เพียงความคืบหน้า (ตัวอย่างหนังสั้นที่จะมาพบกับท่านต้นปี ๕๖ นี้)
ณ บ้านย่าน Bellflower, California, USA - เสาร์ที่ 22 ธันวาคม 2555
แม้มวลชนไม่มากเป็นแสนอย่างโบนันซ่า เขาใหญ่ ครอบคลุมเนื้อที่ 300 ไร่ให้แดงเถือกไปทั้งหุบเขา แต่ลานหลังบ้านย่าน Bellflower ก็ยัดเยียดแออัดเต็มพื้นที่ด้วยคนเสื้อแดงแอลเอ พร้อมหัวใจที่เต้นเร่าอัดแน่นไปด้วยความโหยหาประชาธิปไตย และความเป็นธรรม เพียงแว่วเสียงเพลง "รักคนเสื้อแดง" ของแป๊ะ บางสนาน ขณะที่อินโทรเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น อารมณ์ที่อัดกดอยู่ในอกก็ระเบิดออกมาอย่างกึกก้องเกินห้ามใจ ส่งเสียงสะเทือนเลือนลั่นดังสนั่นไปทั้งงาน
ตามกำหนดการ งาน "ยกโบนันซ่ามาไว้แอลเอ" เริ่มเวลาบ่ายสองโมงของวันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม 2555 แต่ผู้คนก็ทะยอยมากันตั้งแต่ก่อนเที่ยง และเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนที่ว่างตามขอบถนนเต็มหมดไม่เหลือที่ให้จอด จึงลามไหลไปยังลานจอดรถของ Wells Fargo Bank ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านจัดงาน
ธนาคารเวลส์ฟาร์โกที่อยู่หน้าบ้านเพียงเดินข้ามถนนไปไม่กี่ก้าว เป็นแบงค์สาขาใหญ่มีลานจอดรถกว้างขวาง จอดรถได้นับร้อยคันซึ่งคนเสื้อแดงแอลเอที่มาจัดกิจกกรรม ณ บ้านหลังนี้ได้อาศัยจอดรถกันเป็นประจำตลอดมาโดยไม่เคยมีปัญหาใดๆ และทาง ธนาคารสาขานี้ก็ไม่เคยหวงห้าม
แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ เนื่องจากจำนวนรถที่เข้าไปจอดในลานจอดรถของธนาคารในวันนี้มีมากผิดปรกติจนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของแบงค์ และเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ใส่สูทโก้เดินออกมาบอกให้เอารถออกไปจากลาน พอเสียงประกาศบนเวทีให้ทุกคนนำรถออกจากลานแบงค์เวลส์ฟาร์โกไปจอดที่อื่นเท่านั้น ผู้มาร่วมงานจำนวนมากก็กรูกันออกมาจัดการเรื่องรถของตน เกรงว่าถ้ารถถูกลากไปจะเป็นเรื่องใหญ่ เสียหายหลายร้อยดอลลาร์
แต่ให้ตายเถอะโรบิน มีสตรีวัยกลางคนท่านหนึ่งในบรรดาผู้มาร่วมงาน "ยกโบนันซ่ามาไว้แอลเอ" ครั้งนี้ ใบหน้าเธอสวยสะสมวัย ลักษณะเป็นผู้มีมารยาทน่าเกรงขามเดินข้ามถนนไปคุยกับเจ้าหน้าที่ของแบงค์ที่ใส่สูทยืนชี้ไม้ชี้มืออยู่ มองไกลๆ คาดว่าคงพูดกันไม่กี่ประโยคแล้วเธอก็เดินข้ามถนนกลับมา ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะจู่ๆ เจ้าหน้าที่ที่ใส่สูทกับรปภ. ของแบงค์ก็พากันเดินกลับเข้าไปข้างใน ขณะที่รถลากซึ่งจอดรอเตรียมปฏิบัติงานก็ถอยออกวิ่งออกจากลานจอดหายไป
มีคนถามสตรีวัยกลางคนหน้าตาดีท่านนั้นว่า "เกิดอะไรขึ้นพี่" คำตอบที่ได้คือ "พี่บอกเค้าไปว่าพี่เป็นลูกค้าของเค้า" คำตอบฟังดูธรรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาก็คือ ลูกค้าที่มีเงินในบัญชีเพียงพันหรือแม้แต่เป็นหมื่นเหรียญคงไม่สามารถโน้มน้าวใจเจ้าหน้าที่แบงค์ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา) จนยอมให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่ลูกค้านำรถจำนวนมากเข้าไปจอดในลานของตนในช่วงเวลาธุรกิจยุ่ง ลูกค้าพลุกพล่านได้ด้วยคำพูดไม่กี่คำ ถ้าไม่ใช่ลูกค้ารายใหญ่จริงๆ หรือเป็นนักธุรกิจใหญ่ที่ติดต่อมีเงินหมุนเวียนอยู่กับแบงค์เป็นล้่านเหรียญ
