วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554


รายงานข่าวเชิงสืบสวน:หลักฐานทั้งหมดและรายงาน
คอป.ชี้ชัดไม่มีชายชุดดำ มีแต่ชายใจดำสังหาร92ศพ


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
29 มิถุนายน 2554

1.เป็นที่ทราบกันดีว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่เคยยอมรับแม้สักครั้งเดียวว่า ทหารภายใต้คำสั่งศอฉ.ที่เขารับผิดชอบสูงสุดเป็นผู้สังหารผู้ชุมนุมในเหตุการณ์ 10 เมษายน -19 พฤษภาคม (ดูจากบันทึกเฟซบุ๊คทั้ง 8 ฉบับของเขา และคำปราศรัยที่ราชประสงค์ 23 มิถุนายน 2554)และได้โยนให้ชายชุดดำเป็นผู้รับผิดชอบต่อการสังหาร แต่ก็ไม่เคยปรากฎความคืบหน้าว่ามีการดำเนินคดีต่อชายชุดดำ

2.เอ่ยปากครั้งแรก"เสียใจ"แต่ไร้คำขอโทษ โยนให้เหยื่อสังหารโดนลูกหลง

ต่มาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน นางคำจันทร์ แสงจันทร์ ชาวบ้าน อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ แม่ของเหยื่อ 1 ใน 92 ศพ ร่ำไห้เข้าสอบถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ระหว่างไปหาเสียงใกล้บ้าน ว่าใครกันแน่ฆ่าลูกชาย ? โดยที่นายอภิสิทธิ์เอ่ยคำว่า"เสียใจ"เป็นครั้งแรกต่อเหยื่อสังหาร แต่ยังไม่ยอมแสดงความรับผิดชอบ โดยอ้างว่าคงตายเพราะโดนลูกหลง

หนังสือพิมพ์ ข่าวสดรายงานคำพูดของนายอภิสิทธิ์ที่พูดกับแม่ของเหยื่อสังหารว่า

"ความจริงผมได้อ่านรายงานอยู่ แต่ไม่มีโอกาสได้มาพบ ใจของผมจริงๆ อยากมาพบ แต่ส่วนใหญ่จะมีปัญหา เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงเขาก็ไม่อยากให้พบ เพราะเขามีปัญหากับผม มาวันนี้ก็ขอแสดงความเสียใจ ยืนยันได้ว่าสำหรับผมและรัฐบาล มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำ ให้คนไทยด้วยกันต้องมาเสียชีวิต เท่าที่ฟังผู้ตายน่าจะโดนลูกหลงมากกว่า เพราะอาศัยอยู่ที่บ่อนไก่ ผมจะติดตามและเร่งรัด แต่จะให้ผมไปยุ่งกับการสอบมากไม่ได้ เพราะเดี๋ยวก็จะมากล่าว หาผมว่าไปสั่งอีกก็จะทำให้มันยาก แต่รับปากว่าจะตามเรื่องให้ เพราะเรื่องนี้ต้องค้นหาความจริงต่อเนื่องต่อไป" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

3.รายงานจากคอป.ซึ่งอภิสิทธิ์เป็นคนตั้งระบุอย่างน้อย13ศพฝีมือเจ้าหน้าที่ ไม่มีตอนไหนเอ่ยว่าเป็นฝีมือชายชุดดำ

รายงานอะไร? ที่นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าเขาได้อ่านอยู่

คงจะเป็นรายงานของ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาข้อความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.)ที่ศ.คณิต ณ นคร เป็นประธาน และคอป.นี้นายอภิสิทธิ์แต่งตั้งมากับมือ ได้ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 20 เมษายน 2554 รายงานความคืบหน้าของการสอบสวน

รายงานฉบับนี้(อ่านรายละเอียดหนังสือที่คอป.ส่งถึงนายกฯอภิสิทธิ์และรายละเอียดผลการสอบสวนที่ลิ้งค์http://www.thaitruthcommission.org/thaitruth/Pages/result.aspx)

หนังสือเรียนนายกรัฐมนตรี เรื่องรายงานความคืบหน้า 6 เดือนแรก

รายงานความคืบหน้า คอป ครั้งที่ 1

สาระสำคัญคือ คอป.รายงานเอกสารชุดนี้มีความยาว 134 หน้า ที่สำคัญคือหัวข้อที่3.4.4 ในหน้า 14 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่ตรวจพบเบื้องต้นในขณะนี้คือ

