป็นชุดความคิดหนึ่งที่เรากำลังเห็นในสังคมไทยหลังรัฐประหารปี 2549 มันแทบจะสวมทับซ้อนได้ชัดระหว่างประเทศเรา กับลาตินอเมริกา คือ การไม่เอาการเมืองแบบการเลือกตั้ง เกลียดกลัวนักการเมือง เมื่อถามว่าใครเป็นผู้บริสุทธิ์ คำตอบที่ได้ก็คือ กองทัพ หรือใช้คำในยุคนั้นของลาตินคือ เชื่อว่าผู้นำกองทัพมีศีลธรรมทางการเมืองสูงกว่าผู้นำพลเรือน ในลาตินอเมริกาในยุคหนึ่งคิดอย่างนั้น และมันเป็นชุดความคิดที่พาทหารเข้าสู่การทำรัฐประหารในทุกภูมิภาคของลาตินอเมริกา<br /><br />สิ่งที่เราเห็นคือ หลังจากสงครามคอมมิวนิสต์จบ รัฐไทยไม่ได้ตัดบทบาทของ กอ.รมน. แต่เรากลับเห็นการแปลงโฉมของ กอ.รมน. และกลายเป็น กอ.รมน. ในยุค 4.0 คือมันเป็นอะไรใหม่อีกแบบหนึ่ง และยังมีการทำงานอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าสังคมไทยจะเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถปรับบทบาทของทหารลดอย่างที่เราเห็นในหลายๆ ประเทศได้ ซึ่งสุดท้ายก็จะเกิดคำถามว่าจะทำอย่างไร ตอนนี้ผมยังไม่มีคำตอบ<span style="font-family: inherit; font-size: inherit; font-style: inherit; font-variant-caps: inherit; font-variant-ligatures: inherit; font-weight: inherit;"> </span></div>
Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-10235702020704100112017-11-17T18:10:00.000-08:002017-11-17T18:10:08.475-08:00ขอนแก่น: จำคุก 2 ปีครึ่ง ริบของกลาง คดีเตรียมการเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติไม่รอลงอาญา<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div style="text-align: center;">
<a href="https://farm5.staticflickr.com/4522/37565620265_56c17d12c2_z_d.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="238" src="https://farm5.staticflickr.com/4522/37565620265_56c17d12c2_z_d.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br />Published on Thu, 2017-11-16 14:35<br /><br /><br />ศาลจังหวัดพลอ่านคำพิพากษาคดี นายหนูพิณ และนายฉัตรชัย (สงวนนามสกุล) ให้จำคุกในคดี อั้งยี่ 1 ปี ในส่วนการเตรียมการวางเพลิงและ ม.112 นั้น ให้ตัดสินโทษในคดี 112 ซึ่งเป็นบทหนัก 4 ปี รวมทั้งสิ้น 5 ปี แต่เนื่องจากจำเลยรับสารภาพลดเหลือ 2 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา<br /><br /><br /><br />17 พ.ย. 2560 <a href="http://www.tlhr2014.com/th/?p=5673">ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน </a>รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 ศาลจังหวัดพล พิพากษาคดีก่อเหตุเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติในเขต อ.บ้านไผ่ และ อ.ชนบท เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2560 ให้จำเลยมีความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง เป็นความผิดหลายกรรม ต่างกรรมต่างวาระกัน ให้ลงโทษทุกกรรม เรียงกระทงความผิด ฐานเป็นอั้งยี่ ลงโทษจำคุก 1 ปี ฐานตระเตรียมวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่นและหมิ่นประมาท แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานหมิ่นฯ พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีบทลงโทษหนักที่สุด ให้จำคุก 4 ปี รวมจำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะ คดีมีพฤติการณ์ร้ายแรง ไม่มีเหตุให้รอลงอาญา ให้ริบน้ำมัน โทรศัพท์เคลื่อนที่ และรถกระบะ ซึ่งเป็นของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิด<br /><br />สำหรับคดีนี้เป็นเหตุสืบเนื่องจากกรณีการก่อเหตุเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติในเขต อ.บ้านไผ่ และ อ.ชนบท ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2560 ต่อมาเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2560 ทหารและตำรวจได้เข้าทำการจับกุมนายฉัตรชัยกับนายหนูพิน และยังได้จับกุมเยาวชนและวัยรุ่นชาย (อายุ 14-20 ปี) 6 คน จากที่บ้านและโรงเรียนใน ต.บ้านแท่น อ.ชนบท จ.ขอนแก่น ทั้งหมดถูกนำตัวไปค่ายศรีพัชรินทร จ.ขอนแก่นและถูกส่งไปควบคุมตัวที่ มทบ.11 กรุงเทพฯ โดยที่ไม่สามารถติดต่อกับญาติหรือทนายความได้เป็นเวลาประมาณ 6 วัน ก่อนถูกส่งกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.ชนบท จ.ขอนแก่น<br /><br />จากคำฟ้องระบุว่า เหตุเกิดในระหว่างวันที่ 12-13 พ.ค. 60 จำเลยทั้ง 2 กับพวก ได้เข้าเป็นสมาชิกของคณะบุคคลที่มุ่งประสงค์จะวางเพลิงเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ และได้ร่วมกันเตรียมวางเพลิงเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติในเขต อ.เปือยน้อย จ.ขอนแก่น อันเป็นการแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ขณะที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานคำบอกเล่าจากการสอบถามนายหนูพินว่า <br /><br />นายหนูพิน (อายุ 64 ปี อาชีพ ขายเฉาก๊วยรถเร่ ) ได้ให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ เขากับภรรยาทำงานอยู่ที่ จ.ชลบุรี เพิ่งกลับมาเยี่ยมบ้านและลูกชายที่ อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น ช่วงสงกรานต์ปี 2560 ก่อนได้รับการแนะนำจากนายสาโรจน์ (ช่างแอร์) ให้รู้จักกับนายปรีชา และได้รับการว่าจ้างให้ทำงาน พร้อมทั้งให้หาเด็กวัยรุ่นมาทำงานด้วย นายหนูพินไม่รู้จักใคร แต่เคยพบลูกชายของเพื่อน (นายฉัตรชัย อายุ 25 ปี) ที่บ้านเพื่อนในอำเภอโนนศิลา วันเกิดเหตุ นายหนูพินจึงขับรถกระบะไปชวนฉัตรชัย โดยมีถุงบรรจุน้ำมันขนาดกำมือหลายถุงที่ได้รับจากนายปรีชาอยู่ในรถ หลังจากไปถึงจุดที่นายปรีชาบอก และพบว่า สิ่งที่ต้องเผาเป็นซุ้มเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ของ ร.9 ทั้งสองจึงเปลี่ยนใจ และขับรถกลับโดยไม่ได้ลงมือเผา หลังจากนั้น นายหนูพินได้นำถุงน้ำมันไปทิ้งที่ในพงหญ้าไม่ไกลจากหมู่บ้าน<br /><br />ในส่วนจำเลยวัยรุ่นชาย 6 คน พนักงานอัยการจังหวัดพลฟ้องเป็น 2 คดี และทั้งหมดรับสารภาพเฉพาะข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์ ปฏิเสธข้อหาอั้งยี่, ซ่องโจร และ ม.112 ขณะนี้อยู่ในกระบวนการไต่สวนพิจารณาคดีโดยจำเลยทั้ง 6 ถูกกักขังอยู่ที่เรือนจำ อ.พล จ.ขอนแก่น โดยไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัวในชั้นศาล ส่วนคดีของเด็กชายวัย 14 ปี ที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่สามารถติดตามความคืบหน้าได้ <br /><br />ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2560 ซึ่งเป็นการนัดพร้อมและสอบคำให้การ จำเลยทั้งสองได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ศาลมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะความประพฤติของจำเลยทั้งสองรายงานต่อศาล </div>
Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-30523107375756779222017-11-17T18:07:00.007-08:002017-11-17T18:07:59.613-08:00 ผู้บัญชาการทหารสูงสุด มั่นใจ ผบ.ทบ.จะนำกองทัพบกขึ้นสู่กองทัพชั้นนำของภูมิภาค<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://c1.staticflickr.com/5/4544/38408047242_09f56f9b8f_z.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="266" src="https://c1.staticflickr.com/5/4544/38408047242_09f56f9b8f_z.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br />Published on Wed, 2017-11-15 23:56<br /><br /><br />พล.อ.ธารไชยยันต์ มอบนโยบายให้กับกองทัพบก เน้นเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ หนุนกิจกรรมหน่วยพระราชทานและประชาชนจิตอาสา เชื่อมั่น พล.อ.เฉลิมชัย นำกองทัพบกไปสู่ความเป็นกองทัพบกชั้นนำของภูมิภาค และเป็นที่ศรัทธาของประชาชน<br /><br /><br /><br />15 พ.ย.2560 รายงานข่าวระบุว่า วันนี้ (15 พ.ย.) เมื่อเวลา 8.30 น. ที่ กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติงานให้กับกองทัพบก มี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ กองทัพบกให้การต้อนรับ นับเป็นการตรวจเยี่ยมอย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังเข้าดำรงตำแหน่ง ผบ.ทสส.<br /><br />ผบ.ทสส. มอบนโยบายให้กองทัพบก เน้นการพิทักษ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ สนับสนุนการจัดกิจกรรมโครงการหน่วยพระราชทานและประชาชนจิตอาสา “เราทำความดีด้วยหัวใจ” รวมทั้ง การปฏิบัติตามศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน อย่างเต็มขีดความสามารถ และสมพระเกียรติ นอกจากนี้ ให้ยึดถือนโยบายของรัฐบาล นโยบายของกระทรวงกลาโหม และนโยบายเร่งด่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นแนวทาง<br /><br />พล.อ.ธารไชยยันต์ ยังชื่นชมผลการปฏิบัติงานของกองทัพบก ทั้งด้านการป้องกันประเทศ การรักษาความสงบเรียบร้อยภายใน การแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ และการพัฒนาขีดความสามารถของกำลังรบ การพัฒนาคุณลักษณะผู้นำของผู้บังคับหน่วยทหารในทุกระดับ และการพัฒนาระบบการฝึกต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้กองทัพไทยมีความพร้อม และสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ <br /><br />“เชื่อมั่นว่า กองทัพบกภายใต้การบังคับบัญชาของผู้บัญชาการทหารบก จะสามารถปฏิบัติภารกิจและแก้ไขปัญหาของชาติ ให้ลุล่วงไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำกองทัพบกไปสู่ความเป็นกองทัพบกชั้นนำของภูมิภาค และเป็นที่เชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนตลอดไป” พล.อ.ธารไชยยันต์ กล่าว<br /><br />รายงานข่าวระบุด้วยว่า หลังเสร็จสิ้นการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติงานให้กับกองทัพบก ผบ.ทสส. จะเดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติงาน ให้กับกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน จากนั้น สัปดาห์หน้า จะตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติงานให้กับกองทัพอากาศและกองทัพเรือต่อไป </div>
Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-89330234514847173492017-11-17T18:06:00.002-08:002017-11-17T18:06:16.241-08:00พยานโจทก์ไม่มา ศาลทหารเลื่อนสืบคดี ม.112 ‘รุ่งศิลา’ ทนายเผยไม่ได้ประกันมา 3 ปี 4 เดือนแล้ว<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://3.bp.blogspot.com/-Sz3KlIj3itY/Wg-Vg-MX29I/AAAAAAAAQEA/RIER3judyrMKz1a-ikwjHawnH9owQssQwCLcBGAs/s1600/3skKny9.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="261" data-original-width="593" height="175" src="https://3.bp.blogspot.com/-Sz3KlIj3itY/Wg-Vg-MX29I/AAAAAAAAQEA/RIER3judyrMKz1a-ikwjHawnH9owQssQwCLcBGAs/s400/3skKny9.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br /><br />Published on Wed, 2017-11-15 17:53<br /><br /><br />ศาลทหารเลื่อนสืบพยาน คดี ม.112 ‘รุ่งศิลา' ไป 28 พ.ย.นี้ เหตุพยานโจทก์ซึ่งเป็นประชาชนที่ไปให้ความเห็นไม่มาศาล ทนายเผยจำเลยไม่ได้รับสิทธิประกันตัว-คุมขังมา 3 ปี 4 เดือนแล้ว ชี้เหมือนบีบให้รับสารภาพ แถมหาพยานหลักฐานสู้คดีลำบาก<br /><br />15 พ.ย. 2560 วันนี้ ศาลทหารกรุงเทพ นัดสืบพยานโจทก์ ในคดีที่ สิรภพ (สงวนนามสกุล) หรือ รุ่งศิลา (นามปากกา) ตกเป็นจำเลย จากการถูกฟ้องตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือหมิ่นประมาทกษัตริย์ เหตุเขียนบทกวีและเผยแพร่บทความในเว็บไซต์ <br /><br />อานนท์ นำภา ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งรับผิดชอบในดคีนี้ ให้สัมภาษณ์ประชาไทว่า คดีนี้สืบพยานโจทก์เสร็จไปเพียงปากเดียว คือ ตำรวจผู้กล่าวหา ส่วนปากที่ 2 ซึ่งเป็นประชาชนที่ไปให้ความเห็นนั้นยังค้างคาอยู่ และเลื่อนมา ซึ่งวันนี้ เขาก็ไม่มา ศาลจึงเลือนสืบพยานใหม่เป็นวันที่ 28 พ.ย.นี้ ซึ่ง สิรภพ โดนฟ้องคดี ม.112 จำนวน 3 กระทง โดยที่กระทงหนึ่งมาจากการโพสต์ถึงทายาทและรากเหง้าของกบฎบวรเดช<br /><br /><ul style="text-align: left;">
<li><a href="http://prachatai.com/journal/2016/11/69000">จำคุก 8 เดือนรอลงโทษ 2 ปี รุ่งศิลานักเขียนผู้ปฏิเสธรัฏฐาธิปัตย์ คสช. ไม่รายงานตัว</a></li>
<li><a href="http://prachatai.com/journal/2016/05/65951">“เรียกรายงานตัวอีกครั้งก็ยังจะอารยะขัดขืน” คำเบิกความ 'รุ่งศิลา' กวีหลังกรงขัง</a></li>
<li><a href="http://prachatai.com/journal/2015/09/61548">ศาลทหาร-ศาลอาญา เห็นไม่ตรงกัน คดี 112 ‘รุ่งศิลา’ขึ้นศาลไหน รอชี้ขาด</a></li>
</ul>
<br />อานนท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สิรภพไม่ได้รับสิทธิประกันตัวและอยู่ในเรือนจำกว่า 3 ปี 4 เดือนแล้ว ตั้งแต่หลังรัฐประหารไม่นาน และเพิ่งสืบพยานไปได้แค่เพียงปากครึ่งเท่านั้นเอง จากพยานของโจทก์ราว 6-7 ปากซึ่งอีกนานกว่าจะเสร็จ ขณะที่พยานจำเลย คือ สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ (นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์) ที่ยังไม่ได้เบิกความเลยก็เพิ่งเสียชีวิตไปแล้ว<br />สำหรับการไม่ได้รับสิทธิประกันตัว อานนท์ ในฐานะทนายจำเลย กล่าวว่า สภาพในเรือนจำตอนนี้ก็เหมือนการบีบบังคับ เมื่อจำเลยไม่ได้รับสิทธิการประกันตัวก็เหมือนบีบให้รับสารภาพ แต่สำหรับคดีนี้จำเลยใจแข็ง พยายามสู้คดีว่าไม่ได้ทำผิด นอกจากนี้ ยังทำให้โอกาสที่จำเลยจะหาพยานหลักฐานในการสู้คดีก็ลำบาก เพราะบางเรื่องบอกผ่านทนาย ทนายเองก็อาจไม่ทราบเรื่อง การสอบข้อเท็จจริงของทนายกับจำเลยที่อยู่ในเรือนจำก็ลำบาก<br /> <br />อานนท์ กล่าวด้วยว่า คดีนี้เคยยื่นประกันตัวหลายครั้งแล้ว โดยวางหลักทรัพย์ถึง 5 แสนบาท แต่ก็ไม่ได้รับสิทธิประกันตัว <br /> <br />ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากสิรภพถูกดำเนินคดีนี้แล้ว เขายังถูกดำเนินคดีฝ่าฝืนประกาศ คสช.ที่ 44/2557 ไม่ไปรายงานตัวด้วย โดยในคดีนั้น เมื่อ พ.ย. 2559 ศาลทหารพิพากษาลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 18,000 บาท แต่มีเหตุให้ลดโทษเนื่องจากให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษให้หนึ่งในสามเหลือโทษจำคุก 8 เดือน ปรับ 12,000 บาท เนื่องจากจำเลยไม่เคยจำคุกมาก่อนจึงให้รอการลงโทษ 2 ปี</div>
Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-29927658876709672842017-11-17T18:02:00.004-08:002017-11-17T18:02:45.936-08:00 เลื่อนสืบพยานปีหน้า คดีฟ้อง ทบ. เรียกค่าเสียหาย เหตุทหารมหาดเล็กเสียชีวิตระหว่างฝึก<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://c1.staticflickr.com/5/4225/35032138180_ef5e2464dd_o.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://c1.staticflickr.com/5/4225/35032138180_ef5e2464dd_o.jpg" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="text-align: start;">ร.ต.สนาน ทองดีนอก</span></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br />Published on Wed, 2017-11-15 16:03<br /><br /><br />คดีญาติฟ้องกองทัพบกเรียกค่าเสียหาย เหตุ ร.ต.สนาน จมน้ำเสียชีวิตระหว่างฝึกหลักสูตรทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ศาลแพ่งเลื่อนสืบพยาน 2 นัดไปปีหน้า เหตุพยานไม่มาตามนัด<br /><br /><br /><br /><br />15 พ.ย.2560 ความคืบหน้าล่าสุดคดีมารดาและภรรยา ร.ต.สนาน ทองดีนอก ฟ้องกองทัพบก เรียกค่าเสียหายจากเหตุการณ์ ร.ต.สนาน เสียชีวิต ในระหว่างฝึกหลักสูตรทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ (UKBT) รุ่นที่ 11 เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2558 <div>
<br /><br />วันนี้ (15 พ.ย.60) มูลนิธิผสานวัฒนธรรม รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา ผู้พิพากษาศาลแพ่งออกนั่งพิจารณานัดสืบพยานโจทก์ โดยมีมารดาและภรรยา ของ ร.ต.สนานฯ พร้อมทนายมาศาล ส่วนทางด้านจำเลยมีพนักงานอัยการซึ่งเป็นทนายจำเลยมาศาล ทางด้านพยานที่โจทก์แถลงว่ายังคงติดใจอยู่อีก 3 ปาก และโจทก์ได้ดำเนินการออกหมายเรียกแล้วนั้น ปรากฏไม่มีพยานคนใดมาเบิกความต่อศาลตามนัด มีเพียงบิดาของพยานคนหนึ่งมาชี้แจงต่อศาลว่าบุตรชายของตนนั้นติดราชการไม่สามารถมาเบิกความเป็นพยานตามวันนัดได้พร้อมทั้งแสดงหนังสือจากหน่วยงานของบุตรชายต่อศาล เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและมีเหตุขัดข้องที่ไม่สามารถมาศาลได้</div>
<div>
<br /><br />ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ ผู้พิพากษาจึงได้สอบถามคู่ความทั้งสองว่าประสงค์จะเลื่อนนัดสืบพยานโจทก์ในครั้งนี้หรือไม่ ด้านโจทก์แถลงต่อศาลประสงค์ขอเลื่อนนัดเพื่อติดตามพยานทั้งสามปากนี้มาเบิกความต่อศาลให้ได้เนื่องด้วยยังคงติดใจพยานทั้งสามปากซึ่งเป็นประจักษ์พยานในวันเกิดเหตุ ส่วนทางด้านทนายจำเลยได้แถลงคัดค้าน<br /><br />ผู้พิพากษาได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานทั้งสามปากเป็นประจักษ์พยานคนสำคัญในคดี จึงอนุญาตให้เลื่อนนัดสืบพยานโจทก์ไปอีกเป็น 2 นัด เป็นวันที่ 19 ก.พ. และ 12 มิ.ย. 2561 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ณ ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร<br /><ul style="text-align: left;">
<li><a href="http://prachatai.com/journal/2017/06/71995">สืบพยานโจทก์ศาลแพ่ง ร.ต.สนานจมน้ำระหว่างฝึกหลักสูตรมหาดเล็กฯ แพทย์ยันจม 10 นาที</a></li>
<li><a href="http://prachatai.com/journal/2016/06/66179">ศาลรับฟ้องแพ่งกองทัพบก เหตุ ร.ต.สนาน ตายระหว่างฝึก</a></li>
<li><a href="http://prachatai.com/journal/2017/04/70894">ศพสุดท้ายอีกกี่ครั้ง?: รวมกรณีซ้อมทรมาน-ตายแปลกในค่าย คุก บ้านพักนายทหาร</a></li>
</ul>
<br />คดีดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อระหว่างวันที่ 13 ถึง 15 มิ.ย. 2560 ผู้พิพากษาศาลแพ่งออกนั่งพิจารณานัดสืบพยานโจทก์ กรณีมารดา และภรรยา ร.ต.สนาน ทองดีนอก เรียกค่าเสียหายจากเหตุการณ์เสียชีวิตในระหว่างฝึก โดยในระหว่างวันดังกล่าวโจทก์ และทนายโจทก์ยังคงติดใจสืบพยานอีก 3 ปากซึ่งเป็นประจักษ์พยานผู้เห็นเหตุการณ์วันเกิดเหตุ ด้วยเหตุนี้ผู้พิพากษาศาลแพ่งจึงนัดสืบพยานที่โจทก์ยังคงติดใจอยู่นั้น ในวันที่ 14 และ 15 พ.ย. และนัดสืบพยานจำเลยในวันที่ 16 พ.ย. 2560 ก่อนศาลจะอนุญาตให้เลื่อนนัดสืบพยานโจทก์ดังกล่าว</div>
<div>
