วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2558

เผยจนท.ความมั่นคงเยี่ยมบ้านนักศึกษา 17 รายติดๆ จี้ยุติการเคลื่อนไหว

กลุ่มเสรีเกษตรฯ เผย จนท.ความมั่นคงเยี่ยมบ้านนิสิตที่ตจว. จี้ยุติการเคลื่อนไหว ‘ปิยรัฐ ศนปท.’ เผยหลังแอคชั่นหน้าศาลทหารมี จนท.มั่นคง เยี่ยมบ้านนักศึกษา 17 รายติดๆ ขณะที่นิสิตเสรีนนทรี ยัน 10 โมงพรุ่งนี้ค้าน ม.นอกระบบ หน้ารัฐสภา
วันนี้ (25 มี.ค.2558) เมื่อเวลา 19.40 น. เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘กลุ่มเสรีเกษตรศาสตร์’ โพสต์ระบุ นิสิตเกษตรฯ สมาชิกกลุ่มเสรีเกษตรศาสตร์ได้แจ้งว่าเมื่อเวลาประมาณ 17.00-18.00 นาฬิกาวันนี้ ได้มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจำนวนหนึ่งเข้าไปที่บ้าน แต่ไม่พบ จึงได้พูดคุยกับครอบครัวและบอกให้หยุดเคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมใดๆ ในทันที
โดยทางกลุ่มเสรีเกษตรฯ จึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐหยุดการกระทำอันแสดงถึงความเป็นเผด็จการนี้ในทุกกรณีทันทีเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง อติวิชช์ ปัทมาภรณ์ศิริกุล นิสิต ปี 4 ม.เกษตรฯ สมาชิกกลุ่มเสรีเกษตรฯ ที่ถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาที่บ้าน เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ดังกล่าวไม่เปิดเผยว่าเป็นหน่วยงานใด แต่ไปที่บ้านที่ต่างจังหวัด ซึ่งไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นจังหวัดใด โดยเจ้าหน้าที่จำนวนหลายคน ไม่สวนเครื่องแบบไปที่บ้านของตายายตน จึงพบกับตา ยาย ป้าและลุง และได้นำรูปของตนมาแสดงให้ดู พร้อมยืนยันว่ามาดี และสอบถามกับญาติของตนว่ารู้จักกับคนในภาพหรือไม่ พร้อมขอกับทางญาติตนด้วยว่าให้ตนยุติการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือกิจกรรมใดๆ
ทั้งนี้ อติวิชช์ กล่าวด้วยว่า กลุ่มเสรีเกษตร์ฯ เป็นกลุ่มที่จัดกิจกรรมร่วมกับกลุ่มศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย (ศนปท.) จึงมองว่าเจ้าหน้าที่อาจกังวลว่ากลุ่มจะมีการจัดกิจกรรมในวันหรือสองวันนี้หรือไม่ จึงมาดักไว้ก่อน แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงว่าเจ้าหน้าที่ต้องการอะไร
ในวันพรุ่งนี้เวลา 10.00 น. กลุ่มเสรีนนทรี ซึ่งเป็นกลุ่มนิสิตอิสระในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เช่นเดียวกับกลุ่มเสรีเกษตรฯ จะจัดกิจกรรมที่หน้ารัฐสภา เพื่อแสดงออกซึ่งการคัดค้านการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ ซึ่งกลุ่มเสรีเกษตรฯ เปิดเผยว่าจะร่วมกิจกรรมดังกล่าวด้วย แต่กลุ่มไม่ได้เป็นกลุ่มหลักในการจัดกิจกรรมดังกล่าว
วันเดียวกัน ปิยรัฐ จงเทพ นักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ หนึ่งในสมาชิก ศนปท. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ในวันนี้มีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจไปตามที่บ้านของนิสิต นักศึกษา ม.เกษตรฯ และ ม.รามคำแหง ทั้งวัน 6 รายแล้ว และหากรวมตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา มีนิสิต นักศึกษาที่ถูกเจ้าหน้าที่ไปถึงบ้าน แล้ว 10 ราย
เช่นเดียวกับเฟซบุ๊ก ‘พลเมืองโต้กลับ Resistant Citizen’ ระบุด้วยว่ามีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงได้มาเยี่ยมบ้าน พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ 1 ใน 4 พลเมืองโต้กลับที่ถูกดำเนินคดีฐานขัดคำสั่ง คสช. จากการทำกิจกรรม “เลือกตั้งที่(รัก)ลัก” เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา
วันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างกลุ่มพลเมืองโต้กลับ 4 ราย ซึ่งถูกดำเนินคดีฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. จากการทำกิจกรรม “เลือกตั้งที่(รัก)ลัก” รอการประกันตัวที่ศาลทหารนั้น ได้มีนิสิต นักศึกษา นำโดยกลุ่ม ศนปท. เดินเท้าจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาที่ศาลทหาร เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวกลุ่มพลเมืองโต้กลับ 4 ราย นั้นด้วย
ล่าสุดเมื่อเวลา 22.08 น. ศนปท. ได้แถลงชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก ระบุมี เจ้าหน้าที่ ทหาร/ตำรวจ บุกบ้าน นศ. ตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมาแล้ว 17 ราย 
แถลงชี้แจงกรณี เจ้าหน้าที่ ทหาร/ตำรวจ บุกบ้าน นศ.
 
