ตาสว่าง ใครค้า ใครขาย ใครเสพ พรรคไหน ดูกันซะ | |
ฉาวได้อีก..ลูก สส. ปชป. ถูกจับค้ายาไอซ์ คนนี้ค่ะ สส. ปาตี้ลิสต์ อันดับที่ 94 กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆ นี่ไงนโยบาย ปชป. ปราบปรามยาเสพติด ฮิ้วววววว เอาแค่ สส. ในพรรคก่อน ปราบปรามสะ ก่อนที่จะหันไปปราบคนอื่น งามหน้ามั้ยล่ะ โฮะ โฮะ โฮ่ ปชป. ของเค้าเลวจริงๆ 5 มิ.ย.54 - ลูกชายผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ถูกตำรวจจับกุมได้ ขณะนำยาไอซ์มาส่งให้พริตตี้สาว บริเวณที่พักย่านรัชดาฯ เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง สอบปากคำ นายสรธร ณ สงขลา ลูกชาย นายประจักษ์ชัย ณ สงขลา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และเป็นผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 94 ของพรรคประชาธิปัตย์ หลังถูกจับกุมได้ พร้อมยาไอซ์ 60 กรัม มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ซุกซ่อนอยู่ในโมเด็มคอมพิวเตอร์ ขณะนำไปส่งให้ น.ส.ทานตะวัน อุดมธนานันท์ โมเดลลิ่งจัดหาพริตตี้ ในซิตี้โฮมคอนโดฯ ซอยรัชดาภิเษก 10 ย่านห้วยขวาง ซึ่งนายสรธรยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ทั้งนี้ การจับกุมดังกล่าวเป็นการขยายผลการจับกุม หลังจากที่เมื่อเดือนก่อน น.ส.พิมม์ลภัล อัครเศรษฐนันท์ แฟนสาวของนายสรธรเพิ่งถูกตำรวจ สน.โชคชัย จับกุมได้พร้อมยาไอซ์และยาอี ซึ่งได้ให้การซัดทอดว่า ร่วมกับแฟนหนุ่มค้ายาเสพติดมานานกว่า 1 ปี ตำรวจจึงขยายผลและเข้าจับกุมในที่สุด - สำนักข่าวไทย ลูกชาย สส. ภูมิใจไทยก็ไม่น้อยหน้า เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว .. รวบลูกว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูมิใจไทย เสพยาไอซ์ ตำรวจขอนแก่น รวบลูกว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เสพยาไอซ์ คาโต๊ะสนุกเกอร์ รับสารภาพ บิดาไม่รู้เรื่องเพราะอยู่บ้านคนละหลัง... เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (22 พ.ค.) พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติ ผกก.สส.ภ.เมือง ขอนแก่น พร้อมตำรวจประจำชุดปราบปรามยาเสพติด ภ.จว.ขอนแก่น ร่วมกันจับกุมนายญาณพัฒน์ หรือ ออมชมโพธิ์ อายุ 29 ปี ที่อยู่ 1/7 ม.17 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ได้พร้อมยาไอซ์ บรรจุอยู่ในถึงพลาสติกใส น้ำหนัก 0.46 กรัม จำนวน 1 ถุงและค้นใต้เบาะรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า ซึ่งเป็นยานพาหนะที่นายญาณพัฒน์ ขับขี่มาแทงสนุกเกอร์ เบื้องต้นพบยาบ้าบรรจุในถุงพลาสติกใส จำนวน 52 เม็ด จับกุม นายภูว หรือ เอ็ม ศรีปัญญา อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80 ม.1 ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยเบื้องต้นผู้ต้องหาได้อ้างว่าเป็นบุตรชายของ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ได้พร้อมยาไอซ์ บรรจุอยู่ในถึงพลาสติกใส น้ำหนัก 0.52กรัม จำนวน 1 ถุง โดยก่อนเข้าจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งจากสายลับว่า นายออมและนายเอ็ม ซึ่งมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติพ พร้อมวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งมั่วสุมกันที่โต๊ะสนุ๊กเกอร์สโมสรรถไฟขอนแก่น ซอยหนองวัด ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น จึงได้รายงานให้ผู้บังคัฐบัญาชาทราบ จากนั้นได้เดินทางไปตรวจสอบทันที เมื่อไปถึงพบนายเอ็ม นายออม และเพื่อนๆกำลังแทงสนุกเกอร์กันอยู่ จึงได้แสดงตัวขอตรวจค้น จากการตรวจค้นพบยาไอซ์ จำนวน 1 ถุงและยาบ้าจำนวน 52 เม็ด อยู่ในตัวของนายออม ส่วนนายภูว ค้นพบยาไอซ์ ซ่อนไว้ในกระเป๋ากางเกงด้านหลังข้างขวาจำนวน 1 ถุง จึงคุมตัวไปสอบสวน โดยนายญาณพัฒน์ ให้การว่า ซื้อยาไอซ์ มาจากนายภูว ในราคา 1,100 บาท ส่วนยาบ้าซื้อมาจากนายเกิด เม็ดละ 200 บาท ด้านนายภูว ให้การว่ายาไอซ์ เป็นของตนเอง เก็บไว้เสพ โดยซื้อมาจาก นายเก่ง ชาว อ.