<br /><br />มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ระบุว่า ร.ต.สนาน เข้ารับการฝึกในหลักสูตรมหาดเล็กรักษาพระองค์ (UKBT) รุ่นที่ 11 ในหน่วยฝึกกรมทหารราบที่ 1 กองพันทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ หลักสูตรดังกล่าวกำหนดเวลาการฝึกระหว่างวันที่ 17 พ.ค. - 27 ก.ค. 2558 และจัดให้มีช่วงที่ผู้เข้ารับการฝึกต้องผ่านการทดสอบความสามารถในการว่ายน้ำ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ในสังกัดของกองทัพบกเป็นครูฝึกและมีหน้าที่เป็นผู้กำกับดูแลการฝึก โดยวันเกิดเหตุ 6 มิ.ย. 2558 ในระหว่างการฝึกว่ายน้ำตามหลักสูตร ร.ต.สนาน ได้ถูกบังคับให้ว่ายน้ำเกินกำลังความสามารถที่ร่างกายจะทนได้ โดยว่ายน้ำไป-กลับภายในสระว่ายน้ำโดยไม่มีการหยุดพักหลายสิบรอบและเป็นเวลานาน จนเป็นเหตุให้ ร.ต.สนานจมลงไปในก้นสระเป็นเวลานานจนขาดอากาศหายใจ โดยที่ครูฝึกไม่ดำเนินการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ในคำฟ้องคดีแพ่งดังกล่าวระบุว่า การเสียชีวิตของร้อยตรีสนานเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของครูฝึก ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่</div>
</div>
Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-38754379016030496242017-11-02T01:37:00.000-07:002017-11-02T01:37:03.971-07:00สมชัย วิจารณ์ พ.ร.ป. ส.ส. ฉบับมีชัย ล้าหลัง ประชาชนสับสน พรรคการเมืองหาเสียงยาก<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<br />
<span class="submitted" style="background: rgb(153 , 153 , 153); border: 0px; color: white; display: block; font-family: "tahoma"; font-size: 0.8em; font-stretch: inherit; line-height: inherit; margin: 0px; padding: 0.5em 1em; vertical-align: baseline;">Published on <time datetime="!fulldatetime" pubdate="" style="border: 0px; font-family: inherit; font-size: inherit; font-stretch: inherit; font-style: inherit; font-variant: inherit; font-weight: inherit; line-height: inherit; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;">Thu, 2017-11-02 12:54</time></span><br />
<br /><br />สมชัย ศรีสุทธิยากร เผยกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ฉบับมีชัย เป็นกฎหมายที่ล้าหลัง ชี้จะทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกิดความสับสน พรรคการเมืองหาเสียงยาก เสี่ยงเกิดบัตรปลอม และทำให้การรวมคะแนนล่าช้า วุ่นวาย<br /><br /><br /><div style="text-align: center;">
<img height="244" src="https://c1.staticflickr.com/1/750/30939007604_1a34491500.jpg" width="400" /></div>
<br /><br /><br />2 พ.ย. 2560 <a href="http://www.tnamcot.com/view/59fa9bbae3f8e40ae18e51f0">สำนักข่าวไทย</a> รายงานว่า สมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ว่า การกำหนดเรื่องหมายเลขผู้สมัครของพรรคการเมืองจะแตกต่างกันไป ในแต่ละเขตเลือกตั้ง จะทำให้เกิดความสับสนอลหม่าน เพราะข้ามเขตเบอร์พรรคก็เปลี่ยนไป ทำให้ผู้มีสิทธิต้องจดจำหน้าผู้สมัครแทน หัวหน้าพรรคการเมืองเวลาหาเสียงทางทีวี คงบอกได้แค่ชื่อพรรค ไม่สามารถบอกว่าให้เลือกเบอร์ใดได้ บัตรเลือกตั้ง หากมีชื่อพรรคอยู่ในบัตร ต้องพิมพ์แตกต่างกัน 350 แบบ การรักษาความปลอดภัยในการจัดพิมพ์บัตรทำได้ยากขึ้น โอกาสปลอมบัตรมีมากขึ้น การนับคะแนนที่หน่วยไม่มีปัญหา แต่การรวมคะแนนพรรคการเมืองทั้งประเทศด้วยเบอร์ที่แตกต่างกันของแต่ละพรรคในแต่ละเขต คงวุ่นวาย ใช้เวลามากขึ้นหลายเท่า และมีโอกาสผิดพลาดในการประกาศผล การติดตามตรวจสอบจากพรรคการเมืองและองค์กรเอกชนสังเกตการณ์เลือกตั้งทำได้ยากยิ่ง<br /><br /><br />ส่วนการกำหนดให้วิธีการเลือกตั้งต้องใช้บัตรเลือกตั้ง เพราะหากจะใช้วิธีการอื่นได้ กกต.ต้องพิสูจน์ให้ได้ ว่าเป็นวิธีการที่สามารถป้องกันการทุจริตได้ดีกว่า มีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า และเป็นการเลือกโดยตรงและลับ สมชัย กล่าวว่า ขณะนี้เทคโนโลยีการจัดการเลือกตั้งในประเทศต่าง ๆ ก้าวไปไกลเช่นในสหรัฐอเมริกา มีการใช้เครื่องลงคะแนนอีเล็กทรอนิกส์ในทุกหน่วยเลือกตั้ง ประเทศในเอเชีย เช่น อินเดีย เนปาล ภูฏาน มีการใช้เครื่องลงคะแนนอีเล็กทรอนิกส์ทั้งประเทศ ฟิลิปปินส์ มีการใช้เครื่องอ่านบัตร นับและส่งผลคะแนนทางอีเล็กทรอนิกส์ ออสเตรเลีย มีการเปิดให้คน 4 กลุ่ม คือ คนในต่างประเทศ คนในพื้นที่ห่างไกล คนพิการ และบุคคลที่มีเหตุจำเป็นสุดวิสัยสามารถใช้สิทธิ์ทางอินเตอร์เน็ตได้<br /><br /><br />"กรรมการการเลือกตั้งไทย ได้พัฒนาระบบการใช้เครื่องลงคะแนนอีเล็กทรอนิกส์ และเตรียมนำร่องให้คนไทยในต่างประเทศบางประเทศสามารถใช้สิทธิ์ทางอินเตอร์เน็ตได้ หลังจากที่ร่าง พ.ร.ป.ส.ส. ออกมาคงต้องถอยหลังไปใช้บัตรเลือกตั้งต่อไปอีกนาน เพราะ กกต.คงไม่เสี่ยงไปอยากพิสูจน์อะไร ทำแบบเดิมต่อไป ไม่ผิดดีกว่า" สมชัย กล่าว</div>
Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-60527938683070852712017-11-02T01:36:00.001-07:002017-11-02T01:36:07.776-07:00สภาฯ เปลี่ยน พระบรมสาทิสลักษณ์ ร.9 เป็น ร.10 เหนือแท่นบัลลังก์ที่ประชุมรัฐสภา<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://c1.staticflickr.com/5/4490/26317011179_4cf887b245_z.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="" border="0" height="300" src="https://c1.staticflickr.com/5/4490/26317011179_4cf887b245_z.jpg" style="border: 0px; font-family: inherit; font-size: inherit; font-stretch: inherit; font-style: inherit; font-variant: inherit; font-weight: inherit; line-height: inherit; margin-top: 0px; max-width: 100%; padding: 0px; vertical-align: baseline;" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<span class="submitted" style="background: rgb(153 , 153 , 153); border: 0px; color: white; display: block; font-family: "tahoma"; font-size: 0.8em; font-stretch: inherit; line-height: inherit; margin: 0px; padding: 0.5em 1em; vertical-align: baseline;">Published on <time datetime="!fulldatetime" pubdate="" style="border: 0px; font-family: inherit; font-size: inherit; font-stretch: inherit; font-style: inherit; font-variant: inherit; font-weight: inherit; line-height: inherit; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;">Thu, 2017-11-02 00:47</time></span><br />
<br /><br />เลขาฯสภาฯ ถวายสักการะพระบรมสาทิสลักษณ์ ร.9 พร้อมอัญเชิญจากห้องประชุมรัฐสภาและนำมาประดิษฐาน ณ พิพิธภัณฑ์รัฐสภา เพื่อเป็นประวัติศาสตร์ อัญเชิญพระฉายาลักษณ์ ร.10 ขึ้นประดิษฐานเหนือแท่นบัลลังก์ที่ประชุมรัฐสภา <br /><br /><br />1 พ.ย.2560 <a href="http://www.radioparliament.net/parliament/viewNews.php?nId=8527#.WfoEqdBl_IU">ทีมข่าววิทยุรัฐสภา</a> รายงานว่า สรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นำพวงมาลัยดอกไม้ถวายสักการะพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เพื่อความเป็นสิริมงคล ภายหลังมีการอัญเชิญพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งประดิษฐานมาตั้งแต่ พ.ศ. 2517 จากหลังบัลลังก์ห้องประชุมรัฐสภา มาประดิษฐาน ณ พิพิธภัณฑ์รัฐสภา เพื่อเป็นประวัติศาสตร์สำคัญของฝ่ายนิติบัญญัติและของชาติต่อไป พร้อมกันนี้ได้อัญเชิญพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขึ้นประดิษฐานเหนือแท่นบัลลังก์ที่ประชุมรัฐสภา <br /><br /><br />เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ได้ตั้งจิตถวายสักการะพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้และขอพรให้การดำเนินการต่างๆ ของรัฐสภาเป็นไปอย่างราบรื่น และปราศจากอุปสรรคใดๆ <br /><br /><br /><div style="text-align: center;">
<img height="266" src="https://c1.staticflickr.com/1/381/32538630891_b192622da2_z.jpg" width="400" /></div>
</div>
Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-49311910070978465972017-11-02T01:34:00.005-07:002017-11-02T01:34:56.803-07:00ส่ง 42 ผู้ต้องหาตามหมายจับ หลังพบตัวที่จุดคัดกรองงานพระราชพิธีฯ ให้อัยการแล้ว<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://c1.staticflickr.com/5/4452/24089878108_c0a645e9a4_z.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="" border="0" height="211" src="https://c1.staticflickr.com/5/4452/24089878108_c0a645e9a4_z.jpg" style="border: 0px; font-family: inherit; font-size: inherit; font-stretch: inherit; font-style: inherit; font-variant: inherit; font-weight: inherit; line-height: inherit; margin-top: 0px; max-width: 100%; padding: 0px; vertical-align: baseline;" width="400" /></a></div>
<br />
<span class="submitted" style="background: rgb(153 , 153 , 153); border: 0px; color: white; display: block; font-family: "tahoma"; font-size: 0.8em; font-stretch: inherit; line-height: inherit; margin: 0px; padding: 0.5em 1em; vertical-align: baseline;">Published on <time datetime="!fulldatetime" pubdate="" style="border: 0px; font-family: inherit; font-size: inherit; font-stretch: inherit; font-style: inherit; font-variant: inherit; font-weight: inherit; line-height: inherit; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;">Wed, 2017-11-01 16:38</time></span><br />