ขณะที่เกิดเหตุ นาฬิกาบอกเวลาว่าเพิ่งจะบ่ายเศษๆ แต่แบงค์จะปิดทำการในเวลาสี่ โมงเย็น สตรีท่านนั้นเข้ามาแจ้งให้ทราบว่าทางแบงค์ให้จอดรถได้แต่ขอให้จอดบริเวณรอบนอกก่อน เหลือที่จอดใกล้ๆ ประตูทางเข้าแบงค์ไว้ให้ลูกค้าบ้าง หลังจากแบงค์ปิดในเวลาสี่โมงเย็นแล้วจะจอดที่ไหนอย่างไรก็ได้ตามสบายไม่ว่ากัน
เหตุการณ์เล็กๆ ธรรมดา กลับให้ความหมายยิ่งใหญ่ ก่อเกิดเป็นคำถามว่าคนเสื้อแดงคือคนรากหญ้าที่โง่เขลา และยากไร้จริงหรือ ในความเป็นจริงปัจจัยที่สนับสนุนกิจกรรมของคนเสื้อแดงทั้งในสหรัฐอเมริกา และที่ส่งผ่านไปยังคนเสื้อแดงกลุ่มต่างๆ ในประเทศไทย ส่วนใหญ่มาจากบุคคลเช่นสตรีวัยกลางคนท่านนั้น ที่ไม่ต้องการแม้แต่ให้คนรู้จักชื่อหรือรู้ว่าประกอบธุรกิจอะไร แต่พร้อมมอบใจ และแบ่งปันทุนทรัพย์ให้การสนับสนุนกิจกรรมการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงตลอดมา
บ่ายสองโมงตรง ดนตรีวงใหญ่ของ "พราวตา ดาราเรือง" ก็กรีดเสียงเป็นท่วงทำนองแผ่วพริ้วเป็นเพลงแรก ด้วย "เดือนเพ็ญ ใสเย็นเห็นอร่าม.." เพลงดังของคนฝ่ายซ้ายยุคขวาตกขอบในอดีต เพื่อเรียกขวัญที่หวาดผวามาแต่วันวานว่าฝนจะเทลงมาทำให้งานต้องชงัก เนื่องจากพยากรณ์อากาศบ่งบอกว่าวันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม2555 จะมีฝนตก 30 เปอร์เซ็นต์ในเขตมหานครลสแองเจลิส โดยที่การพยากรณ์ของเมืองนี้ไม่เคยพลาด ทำเอาสมาชิกผู้ศึกษาวิชาอาคมนำเอาต้นตระไคร้ไปปักดินในบริเวณงาน ไล่ฝนกันจนตะไคร้อาจขาดตลาด
"ตราบาป" เป็นเพลงที่สมาชิกบางท่านในงานขอให้ "พราวตา ดาราเรือง" ร้องให้กับเจ้าของ login ที่ใช้ชื่อ "ชญานุช" ในประชาทอล์ค ทำเอาพราวตาหลุดปากออกมาว่า "เอางั้นเหรอ" ก่อนที่เสียงร้องออดอ้อน "ในชีวิตจริงของหญิงคนหนึ่ง......" ของนักร้องดังก้องฟ้าเมืองไทยในอดีตจะขับขานส่งใจมาถึงเจ้าของ login ท่านนั้น
งานดำเนินไปอย่างคึกคักท่ามกลางเสียงเพลง และรสชาติอาหารที่จัดไว้อย่างเหลือเฟือแล้วยังมีผู้มาร่วมงานหลายท่านหอบหิ้วอาหาร ของขบเคี้ยว และเครื่องดึ่มมาร่วมด้วยช่วยกันอีกคนละอย่างสองอย่างจนล้นหลาม เป็นความอิ่มเอมในน้ำใจของกันและกัน จนได้เวลาที่ประธานจัดงานขึ้นกล่าวบนเวที
หลังจากแสดงการขอบคุณผู้มาร่วมงาน ผู้บริจาคอาหาร และเครื่องดึ่มสั้นๆ แล้ว หัวใจของการจัดงานครั้งนี้ที่ต้องการระดมพล และการขอประชามติจากผู้มาร่วมงานใน 3 เรื่องใหญ่ก็ได้รับการทวงถามจากประธานจัดงาน เสียงตอบรับว่า "ใช่" ซึ่งถือเป็นการออกเสียงร่วมกันเป็นประชามติดังกระหึ่มไปทั้งงาน เมื่อประธานถามผู้มาร่วมงานว่า "พวกเราสนับสนุนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน..ใช่...ไม่ใช่" เป็นเรื่องแรก
เสียงว่าใช่ยิ่งดังกระหึ่มขึ้นไปอีกเมื่อประธานจัดงานขอประชามติจากผู้มาร่วมงานเป็นเรื่องที่สองว่า "พวกเราต้องการรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน..ใช่....ไม่ใช่" เสียงขานรับยังย้ำคำเดิมว่า "ใช่" ไม่ลดระดับลงแม้แต่เพียงดิซิเบลเดียวเกิดขึ้นอีกรอบเมื่อประธานจัดงานถามผู้มาร่วมงานว่า "พวกเราต้องการให้รัฐบาลไทยย่อมรับอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะกรณี..ใช่...ไม่ใช่"