เมือง มุกดาหาร ในราคา 4,000 บาทและตนก็เป็นลูกชาย ของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทยจริง สิ่งที่เกิดขึ้นพ่อไม่รู้เรื่อง เพราะตนอยู่กับครอบครัวที่ขอนแก่น ส่วนพ่ออยู่ที่ อ.น้ำพอง ภายหลังการสอบสวนได้คุมตัวทั้งสองคน ส่งมอบให้ พ.ตท.ประเสริฐ ตุ้มฉิม พนักงานสอบสวน สภ.เมือง ขอนแก่น ดำเนินในข้อหา มียาเสพติดประเภท1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฏหมาย ไทยรัฐออนไลน์ | |
http://redusala.blogspot.com |
ดาวน์โหลดคลิ๊ปคนเสื้อแดง
วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2554
มุขควาย ไอ้โล้นจัน ดัน สิริมา | |
โล้นจันทร์-สันติอโศกจัดฉาก "แดงเทียม" กังขาสาวใหญ่สายไหม จากกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปหาเสียงที่ตลาดวงศกร ถ.สุขาภิบาล 5 เขตสายไหม กทม. ช่วงเช้าวันที่ 31 พ.ค. และมี นางสิริมา นวลแจ่ม สาวใหญ่สวมเสื้อแดงสกรีนใบหน้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย พร้อมแสดงตัวเป็นคนเสื้อแดง ชูป้ายประท้วงนายอภิสิทธิ์ว่า "ไร้ฝีมือ ข้าวยากหมากแพง" ทำให้ตำรวจต้องเข้าไปห้ามปราม ต่อมานาย อภิสิทธิ์เดินเข้าไปหานางสิริมาเพื่อรับฟังปัญหาจนเป็นข่าวเกรียวกราวไปทั่วประเทศนั้น เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามเว็บไซต์และเว็บบอร์ดของกลุ่มคนเสื้อแดง เช่น internetfreedom.us และ thaienews.bogspot .com ได้สืบค้นข้อมูลมาตั้งข้อสังเกตอ้างว่า นางสิริมาอาจไม่ใช่คนเสื้อแดงตัวจริง เพราะจากการตรวจสอบในเว็บไซต์ http://www.prajan.com/ ของสมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ หรือ "ท่านจันทร์" แห่งสำนักสันติอโศก ซึ่งเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชา ธิปไตยนั้น พบว่า มีชื่อนางสิริมา นวลแจ่ม เคยนิมนต์ท่านจันทร์ไปเทศน์ที่บ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในซอยสายไหม 74 เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 20 ก.ย.2553 นั่้นก็คือ ยัยสิริมาคนนี้ คือสาวก สันติอโศก ที่เตี้ยมกันมาจัดฉากสร้างภาพ มุขควาย หวังดิสเครดิตคนเสื้อแดง "ไอ้จันทร์"รับ-เคยรู้จักจริง ด้านท่านจันทร์ สำนักสันติอโศก ให้สัม ภาษณ์ "ข่าวสด" ว่า ยอมรับว่ารู้จักกับนางสิริมา นวลแจ่ม หญิงเสื้อแดงที่ไปชูป้ายประท้วงนายอภิสิทธิ์ขณะหาเสียงบริเวณตลาดย่านสายไหมจริง โดยก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าชื่ออะไร แต่จำหน้าได้ เพราะเป็นคนที่ติดตามฟังรายการธรรมะทางวิทยุ และมาร่วมฟังเทศนาธรรมอยู่บ่อยครั้ง ท่านจันทร์ ระบุต่อไปว่า ช่วงเกือบหนึ่งปีมานี้ไม่เห็นนางสิริมามาร่วมกิจกรรมกับสันติอโศกอีก อาจเป็นไปได้ว่าช่วงหลังจะหันไปเป็นแนวร่วมของคนเสื้อแดง เพราะที่ผ่านมามีคนเสื้อเหลือง หลายคนที่เปลี่ยนแนวคิดแบบนี้ การปะทะกันระหว่างนายอภิสิทธิ์และนางสิริมาแล้วจบลงด้วยดี หลายคนอาจคิดไปได้ว่าเป็นการนัดแนะกันมาก่อนหรือไม่ แต่โดยส่วนตัว เท่าที่รู้จักนางสิริมา ไม่เชื่อว่าจะเป็นการนัดแนะกันไว้ก่อน สื่อ พธม.