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2558 ทาง ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย (ศนปท.) ได้ติดตามความคืบหน้าเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ ทั้งใน และนอกเครื่องแบบ เข้าจู่โจม ตรวจค้น และเข้าพูดคุย เพื่อปรับทัศนคติกับผู้ปกครอง และนักศึกษา ที่มีประวัติการเคลื่อนไหวทางการเมือง ตลอดช่วงระยะเวลาหลังจากการรัฐประหาร 2557
 
โดย ศนปท. ขอสรุป เหตุการณ์ การคุกคามจากเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 58 ถึงวันที่ 25 มีนาคม 58 ดังนี้
 
- วันที่ 19 มี.ค. 58 
เวลา 09.00 น. ทหารจากกองพันทหารม้าที่ 3 เข้าพบ นศ.นายหนึ่ง (นามสมมติ) คณะนิติศาสตร์ มธ. พร้อมครอบครัว
เวลา 12.00 น. ทหารจากหน่วยเดียวกันเข้าพบที่บ้าน นศ. นาย สอง (นามสมมติ) คณะศิลปศาสตร์ มธ.
 
- วันที่ 20 มี.ค. 58 
เวลา 19.00 น. ตำรวจในพื้นที่ พยายามเข้าค้นหอพัก นศ. นาย สิรวิญช์ เสรีธิวัฒน์ (จ่านิว) คณะรัฐศาสตร์ มธ. ย่านรังสิต
เวลา 13.30 น. ตำรวจในพื้นที่ พยายามเข้าบ้าน นศ. นายสาม (นามสมมติ) คณะ นิติศาสตร์ มธ. ย่านสามโคก
 
- วันที่ 25 มี.ค. 58 
เวลา 10.30 น. สันติบาล ประมาณ 3 นาย เ้ข้าตรวจค้นบ้านพักที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านของผู้ปกครอง นิสิต นายสี่ (นามสมมติ) คณะสังคมฯ มศว.
เวลา 13.10 น. สันติบาล เข้าพบ นิสิต น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว คณะ สังคมฯ มศว. ที่บ้านพักย่านปทุมธานี
เวลา 13.20 น. ทหาร และสันติบาล เข้าพบผู้ปกครอง นศ. ปิยรัฐ จงเทพ คณะนิติศาสตร์ มธ. ที่ทำงานของผู้ปกครอง จ.กาฬสินธุ์
เวลา 13.30 น. สันติบาล 3 นาย เข้าพบ ครอบครัว นศ. นัชชชา กองอุดม คณะนิเทศน์ ม.กรุงเทพ ที่ จ.หนองคาย
เวลา13.40 น. สันติบาล 2 นาย เข้าพบ นศ. พงษ์นรินทร์ นนท์ก่ำ คณะนิติศาสตร์ ม.ราม ที่บ้านผู้ปกครอง ใน จ.เชียงราย
เวลา 13.50 น. ทหารและตำรวจ เข้าพบ ผู้ปกครอง นศ. นายห้า (นามสมมติ) คณะทันตแพทย์ มธ. ที่บ้าน จ.ชัยภูมิ
เวลา 14.30 น. ตำรวจนอกเครื่องแบบ 3 นาย เข้าพบที่บ้านพัก นศ. วีรชัย เฟ้นดี้ คณะรัฐศาสตร์ ม.ราม ที่บ้าน จ.ชลบุรี
เวลา 15.30 น. สันติบาล 2 นาย เข้าพบผู้ปกครอง และผู้ใหญ่บ้าน ของ นศ. วิชญ์พล ญาณะโส คณะ รัฐศาสตร์ ม.ราม 
เวลา 16.30 น. ทหารสองคันรถ เข้าพบผู้ปกครอง นศ. ริงสิมันต์ โรม ที่บ้านย่าน ปทุมธานี 
เวลา 16.40 น. สันติบาล เข้าพบผู้ปกครอง ของ นิสิต จิมมี่ คณะเกษตร ม.เกษตรศาสตร์ 
เวลา 16.50 น. สันติบาล 2 นาย เข้าำพบ นิสิต ธีรชัย (สงวนนามสกุล) นิสิต คณะ เกษตร ม.เกษตรศาสตร์ 
เวลา 17.00 น. ทหาร เข้าพบผู้ปกครอง นศ. นายฮิ (นามสมมติ) คณะ รัฐศาสตร์ มธ. ที่บ้านพัก จ.เชียงใหม่
 
เวลา (ขณะนี้) เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงกำลังเดินทางเข้าพบผู้ปกครอง นศ. วชิรวิทย์ คงคาลัย คณะรัฐศาสตร์ มธ.
ซึ่งรวม นิสิต นักศึกษา ทั้งหมด 17 คน ที่ขณะนี้ถูก ทหาร/ ตำรวจ เข้าพบที่บ้านพัก/ห้องพัก ของ นิสิต นักศึกษา และผู้ปกครอง โดยเหตุผลหลัก คาดว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงต้องการขู่เข็ญ ให้นักศึกษายุติบทบาทการเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยเฉพาะ กรณีการรณรงค์พลเมืองต้องไม่ขึ้นศาลทหาร
 
ปล.ยังมี นิสิต นักศึกษาอีกจำนวนหนึ่ง ถูกเจ้าหน้าที่พยายามติดตามและข่มขู่ ซึ่งเราพยายามติดตามอย่างต่อเนื่อง