<br /><br />ผบ.ตร. เผยจับกุมผู้ต้องตามหมายจับในคดีอาญาและความมั่นคงได้รวม 42 คน ที่หน่วยคัดกรองบุคคลที่จะเข้าร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงฯ ขณะนี้ส่งตัวให้อัยการดำเนินคดีต่อแล้ว<br /><br /><br /><br />1 พ.ย. 2560 รายงานข่าวระบุว่า วานนี้ (31 ต.ค.60) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ (ผบ.ตร. )เปิดเผยถึงการจับกุมผู้ต้องตามหมายจับในคดีอาญาและความมั่นคงได้รวม 42 คน ที่หน่วยคัดกรองบุคคลที่จะเข้าร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ว่า ขณะนี้ส่งตัวให้อัยการดำเนินคดีต่อแล้ว เนื่องจากหมดระยะเวลาการควบคุมตัว และอยู่ในขั้นตอนของอัยการโดยผู้ต้องหาที่ถูกจับได้นั้น<br /><br /><br />เนื่องจากตำรวจได้ปิดพื้นที่ และคัดกรองบุคคลรวมทั้งตรวจสอบข้อมูลจากบัตรประจำตัวประชาชน จนพบว่ามีหมายจับจึงควบคุมตัวมาสอบสวน ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวบุคคลตามหมายจับในคดีความมั่นคงได้ หลังจากนี้ตำรวจและหน่วยงานความมั่นคง ดูแลความปลอดภัยโดยรอบพื้นที่ท้องสนามหลวงต่อไป เนื่องจากจะยังคงมีการเปิดนิทรรศการพระเมรุมาศ ให้ประชาชนเข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ 2-30 พ.ย. โดยเป็นการตรวจสอบความเข้มงวดเทียบเท่ากับในวันพระราชพิธีดังกล่าว</div>
Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-66896868628765990722017-11-02T01:33:00.000-07:002017-11-02T01:33:50.694-07:00รอลงอาญา 2 ปี แกนนำ กคป. กรณีบุกกระทรวงพลังงาน ปี 57<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/proxy/AVvXsEh7doPL1H_1Q80uO4s2bHi3rnT9hd9GFRiDpG2yRP1vbJemXFqX8mABIillFnjzlEum-7QUHgQeSV7GVwsxSMum3gWrRzHmwV7aOUZyt9GaWg0W4wV8XQBTH5H7FsLRe3Ptmmy63vOgVw-rKhly4BeBDoW_d_D-iWFBZfkSiBaI=" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="" border="0" src="http://farm4.staticflickr.com/3702/12605432214_2d3f9c9a01_z.jpg" height="225" style="border: 0px; font-family: inherit; font-size: inherit; font-stretch: inherit; font-style: inherit; font-variant: inherit; font-weight: inherit; height: 315px; line-height: inherit; margin-top: 0px; max-width: 100%; padding: 0px; vertical-align: baseline; width: 560px;" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<span class="submitted" style="background: rgb(153 , 153 , 153); border: 0px; color: white; display: block; font-family: "tahoma"; font-size: 0.8em; font-stretch: inherit; line-height: inherit; margin: 0px; padding: 0.5em 1em; vertical-align: baseline;">Published on <time datetime="!fulldatetime" pubdate="" style="border: 0px; font-family: inherit; font-size: inherit; font-stretch: inherit; font-style: inherit; font-variant: inherit; font-weight: inherit; line-height: inherit; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;">Tue, 2017-10-31 22:03</time></span><br />
<br /><br />ศาลสั่งจำคุก 'หมอระวี' แกนนำ กคป. 8 เดือน ปรับ 6,000 บาท โดยโทษจำรอลงอาญา 2 ปี ฐานมั่วสุมก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง กรณีบุกกระทรวงพลังงาน เมื่อปี 57 เจ้าตัวเผยไม่ยื่นอุทธรณ์ พอใจกับคำพิพากษา ย้ำทำเพื่อประเทศชาติ<br /><br />31 ต.ค. 2560 รายงานข่าวระบุว่า วันนี้ (31 ต.ค.60) ที่ห้อง 704 ศาลอาญารัชดาฯ นัดฟังคำพิพากษา คดีกองทัพประชาชนและเครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย (กคป.) บุกกระทรวงพลังงาน มี นพ.ระวี มาศฉมาดล แกนนำ กคป.กับพวก รวม 105 คน เป็นจำเลยฐาน ร่วมกันมั่วสุม ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง<br /><br /><br />ศาลพิเคราะห์ ข้อโต้แย้งของ นพ.ระวี จำเลยที่ 1 แล้วฟังไม่ขึ้นกรณีระบุว่า เป็นเพียงผู้ประสานงานร่วมชุมนุม ไม่ได้เป็นแกนนำ เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ เนื่องจากมีภาพปรากฏจำเลยขึ้นปราศรัยและเจรจากับเจ้าหน้าที่รัฐ พิพากษาจำคุก 8 เดือน ปรับ 6,000 บาท ฐานมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายฯ แต่ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนศาลให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี จึงให้รอลงอาญา 2 ปี ส่วนแกนนำอีก 3 คน และผู้ชุมนุม คือจำเลยที่ 7-9 , 11-98 และ 100-105 ให้จำคุกคนละ 2 เดือนปรับคนละ 2,000 บาท โดยให้รอลงอาญา 2 ปีเช่นกัน แต่จำเลยที่ 10 และ 99 ให้จำคุกจริง 2 เดือน 20 วัน ส่วนจำเลยที่ 6 ให้ยกฟ้อง<br /><br /><br />คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากวันที่ 13 ม.ค. 2557 กลุ่มจำเลยร่วมกันใช้รถบรรทุก 6 ล้อ เป็นเวทีปราศรัยบุก บมจ.ปตท.สำนักงานใหญ่ โจมตีการทำงานของรัฐบาลและทำลายทรัพย์สินในกระทรวงพลังงาน ถ.วิภาวดีฯ อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548<br /><br /><br />นพ.ระวี เปิดเผยหลังฟังคำพิพากษาว่า คดีนี้จะไม่ยื่นอุทธรณ์ และพอใจกับคำพิพากษา แต่ถ้าทาง ปตท.หรืออัยการยื่นอุทธรณ์ก็คงต้องยื่นสู้ต่อ ชี้สิ่งที่เรากระทำเพื่อประเทศชาติ หลังจากนี้ในอนาคตเราอาจเคลื่อนไหวในแนวปฏิรูปด้านพลังงานอย่างไรจะแจ้งให้ทราบภายหลัง<br /><br /><br />ที่มา : <a href="http://www.tnamcot.com/view/59f81315e3f8e40add8e4ece">สำนักข่าวไทย</a> <a href="https://www.khaosod.co.th/politics/news_605230">ข่าวสดออนไลน์</a></div>
<!-- Blogger automated replacement: "https://images-blogger-opensocial.googleusercontent.com/gadgets/proxy?url=http%3A%2F%2Ffarm4.staticflickr.com%2F3702%2F12605432214_2d3f9c9a01_z.jpg&container=blogger&gadget=a&rewriteMime=image%2F*" with "https://blogger.googleusercontent.com/img/proxy/AVvXsEh7doPL1H_1Q80uO4s2bHi3rnT9hd9GFRiDpG2yRP1vbJemXFqX8mABIillFnjzlEum-7QUHgQeSV7GVwsxSMum3gWrRzHmwV7aOUZyt9GaWg0W4wV8XQBTH5H7FsLRe3Ptmmy63vOgVw-rKhly4BeBDoW_d_D-iWFBZfkSiBaI=" -->Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-35351528159339115432017-11-02T01:31:00.001-07:002017-11-02T01:31:30.237-07:00รำลึก 11 ปี ลุงนวมทอง<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://c1.staticflickr.com/5/4475/38009906226_9d00c2e407.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="640" src="https://c1.staticflickr.com/5/4475/38009906226_9d00c2e407.jpg" width="358" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<span class="submitted" style="background: rgb(153 , 153 , 153); border: 0px; color: white; display: block; font-family: "tahoma"; font-size: 0.8em; font-stretch: inherit; line-height: inherit; margin: 0px; padding: 0.5em 1em; vertical-align: baseline;">Published on <time datetime="!fulldatetime" pubdate="" style="border: 0px; font-family: inherit; font-size: inherit; font-stretch: inherit; font-style: inherit; font-variant: inherit; font-weight: inherit; line-height: inherit; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;">Tue, 2017-10-31 19:59</time></span><br />
<br />
<br />
จุดเทียนวางดอกไม้รำลึก 11 ปี ลุงนวมทอง เพื่อนร่วมอาชีพขับแท็กซี่ชี้เป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองคนหนึ่ง เผยทั้งรู้สึกใจหายและภูมิใจที่มีแท็กซี่กล้าชนกับเผด็จการถึงขนาดเอาชีวิตเข้าแลก<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<img height="640" src="https://c1.staticflickr.com/5/4479/38063212491_b93ee23339.jpg" width="358" /></div>
<br />
31 ต.ค. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (31 ต.ค.60) เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ที่สดมภ์ นวมทอง ไพรวัลย์ บริเวณสะพานลอย หน้า สนพ. ไทยรัฐ ริมถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ ประชาชนประมาณ 20 คน รวมกิจกรรมจุดเทียน วางดอกไม่ และอ่านบทกวี รำลึก 11 ปี การเสียชีวิตจอง นวมทอง ซึ่งมีอาชีพขับแท็กซี่ผูกคอเสียชีวิต ที่บริเวณ ในคืนวันที่ 31 ต.ค. 2549 โดยมีจดหมายลาตายระบุว่า ต้องการลบคำสบประมาทของ พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ รองโฆษกคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปก.) ที่ว่า “ไม่มีใครมีอุดมการณ์มากขนาดยอมพลีชีพได้” หลังจากก่อนหน้านี้เขาขับแท็กซี่พุ่งชนรถถังของคณะรัฐประหาร ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าจนบาดเจ็บสาหัสเมื่อวันที่ 30 ก.ย.2549 เพื่อประท้วงการรัฐประหาร<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<img height="300" src="https://c1.staticflickr.com/5/4462/38009906466_dcd83c7e85_z.jpg" width="400" /></div>
<br />
กิจกรรมรำลึกใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก่อนยุติลงอย่างสงบ ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารทั้งในและนอกเครื่องแบบคุมเข้มทั่วบริเวณ นอกจากนี้มีรายงานด้วยว่าช่วงเย็นของวันนี้มีประชาชนจำนวนหนึ่งเดินทางไปวางดองไม่บริเวณดังกล่าวเช่นกัน ขณะที่มีป้ายข้อความเตือน โดยยกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2558 เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมืองติดไว้ด้วย<br />