ปัดไม่เกี่ยว"ท่านจันทร์" ขณะเดียวกัน รายงานข่าวเรื่อง "เสื้อแดงโวยอภิสิทธิ์ จัดฉากแดงเทียมที่ตลาดวงศกร" ในเว็บไซต์ข่าวเครือข่ายกลุ่มพันธมิตร แจ้งว่า วันเกิดเหตุที่ตลาดวงศกร เขตสายไหม นายอภิสิทธิ์ได้เข้าไปหานางสิริมา และกล่าวว่า พร้อมจะยินดีรับฟังปัญหา มีปัญหาอะไรขอให้ว่ากัน ขณะที่นางสิริมาบอกกับนายอภิสิทธิ์ว่ามาคนเดียวและไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก่อน พอทราบว่านายอภิสิทธิ์จะมาเลยเพิ่งเขียนป้าย ซึ่งต่อมาภาพดังกล่าวถูกสื่อมวลชนจำนวนมากเผยแพร่ "หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เว็บไซต์และเฟซบุ๊กในเครือข่ายกลุ่มคนเสื้อแดง ออกมาตั้งข้อสังเกตถึงเรื่องนี้ว่าอาจกลายเป็นการจัดฉาก โดยได้แสดงหลักฐานเป็นเว็บไซต์ พระจันทร์ดอทคอมของสมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ หรือท่านจันทร์ ซึ่งระบุว่า นางสิริมา นวลแจ่ม เคยนิมนต์ท่านจันทร์ไปเทศน์ที่บ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในซอยสายไหม อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ขณะนี้ท่านจันทร์ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเวทีพันธมิตรฯ ที่จัดชุมนุมอยู่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์โดยสิ้นเชิง หลังจากที่ไม่ขึ้นเวทีและเขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ โดยมีเนื้อหาโจมตีพล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เมื่อเดือนก.พ. 2554 ที่ผ่านมา และเนื่องจากปัจจุบัน พันธมิตรฯ ยกระดับการชุมนุมเป็นการเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ เนื่องจากไม่สามารถปกป้องอธิปไตยจากกรณีที่ถูกฝ่ายกัมพูชารุกราน รวมทั้งได้รณรงค์ให้ประชาชนลงคะแนนในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน หรือโหวตโนในการเลือกตั้งครั้งนี้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้สนับสนุนพันธมิตรฯ ที่แท้จริงจะช่วยพรรคประชาธิปัตย์หาเสียง" เนื้อหาบางส่วนในเว็บข่าวเครือข่ายพันธมิตร ระบุ ขอขอบคุณข่าวสดออนไลน์ จัดฉากชัดๆ ในที่สุดก็รู้ว่า นางสิริมา นวลแจ่ม ต้นสังกัด เป็นเด็กของใคร เข้าไปดูตามนี้เลยแล้วจะเห็นหลักฐานชัดๆ http://www.prajan.com/news.php?page=3&perpage=10 กิจนิมนต์ท่านจันทร์ คลิ๊กเข้าไปดูตามลิงค์จะเห็นข้อความนี้ วันจันทร์ที่ 20 ก.ย. เทศน์ที่บ้านคุณ สิริมา นวลแจ่ม เลขที่ 99/223 ม.ศรีวิมลวิวล์ ซอยสายไหม 74 เวลา 14.00น. โทร.025333818 ทำเป็นเดินคุยกันเหมือนรู้จักกันมาก่อน ทำทีใส่เสื้อแดง..ภาพคุณยิ่งลักษณ์.. เพื่อดิสเครดิส เพื่อไทย...เต็มๆ !เลวสุดๆ! | |
http://redusala.blogspot.com |
แป๊ะลิ้มเห่า ปัตย์-พท. เตรียมร่วมรัฐบาลกันเพราะเจ้านายเดียวกัน | |
http://www.internetfreedom.us/thread-26659.html เมื่อ เวลา 21.25 น.วันที่ 4 มิ.ย. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ระหว่างการชุมนุม “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า หลังจากที่ตนได้เปิดประเด็นใหม่เรื่องที่รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยมีส่วนในขบวน การขายชาติยกดินแดนให้เขมรเพื่อแลกกับผลประโยชน์ทางทะเลของบริษัทน้ำมันต่างชาติแล้ว เมื่อมาทบทวนดูพบว่ามีความเป็นไปได้สูงที่หลังเลือกตั้งแล้วพรรคประชา ธิปัตย์กับเพื่อไทยจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลโดยอ้างว่าเพื่อสร้างความปรองดอง เพราะเจ้านายของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ที่แท้จริงคือบริษัทน้ำมัน ต่างชาติเจ้าเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจ เพราะยุทธศาสตร์ทุกวันนี้ก็มุ่งที่ผลประโยชน์ตรงนั้น และเจ้านายคนนี้สามารถที่จะบอกได้ว่า ผลประโยชน์จะแบ่งให้ทั้งประชาธิปัตย์และเพื่อไทย ทั้งน้ำมันและก๊าซ เรื่อง การจับมือกันตั้งรัฐบาลนั้น หัวคะแนนของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่สุราษฎร์ธานีเคยพูดมาแล้วว่าหลังเลือกตั้งผู้หลักผู้ใหญ่ในแผ่นดินบอกว่า