(๑) มียอดผู้เสียชีวิตรวม ๙๒ ราย๑๓ โดยเสียชีวิตในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ๘๙ ราย เสียชีวิตที่จังหวัดอุดรธานี ๒ ราย และเสียชีวิตที่จังหวัดขอนแก่นอีก ๑ ราย

(๒) จากการตรวจสอบจนถึงขณะทำรายงานนี้พบว่าอย่างน้อย ๑๓ ราย เกิดจาก การกระทำของเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ ซึ่งข้อนี้ตรงกับการสืบสวนสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ

ในเอกสารของคอป.ที่นายอภิสิทธิ์เป็นคนตั้ง และสรุปเสนอต่อนายอภิสิทธิ์เมื่อ 20 เมษายน 2554 ไม่มีตอนใดเลยกล่าวถึงชายชุดดำว่าเป็นผู้สังหารเหยื่อ10เมษายน-19พฤษภาคม 2553

4.เอกสารทหาร2ฉบับมัดมาร์คแน่น โฆษณาชวนเชื่อขอใบอนุญาตฆ่า91ศพ รบเต็มอัตรากระสุนจริง-Sniper

นอกจากรายงานของคณะกรรมการที่อิสระเป็นกลาง(แต่นายอภิสิทธิ์เป็นคนตั้ง)อย่างคอป.แล้ว ลองอ่านเอกสาร 2 ฉบับของฝ่ายทหาร ก็จะแจ่มชัดขึ้น


เอกสารฉบับที่ 1 การปฏิบัติการข่าวสารโฆษณาชวนเชื่อเพื่อออกใบอนุญาตฆ่า
พ.อ.บุญรอด ศรีสมบัติ จากสถาบันวิชาการทหารบกชั้นสูง เขียนเปิดเผยปฏิบัติการข่าวสารของทหาร(IO)ช่วงนปช.ชุมนุม มี.ค.-พ.ค.2553 ว่า มีปฏิบัติการสำคัญคือ มุ่งทำให้ทีวีเสื้อแดงจอมืด ปิดเวบไซต์-วิทยุชุมชน เพิ่มความน่าสะพรึงกลัวชายชุดดำแฝงในที่ชุมนุม สร้างผังล้มเจ้าเชื่อมโยงผู้ชุมนุม ตัดต่อคลิปแกนนำมาเรียงภาพใหม่ว่าชี้นำให้เผาบ้านเผาเมือง ชี้ให้สังคมเห็นว่า สถานการณ์สุกงอมที่ต้องจัดการด้วยมาตรการขั้นเด็ดขาด สุดท้ายคือหาอาวุธมาแสดงว่ายึดได้จากผู้ชุมนุม และชี้ว่าทหารไม่มีการสังหารประชาชน

ผลสำเร็จคือประชาชนและสังคมสนับสนุนรัฐบาลให้ดำเนินมาตรการเฉียบขาดในการจัดการต่อผู้ชุมนุมในที่สุด หลังการดำเนินการยังมีมีสาวๆกรี๊ดกร๊าดพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ตามเฟซบุ๊คว่าเป็น"ผู้ก่อการรัก"
โดยมีการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารเสนาธิปัตย์ ปีที่ ๖๐ ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๔ ( คลิ้กลิ้งค์เพื่ออ่านรายละเอียดต้นฉบับที่สมบูรณ์http://www.cdsd-rta.net/images/stories/valasan/valasan%20y60%20b1%202554/AW-SP-69-81.pdf )

AW-SP-69-81


เอกสารฉบับที่ 2 ยุทธการกระชับวงล้อม 14-19 พ.ค.53 "มาร์ค"สั่งกระชับวงล้อมเพื่อ"ยุติ"ไม่ใช่"เจรจา" ยอมรับใช้กระสุนจริง และพลซุ่มยิงสไนเปอร์ รบเต็มอัตราศึก

บทความชิ้นนี้ตีพิมพ์ในวารสารเสนาธิปัตย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ปีที่ 59 ฉบับที่ 3 กันยายน-ธันวาคม 2553 เป็นบทความที่เขียนขึ้นเพื่อประกอบการจัดทำ”เอกสารแนวทางในการปฏิบัติทางทหาร: กรณีศึกษาการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในเมือง” จากความริเริ่มของพล.ท.สิงห์ศึก สิงห์ไพร เพื่อกำหนดบทบาทของกองทัพบกในการแก้ปัญหาการก่อความไม่สงบในเมืองรูปแบบใหม่
วารสารเสนาธิปัตย์ ฉบับที่ตีพิมพ์เรื่องนี้ ท่านสามารถอ่านบทความต้นฉบับนี้ได้ที่ลิ้งค์ http://www.cdsd-rta.net/images/stories/valasan/valasan%20y59%20b3%20year2553/lesson7.pdf