ไม่หวั่น ‘ฐปนีย์’ โพสต์ 5 แรงงานไทยในอินโดปลอดภัย ชี้เป็นพยานปากสำคัญกรณีกักขังฯ

ฐปนีย์ เอียดศรีไชย โพสต์เฟซบุ๊กระบุ 5 แรงงานไทยในอินโดอยู่ในที่ปลอดภัย ชี้เป็นพยานปากสำคัญกรณีกักขังหน่วงเหนี่ยว พร้อมเผยที่มาการเข้าไปทำข่าวกรณีนี้ จากหลุมศพนิรนามไม่ต่ำกว่า 100
25 มี.ค.2558 กรณี ฐปนีย์ เอียดศรีไชย ผู้สื่อข่าวรายการข่าวสามมิติ เดินทางไปอินโดนีเซียรายงานข่าวชาวประมงไทยติดค้างอยู่ในอินโดนีเซียนั้น มติชนออนไลน์ รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปเยือนบรูไนดารุสซาลามอย่างเป็นทางการ กรณีการช่วยเหลือชาวประมงที่อินโดนีเซียว่า ได้ดำเนินการมาโดยตลอด ที่ผ่านมาก็ได้ช่วยเหลือไปแล้ว ที่เกาะอัมบน 26 คน และขออย่านำไปขยายความ โดยเฉพาะสื่อ ก่อนการนำเสนอต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อประเทศ พร้อมระบุด้วยว่าจะให้ฐปนีย์มาพบเจ้าหน้าที่จากการนำเสนอข่าวดังกล่าว
ล่าสุดเมื่อเวลา 23.43 น. (25 มี.ค.)ฐปนีย์ โพสต์รายงานสถานการณ์กรณีชาวประมงไทยติดค้างอยู่ในอินโดนีเซีย ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Thapanee Ietsrichai’ ระบุว่า ขณะนี้ 5 คนไทยอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยแล้ว และจะได้รับการคุ้มครองเดินทางกลับไทย เนื่องจากพวกเขาเป็นพยานคนสำคัญที่ออกมาเปิดเผยว่า ที่ท่าเรือของบริษัทมีห้องขังแรงงาน และคนไทยทั้ง 5 คน ถูกขังไม่ต่ำกว่า 2 เดือน ด้วยข้อหาเพียงเล็กน้อย จึงถือเป็นการกักขังหน่วงเหนี่ยว
ฐปนีย์ ยังเปิดเผยถึงการเข้าไปทำข่าวครั้งนี้ว่า เริ่มต้นเมื่อวันที่ 22 มีค.ที่ผ่านมา ตนและคุณปฏิมา ตั้งปรัชญากุล ผู้จัการมูลนิธิ LPN เดินทางมามี่เกาะเบนจินา เพื่อตรวจสอบกรณีมีข้อมูลว่า บนเกาะนี้ มีหลุมฝังศพคนไทย มีคุกขังแรงงาน และปัญหาเรือติดค้าง เมื่อมาถึงเราพบหลุมฝังศพคนไทยที่มีป้ายชื่อไทยแลนด์ 64 ราย ไม่มีป้ายชื่อ 12 ราย และหลุมใหม่ ที่เป็นศพนิรนาม รวมแล้วชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่าน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 100 ศพ จึงได้สอบถามก้บเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ซึ่งยอมรับว่ามีศพนิรนามจริงและกำลังสืบสวนอยู่ จากนั้นตนได้รับข้อมูลจากแรงงานคนหนึ่งให้ไปดูคุกที่กักขังแรงงาน มีอยู่ด้านหลังรปภ.และพบคนไทย 5 คน คนพม่าอีกจำนวนหนึ่ง ร้องขอความช่วยเหลือต้องการกลับประเทศไทยโดยด่วน
โดยรายละเอียดที่ ฐปนีย์ โพสต์มีดังนี้
ขณะนี้ทั้ง 5 คนไทยอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย ภายในท่าเรือของบริษัท ซึ่งอยู่ในเกาะฝั่งตรงข้ามที่ ฉันพักอยู่ในท่าเรือฝั่งหมู่บ้าน แม้ทั้งหมดจะอยู่ภายในบริษัท แต่ขอให้ครอบครัวสบายใจได้ว่า ทุกคนจะปลอดภัย เพราะเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ทาง คุณวรวิทย์ ภัทรนิตย์ เลขานุการเอก สถานทูตไทย ณ.กรุงจากาตาร์ ประสานผู้บริหารบริษัทเรือชาวอินโดนีเซีย เพื่อให้ ฉันได้พบกับแรงงานไทย ทั้ง 5 คน