น่าจะปรองดองกัน 2 พรรคใหญ่น่าจะจับมือกันตั้งรัฐบาล เห็นได้ชัดว่าปัญหาของชาติบ้านเมืองเกิดจากพรรคการเมืองทุกพรรค และประชาธิปัตย์ก็เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศชาติไม่น้อยไปกว่าพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์จากที่ไม่มีเงิน วันนี้รวยมาก และในยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์มีการเรียกเงินใต้โต๊ะสูงที่สุดในประวัติ ศาสตร์ เมื่อโดนกล่าวหาแบบนี้ก็แสดงว่าพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนที่จะได้รับเงินใต้ โต๊ะด้วย พรรคประชาธิปัตย์เคยเน้นเรื่องความซื่อสัตย์ พักหลังๆ ไม่พูดเรื่องความซื่อสัตย์แล้ว มีนายชวน หลีกภัยคนเดียวหลงยุคออกมาพูดว่าพรรคไม่มีเงิน แต่คนในพรรคนี้ส่วนใหญ่จะแกล้งจน บางคนออกจะแตกตายเพราะแกล้งจนมานานแต่มีเงินกองไว้ตั้งเยอะไม่รู้จะใช้ยังไง นาย สนธิกล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาแล้ว การโหวตโนคือการปฏิเสธการเมืองแบบนี้ มันเป็นระบอบกินชาติกินบ้านกินเมือง และโดยส่วนตัวไม่เชื่อในระบบวันแมนวันโหวต วันนี้มีน้องๆ ที่เป็นตำรวจผู้ใหญ่ในภาคเหนือลงมาพบและบอกว่าตอนนี้มีการซื้อเสียงหัวละ 1 พันบาทแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าจะชนะด้วยคะแนน 7 หมื่น ต้องใช้เงิน 70 ล้านบาท ซึ่งที่มาของ ส.ส.ที่ไม่สะอาดแบบนี้ สื่อก็ไม่ค่อยพูดถึง การเสียดินแดนก็ไม่สนใจ ทั้งที่ไม่มีเรื่องอะไรจะใหญ่กว่านี้แล้ว ที่ นายกนก รัตน์วงศ์สกุล บอกว่า ถ้าเขมรได้ดินแดนทำไมจึงยิงจรวดใส่ไทย แสดงว่านายกนกไม่รู้เรื่องชายแดนเลย นายกนกเป็นสื่อมวลชน แต่รู้เรื่องเขมรไม่เท่าแม้กระทั่งพี่น้องที่นั่งอยู่หน้าเวทีตรงนี้ นี่ขนาดสื่อน้ำดียังเป็นอย่างนี้ แสดงว่าเป็นสื่อที่เห่อไปตามกระแสที่บอกว่าถ้าไม่ลงคะแนนแล้วคนนั้นจะมาคน นี้จะมา แค่เรื่องโหวตโนยังไม่เข้าใจ ประเทศนี้ก็ไม่มีความหมายอีกแล้ว ถ้ายังไม่เข้าใจว่าโหวตโนคือการแสดงสิทธิของประชาชนที่จะไม่ยอมรับนักการ เมืองทุกพรรคที่มีอยู่ เพราะขายชาติกันทุกพรรค นายสนธิ กล่าวต่อว่า ตนเห็นป้ายหาเสียงของนายชุมพล ศิลปอาชา น้องชายนายบรรหาร ใช้คำขวัญว่าการเมืองต้องไม่ขัดแย้ง แสดงว่า ถ้าชาติบ้านเมืองต้องฉิบหายเพราะนักการเมือง นายชุมพลก็จะไม่ขัดแย้ง ขอให้พรรคของนายชุมพลได้คอร์รัปชั่นต่อไป ใช่หรือไม่ ป้ายหาเสียงของทุกพรรคไม่มีพรรคไหนที่เน้นการปราบปรามการทุจริต หรือทวงคืนแผ่นดินไทย หรือเอานายวีระ สมความคิดและนางราตรี พิพัฒนาไพบูลย์กลับประเทศ ถ้าจับคำพูดเมื่อวานเรื่องผลประโยชน์ทาง ทะเลที่ทำให้ทุกรัฐบาล พรรคการเมืองทุกพรรคยังกอดเอ็มโอยู.43เอาไว้ การที่เราโหวตโนยังถือว่าน้อยไปด้วยซ้ำ ชาติบ้านเมืองตั้งแต่เราตั้งมา ไม่เคยมียุคไหนที่สะอาดบริสุทธิ์หรือมีการบริหารชาติบ้านเมืองด้วยความซื่อ สัตย์สุจริต บริหารบ้านเมืองให้ก้าวไปย่างช้าๆ และมั่นคงเท่ายุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกฯ นายสนธิกล่าวอีกว่า ตนเคยพูดไว้ตั้งแต่ตอนชุมนุม 193 วันแล้วว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่มีที่พึ่งอื่นอีกต่อไปแล้วนอกจากพวกเรา วันนี้ได้พิสูจน์สัจจธรรมนั้นแล้ว พรรคเพื่อไทยเราไม่มีวันเชื่อว่าเขาจะจงรักภักดี เพราะเครือข่ายโครงสร้างพรรคเพื่อไทยคือพวกที่ต้องการล้มกษัตริย์ ไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรจะออกมาพูดอย่างไร ก็เป็นเรื่องโกหกพกลมทั้งสิ้น ส่วนพรรคภูมิใจไทยที่อ้างว่าตัวเองจงรักภักดี แต่คนที่อยู่เบื้องหลังพรรคนี้ก็เคยร่วมสังวาสกับพวกที่ล้มเจ้าในระบอบ ทักษิณมาแล้ว ส่วนนายบรรหาร นักการเมืองรุ่นแย้มฝาโลง