<br />
<a href="http://prachatai.com/journal/2017/10/73889">กวีประชาไท: รำลึกสิบเอ็ดปี นวมทอง ไพรวัลย์</a><br />
<a href="http://prachatai.com/journal/2017/01/69651">รู้จัก ‘ปรวย’ ผู้ลี้ภัย-ผู้กำกับหนังลุงนวมทอง /Democracy After Death</a><br />
<a href="http://prachatai.com/journal/2016/10/68608">รายงาน: 10 ปี ความตายลุงนวมทองพิสูจน์อุดมการณ์ต้านรัฐประหาร</a><br />
<br />
ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ ไพศาล จันปาน อายุ 44 ปี ผู้มีอาชีพขับแท็กซี่ และมาร่วมกิจกรรมรำลึกนวมทอง เพื่อนร่วมอาชีพตลอดหลายปีที่ผ่านมา รวมทั้งครั้งนี้ด้วย โดย ไพศาล กล่าวว่า นวมทอง ถือเป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองคนหนึ่ง ตนเองแม้จะเป็นผู้มีเสียงเล็กๆ น้อยๆ จึงอยากมารำลึก บริเวณดังกล่าว <br />
<br />
"มีผู้ชายคนหนึ่ง เขาขับรถแท็กซี่ ไม่ชอบการสบประมาทหรือหมิ่นประมาทจากกองทัพ แล้วเขาก็ปลิดชีพตัวเอง แต่ผมคงไม่กล้าทำ" ไพศาล กล่าวถึง นวมทอง เพื่อนร่วมอาชีพและอุดมการณ์ของตน พร้อมระบุว่าตนรู้สึกทั้งใจหายและภูมิใจที่มีแท็กซี่กล้าชนกับเผด็จการถึงขนาดเอาชีวิตเข้าแลกแบบนี้ แต่ก็หดหู่ที่ต้องมาเสียชีวิตเพราะการต่อสู้ทางการเมืองเช่นกัน<br />
<br />
ไพศาล กล่าวว่า สำหรับคนขับรถแท็กซี่ที่เป็นเสื้องแดงหรือมาทางฝั่งเสื้อแดงนั้นจะรู้จักนวมทองทุกคน หรือแท็กซี่ที่สนใจการเมืองอย่างเข้ทข้นก็จะรู้จักกันหมด แต่ตอนนี้คนขับแท็กซี่ก็มีความหลากหลายมีทั้งที่สนใจการเมืองและไม่สนใจเลย<br />
<br />
<a href="http://prachatai.com/journal/2016/09/68144">10 ปี ลุงนวมทองขับแท็กซี่ชนรถถังคณะรัฐประหาร สัญลักษณ์ที่ยังมีชีวิต</a><br />
<a href="http://prachatai.com/journal/2015/11/62278">ตร.เข้าคุยมูลนิธิวีรชนฯ แถมขอเป็นเพื่อนทาง LINE หลังเปิดห้องลุงนวมทอง</a><br />
<a href="http://prachatai.com/journal/2015/11/62221">จอม เพชรประดับ : บันทึกชีวิต ‘นวมทอง ไพรวัลย์’ 9 ปีที่ ประชาธิปไตยสิ้นใจ</a><br />
<a href="http://prachatai.com/journal/2015/11/62207">ประมวลภาพ-คลิป : พลเมืองโต้กลับรำลึก 9 ปี นวมทอง และข้อเสนอปฏิรูปกองทัพ</a><br />
<a href="https://www.facebook.com/Banrasdr-Photo-1426666687572773/?hc_ref=ARQjIBidYwtcaJ9yIit1hpI40Ctq4ymY_5wByhCcK8lK6O56SeVxJUjCKXu6C1Qbw1A">Banrasdr Photo</a> รายงานด้วยว่าเวลา 20.00น.กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยได้เดินทางมาจุดเทียน วางดอกไม้รำลึกด้วยเช่นกัน โดย มีตำรวจหลายสิบนายแบบเฝ้าสังเกตุการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกับตรวจหาป้ายข้อความหรือสัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับการเมืองจากผูู้ที่เข้าร่วมรำลึก<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<img height="265" src="https://scontent.fbkk5-4.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/22853193_1938638323042271_861162760076392060_n.jpg?oh=ff396c4707972e27b80d298dafcfda80&oe=5A6A4E64" width="400" /></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<img height="266" src="https://scontent.fbkk5-4.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/22852140_1938637973042306_7844635264785907765_n.jpg?oh=1cb0bc84ed061d78a279951122ddfac0&oe=5A6ABEDF" width="400" /></div>
ภาพจาก <a href="https://www.facebook.com/Banrasdr-Photo-1426666687572773/?hc_ref=ARQjIBidYwtcaJ9yIit1hpI40Ctq4ymY_5wByhCcK8lK6O56SeVxJUjCKXu6C1Qbw1A">Banrasdr Photo</a> </div>
Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-60133400540403041862017-10-03T01:05:00.004-07:002017-10-03T01:05:53.683-07:00 'ศรีสุวรรณ' จี้ทบทวนแต่งตั้ง กก.ยุทธศาตร์ชาติ 'ฝักถั่ว-นายทุน-ขุนศึก'<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://4.bp.blogspot.com/-wSRVBF-XJLw/WdNE1UUHZdI/AAAAAAAAQAw/14E4OVPvAewkx98_a06WfNHZPA0wWpnqwCLcBGAs/s1600/%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%258C%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%2594.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="183" data-original-width="275" height="266" src="https://4.bp.blogspot.com/-wSRVBF-XJLw/WdNE1UUHZdI/AAAAAAAAQAw/14E4OVPvAewkx98_a06WfNHZPA0wWpnqwCLcBGAs/s400/%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%258C%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%2594.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br /><br /> 'ศรีสุวรรณ จรรยา' ออกแถลงการณ์ 'หยุดลุแก่อำนาจแต่งตั้ง กก.ยุทธศาตร์ชาติพวกฝักถั่วและกลุ่มนายทุนขุนศึกเสียที' จี้ทบทวนการแต่งตั้งเมื่อวันที่ 28 ก.ย. ให้มีการสมัครและคัดเลือกใหม่ มีการเลือกตั้งกันอย่างเปิดเผย โปร่งใส ตามครรลองประชาธิปไตย<br /> <br /> 1 ต.ค. 2560 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกแถลงการณ์ 'หยุดลุแก่อำนาจแต่งตั้ง กก.ยุทธศาตร์ชาติพวกฝักถั่วและกลุ่มนายทุนขุนศึกเสียที' โดยระบุว่าตามที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ลงนามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านต่าง ๆ เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน มีระยะเวลาถึง 20 ปีนั้น<br /> <br /> เนื่องจากยุทธศาสตร์ชาติเป็นเรื่องใหญ่เพราะต้องนำไปบังคับใช้กับประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ ทั่วประเทศมีหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดโดยที่คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติยังต้องทำหน้าที่ในการจัดทำแผนแม่บทให้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดและต้องติดตาม ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานต่าง ๆ ว่าสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติหรือไม่ด้วย<br /> <br /> ดังนั้นผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่จัดทำยุทธศาสตร์ชาติต้องเป็นบุคคลที่หลากหลายจากทุกอาชีพหรือวิชาชีพที่มีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ และมีความเป็นกลางทางการเมืองแต่ทว่าตามรายชื่อตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีข้างต้น กลับกลายเป็นกลุ่มคนที่กระจุกตัวใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจหรือรัฐบาลในปัจจุบัน รวมทั้งเป็นตัวแทนของกลุ่มนายทุนที่ได้ประโยชน์จากการทำรัฐประหารที่ไม่เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตยทั้งสิ้น อีกทั้งยังมีรายชื่อของบุคคลที่ไม่สมัครใจจะเข้ามาร่วมสังฆกรรมกับการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติอีกด้วย<br /> <br /> ดังกรณีของนายชัชชาติ เป็นต้น แสดงให้เห็นถึงกระบวนการแต่งตั้งที่เร่งรีบรุกรี้รุกรน ทั้ง ๆ ที่การจัดทำยุทธสาสตร์ชาติเป็นเรื่องใหญ่ของชาติการได้มาซึ่งกรรมการควรจะมีกระบวนการที่เป็นประชาธิปไตยจึงจะชอบการลุแก่อำนาจในการแต่งตั้งกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติที่เป็นแหล่งรวมกันของคนใกล้ชิดผู้มีอำนาจ กลุ่มนายทุน นักธุรกิจต่างชาติและนักเทคโนแครตที่เท้าไม่เคยเหยียบดิน จะไปล่วงรู้สภาพปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศได้อย่างไรการกำหนดหรือจัดทำยุทธสาตร์ชาติจะตอบสนองหรือสะท้อนข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั้งยืนได้อย่างไรหรือเพียงเพื่อจัดทำขึ้นมาเพื่อปกป้องกลุ่มผู้มีอำนาจและเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มนายทุนขุนศึกเท่านั้น<br /> <br /> ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงขอเรียกร้องมายัง ฯพณฯนายกรัฐมนตรีได้โปรดพิจารณาทบทวน และยกเลิกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านต่าง ๆ เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2560 เสียแล้วกลับไปดำเนินการเปิดโอกาสให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศที่มีจิตอาสามีเวลา มีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ที่หลากหลายได้มาสมัครและเลือกตั้งกันอย่างเปิดเผย โปร่งใส ตามครรลองประชาธิปไตยเพื่อนำไปสู่การยอมรับในการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติร่วมกันในอนาคต 20 ปีต่อไป</div>
Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-43259329661468115032017-10-03T01:04:00.002-07:002017-10-03T01:04:23.503-07:00 'หมวดเจี๊ยบ' ตั้งคำถาม 'ประยุทธ์' เยือนสหรัฐฯ ปิดดีลซื้ออาวุธหรือไม่<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://1.bp.blogspot.com/-P-gHrXghmBY/WdNEeWuV9pI/AAAAAAAAQAs/JTsIfR5oEyYXfTCnL60QbMinZYKSh6rjQCLcBGAs/s1600/1379323901-48000701-o.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="360" data-original-width="500" height="287" src="https://1.bp.blogspot.com/-P-gHrXghmBY/WdNEeWuV9pI/AAAAAAAAQAs/JTsIfR5oEyYXfTCnL60QbMinZYKSh6rjQCLcBGAs/s400/1379323901-48000701-o.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
'ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัค' อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ชี้มีสื่อต่างประเทศอ้างข้อมูลจากทำเนียบขาวเปิดเผยว่าในการพบหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับ พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นการไปเจรจาขอซื้ออาวุธล็อตใหม่จากสหรัฐฯ <br /> <br /> 1 ต.ค. 2560 เว็บไซต์ <a href="http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/775145">กรุงเทพธุรกิจ</a> รายงานว่า ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัค อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าขณะนี้สื่อต่างประเทศอ้างข้อมูลจากทำเนียบขาวของสหรัฐ เปิดเผยว่าในการพบหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐในสัปดาห์หน้านี้ รัฐบาล พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังจะไปเจรจาขอซื้ออาวุธล็อตใหม่จากสหรัฐ<br /> <br /> นอกจากนี้ ยังจะไปปิดดีลการส่งมอบเฮลิคอปเตอร์ รุ่น แบล็คฮอว์ก 4 ลำ ที่กองทัพไทยเคยเจรจาซื้อจากสหรัฐค้างไว้ ตั้งแต่สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ยังปิดดีลไม่สำเร็จ เพราะเกิดการยึดอำนาจโดย คสช. ขึ้นเสียก่อนและไม่ทราบว่าดีลซื้อขายอาวุธครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเอาผลประโยชน์ของชาติไปแลกด้วยหรือไม่ เพราะสื่อต่างประเทศระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมกดดันให้ประเทศไทย เป็นหัวหอกในภูมิภาคเพื่อคว่ำบาตรรัฐบาลเกาหลีเหนือ ซึ่งกำลังมีความขัดแย้งตึงเครียดกับสหรัฐอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากประเทศไทยเป็นที่ตั้งของสถานทูตเกาหลีเหนือ<br /> <br /> โดยสื่อต่างประเทศยังแฉอีกด้วยว่าเมื่อครั้งที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ คือ นาย เร็กซ์ ทิลเลอสัน พบหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ ในไทยเมื่อเดือนที่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ อาจปิดบังความจริงเรื่องความสัมพันธ์ทางการค้ากับเกาหลีเหนือ ซึ่งไทยอ้างว่า การค้าระหว่างไทยกับเกาหลีเหนือในปีนี้ลดลงไปแล้วถึง 94 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสวนทางกับข้อมูลของรอยเตอร์ ที่ระบุว่าการลงทุนของเกาหลีเหนือในไทยยังมีมูลค่าสูงเท่าเดิม และไม่พบว่าธนาคารของไทยจะปิดบัญชีของนักธุรกิจเกาหลีเหนือแต่อย่างใด ไม่ทราบว่าข้อมูลเหล่านี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่</div>
Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-4740681899669624972017-10-03T01:02:00.002-07:002017-10-03T01:02:53.956-07:00ประวิตรอ้างมีกลุ่มใน-นอกประเทศจ่อป่วนช่วงพระราชพิธีฯ ผบ.ทบ.ชี้เป็นกลุ่มหนีคดี ม.112<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://c1.staticflickr.com/5/4185/34652539206_aaeba63427.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="205" src="https://c1.staticflickr.com/5/4185/34652539206_aaeba63427.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br />
<div>
พล.อ.ประวิตร ระบุการข่าวพบว่ามีกลุ่มคนในและนอกประเทศเตรียมก่อความวุ่นวายในช่วงพระราชพิธีฯ ผบ.ทบ. ชี้เป็นกลุ่มคนที่หลบหนีคดีมาตรา 112 ที่อยู่ในต่างประเทศ ใช้วิธีการเคลื่อนไหวผ่านโซเชียลมีเดีย<br /><br /> 2 ต.ค. 2560 รายงานข่าวระบุว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์อำนวยการร่วมการรักษาความปลอดภัยและการจราจรในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่า มีความเป็นห่วงในทุกเรื่อง โดยเฉพาะการก่อกวนและต่อต้านที่อาจจะเกิดขึ้น ดังนั้นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องทำให้เกิดความพร้อมและความปลอดภัยในทุกอย่าง<br /><br /> <b><span style="color: blue;"> “ยอมรับว่าการข่าวพบว่ามีกลุ่มคนในและนอกประเทศเตรียมก่อความวุ่นวายในช่วงพระราชพิธีฯ แต่ผมคงไม่ต้องขอความร่วมมือจากคนเหล่านี้ เพราะเป็นกลุ่มผู้ไม่หวังดี ทั้งนี้ฝ่ายความมั่นคงจะต้องวางกำลังอย่างเข้มงวด ทำให้เกิดความพร้อมและความปลอดภัยในทุกอย่าง เพราะพระราชพิธีในครั้งนี้ถือเป็นพิธีสำคัญหนึ่งเดียวในโลก จะมีผู้ร่วมพระราชพิธีกว่า 250,000 คน ดังนั้นทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเตรียมงานให้สมพระเกียรติกับที่ทรงงานมานาน 70 ปี” </span></b>พล.อ.ประวิตร กล่าว<br /><br /> พล.อ.ประวิตร กล่าวด้วยว่า สำหรับการเตรียมความพร้อมและขั้นตอนต่าง ๆ ในช่วงพระราชพิธีฯ นั้น ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารทางวิทยุและโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศ<br /><br /><div style="text-align: center;">
<img height="266" src="https://c1.staticflickr.com/5/4194/33707169884_4ceac75bba.jpg" width="400" /></div>
<br /> ขณะที่ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีนี้ด้วย ว่า ได้รับข้อมูลด้านการข่าวมานานแล้ว โดยกลุ่มดังกล่าวมีลักษณะปลุกระดมผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อก่อกวนช่วงงานพระราชพิธีสำคัญ ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าประชาชนทุกคนที่เกิดเป็นคนไทยในยุคสมัยของรัชกาลที่ 9 ต่างตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณ และจะร่วมกันสอดส่องดูแลไม่ให้เกิดเรื่องเสียหายในช่วงงานพระราชพิธีฯ ทั้งนี้ขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา เพื่อให้พระราชพิธีสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี สมพระเกียรติ เพราะถือเป็นงานยิ่งใหญ่และเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี<br /><br /> <b><span style="color: blue;"> “การข่าวพบว่ากลุ่มที่ปลุกระดม เป็นกลุ่มคนที่หลบหนีคดีมาตรา 112 ที่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งบุคคลเหล่านี้ไม่กล้าเดินทางเข้ามาในไทย แต่ใช้วิธีการเคลื่อนไหวผ่านโซเชียลมีเดีย อย่างไรก็ตาม การออกมาเปิดเผยในเรื่องดังกล่าว หน่วยงานความมั่นคงไม่ได้ท้าทาย แต่เพื่อแจ้งเตือนให้ทุกฝ่ายเฝ้าระวัง และช่วยกันดูแลความเรียบร้อยให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดในช่วงงานพระราชพิธีฯ ขณะเดียวกันไม่อยากให้สังคมตื่นตระหนก เพราะหากทุกฝ่ายร่วมมือและช่วยกันให้ข้อมูลข่าวสารแก่เจ้าหน้าที่ ก็เชื่อว่าจะไม่เกิดเหตุใด ๆ ขึ้น ซึ่งนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัยบริเวณโดยรอบงานพระราชพิธีฯ” </span></b>พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว<br /><br /> พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร เป็นผู้รับผิดชอบงานด้านความปลอดภัยในช่วงพระราชพิธีฯ ซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ ได้มีการแบ่งงานและวางแผนการทำงานอย่างชัดเจน โดยตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบหลักในเรื่องของความปลอดภัย ส่วนกองทัพเป็นผู้สนับสนุน</div>
</div>
Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-20537541353786722112017-09-24T20:17:00.002-07:002017-09-24T20:17:22.643-07:00'เรืองไกร' ร้อง ป.ป.ช.สอบ ครม.อภิสิทธิ์ ซื้อเรือเหาะ ชี้อาจเข้าข่ายก่อความเสียหายต่อรัฐ<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://c1.staticflickr.com/5/4347/37046199752_f7415567ef_o.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://c1.staticflickr.com/5/4347/37046199752_f7415567ef_o.jpg" style="border: 0px; font-family: inherit; font-size: inherit; font-stretch: inherit; font-style: inherit; font-variant: inherit; font-weight: inherit; height: auto !important; line-height: inherit; margin-top: 0px; max-width: 100%; padding: 0px; vertical-align: baseline;" /></a></div>
<div style="border: 0px; font-family: Tahoma; font-size: 17.28px; font-stretch: inherit; font-variant-numeric: inherit; line-height: inherit; margin-bottom: 1.5em; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
<br /></div>
<div style="border: 0px; font-family: Tahoma; font-size: 17.28px; font-stretch: inherit; font-variant-numeric: inherit; line-height: inherit; margin-bottom: 1.5em; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
<span style="color: blue;"><b>'เรืองไกร' ร้อง ป.ป.ช.สอบ ครม.อภิสิทธิ์ ซื้อเรือเหาะส่อขัดเกณฑ์ใช้งบกลาง ชี้ไม่ได้จำเป็นเร่งด่วน จึงอาจเข้าข่ายก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ ขณะที่ชาวบ้านม่วงสามสิบ อุบลฯ ยื่น สอบทำประชาคมโรงไฟฟ้าขยะชีวมวล ไม่โปร่งใส ส่อจนท.ทุจริต</b></span></div>
<div style="border: 0px; font-family: Tahoma; font-size: 17.28px; font-stretch: inherit; font-variant-numeric: inherit; line-height: inherit; margin-bottom: 1.5em; padding: 0px; text-align: center; vertical-align: baseline;">
</div>
<div style="border: 0px; font-family: Tahoma; font-size: 17.28px; font-stretch: inherit; font-variant-numeric: inherit; line-height: inherit; margin-bottom: 1.5em; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