ทางบริษัทจึงนำคนไทย 4 คน ประกอบด้วย นาย ชัยรัตน์ ราชปักษ์ นายวันชัย ไชยวุฒิ นายมี พรมมี และนายพรเพชร บุญมี มาพบกับดิฉันและทีมงานมูลนิธิ LPN ในฝั่งหมู่บ้าน เพื่อยืนยันว่าพวกเขายังปลอดภัย เรามีเวลาพบกันประมาณ 10 นาที คุณชัยรัตน์ บอกว่า ตอนนี้ทุกคนปลอดภัยดี ยกเว้นนายสมชาย แช่มช้อย ป่วยเป็นไข้มาลาเรีย ถ้าเป็นไปได้พวกเขาจะขอไปอยู่ในการดูแลของตำรวขโดยเร็วที่สุด แต่ทางบริษัทบอกว่า ทางบริษัทจะดูแลจนกว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจากเกาะตวล จะมารับตัวทุกคนเข้าสู่กระบวนการส่งกลับประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะมาถึงเกาะเบนจินาวันพรุ่งนี้ ฉันจึงบอกทุกคนว่า หาก ตม.มารับในวันพรุ่งนี้ แล้วทางบริษัทจะคุ้มครองความปลอดภัยให้ ระหว่างนี้ ทางสถานทูตไทย โดยท่านทูต ภาสกร ศิริยะพันธ์ จะสอบถามความปลอดภัยของทุกคน เป็นระยะ จนกว่าจะถึงเกาะตวล ขณะทีดิฉันกับทีมงานก็อยู่ที่เกาะเบนจินา จะอยู่ให้กำลังใจ จนกว่า ทั้ง 5 คนจะได้กลับออกไปพร้อมกัน คุณชัยรัตน์และเพื่อนก็ตกลง เนื่องจากยังมีคุณสมชาย ที่ป่วยต้องนอนพักผ่อนเพื่อให้อาการดีขึ้น
ทั้ง 4 คนฝากบอกครอบครัวว่า ดีใจที่ได้กลับบ้าน และอยากบอกทุกคนว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ ขอบคุณทุกฝ่ายที่ได้ช่วยเหลือและขอให้คุ้มครองพวกเขาจนกว่าจะถึงประเทศไทย เพราะพวกเขาเป็นพยานคนสำคัญที่ออกมาเปิดเผยว่า ที่ท่าเรือของบริษัทมีห้องขังแรงงาน และคนไทยทั้ง 5 คน ถูกขังไม่ต่ำกว่า 2 เดือน ด้วยข้อหาเพียงเล็กน้อย จึงถือเป็นการกักขังหน่วงเหนี่ยว
ที่มาการขอความช่วยเหลือคนไทยทั้ง 5 คน เร่ิมต้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม ดิฉันและคุณปฏิมา ตั้งปรัชญากุล ผู้จัการมูลนิธิ LPN เดินทางมามี่เกาะเบนจินา เพื่อตรวจสอบกรณีมีข้อมูลว่า บนเกาะนี้ มีหลุมฝังศพคนไทย มีคุกขังแรงงาน และปัญหาเรือติดค้าง
เมื่อมาถึงเราพบหลุมฝังศพคนไทยที่มีป้ายชื่อไทยแลนด์ 64 ราย ไม่มีป้ายชื่อ 12 ราย และหลุมใหม่ ที่เป็นศพนิรนาม รวมแล้วชาวบ้านในพื้นท่ีระบุว่าน่าจะมีไม่ต่ำกว้า 100 ศพ
เราจึงไปสอบถามข้อมูลกับตำรวจเกาะเบนจินา ซึ่งยอมรับมีศพนิรนาม ไม่มีชื่อจริง ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวน และนำดิฉันไปที่ท่าเรือเพื่อสอบถามจากผู้บริหาร เรื่องศพทางบริษัทระบุว่ามีการแจ้งให้ญาติทราบและจ่ายเงินเยียวยา
จากนั้นดิฉันได้รับข้อมูลจากแรงงานคนหนึ่งให้ไปดูคุกที่กักขังแรงงาน มี่อยู่ด้านหลังรปภ.และพบคนไทย 5 คน คนพม่าอีกจำนวนหนึ่ง ร้องขอความช่วยเหลือต้องการกลับประเทศไทยโดยด่วน
ดิฉันจึงเดินทางกลับเกาะอัมบน ในวันที่ 23 มีนาคม และเปิดเผยข่าวนี้ ขณะที่ทีม lpn ส่งรายชื่อคนไทยที่ร้องขอกลับบ้าน ทั้งในคุก 5 คน และ 17 คน มีทั้งที่ป่วยและถูกสวมชื่อหลอกมาทำงาน ทางสถานทูตได้ทำหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซีย และทางบริษัท ขณะที่ดิฉันและทีม lpn กลับมาติดตามการช่วยเหลือที่เกาะโดโบ เมื่อวานนี้ จนช่วงบ่ายทราบว่าทั้ง 5 คนได้รับการปล่อยตัว แต่ด้วยปัญหาการประสานงานและอุปสรรคบางอย่าง ทำให้ต้องใช้เวลาถึง 2 วันกว่าจะได้เจอทั้ง 5 คนและได้รับคำยืนยันว่าจะได้รับการส่งกลับประเทศไทย
ขอบคุณท่านทูตภาสกร คุณวรวิทย์ และเจ้าหน้าที่สถานทูตไทย ณ.กรุงจากาตาร์ ที่ช่วยเหลือทั้ง 5 คนอย่างเต็มที่ค่ะ
ยังมีกรณีคนไทยที่แจ้งชื่อขอเดินทางกลับจากเกาะเบนจินา อีก 12 คน คงต้องตามต่อ รวมถึงการตรวจสอบศพนิรนามที่รอชุดเฉพาะกิจของรัฐบาลมาแก้ปัญหาในวันที่ 27 มีนาคมนี้
นอนหลับฝันดีค่ะทุกคน

