โทมัส ฟูลเลอร์ นักข่าวนิวยอร์กไทมส์รายงานกรณีจ่ายเงินจำนำข้าวโดยการสัมภาษณ์ชาวบ้านในพื้นที่ภาคอีสาน พบว่าหลายคนยังรู้สึกไม่พอใจต่อการรัฐประหารและแม้จะไม่ได้วิจารณ์กองทัพโดยตรงแต่ก็ไม่ได้รู้สึกชื่นชมเช่นที่พยายามสร้างภาพแต่อย่างใด
30 พ.ค. 2557 นักข่าวนิวยอร์กไทมส์ โทมัส ฟูลเลอร์รายงานจากอำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม ในกรณีที่รัฐบาลจากการรัฐประหารของไทยสั่งจ่ายเงินจำนำข้าวให้กับชาวนา โดยฟูลเลอร์รายงานว่ามีชาวนาจำนวนมากเดินทางไปที่ธนาคารของรัฐเพื่อรับเงิน อย่างไรก็ตามชาวนาในภาคอีสานของไทยไม่ได้รู้สึกขอบคุณรัฐบาลทหาร ตรงกันข้ามพวกเขายังรู้สึกไม่พอใจการรัฐประหาร และคิดว่าเงินก้อนนี้พวกเขาควรได้รับมานานแล้ว
"ผมยังคงรู้สึกโกรธอยู่ในใจ" ไมตรี วิชาภา กล่าว เขาเป็นชาวนาที่รับงานช่างไม้เป็นงานเสริม เขาเดินทางไปรับเงินค่าจำนำข้าว 27,000 บาทพร้อมกับลูกเมีย ไมตรีกล่าวอีกว่า "พวกเราควรได้รับเงินนี้มาตั้งนานแล้ว"
ก่อนหน้านี้กองทัพไทยอ้างว่าเรื่องเงินจำนำข้าวของชาวนาเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก โดยได้สั่งให้มีการแจกเงินค่าจำนำข้าวให้กับชาวนาเป็นวงเงิน 92,000 ล้านบาท ซึ่งฟูลเลอร์รายงานว่าเป็นวงเงินจำนวนมากกว่างบประมาณประจำปีของหน่วยงานตำรวจไทย อีกทั้งยังเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าราคาข้าวในตลาดถึงสองเท่า
ฟูลเลอร์รายงานว่ารัฐบาลก่อนหน้านี้พยายามจ่ายเงินค่าข้าวแก่ชาวนาแต่ไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากกลุ่มที่ถูกจัดตั้งในกรุงเทพฯ อ้างว่าเป็นการให้เงินอุดหนุนที่สูญเปล่าและเป็นแผนการทุจริต แต่รัฐบาลทหารได้สั่งการให้มีการจ่ายเงินแก่ชาวนาโดยกู้เงินจากธนาคารของประเทศ
ฟูลเลอร์รายงานอีกว่า กองทัพไทยยังได้สร้างโฆษณาชวนเชื่อของตัวเองขึ้นมาโดยได้ความช่วยเหลือจากสื่อไทยซึ่งส่วนใหญ่กลายเป็นผู้รับใช้รัฐบาลทหารหลังจากการรัฐประหาร ซึ่งสื่อเหล่านี้จะรายงานว่าชาวนาไทยรู้สึกยินดีที่ได้รับเงินค่าจำนำข้าวรวมถึงมีป้ายขอบคุณ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งมีการถือป้ายเดินขบวนไปตามท้องถนนในจังหวัดภูเก็ต ลพบุรี และอุบลราชธานี ซึ่งแต่ละจังหวัดห่างกันมาก แต่ในเชียงยืน ชาวนาที่ได้รับทราบข่าวพวกนี้แอบหัวเราะเบาๆ
"ชาวนาตัวจริงเขาไม่ออกไปทำอะไรแบบนี้หรอก ชาวนาตัวจริงเขามีงานยุ่ง" เดือน ดวงจันทร์ศรี กล่าว เขาเป็นชาวนาผู้ไปรับเงิน 280,000 บาท เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
เดวิด สเตรกฟัสส์ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญเรื่องการเมืองไทยกล่าวว่ากองทัพคงไม่สามารถเอาชนะใจผู้คนในพื้นที่แถบภาคอีสานได้ง่ายๆ ด้วยเงินค่าข้าว
"แค่การจ่ายเงินให้กับประชาชนซึ่งพวกเขาติดค้างอยู่ก่อนแล้ว ไม่สามารถทำให้กองทัพได้รับความนิยมหรือสามารถสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองได้" สเตรกฟัสส์กล่าว
สเตรกฟัสส์ยังได้ย้ำว่าสิ่งที่กองทัพควรทำคือการคืนความเชื่อมั่นในประเด็นด้านประชาธิปไตยให้กับประชาชนไทย
ฟูลเลอร์รายงานว่าชาวนาในเชียงยืนไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์กองทัพเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา บางคนก็บอกว่าพวกเขาเห็นกองทัพเป็นฝ่ายที่เป็นกลาง แต่พวกเขาก็ยืนยันว่าการจัดให้มีการเลือกตั้งเป็นเรื่องสำคัญ และพวกเขาก็มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยที่ถูกรัฐประหารโค่นล้มไปจะชนะการเลือกตั้งได้อีก
สเตรกฟัสส์กล่าวว่ากลุ่มจัดตั้งในกรุงเทพฯ มองเห็นประชาธิปไตยเป็นเรื่องที่เปลืองเงินภาษีสำหรับพวกเขา พวกเขาไม่เห็นว่ามีนโยบายอะไรของรัฐบาลจากการเลือกตั้งที่ให้ประโยชน์กับพวกเขา แต่ประชาชนที่ยากจนกว่าได้รับประโยชน์จากนโยบายเหล่านั้นจึงคิดว่าประชาธิปไตยเป็นเรื่องที่ใช้การได้จริงสำหรับพวกเขา
ฟูลเลอร์กล่าวถึงมุมมองต่อเรื่องการให้เงินจำนำข้าวว่าเป็นความพยายามของผู้นำทหารในการแสดงด้านที่ดูมีความเห็นอกเห็นใจคนยากจนในต่างจังหวัดที่ถูกลิดรอนสิทธิเลือกตั้งจากการรัฐประหาร แต่เผด็จการทหารก็ยังคงแสดงท่าทีแข็งกร้าวออกมาอยู่ในวันที่บุกจับจาตุรนต์ ฉายแสง ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย และบอกว่าจะให้เขาขึ้นศาลทหาร อีกเหตุการณ์หนึ่งเมื่อมีผู้สื่อข่าวไทยพยายามถามพล.อ. ประยุทธ์ เรื่องการเลือกตั้ง พล.ต.พลภัทร วรรณภักตร์ โฆษกของกองทัพก็บอกว่า “การตั้งคำถามเชิงรุกไม่เป็นสิ่งที่ควร"
บุญศรี ภูคงชนา อดีตผู้ใหญ่บ้านในอำเภอเชียงยืนกล่าวว่าเขารู้สึกผิดหวังที่รายการพูดคุยในสถานีวิทยุท้องถิ่นระงับไม่ให้คนโทรเข้าไปในรายการเนื่องจากการรัฐประหาร และเพื่อนบ้านของเขาหลายคนรู้สึกไม่พอใจที่ต้องขออนุญาตเพื่ออยู่ในงานเลี้ยงได้จนถึงดึกเนื่องจากมีเคอร์ฟิว
เรียบเรียงจาก