จวนจะตายอยู่แล้วยังไม่เคยแสดงอะไรให้เห็นว่าตัวเองมุ่งมั่นปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีแต่บอกว่าพร้อมที่จะเข้าร่วมรัฐบาล มีแต่จะเข้าไปทำมาหารับประทานกับงบประมาณ ถ้าอยู่ไปจนลงโลงแล้วยังคิดได้แค่นี้ ก็ขอให้รีบไปลงโลงเร็วๆ “แก่จน จะตายยังไม่รู้จักรักบ้านรักเมือง เคยพูดซักแอะไหมว่าแผ่นดินนี้เราต้องสู้ต้องปกป้องไม่ให้สูญเสีย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เคยพูดไหม เรื่องการต่อค้านคอร์รัปชั่น การปกป้องดินแดน นายสุวิทย์ คุณกิตติ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เคยออกมาพูดไหม แม้แต่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลินตัวดี เคยออกมาพูดไหมเรื่องเสียดินแดนให้เขมร ไม่เคยมีใครพูด มันเห็นการเสียแผ่นดินเป็นเรื่องธรรมดา ขอให้กูเป็นรัฐบาล ได้ทำมาหากินก็พอใจแล้ว เห็นหรือยัง เพียงแค่นี้หลักฐานมันชัดเจนแล้ว” นาย สนธิ กล่าวต่อว่า สื่อที่กระแนะกระแหนเราเรื่องโหวตโนยังมองไม่เห็นหรือ คนพวกนี้มาหาว่าเอเอสทีวีเป็นสื่อปลุกระดม เราไม่เคยปลุกระดมให้ใครไปเผาบ้านเผาเมือง แต่เราปลุกระดมให้มารักชาติรักบ้านรักเมืองกัน ถ้ามันต้องเจ๊งเพราะปลุกระดมให้รักบ้านรักเมืองก็ขอให้เจ๊งไปเถอะ อย่างน้อยเราก็เงยหน้าไม่อายฟ้าก้มหน้าไม่อายดิน เราทำงานใหญ่ เราต้องมองหลักใหญ่ อย่าไปสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างลมที่ผายออกมาจากปากของคนพวกนี้ แต่หลักการของชาติบ้านเมืองต้องมาก่อน “เมือง ไทยทุกวันนี้ไม่ใช่แค่ต้องปฏิรูปการเมือง ต้องปฏิวัติการเมืองด้วยซ้ำ หมดยุคของโจรห้าร้อยในสภา อย่าให้สัตว์หลงเข้าไปขี้เยี่ยวเห่าหอนในสภาอีก มันต้องมีตัวแทนของคนทุกหมู่เหล่า เข้าไปทำงานให้ประชาชน ไม่ใช่ทำงานให้นักการเมือง ที่ทุกวันนี้ไม่ได้เข้าไปยกมือเพื่อส่วนรวม แต่ยกมือเพื่อให้พวกมันเป็นนายกฯ ยกมือให้นโยบายของมันผ่าน ผมอ่านป้ายหาเสียงของพวกมันแล้วอยากจะอ๊วก มันเขียนไปแต่ทำไม่ได้ เพราะพวกมันไม่ใช่เจ้าของพรรค แต่เจ้าของพรรคจริงๆ เป็นนายทุน”นายสนธิกล่าว ******************* | |
http://redusala.blogspot.com |
อาวุธ ′ลับ′ - อาวุธ 'ลบ' | |
โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร (ที่มา คอลัมน์สถานีคิดเลขที่ 12 หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 29 พฤษภาคม 2554) จะชอบหรือไม่ก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่ากระแส "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" จุดติดแล้ว การ "จุดติด" ดังกล่าว ทำให้คู่แข่งสำคัญคือประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องรีบแก้เกม เพื่อสกัดไม่ให้แรงเหวี่ยงลูกตุ้ม ส่ง "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ขึ้นไปสูงสุดในช่วงวันเลือกตั้ง เพราะหากเป็นเช่นนั้น โอกาสจะพ่ายแพ้มีสูงยิ่ง ที่ผ่านมาจึงได้เห็นความพยายามของคนประชาธิปัตย์ ที่จะขัดขวางในหลายรูปแบบ แต่ก็ดูยังไม่ส่งผลสะเทือนนัก และนับวันการสกัดจะยากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นธรรมชาติ ใครหรืออะไรก็ตามเมื่ออยู่ในช่วงกระแส "ขึ้น" มักจะดูดีไปหมด การเข้าไปขัดขวางไม่ง่าย และต้องหนักแน่น แยบคาย มิฉะนั้น ผู้ที่พยายามขัดขวางจะถูกมองว่าเป็นตัวก่อกวนเสียเอง กลายเป็นความรู้สึกลบ มากกว่าบวก อย่างที่คนประชาธิปัตย์พยายามงัดเอา "อาวุธลับ" เรื่องครอบครัว ขึ้นมาโจมตี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทั้งเรื่องลูก สามี และไร้ทะเบียนสมรส แทนที่จะเกิดกระแสขุดคุ้ยร่วม กลับกลายเป็นกระแสลบ ถูกมองไปยุ่งเรื่องส่วนตัว และรังแกผู้หญิง ความเห็นใจไปอยู่ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยิ่งเมื่อเธอใช้จังหวะที่ไปเปิดตัวลงเลือกตั้งอย่างเป็นทางการที่บ้านเกิด