22 ก.ย. 2560 รายงานข่าวระบุว่า วันนี้ (22 ก.ย.60) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อประธาน ป.ป.ช. ผ่าน สุทธิ บุญมี ผู้อำนวยการสำนักการข่าวและกิจการพิเศษ ขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบคณะรัฐมนตรีสมัย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี กรณีที่ประชุมครม.ในขณะนั้นมีมติอนุมัติให้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2552 งบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อจัดหาระบบเรือเหาะพร้อมกล้องตรวจการณ์กลางวัน/กลางคืน วงเงิน 350 ล้านบาท เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่</div>
<div style="border: 0px; font-family: Tahoma; font-size: 17.28px; font-stretch: inherit; font-variant-numeric: inherit; line-height: inherit; margin-bottom: 1.5em; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
เรืองไกร กล่าวว่า การที่ ครม.รัฐบาลอภิสิทธ์ ได้มีมติอนุมัติแนวทางปฏิบัติกรณีการขออนุมัติใช้เงินงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ในวันที่ 17 ก.พ.52 ซึ่งมีการกำหนดหลักเกณฑ์ว่าจะต้องเป็นกรณีที่จำเป็นและเร่งด่วนที่จะต้องรีบดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการเท่านั้น ส่วนกรณีที่มีวงเงินเกินกว่า 100 ล้านบาท ให้เสนอ ครม.พิจารณาอนุมัติในหลักการก่อน รวมถึงได้ยกเลิกแนวทางปฏิบัติกรณีการขออนุมัติใช้เงินงบกลาง จากมติ ครม.เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 51 ด้วย ซึ่งต่อมาในการประชุม ครม.ในวันที่ 10 มี.ค.52 ก็มีมติอนุมัติให้ กอ.รมน.เบิกจ่ายงบกลาง เพื่อจัดหาระบบเรือเหาะพร้อมกล้องตรวจการณ์ วงเงิน 350 ล้านบาท โดยอ้างมติ ครม. เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2551 ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ครม.มีมติยกเลิกแนวทางดังกล่าวไปแล้ว </div>
<div style="border: 0px; font-family: Tahoma; font-size: 17.28px; font-stretch: inherit; font-variant-numeric: inherit; line-height: inherit; margin-bottom: 1.5em; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
ดังนั้นการที่ ครม. เมื่อวันที่ 10 มี.ค.มีมติอนุมัติให้ กอ.รมน.เบิกจ่ายงบกลาง เพื่อจัดหาระบบเรือเหาะพร้อมกล้องตรวจการณ์ วงเงิน 350 ล้านบาทจึงอาจจะไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การใช้งบกลางหรือไม่ นอกจากนั้นการที่เรือเหาะใช้การไม่ได้ตามวัตถุประสงค์และมีการยกเลิกไปแล้วนั้น ก็เป็นข้อเท็จจริงว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้จำเป็นเร่งด่วนแต่อย่างใด จึงอาจเข้าข่ายก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐหรือไม่จึงขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ</div>
<div style="border: 0px; font-family: Tahoma; font-size: 17.28px; font-stretch: inherit; font-variant-numeric: inherit; line-height: inherit; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
ขณะที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องเกี่ยวกับเรือเหาะ ป.ป.ช.ชุดที่ผ่านมาเคยวินิจฉัยกรณีถอดถอน สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ไม่ควบคุมดูแลกองทัพบกในการใช้งบประมาณจัดซื้อเรือเหาะอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งได้ยกคำร้องไปแล้ว แต่ถ้า เรืองไกร มีพยานหลักฐานใหม่ที่ไม่ใช่ประเด็นเดิมที่ ป.ป.ช.เคยมีมติไปแล้ว ก็ต้องพิจารณาว่าอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะนำมาพิจารณาได้หรือไม่ เพราะหากเป็นเรื่องเดียวกัน ตามกฎหมายไม่สามารถดำเนินการได้</div>
<div style="border: 0px; font-family: Tahoma; font-size: 17.28px; font-stretch: inherit; font-variant-numeric: inherit; line-height: inherit; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
</div>
<div style="border: 0px; font-family: Tahoma; font-size: 17.28px; font-stretch: inherit; font-variant-numeric: inherit; line-height: inherit; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
สำหรับกรณีเรือเหาะตรวจการณ์กลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง เนื่องจากเมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ระบุว่า เรือเหาะตรวจการณ์รุ่น Aeros 40D S/ N 21 หรือ sky dragon ที่ประจำการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นั้น บอลลูนตอนนี้หมดอายุการใช้งานแล้ว เพราะเป็นผืนผ้า แต่กล้องตรวจการณ์ยังใช้งานได้ ดังนั้นจะต้องมีการปรับรูปแบบการใช้งาน โดยอาจจะนำไปติดอากาศยานแทน ซึ่งทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) กำลังดำเนินการอยู่</div>
<div style="border: 0px; font-family: Tahoma; font-size: 17.28px; font-stretch: inherit; font-variant-numeric: inherit; line-height: inherit; margin-bottom: 1.5em; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
วันเดียวกัน พัฒนา ส่งเสริม กำนันตำบลหนองช้างใหญ่ พร้อมชาวบ้าน อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ประมาณ 30 คน ยื่นหนังสือถึง ป.ป.ช. เพื่อร้องเรียนและให้ตรวจสอบการทำประชาคมไม่โปร่งใสของ อบต.หนองช้างใหญ่ อ.ม่วงสามสิบ โดย สุทธิ เป็นผู้รับหนังสือแทน</div>
<div style="border: 0px; font-family: Tahoma; font-size: 17.28px; font-stretch: inherit; font-variant-numeric: inherit; line-height: inherit; margin-bottom: 1.5em; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
พัฒนา ระบุว่า ตามที่อบต.หนองช้างใหญ่และบริษัทเอกชน ได้จัดทำประชาคมกรณีบริษัทเอกชนดังกล่าวจะทำการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล(ขยะ) ในพื้นที่ต.หนองช้างใหญ่ แต่กลับมีการจัดหารถรับส่งชาวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุให้เข้าร่วมรับฟังคำชี้แจง ที่ล้วนแต่เป็นคำศัพท์ทางวิชาการ ก่อนจะให้รับฟังความคิดเห็นแล้วทำประชาคมว่ารับหรือไม่รับโรงไฟฟ้าชีวมวลดังกล่าว ทั้งนี้ ปรากฎว่ามีการร่วมกันปลอมลายมือชื่อของชาวบ้านที่ไม่ได้เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น เพื่อนำไปเบิกจ่ายงบประมาณในการจัดทำประชาคมครั้งนั้นด้วย</div>
</div>
Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-83900299387285407152017-09-24T20:16:00.001-07:002017-09-24T20:16:16.010-07:00ผบ.ทบ.แจงเลิกใช้เรือเหาะ เทียบซื้อของตามห้าง บางอย่างคิดว่าดี แต่เมื่อใช้จริงอาจไม่ 100%<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://1.bp.blogspot.com/-fi0_8DxMpiU/Wch08P8d67I/AAAAAAAAP_A/1OEFG-SJM8MxbTb4HV81YmzVqL8kdrkuwCLcBGAs/s1600/37046199752_f7415567ef_o.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="404" data-original-width="404" height="400" src="https://1.bp.blogspot.com/-fi0_8DxMpiU/Wch08P8d67I/AAAAAAAAP_A/1OEFG-SJM8MxbTb4HV81YmzVqL8kdrkuwCLcBGAs/s400/37046199752_f7415567ef_o.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
พล.อ.เฉลิมชัย แจงกรณีเลิกใช้เรือเหาะ ยันคุ้มค่า พร้อมให้ สตง.ตรวจสอบ เทียบซื้อของตามห้าง บางสิ่งบางอย่าง เราคิดว่าดีแล้ว แต่เมื่อมาใช้จริง รายละเอียดการใช้อาจไม่ 100% วอนเห็นใจทหารภาคใต้<br />
<br />
22 ก.ย. 2560 หลังจากเมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ระบุว่า เรือเหาะตรวจการณ์รุ่น Aeros 40D S/ N 21 หรือ sky dragon ที่ประจำการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นั้น บอลลูนตอนนี้หมดอายุการใช้งานแล้ว เพราะเป็นผืนผ้า แต่กล้องตรวจการณ์ยังใช้งานได้ ดังนั้นจะต้องมีการปรับรูปแบบการใช้งาน โดยอาจจะนำไปติดอากาศยานแทน ซึ่งทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) กำลังดำเนินการอยู่นั้น จนต่อมาเกิดกระแสวิพากษ์วิจารย์ พร้อมร้องเรียนให้มีการตรวจสอบการจัดซื้อเรือเหาะดังกล่าวตั้งแต่สมัยรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้น<br />
<br />
ล่าสุด วันนี้ (22 ก.ย.60) รายงานข่าวระบุว่า พล.อ.เฉลิมชัย ชี้แจงการยุติการใช้เรือเหาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ตั้งแต่ปี 2547 สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะปี 2551-2552 กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ออกปฏิบัติการจนทำให้มีเจ้าหน้าที่และประชาชนเสียชีวิตจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะก่อเกิดเหตุในพื้นที่ขอบเมืองและตัวเมือง กองทัพบกจึงพยายามหามาตรการที่จะดูแลความปลอดภัย จึงได้มีการจัดหาเรือเหาะ ความมุ่งหมายหลัก คือ ดูแล ตรวจการณ์พื้นที่ 3 ตัวเมืองหลัก สนับสนุนปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น ซึ่งการจัดหาเกิดขึ้นในปี 2552 มีการตั้งคณะกรรมการหลายชุดมาพิจารณา แต่หลังจากใช้มาได้ระยะหนึ่ง ก็มีการร้องเรียนให้ตรวจสอบโครงการ ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ตรวจสอบและสรุปว่าขั้นตอนการดำเนินการจัดหาเรือเหาะ รวมถึงราคา ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ทั้งนี้เรือเหาะเริ่มใช้งานปี 2553 ซึ่งเป็นยุทโธปกรณ์ใหม่ที่กองทัพ และประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนไม่เคยใช้งานมาก่อน<br />