ตร.ล็อคตัว ขู่ลบคลิป แนะถ้าจะออกก็ต้องปล่อยให้ออก ขณะนิสิต ม.เกษตรฯ จัดค้าน ม.นอกระบบ

นิสิต กลุ่มเสรีนนทรี ม.เกษตรฯ ประกาศจุดยืนคัดค้านการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ และประกาศเชิญชวนนิสิตนักศึกษาและประชาชนร่วมแสดงจุดยืนร่วมกัน ในวันที่ 26 มี.ค.นี้ หน้ารัฐสภา เวลา 10.00 น.
วานนี้(25 มี.ค.) เมื่อเวลา 21.55 น. อภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ นักกิจกรรมกลุ่มเสรีนนทรี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์วิดีโอคลิปจังหวะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าล็อคตัว โดยระบุด้วยว่า หลังจากนิสิตกลุ่มหนึ่งแสดงออกซึ่งการไม่เห็นด้วย ที่จะนำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ออกนอกระบบ ทางมหาลัยก็ได้แจ้งตำรวจเข้ามา พร้อมรถตู้มาจอดขวางรถซาเล้งของนิสิต พร้อมทั้งลงมาพูดจาเสียงดังข่มขู่ 

 
“ผมจึงอัดคลิปการเจรจานั้น กลับถูกตำรวจคนนึงมาแย่งโทรศัพท์และขู่ให้ลบคลิปดังกล่าว เข้ามาล็อกแขนไว้ จึงได้ลบคลิปดังกล่าว สุดท้ายตำรวจได้ตักเตือนนิสิตกลุ่มดังกล่าว ว่าห้ามจัดกิจกรรมต่างๆอีก ถ้ามหาลัยจะออกนอกระบบก็ต้องปล่อยให้ออก
สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานเรากำลังถูกริดรอนจนไม่เหลืออะไรแล้ว จะให้เรานิ่งเฉยทนดูการศึกษา และประเทศนี้มันวิบัติต่อหน้าหรืออย่างไรจะใช้ปลายกระบอกปืนปิดปากประชาชนจนถึงเมื่อใด เรายืนยันว่าจะสู้ น้องนิสิตทุกคนก็ยืนยันว่าจะสู้ เราสู้เพื่อการศึกษาที่เป็นธรรม” อภิสิทธิ์ กล่าว
กลุ่มเสรีนนทรี ได้เผยแพร่วีดีโอคลิปที่กลุ่มนิสิตได้ยืนอ่านคำประกาศจุดยืนคัดค้านการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ และประกาศเชิญชวนนิสิตนักศึกษาและประชาชนร่วมแสดงจุดยืนร่วมกัน ในวันที่ 26 มี.ค.นี้ หน้ารัฐสภา เวลา 10.00 น.
"สุดท้ายเรายืนยันว่าจะสู้ แม้ว่าจะอยู่ภายใต้สถานการณ์แบบใดก็ตาม เรามิอาจทนนิ่งเฉยหรือปล่อยให้มหาวิทยาลัยที่รักต้องออกนอกระบบได้ เราสู้เพื่อการศึกษาที่เป็นธรรม" ตัวแทนนิสิต ม.เกษตรฯ กล่าว
Citizen ThaiPBS  รายงานด้วยว่าวันเดียวัน ที่สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร บางเขน นายบดินทร์ รัศมีเทศ ว่าที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้เดินทางเข้าเยี่ยมคารวะ ศ.ระพี สาคริก อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อชี้แจงเรื่องอุดมการณ์ของมหาวิทยาลัย ว่าไม่เคยเปลี่ยนไปยังยืนอยู่เคียงข้างเกษตรกรเสมอ กรณีการนำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ออกนอกระบบ
อย่างไรก็ตาม ศ.ระพี ยังยืนว่าไม่เห็นด้วย เพราะอุดมการณ์ของ ม.เกษตรฯ เปลี่ยนไปนานแล้ว พร้อมกับย้ำด้วยว่า "ถ้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ออกนอกระบบ ผมก็จะเอาชื่อของผมออกนอกระบบมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เช่นกัน"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการพูดคุย มีนิสิตมก.4 คนยืนถือป้ายคัดค้านการออกนอกระบบ รอสอบถามความคิดเห็นของคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยว่ามีความคิดเห็นอย่างไรกับการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ
นิสิตได้คำตอบมาว่า "ม.เกษตรฯ ได้ออกนอกระบบมานานแล้วและนิสิตรุ่นที่แล้วๆ มาได้มีส่วนร่วมกับการนำมหาลัยออกนอกระบบกันมาแล้ว นิสิตรุ่นนี้ไม่ต้องเป็นห่วงกับการที่ ม.เกษตรฯ จะออกนอกระบบ ทางมหาลัยจะไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์เหมือนมหาลัยอื่นๆ ที่ออกนอกระบบไปแล้ว และลูกต้องตั้งใจเรียน"
ด้านกลุ่มนิสิตแสดงความเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า ประเด็นคือว่าไม่ว่าจะเป็นนิสิตรุ่นใดก็ตามมหาลัยต้องให้เขามีส่วนร่วมในการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ ไม่ใช่แค่อ้างว่ารุ่นพี่ได้ทำมาแล้ว และจะบอกว่าจะเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นในวันที่ 7 เมษายน มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อ ร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยเกษตรฯ จะเข้าสู่การพิจารณาของสนช.ในวัน 26 มี.ค.นี้

ยังไม่ทันเดินไปศาลทหารเช้านี้ 'พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ' ก็ถูกรวบไปโรงพักกลางดึก

พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2558 (แฟ้มภาพ)

พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ ซึ่งเช้าวันพฤหัสบดีนี้เตรียมเดินจากบ้านที่บางบัวทองมาขึ้นศาลทหาร ล่าสุดถูก จนท.ตำรวจ ดักรวบกลางดึก ขณะจอดรถเตรียมเข้าบ้าน ก่อนส่งไปควบคุมตัวที่ สน.ชนะสงคราม - ทั้งนี้ถูกออกหมายกรณีเดินเท้ามาศาลทหารเมื่อสัปดาห์ก่อน - ล่าสุด จนท.ตำรวจส่งฝากขังศาลทหารเช้านี้และค้านการประกันตัว
26 มี.ค. 2558 - ตามที่เพจพลเมืองโต้กลับ แจ้งทางเฟซบุ๊คว่า นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ หรือ 'พ่อน้องเฌอ' หนึ่งในผู้ต้องหาคดีฝ่าฝืนประกาศ คสช. จากการจัดกิจกรรม "เลือกตั้งที่(รัก)ลัก" หน้าหอศิลปวัฒนธรรมเมื่อ 14 ก.พ. เตรียมเดินจากบ้านที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ในเช้าวันที่ 26 มี.ค. เพื่อเดินทางไปศาลทหาร กรุงเทพฯ ในวันที่ 27 มี.ค. โดยเป็นการเข้าให้การเพิ่มเติมนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 00.30 น. ของวันที่ 26 มี.ค. เพจพลเมืองโต้กลับรายงานว่า นายพันธ์ศักดิ์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปยัง สน.ชนะสงคราม ขณะกำลังจอดรถในวัดข้างบ้านเพื่อเตรียมเข้าบ้าน
ทั้งนี้ เพจพลเมืองโต้กลับ ระบุว่า พ.ต.ท.ทวีวงศ์ ดิษฐแย้ม สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 4 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจนครบาล เป็นผู้แสดงตัวเพื่อขอควบคุมตัวนายพันธ์ศักดิ์ จากหน้าบ้านพักที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี มาที่ สน.ชนะสงคราม โดย ศูนย์ทหารความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการแสดงหมายจับศาลทหารเมื่อวันที่ 17 มี.ค. โดยเป็นหมายจับที่เกิดขึ้นจากกรณีนายพันธ์ศักดิ์จัดการเดินเท้า "พลเมืองรุกเดิน" จากบ้านที่ อ.บางบัวทอง มาที่ศาลทหาร เหตุเกิดเมื่อ 15 มี.ค.
 