และทำบุญให้บรรพบุรุษ ด้วยการจูงมือน้องไปค์ ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร ไปร่วมด้วย น้องไปค์ หรือ ในภาษาอังกฤษว่า PIKE อันหมายถึง หอก ทวน หลาว ก็ได้กลายเป็น "อาวุธลับ" ที่พุ่งย้อนกลับเข้าหาพรรคประชาธิปัตย์แทน ภาพของเด็กบริสุทธิ์ไร้เดียงสาที่ถูกลากดึงออกมาฟาดฟัน เรียกคะแนนให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มากกว่าไปตัดคะแนน อาวุธลับของประชาธิปัตย์ กลายเป็นอาวุธลบ และพรรคเพื่อไทยกำลังย้อนศร ด้วยการให้ "แม่-ลูก" ออกเรียกคะแนนเสียงในช่วงวันหยุด จุดอ่อน กลายเป็นจุดแข็งหน้าตาเฉย ตอนนี้จึงต้องจับตา "อาวุธลับ" อื่นๆ ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ซัดใส่เพื่อไทย ไม่ว่าเรื่องก่อการร้ายเผาบ้านเผาเมือง และ เรื่อง "ล้มเจ้า" จะมีชะตากรรมเดียวกับอาวุธลับน้องไปค์ หรือไม่ แต่ดูแล้วก็น่าห่วงเหมือนกัน เพราะเรื่องก่อการร้าย ก็ทำให้นายสุเทพกลายเป็นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง และถูกแจ้งความดำเนินคดี ฐานใส่ร้าย หมิ่นประมาทแล้ว แม้นายสุเทพจะบอกว่าไม่หนักใจและดีใจที่เรื่องนี้จะได้ไปพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรม แต่การตกเป็นฝ่ายที่ถูกกล่าวหา ก็ทำให้การใช้ "อาวุธลับ" นี้ยากขึ้น ส่วนเรื่อง "ล้มเจ้า" คำแถลงของนายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่งผลสะเทือนไม่น้อย เมื่อมีการระบุว่า พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก, อดีตโฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ได้ลงนาม "ยอมความ" ต่อ "ศาลอาญา" ว่า ผังล้มเจ้าของ ศอฉ. ซึ่งมีชื่อนายสุธาชัย และแกนนำ นปช.คนสำคัญๆ รวมอยู่ด้วยนั้น เป็นเพียงการดำเนินการตามความเชื่อ ปราศจากหลักฐาน และยังยอมรับด้วยว่า บุคคลที่ถูกกล่าวหาในผังล้มเจ้าไม่ได้หมายความว่าอยู่ในขบวนการล้มเจ้า แต่สื่อนำไปขยายผลขยายความต่อเอง ทำให้ "หลักฐานเอกสาร" ที่เป็นเนื้อเป็นหนังเกี่ยวกับการล้มเจ้า "เบาโหวง" ไปในทันที รวมทั้งเกิดคำถามต่อ ศอฉ. ที่ทรงอำนาจที่สุดในตอนเกิดม็อบแดง ว่า ไฉนจึงใช้"ข้อมูล" ที่ไม่ยืนยันข้อเท็จจริง มากล่าวหาคนอื่นในความผิดร้ายแรงเช่นนี้ แล้วกรณี "ล้มเจ้า" อื่นๆ จะเป็นไปในทำนองนี้หรือไม่ คำถามและข้อสงสัยเหล่านี้ จึงทำให้ "อาวุธลับ" ที่หวังจะใช้ขยี้ฝ่ายตรงข้าม กลายเป็น "อาวุธลบ" ซึ่งก็คงต้องรีบทบทวน "การใช้" ด่วน มิเช่นนั้นแทนที่จะได้คะแนนกลับเสียคะแนนแทน | |
http://redusala.blogspot.com |
ข้อสังเกตบางประการต่อคำสารภาพเรื่องแผงผังล้มเจ้า | |||
|
เจาะลึกข้อมูลเรื่องเว็บ “ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง” | |
เมื่อลองค้นหาข้อมูล “เชิงลึก” ในเว็บ “ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง” เรื่องกฏหมาย 112 ซึ่งเป็นปัญหายักษ์ใหญ่ในไทย หรือข้อมูลเกี่ยวกับการฆ่าประชาชนมือเปล่าที่ราชประสงค์และผ่านฟ้า หรือข้อมูลเรื่องงบลับของทหาร หรือการโกงกินในโครงการหลวง หรือการโกหกของ ศอฉ. หรือการโกงกินของนักการเมืองประชาธิปัตย์ท่านจะไม่พบอะไรทั้งสิ้น แต่ปรากฏว่ามีการ “เปิดโปง” เรื่อง คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดย ใจ อึ๊งภากรณ์ 29 พฤษภาคม 2554 วันนี้ สุชาดา จักรพิสุทธิ์ อดีตบรรณาธิการบริหารนิตยสาร สารคดี และกรรมการบริหารสำนักข่าวประชาธรรม ประกาศเปิดตัวเว็บไซท์ “ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง” ซึ่งอ้างตัวเป็น “อีกทางเลือกข่าวเชิงลึก” สำหรับคนไทย และเน้นการเปิดโปงคอรรับชั่น แต่ก่อนที่ท่านจะหลงคิดว่าอันนี้เป็นเวH[ทางเลือกจริงๆ กรุณาพิจารณา “ข้อมูลเชิงลึก” ดังต่อไปนี้ 