ความต้องการรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน อย่างรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือการปฏิเสธรัฐบาลที่ขึ้นครองอำนาจรัฐจากกระบวนการ และวิธีการอื่นทุกรูปแบบ...ไม่ว่าจากการทำรัฐประหาร...จากนายกฯ ม. 7...จากรัฐบาลอุ้มสมในค่ายทหาร...ไปจนถึงรัฐบาลแห่งชาติ หรือรัฐบาลเผด็จการรูปแบบอื่นไม่ว่าโดยพลเรือน ทหาร หรือองค์กรใดๆ....นอกจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเท่านั้น
ความต้องการมีรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชนจริงๆ คือการประกาศให้โลกรู้ว่า "อำนาจอธิปไตย" ต้องมาจากประชาชนเท่านั้น ในโลกของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยทุกอำนาจต้องยึดโยงกับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นอำนาจนิติบัญญัติ บริหารหรือตุลาการ จะต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชนเท่านั้น
และความต้องการมีรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชนจริงๆ คือการปฏิเสธรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2550 ในฐานะที่รธน. ฉบับนี้มาจากการร่างโดยรัฐบาลเผด็จการจากการรัฐประหาร ช่วงชิงอำนาจอธิปไตยไปจากประชาชน รวมถึงการปฏิเสธอำนาจขององค์กรอิสระที่มาจากรัฐบาลเผด็จการทหาร ที่มีรัฐธรรมนูญปี 50 ค้ำยันให้ไม่ต้องรับผิดไม่ว่าจะกระทำการใดๆ ทั้งในอดีต ปัจจุบันและในอนาคต ตลอดจนปฏิเสธอำนาจอื่นๆ ที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน
การส่งเสียงเป็นประชามติให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยอมรับอำนาจของศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะกรณี คือการตบหน้ากระบวนการยุติธรรมไทยว่าไม่มีความเป็นธรรม และไม่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงความมุ่งมั่นให้นำตัวฆาตรกรที่ทำผิดในคดีก่ออาชญกรรมต่อมนุษยชาติไปสู่การพิจารณาโทษโดยศาลอาญาระหว่างประเทศ อีกทั้งเป็นการส่งสัญญาณไปยังบุคคล และ/หรือองค์ต่างๆที่ยังฝักใฝ่เผด็จการ ที่เห็นประชาชนเป็นศัตรูที่ต้องล้มล้างฆ่าฟัน ว่าจงอย่าได้เข่นฆ่า ทำร้ายปราชนอีกต่อไป
เสียงตอบรับว่า "ใช่...ใช่...ใช่" อันกึกก้องเพิ่มดีกรีความร้อนแรงของงานไปสู่บรรยากาศของความเป็น "แดง" แบบสุดๆ เต็มรูปแบบทั้งร้องทั้งเต้นหน้าเวทีชนิดที่ผู้เคยมาร่วมชุมนุมในประเทศไทยบางท่านบอกว่าบรรยากาศเหมือนหน้าเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยกับเวทีเขาใหญ่ยังกับแฝด
ขณะเดียวกันมีการตั้งวงถก แลกเปลี่ยนความคิด เพิ่มเติมความรู้ระหว่างกันเป็นหย่อมๆ ความสนุกจากการร้องรำ และความเพลิดเพลินจากการจับกลุ่มสนทนา มาสดุดหยุดกึกเมื่อฝนเม็ดแรกโปรยปรายลงมาตอนเวลาราวสองทุ่ม ทั้งที่ความฮึกเหิมของคนเสื้อแดงแอลเอในงานกำลังเบ่งบานถึงขีดสุด
ถึงอย่างไรงานก็ต้องเลิกราเช่นเคย ความหรรษาพร้อมกับการชุบย้อมหัวใจรักประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการจึงต้องถอยให้กับการ“ลาที มิใช่ลาก่อน” หลังจากที่คึกคักกันมาได้ 6 ชั่วโมงเต็มแล้ว การจากกันเมื่อความมันส์กำลังถึงขีดสุดเป็นสัญญานว่า คราวหน้ายังมีอีกแน่นอน
Red USA รายงาน