อนึ่ง ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นายพันธ์ศักดิ์ ได้เดินทางจากบ้านที่ อ.บางบัวทอง เพื่อมาขึ้นศาลทหาร ภายใต้ชื่อแคมเปญ "พลเมืองรุกเดิน" เช่นกัน ก่อนถูกตำรวจ สภ.บางบัวทอง ควบคุมตัวมาส่งที่ สน.ปทุมวัน อย่างไรก็ตาม นายพันธ์ศักดิ์ ก็ยังคงดำเนินกิจกรรมการเดินต่อไปในวันรุ่งขึ้นโดยเริ่มที่หน้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ บริเวณจุดเสียชีวิตของนวมทอง ไพรวัลย์ มาถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ สน.ปทุมวัน ในวันต่อๆ มา
ขณะเดียวกัน กลุ่ม ศนปท. ที่เดินเท้าจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มาที่ศาลทหาร เมื่อวันที่ 16 มี.ค. เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวกลุ่มพลเมืองโต้กลับ 4 ราย ที่รอการประกันตัวที่ศาลทหาร ล่าสุดมีรายงานด้วยว่าวานนี้ (25 มี.ค.) มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร นอกเครื่องแบบ เดินทางมาเยี่ยมบ้านของนักศึกษาสมาชิก ศนปท. นับ 10 ราย(อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลา 01.10 น. นายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน 1 ใน 4 ผู้ต้องหา ฝืนประกาศ คสช. กิจกรรม "เลือกตั้งที่(รัก)ลัก" ได้โพสต์ในเฟซบุ๊คบัญชีของเขาด้วยว่า พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. จะเดินทางมาสอบนายพันธ์ศักดิ์เอง ที่ สน.ชนะสงคราม
ในเวลา 01.14 น. เพจพลเมืองโต้กลับ โพสต์รูปนายพันธ์ศักดิ์เดินทางมาถึง สน.ชนะสงคราม และรอในห้องสอบสวนแล้ว
 

ในเวลา 01.30 น. นายอานนท์ ในฐานะทนายความของนายพันธ์ศักดิ์ เปิดเผยในเฟซบุ๊คของเขาว่าถูก พล.ต.ท.ศรีวราห์ ให้ออกจากห้องสอบสวน
ทั้งนี้ จากข้อมูลในเพจศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่า เป็นการเชิญนายอานนท์ ออกจากห้องสอบสวน และปฏิเสธไม่ให้ทนายความอยู่ระหว่างทำบันทึกการจับกุม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าอยู่ระหว่างทำบันทึกการจับกุม นายพันธ์ศักดิ์ยังไม่ใช่ผู้ถูกจับ ทนายความจึงยังไม่มีสิทธิดังกล่าว หากยืนยันจะอยู่ในห้องอาจถือเป็นการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน อย่างไรก็ตาม ในเพจศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ยืนยันว่า ตามมาตรา 7/1 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาได้รับรองสิทธิในการพบทนายความของผู้ถูกจับไว้ และต่อมาในเวลา 02.20 น. ทนายสามารถเข้าไปในห้องสอบสวนได้
โดยในเวลา 02.30 น. นายอานนท์ ในฐานะทนายความ ระบุว่านายพันธ์ศักดิ์ ถูกตั้งข้อหาอีก 3 ข้อหาได้แก่ หนึ่ง ขัดประกาศ คสช. ฉบับที่ 7 สอง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 และ สาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 หรือความผิดฐานกระทำให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน
โดยในเวลา 09.00 น. พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม จะนำนายพันธ์ศักดิ์ไปฝากขังที่ศาลทหารกรุงเทพ และคัดค้านการประกันตัว
ล่าสุดสถานการณ์ในช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม พานายพันธ์ศักดิ์ไปตรวจร่างกายที่วชิระพยาบาล ถ.สามเสน ก่อนพาไปฝากขังที่ศาลทหาร กระทรวงกลาโหม (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

ปธ.กมธ.ยกร่างฯ ย้ำสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ

บวรศักดิ์ ย้ำการตั้งสภาขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศ ไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ พร้อมเผยการปกครองส่วนท้องถิ่นในอนาคตจะมีหลายรูปแบบ และ ปชช. มีส่วนร่วม เพื่อสร้างรากฐานประชาธิปไตย
26 มี.ค. 2558 เมื่อวานนี้ เว็บข่าวรัฐสภา รายงานว่า บวรศักดิ์ อุวรรโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงการพิจารณายกร่างรัฐธรรมนูญว่า ร่างรัฐธรรมนูญที่ทำอยู่ตัวร่างเสร็จแล้วทั้งสิ้น 315 มาตราในส่วนการปกครองท้องถิ่นอยู่ทั้งในแนวนโยบายพื้นฐานรัฐ รวมทั้งการปฏิรูป ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีหลักว่าต้องยึดการเมืองไทยใสสะอาด หนุนสังคมเป็นธรรม นำชาติสู่สันติสุข พร้อมย้ำว่าปัญหาความขัดแย้งได้ดึงทุกสถาบันลงมาซึ่งต้องหาทางแก้ปัญหาความ ขัดแย้งด้วยการสร้างความปรองดอง พร้อมระบุว่าปัญหาความขัดแย้งคือ การจัดสรรรัพยากรที่ไม่เป็นธรรม ส่งผลให้เกิดนโยบายประชานิยม จึงเป็นที่มาของการร่างรัฐธรรมนูญในภาค 4 การปฏิรูปประเทศและสร้างความปรองดองในสังคม โดยมีสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ ทำหน้าที่แทนสภาปฏิรูปแห่งชาติ เดินหน้านโยบายเกี่ยวกับแนวทางปฏิรูป มีวาระไม่เกิน 5 ปีหลังจากนั้นจะมีการลงมติจากประชาชนว่าจะให้อยู่ต่อหรือไม่ แต่รวมแล้วไม่เกิน 10 ปี พร้อมยืนยันว่าไม่ได้เป็นการสืบทอดอำนาจ
ในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิรูปขององค์กรปกครองท้องถิ่น บวรศักดิ์ได้ยกตัวอย่างการปกครองท้องถิ่นของสหรัฐอเมริกา ว่ามาจากการปกครองตนเอง ดูแลตนเองของประชาชนเกิดเป็นรากฐานจากประชาชน ส่งผลให้เป็นประชาธิปไตยที่แข็งแรงเพราะเริ่มจากประชาชน
บวรศักดิ์ กล่าวถึงการสร้างพลเมืองเป็นใหญ่ ว่าในส่วนการปกครองท้องถิ่นนั้นจะมีการปรับเป็นองค์บริหารส่วนท้องถิ่น โดยในการทำงานจะต้องประสานการทำงานกับภาครัฐ องค์กรท้องถิ่นอื่นและประสานการทำงานกับประชาชน เปรียบเป็นการบริหารในแนวราบและต้องเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำบริการ สาธารณะ ขณะเดียวกันองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นจะต้องมีรูปแบบการบริหารที่หลากหลายใน แต่ละภูมิสังคมและต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอความคิดเห็น พร้อมย้ำในตอนท้ายด้วยว่า สัดส่วนสตรีที่จะลงรับสมัครเลือกตั้งยังไม่ได้ข้อยุติ และยังเปิดรับฟังความคิดจากทุกภาคส่วน