1. “ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง” ได้รับเงินทุนทั้งหมดจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐบาลไทย ที่ได้ทุนจากการเก็บภาษีของรัฐไทย เอ็นจีโอไทยชอบขอเงินจากองค์กรนี้ 2. เมื่อลองค้นหาข้อมูล “เชิงลึก” ในเว็บ “ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง” เรื่องกฏหมาย 112 ซึ่งเป็นปัญหายักษ์ใหญ่ในไทย หรือข้อมูลเกี่ยวกับการฆ่าประชาชนมือเปล่าที่ราชประสงค์และผ่านฟ้า หรือข้อมูลเรื่องงบลับของทหาร หรือการโกงกินในโครงการหลวง หรือการโกหกของ ศอฉ. หรือการโกงกินของนักการเมืองประชาธิปัตย์ ท่านจะไม่พบอะไรทั้งสิ้น แต่ปรากฏว่ามีการ “เปิดโปง” เรื่อง คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 3. ในเว็บ “ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง” มีลิงค์สู่เวH[แนวร่วม เช่น กกต. สำนักงานปราบปรามการคอร์รับชั่น สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย องค์กรนักข่าวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ฯลฯ ซึ่งในยุคนี้แต่ละองค์กรมีกลิ่นอายของความเป็นเหลือง 4. องค์กรหนึ่งที่ “ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง” ลิงค์ด้วยที่น่าสนใจมากคือ โครงการศูนย์ติดตามประชาธิปไตยไทย (Thailand Democracy Watch) ของคณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มี ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา เป็นผู้ก่อตั้ง ท่านคงจำ ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา ได้ เขาเป็น “สลิ่ม” ที่อ้างตัวเป็นกลาง ที่ไปจัดงานชูป้ายวิจารณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่สวนลุมพีนี และจุฬาฯ เป็นมหาวิทยาลัยที่นำหนังสือ A Coup for the Rich ของผมไปให้ตำรวจ เพื่อสืบสวนคดี 112 5. อีกองค์กรที่ “ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง” ลิงค์ด้วยคือ SIU (Siam Intelligence Unit) ซึ่งร่วมกับ ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา (มาอีกแล้ว!!) ในการก่อตั้ง “เครือข่ายข้อมูลการเมืองไทย” ซึ่งมี คณะกรรมการกำกับทิศทาง ที่ประกอบไปด้วยคนอย่าง วีระ สมความคิด (พันธมิตรฯที่พยายามก่อสงครามกับประเทศเขมร) นพ.มงคล ณ สงขลา(อดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลเผด็จการทหารของ คมช.) และ เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง คนทำสื่อฝ่ายเสื้อเหลือง สรุปแล้ว “ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง” ดูเหมือนเป็นสื่อของอำมาตย์ในคราบของเอ็นจีโอ ที่เปิดตัวในยุคหาเสียงเลือกตั้ง **** เรื่องเกี่ยวเนื่อง: -สัมภาษณ์ "สุชาดา" ผอ.สำนักข่าวเจาะแห่งใหม่ ทะลวงข้อมูลคอรัปชั่น | |
http://redusala.blogspot.com |
Thaksin from a distance | |
THAILAND'S POLITICSThaksin from a distanceFOR those who pay more attention to English football than Thai politics, Thaksin Shinawatra might be best known as the former owner of Manchester City Football Club. He ran the club for one season, splashed out on new players, then sold it in 2008 to the ruling family in Abu Dhabi—who promptly pumped it full of petrodollars. Their payoff came this past season with an FA Cup victory, the club's first trophy in decades, and third place in the Premier League. Mr Thaksin, a telecoms tycoon Now Mr Thaksin has his eye back on a less-than-beautiful game: Thai politics. He is banking on a political party headed by his younger sister to win elections on July 3rd and score another blow