Lesson 7

โดยมีใจความสำคัญระบุตอนหนึ่งว่า

นโยบายรัฐบาลชัดเจนมาตลอดที่จะใช้มาตรการทางทหารกดดันม็อบกลุ่ม นปช. ความชัดเจนก็คือนโยบายกระชับวงล้อม เพื่อการยุติ การชุมนุมไม่ใช้การกระชับวงล้อมเพื่อเปิดการเจรจา ..และนายกรัฐมนตรีได้สั่งการในที่ประชุม ศอฉ.ในวันที่ 12 พฤษภาคม ให้ฝ่ายทหารเริ่มต้นปฏิบัติการตามแผนยุทธการที่ได้วางไว้

ยุทธการกระชับวงล้อมเมื่อ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2553 เป็นการปฏิบัติทางทหารเต็มรูปแบบ จึงเห็นได้ว่าภารกิจชัดเจน คือการกระชับวงล้อมด้วยกระสุนจริง จากกำลังหน่วยรบหลักของเหล่าทหารราบ เหล่าทหารม้า และหน่วยส่งกำลังทางอากาศ อย่างเช่น ร.31 รอ.ในภารกิจปฏิบัติการพิเศษ อาจเรียกได้ว่าเป็นการรบในเมืองที่ใช้อาวุธยุทธโธปกรณ์ทางทหารเต็มอัตราศึก ทั้งกำลัง อาวุธประจำกายที่ทันสมัย ชุดสไนปอร์ หน่วยยานเกราะ ซึ่งการปรับกำลังและการเปลี่ยนแปลงทางยุทธวิธีที่สำคัญครั้งนี้ก็เป็นผลสะท้อนจากบทเรียนเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ.2553 นั่นเอง

ควรมีการศึกษาค้นหาตัวแบบที่เหมาะสมในการกำหนดพื้นที่ที่ใช้กระสุนจริง เพราะปัจจุบันยังไม่ทราบว่ามีประเทศใดในระดับนานาชาติที่ได้นำมาปฏิบัติในการสลายการชุมนุมที่ได้รับการยอมรับ
**********
พึงระลึกว่า หลังจากนายกรัฐมนตรีได้สั่งการในที่ประชุม ศอฉ.ในวันที่ 12 พฤษภาคม ให้ฝ่ายทหารเริ่มต้นปฏิบัติการตามแผนยุทธการที่ได้วางไว้ วันรุ่งขึ้นเกิดเหตุการณ์สไนเปอร์สังหารเสธ.แดง และการสังหารที่ชุมชนบ่อนไก่ และขยายวงลุกลามมาจบที่ 19 พฤษภาคม 2553

รายงานเชิงสอบสวน(Investigative news)ของไทยอีนิวส์ฉบับนี้ ไม่ขอจบลงด้วยบทสรุป หรือคำถามใดๆ ในเมื่อความจริงแต่ละบันทัดชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่แล้ว
********
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:

"ไก่อู"แสลงใจ91ศพห่วงโยนบาปทหารฆ่า-ยันชุดดำมีตัวตนจริง 

-ข้อมูลมัดแน่นสังหารหมู่10เมษา-19พฤษภา ใครฆ่าเสธ.แดง ใครเหี้ย..มสังหารหมู่วัดปทุม ใครเผาCTW? 

-เปิดคลิปจตุพรอภิปรายเอกสารลับDSIใครต้องรับผิดชอบความตาย 91 ศพ

-น้ำตาจรเข้เทพเทือกแหลที่ราชประสงค์ ผมเป็นคนสั่งการเองไม่เกี่ยวกับอภิสิทธิ์ หากผิดมาเอาผมเข้าคุกคนเดียว

-คลิป รศ.ดร.กฤตยา อาชวนิจกุล ศูนย์สิทธิมนุษยชน ม.มหิดล วิเคราะห์1 ปี ความยุติธรรมที่หายไป
http://redusala.blogspot.com

พวกมึงเป็นใคร ? แก๊งชะนีกับลูกอีแอบ


โดย หรี่ฟุน
29 มิถุนายน 2554


พี่น้องประชาชนคนไทยทั่วโลกและลูกไพร่ในแผ่นดินไทย ที่มีใจเป็นธรรม รักษาประชาธิปไตยด้วยชีวิต ขอให้ทุกท่านจงจดจำบุคคลเหล่านี้ไว้ และคอยดูว่าประเทศไทยเป็นของพวกกระจอกพวกนี้หรือเป็นของประชาชนกันแน่?