<br />
“ด้วยความเป็นยุทโธปกรณ์ใหม่ ในช่วงแรกอาจจะขลุกขลักอยู่บ้าง ต่อมาก็ใช้งานต่อเนื่อง จนกระทั่งปี 2556 ได้ประสบอุบัติเหตุจากสภาพอากาศ ทำให้ลงฉุกเฉินจนชำรุด แล้วก็ซ่อมจนใช้งานต่อไปได้ในระยะหนึ่ง ในช่วงผมเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. ก็ได้ลงไปตรวจสอบการใช้งาน เนื่องจากเห็นว่าสถิติการใช้งานลดลงมาก ก็เลยให้มีการตรวจสอบรายละเอียด ซึ่งพบว่าเกิดปัญหา จึงให้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาความคุ้มค่าหากมีการส่งซ่อม ทางคณะกรรมการเห็นว่าตัวผ้าใบบอลลูนชำรุดตามห้วงเวลา ไม่คุ้มค่าต่อการส่งซ่อม จึงดำเนินการจำหน่ายตามขั้นตอน โดยเฉพาะตัวเรือเหาะมีมูลค่า 66 ล้านบาท จากมูลค่าทั้งหมด 340 ล้านบาท โดยผมได้อนุมัติให้จำหน่ายตัวเรือเหาะไปเมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2560” พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว<br />
<br />
พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวอีกว่า ในความคิดของตน ถือว่าเรือเหาะมีความคุ้มค่ากับงบประมาณ เพราะหลังจากนำมาใช้ สถิติเหตุการณ์รุนแรงในพื้นที่ของฝ่ายตรงข้ามลดลงเรื่อย ๆ เรือเหาะเป็นยุทโธปกรณ์ด้านการป้องปราม ซึ่งต้องสรุปอีกครั้ง แต่ในส่วนของตนยินดีและพร้อมชี้แจง<br />
<br />
ต่อกรณีคำถามถึงเมื่อเกิดปัญหากับเรือเหาะ จะถูกโยงไปถึงเครื่องตรวจหาสารเสพติดและสารระเบิด หรือ จีที 200 ซึ่งถือเป็นตราบาปของกองทัพบก ดังนั้นกองทัพได้บทเรียนอะไรจากการซื้อ 2 โครงการนี้หรือไม่ นั้น พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า คิดว่ากองทัพได้ประสบการณ์ แต่จีที 200 ตนไม่ทัน ไม่ได้ศึกษาในรายละเอียด<br />
<br />
“การซื้อยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ก็เหมือนซื้อของตามห้าง บางสิ่งบางอย่าง เราคิดว่าดีแล้ว แต่เมื่อมาใช้จริง รายละเอียดการใช้อาจไม่ 100% แต่ก็สามารถใช้งานได้ในระดับหนึ่ง จึงขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ และควรมองในหลายมุม อย่ามองเพียงด้านเดียว” พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว<br />
<br />
พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวอีกว่า ไม่ได้พูดคุยกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก ในเรื่องนี้เป็นพิเศษ และถือเป็นเรื่องของกองทัพ ไม่ใช่เรื่องตัวบุคคล และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ติดใจเรื่องนี้ ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้ถาม แต่ได้อธิบายที่มาของโครงการนี้แก่ตน ทั้งนี้กองทัพพร้อมให้สำนักงานตรวจงานแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบ และพร้อมชี้แจงถึงกระบวนการจัดซื้อและใช้งานเรือเหาะ<br />
<br />
“ขอยืนยันว่าการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ต้องมาจากความต้องการของหน่วย และกองทัพบกก็จะพิจารณาในรายละเอียดตามความจำเป็นและความเหมาะสม สอดคล้องกับแผนงาน ไม่เกี่ยวข้องกับนัยทางการเมือง เช่น การจัดซื้อรถถังจากจีน เพราะรถถังยูเครนประสบปัญหาล่าช้าในการส่งมอบ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น รถถังจีนก็มีประสิทธิภาพ ราคาเหมาะสม เป็นไปตามที่กองทัพบกำหนด” พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว</div>
Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8924249436787389880.post-3335422158397156442017-09-24T20:14:00.004-07:002017-09-24T20:14:52.009-07:00ขอ สนช.คุ้มครอง ป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน อยู่ครบวาระ ย้ำงานมีลักษณะพิเศษ<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div style="border: 0px; font-family: Tahoma; font-size: 17.28px; font-stretch: inherit; font-variant-numeric: inherit; line-height: inherit; margin-bottom: 1.5em; padding: 0px; text-align: center; vertical-align: baseline;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://c1.staticflickr.com/3/2944/15156483959_d20a666297.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://c1.staticflickr.com/3/2944/15156483959_d20a666297.jpg" style="border: 0px; font-family: inherit; font-size: inherit; font-stretch: inherit; font-style: inherit; font-variant: inherit; font-weight: inherit; height: auto !important; line-height: inherit; margin-top: 0px; max-width: 100%; padding: 0px; vertical-align: baseline;" /></a></div>
<div style="border: 0px; font-family: Tahoma; font-size: 17.28px; font-stretch: inherit; font-variant-numeric: inherit; line-height: inherit; margin-bottom: 1.5em; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
<br /></div>
<div style="border: 0px; font-family: Tahoma; font-size: 17.28px; font-stretch: inherit; font-variant-numeric: inherit; line-height: inherit; margin-bottom: 1.5em; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
ประธาน ป.ป.ช. ต้องการให้มีการคุ้มครองให้กรรม<span style="font-size: 17.28px;">การ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบันอยู่ครบวาระ ชี้งานของ ป.ป.ช.มีลักษณะพิเศษ ที่ต้องอาศัยคนมีความรู้ มีความชำนาญ รธน.ก่อนหน้าจึงออกแบบให้ดำรงตำแหน่ง 9 ปี</span></div>
<div style="border: 0px; font-family: Tahoma; font-size: 17.28px; font-stretch: inherit; font-variant-numeric: inherit; line-height: inherit; margin-bottom: 1.5em; padding: 0px; text-align: center; vertical-align: baseline;">
</div>
<div style="border: 0px; font-family: Tahoma; font-size: 17.28px; font-stretch: inherit; font-variant-numeric: inherit; line-height: inherit; margin-bottom: 1.5em; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
22 ก.ย.2560 รายงานข่าวระบุว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึง การพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จะกำหนดให้ ป.ป.ช.ต้องดำเนินการเรื่องที่มีการร้องเรียนให้แล้วเสร็จ ภายใน 2 ปี ว่า เป็นไปตามกรอบที่ ป.ป.ช.ได้เสนอต่อ กรธ. แต่ต้องมีข้อยกเว้นในบางกรณีให้ขยายเวลาได้ ต้องดูเนื้อหาพยานหลักฐาน </div>
<div style="border: 0px; font-family: Tahoma; font-size: 17.28px; font-stretch: inherit; font-variant-numeric: inherit; line-height: inherit; margin-bottom: 1.5em; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
“หากเคร่งครัดมาเกินไป อาจปฏิบัติได้ยาก เร่งรัดมากเกินไป อาจไม่มีคุณภาพ ส่งผลต่อคดีที่ทำ เพราะเป็นเรื่องที่กระทบสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาด้วย จึงต้องระมัดระวัง แต่ระยะเวลา 2 ปีก็อยู่ในวิสัยน่าจะดำเนินการได้เป็นส่วนใหญ่ มีส่วนน้อยมากที่ต้องขยายเวลา” พล.ต.อ.วัชรพล กล่าว </div>
<div style="border: 0px; font-family: Tahoma; font-size: 17.28px; font-stretch: inherit; font-variant-numeric: inherit; line-height: inherit; margin-bottom: 1.5em; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวถึง การที่ สนช. จะต้องเป็นผู้พิจารณาให้เห็นชอบร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยเฉพาะในประเด็นรีเซตกรรมการ ป.ป.ช. ว่า ต้องการให้ สนช.เข้าใจว่า งานของ ป.ป.ช.มีลักษณะพิเศษ ที่ต้องอาศัยคนมีความรู้ มีความชำนาญ ประสบการณ์ในการทำหน้าที่ไต่สวน วินิจฉัยคดี เป็นเรื่องที่ต้องการความต่อเนื่อง จึงมีการออกแบบในรัฐธรรมนูญ ทั้ง ปี 50 และ 60 ให้ ป.ป.ช.ดำรงตำแหน่ง 9 ปี อีกทั้ง กรรมการทั้ง 9 คน รับตำแหน่งตามกฎหมายอย่างถูกต้องทุกอย่าง จึงน่าจะได้รับการพิจารณา </div>
<div style="border: 0px; font-family: Tahoma; font-size: 17.28px; font-stretch: inherit; font-variant-numeric: inherit; line-height: inherit; margin-bottom: 1.5em; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
"ขึ้นอยู่กับ สนช. ไม่ว่ากฎหมายออกมาอย่างไร ก็พร้อมปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่กังวลว่าต้องพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ เพราะได้มีโอกาสทำงานให้ประเทศชาติอย่างเต็มที่แล้ว ถ้าต้องพ้นจากตำแหน่งก็ต้องยินดีที่จะรับ แล้วไปทำอย่างอื่นในฐานะคนไทย ทำคุณให้ชาติในบทบาทอื่น" พล.ต.อ.วัชรพล กล่าว</div>
<div style="border: 0px; font-family: Tahoma; font-size: 17.28px; font-stretch: inherit; font-variant-numeric: inherit; line-height: inherit; margin-bottom: 1.5em; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
พล.ต.อ.วัชรพล ยอมรับว่า ต้องการให้มีการคุ้มครองให้กรรมการ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบันอยู่ครบวาระ ตามร่างกฎหมายลูกที่ ป.ป.ช.เสนอไปให้ กรธ. เพราะหากต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ปี 60 อาจ มี ป.ป.ช.ต้องพ้นจากตำแหน่งถึง 7 คน ก็ต้องมีเหตุผลที่อธิบายได้ว่า ให้พ้นเพราะอะไร เนื่องจากในรัฐธรรมนูญกำหนดว่า ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ดังนั้นถ้าเป็นเหตุผลที่เหมาะสมก็รับฟัง</div>
</div>
Unknownnoreply@blogger.com0