สภาการ นสพ. แนะ ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์เชิงใช้อำนาจ ไม่เป็นผลดี

ประธานสภาหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ยินดีที่ พล.อ. ประยุทธ์ จะให้ใช้กระบวนการตรวจสอบกันเองของสื่อ ระบุหากนายกฯมีข้อข้องใจในการทำงานของสื่อให้ระบุเป็นรายประเด็น พร้อมแนะการให้สัมภาษณ์เชิงใช้อำนาจไม่เป็นผลดี
26 มี.ค. 2558 กรณี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2558 ถึงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ว่าจะใช้อำนาจที่มีอยู่ดำเนินการกับสื่อ ที่นำเสนอข้อมูลที่นำไปสู่ความแตกแยก โดยเบื้องต้นได้ขอให้องค์กรสื่อได้ไปตรวจสอบกันเอง มติชนออนไลน์ รายงานว่า ภัทระ คำพิทักษ์ ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ได้ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีดังกล่าวว่า สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ยินดีที่นายกรัฐมนตรีจะใช้กระบวนการตรวจสอบกันเองของสื่อ เป็นไปตามคำแถลงของ คสช. ก่อนหน้านี้เคยระบุว่า คสช.จะสนับสนุนกระบวนการตรวจสอบกันเองของสื่อ
"สื่อหลายสำนักไม่ใช่สมาชิก เราจึงไม่อาจไปแนะนำได้ทุกสื่อ หากหน่วยงานของรัฐไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานใดเห็นว่าสื่อที่เป็นสมาชิกของเราทำ เกินกรอบของการทำหน้าที่สื่อที่ดีก็สามารถแจ้งมาได้ตลอดเวลาสภาการหนังสือพิมพ์ฯ มีคณะทำงานรับผิดชอบในการควบคุมจริยธรรมของสื่ออยู่แล้ว แม้นายกฯจะมีข้อข้องใจในการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อ สภาการหนังสือพิมพ์ฯ ก็ขอให้ท่านระบุเป็นประเด็นและเป็นรายไปเลย" ภัทระกล่าว
ภัทระกล่าวต่อว่า แม้นายกฯและ คสช.จะเข้าใจและสนับสนุนกระบวนการควบคุมกันเองของสื่อ แต่หวังว่านายกฯและ คสช.จะเข้าใจวิธีการปฏิบัติตามช่องทางเหล่านั้น ด้วยการให้สัมภาษณ์ในลักษณะการใช้เชิงอำนาจ ไม่ได้เป็นผลดีต่อนายกฯ และ คสช.แต่อย่างใด

ศาลทหารให้ประกันตัว-ฟ้องเพิ่ม 'พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ' 3 ข้อหากรณีรุกเดินบางบัวทอง

พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ ก่อนถูก สน.ชนะสงคราม ส่งไปตรวจร่างกายที่วชิระพยาบาล และส่งฝากขังศาลทหาร

'พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ' ถูกตำรวจบุกจับยามวิกาลก่อนออกเดินเท้า(อีกรอบ)ไปรายงานตัวศาลทหารตามนัดหมาย เขาถูกแจ้ง 3 ข้อหาเพิ่ม ต่อมาตำรวจได้นำตัวไปฝากขังยังศาลทหาร ศาลอนุญาตฝากขัง แต่ให้ประกันตัว หลักทรัพย์ 70,000 พร้อมเงื่อนไขประกันตัวห้ามเคลื่อนไหวใดๆ 
26 มี.ค. 2558  เมื่อเวลา 00.30 น. วันนี้นายพันธ์ศักดิ์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.ท.ทวีวงศ์ ดิษฐแย้ม สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 4 บก.บช.น. ควบคุมตัวไปยัง สน.ชนะสงคราม ขณะกำลังจอดรถในวัดข้างบ้านเพื่อเตรียมเข้าบ้าน โดยเป็นหมายจับศาลทหารลงวันที่ 17 มี.ค. กรณีนายพันธ์ศักดิ์จัดการเดินเท้า "พลเมืองรุกเดิน" จากบ้านที่ อ.บางบัวทอง มาที่ศาลทหาร เหตุเกิดเมื่อ 15 มี.ค.

การจับกุมครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนที่พันธ์ศักดิ์เตรียมการจะเริ่มเดินเท้าอีกครั้งในช่วงเช้าของวันที่ 26 มี.ค.เพื่อเข้ารายงานตัวที่ศาลทหารตามนัดหมาย
นายอานนท์ นำภา ในฐานะทนายความ ระบุว่าในการจับกุมครั้งนี้พันธ์ศักดิ์ถูกตั้งข้อหาอีก 3 ข้อหาได้แก่
1.ขัดประกาศ คสช. ฉบับที่ 7
2.พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14
3.ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 หรือความผิดฐานกระทำให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน (อ่านข่าวก่อนหน้านี้)
ก่อนหน้านี้ นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ หรือ 'พ่อน้องเฌอ' ถูกฟ้องในคดีฝ่าฝืนประกาศ คสช. จากการจัดกิจกรรม "เลือกตั้งที่(รัก)ลัก" หน้าหอศิลปวัฒนธรรมเมื่อ 14 ก.พ. โดยคดีนี้มีผู้ถูกฟ้องรวม 4 ราย รวมทั้งนายอานนท์ นำภา ด้วย
ความคืบหน้าในช่วงเช้าผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปิยณัฐ จงเทพ และเพื่อนจากศูนย์กลางนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนปท.) เข้าเยี่ยม พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ ที่ห้องขัง สน.ชนะสงคราม โดยนายพันธ์ศักดิ์กล่าวว่าเป็นการไม่สมควรที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการจับกุมเขาในยามวิกาล และระบุชื่อผู้แจ้งความจับกุมในหมายจับว่า คือ พ.ต.อ.สถิตย์ สังข์ปรีชา ไม่ได้ระบุสังกัดหรือหน่วยงาน
ตั้งแต่เวลา 08.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม คุมตัวนายพันธ์ศักดิ์ไปตรวจสภาพร่างกายหลังการจับกุมที่วชิระพยาบาล ถ.สามเสน ก่อนคุมตัวส่งขอฝากขังที่ศาลทหาร กระทรวงกลาโหมต่อไป ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะยื่นคัดค้านการประกันตัวนายพันธ์ศักดิ์ด้วย
เวลาประมาณ 09.50 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศหน้ากระทรวงกลาโหม ที่ตั้งศาลทหารว่า เจ้าหน้าที่ทหารปิดกั้นพื้นที่รอบกระทรวงกลาโหม ตรวจบัตรประชาชนอย่างเข้มงวด โดยอนุญาตให้เพียงทนายความ คือนายอานนท์ นำภาและนายประกันของนายพันธ์ศักดิ์ เท่านั้นทีสามารถติดตามเข้าไปพบกับนายพันธ์ศักดิ์ภายในศาลทหารได้ 
เวลาประมาณ 13.20 น. เจ้าหน้าที่นำตัวพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังพนักงานสอบสวนขอฝากขัง 12 วันและศาลทหารอนุญาตให้ฝากขังแต่ไม่รับคำขอคัดค้านการประกันตัวของพนักงานสอบสวน ทั้งนี้เหตุผลที่พนักงานสอบสวนขอฝากขังคือ ยังเหลือพยานต้องสอบหลายสิบปาก และต้องรอสอบประวัติอาชญากรรมรวมทั้งรอยพิมพ์นิ้วมือของผู้ต้องหา
ด้านทนายความของพันธ์ศักดิ์ดำเนินการยื่นประกันตัวโดยนายประกันเตรียมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 500,000 บาทซึ่งนำมาจากการระดมทุนจากประชาชนทั่วไป
เวลาประมาณ 14.20 น.ศาลทหารมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวโดยเรียกหลักทรัพย์เป็นเงินสด 70,000 บาท คาดว่าจะมีการปล่อยตัวพันธ์ศักดิ์ในช่วงเย็นวันนี้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทั้งนี้ มีนักศึกษาและประชาชนจำนวนหนึ่งไปรอรับพันธ์ศักดิ์ที่เรือนจำแล้ว

ภาวิณี ชุมศรี ทนายความผู้ต้องหากล่าวด้วยว่า ศาลได้กำหนดเงื่อนไขประกอบการอนุญาตประกันตัวด้วย ดังนี้
"ห้ามผู้ต้องหากระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่น ชักชวน ปลุกระดม ไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ เพื่อให้มีการชุมนุม อันจะก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรือก่อให้เกิดภยันตรายใดๆอันกระทบต่อความเสียหาย หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือกระทำการใดๆเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และห้ามผู้ต้องหาเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล"
อนึ่ง ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นายพันธ์ศักดิ์ ได้เดินทางจากบ้านที่ อ.บางบัวทอง เพื่อมาขึ้นศาลทหาร ภายใต้ชื่อแคมเปญ "พลเมืองรุกเดิน" เช่นกัน ก่อนถูกตำรวจ สภ.บางบัวทอง ควบคุมตัวมาส่งที่ สน.ปทุมวัน อย่างไรก็ตาม นายพันธ์ศักดิ์ ก็ยังคงดำเนินกิจกรรมการเดินต่อไปในวันรุ่งขึ้นโดยเริ่มที่หน้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ บริเวณจุดเสียชีวิตของนวมทอง ไพรวัลย์ มาถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ สน.ปทุมวัน ในวันต่อๆ มา ขณะเดียวกัน กลุ่ม ศนปท. ที่เดินเท้าจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มาที่ศาลทหาร เมื่อวันที่ 16 มี.ค. เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวกลุ่มพลเมืองโต้กลับ 4 ราย ที่รอการประกันตัวที่ศาลทหาร ล่าสุดมีรายงานด้วยว่าวานนี้ (25 มี.ค.) มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร นอกเครื่องแบบ เดินทางมาเยี่ยมบ้านของนักศึกษาสมาชิก ศนปท. อย่างน้อย 17 ราย (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)
นายอานนท์ นำภา ในฐานะทนายความนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ ขอเข้าพบนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ ที่ศาลทหาร กรมพระธรรมนูญทหาร ภายในบริเวณกระทรวงกลาโหม