to the Thai establishment that tried and failed to bury his career. At his luxury villa in Dubai, Mr Thaksin receives a constant flow of visitors, including your correspondent, who joined him recently for tea and conversation. Mr Thaksin is upbeat about the election. He predicts that his Pheu Thai party could win 270 out of 500 seats in parliament and form the next government. Opinion polls suggest that no one party will cross the threshold for single-party rule; the winner will have to form a coalition. But it is clear that Pheu Thai poses a stiff challenge to the Democrat Party led by the prime minister, Abhisit Vejjajiva, who was installed with support from the army. Ever since Mr Abhisit called elections last month, Thais have been speculating as to whether the establishment might pull the plug on the whole process, in order to stop Mr Thaksin's party from taking power. The ultra-nationalist (and anti-Thaksin) yellow shirts have urged a suspension of democracy under a royalist government. Asked by reporters about coup plots, hawkish army generals serve up boilerplate denials—just as they did before ousting Mr Thaksin in 2006. Mr Thaksin seems untroubled by such chatter. Elections will go ahead, he insists, and cheaters beware. "If you rig the elections, then the people know," he warns. He wants Pheu Thai to invite smaller parties into a coalition, even if the party's numbers were sufficient to support a single-party government. They would be the "ferns" in a flower arrangement to make it more beautiful, he says. For Thailand's royalist generals, a victory for Mr Thaksin's allies is a queasy prospect. Their red-shirt supporters have vowed to punish those who ordered and carried out last year's crackdown on their protests. Pheu Thai also wants to amend the current constitution, which was drafted under military rule. If there were any doubt about the ties between the party and the man in Dubai, consider one of its campaign slogans: "Thaksin Thinks, Pheu Thai Acts". And that is not all. Pheu Thai has pledged that it would bring Mr Thaksin home. He recently told supporters that he would return in November 2011, and this remains his goal. "When I say something, I mean it," he said. For now, though, he is a fugitive from Thai justice. He travels on a passport not from Thailand but from Montenegro. A two-year jail term passed in absentia for corruption awaits him in Thailand. So the party has proposed an amnesty for participants in Thailand's recent political struggle, including, no doubt, their spiritual leader, Mr Thaksin. "If you really want to reconcile, you have to forget the past and look ahead for the future," he says. Easier said than done. The former prime minister is loved and loathed by roughly equal proportions of the electorate. Reconciliation is a hard sell in the zero-sum game of Thai politics. Even harder, perhaps, than turning Manchester City into the champions of the Premier League. POSTED BY RED SHIRTS IL AT 8:08 AM | |
http://redusala.blogspot.com |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)