วันที่ 28 มิถุนายน ที่โรงแรมสยามซิตี กลุ่มสยามสามัคคี นำโดย พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม นายสมชาย แสวงการ พญ.พรพันธุ์ บุณยรัตพันธุ์ ส.ว.สรรหา นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายวรินทร์ เทียมจรัส อดีต ส.ว.สรรหา นายชัยวัฒน์ สุรวิชัย นายสันติสุข โสภณสิริ นักวิชาการ (ผัวนางรสนา โตสิตระกูล กลุ่ม40สว.)พล.อ.ภาษิต สนธิขันธ์ อดีตรอง ผอ.คมช. ร่วมกันออกมารณรงค์แจกใบปลิวสติ๊กเกอร์ โดยใช้สโลแกนว่า

"3 กรกฎา ไปเลือกตั้ง ไม่ให้คนเลวปกครองบ้านเมือง
ไม่เลือก...คน...เผาบ้านเผาเมือง ไม่เลือกพวก...เคืองแค้นสถาบัน"

พร้อมกับออกแถลงการณ์ว่า "3 หายนะ 3 ข้อเรียกร้อง " คือ
1. หายนะอันเนื่องมาจากการคุกคามสถาบัน
2.หายนะภัยจากการนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หากอาศัยคะแนนเสียงจากประชาชนมาลบล้างความผิด และ
3.หายนะภัยจากประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ที่มีการเผาบ้านเผาเมือง

ตอนนี้ยิ่งลักษณ์ว่าที่นายกฯหญิงเขาประกาศวิสัยทัศน์2020ล่วงหน้าไปอีก 10 ปี เวรตะไลพวกนี้ยังวนเวียนอยู่แถวตาตุ่มอำมาตย์ คอยรับงานหาเศษหาเลย

ทยอยออกมาให้หมด จากแก้วสรร หมอตุลย์ ประยุทธ์เหล่ ซีดีโจมตีทักษิณ มายันดร.อาทิตย์ สยามสามัคคี...ไหนมีอีกมั๊ย? ก่อนถึงวันที่ 3กรกฎา ใครแอบเสาไฟฟ้าอยู่ ให้โชว์ตัวให้หมด ชาวบ้านเขาอยากดูน้ำหน้า

อยากท้าทาย อยากวัดใจ ประชาชน วันที่ 3 กรกฏา พบกัน หลังจากนั้นประเทศชาตจะเดินไปสู่เส้นทางไหน สิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะรู้ แต่พวกมึงไม่มีสิทธิที่จะรู้....

รหัยนัยจากสงค์เสี้ยมแอนด์เดอะแก๊งส์ชะนีกับอีแอบ

เหตุที่ซีไอเอสงค์หน้าเสี้ยมฟันดำออกมาเขย่าขวัญหนนี้ แล้วคนหันมาเงี่ยหูฟัง ก็เพราะเคยออกมากระแอมกระไอหนก่อนงแล้วเกิด"แม่นขึ้นมาเหมือนตาเห็น" เนื่องจาก"การข่าว"วงในดี

ช่วงนี้ไปอีกไม่กี่วันก็จะเลือกตั้ง นับเป็นห้วงเวลาสุกดิบ แต่ก็มีพวกสุกๆดิบๆยังเพ้อฝันจินตนาการจะล้มเลือกตั้ง เพราะเดินหน้าไปยังไงก็แพ้ ก็ขอล้มกระดานมันเสียเลย

ตอนแรกเป็นนายประพันธ์ คูณมี ไปพ่นไว้บนเวทีพันธมิตร ณ มัฆวานมาเป็นเวลานานสองนานว่า อย่าได้ปักใจไปเสียทีเดียวว่าจะมีเลือกตั้ง เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ พลิกผันไปได้ตลอด แต่หากมีเลือกตั้งจริงๆก็โหวตNOนะพี่น้องเอ๊ย..( ฮา ! )

ล่าสุดนี่เป็นลูกพี่ของนายประพันธ์ คือนต.ประสงค์ สุ่นศิริ ฉายา ซีไอเอหน้าเสี้ยม ออกมาพ่นว่า

"การเลือกตั้งครั้งนี้ยังไม่มีอะไรที่เป็นแสงสว่าง หากจะให้ทุกอย่างคลี่คลายต้องเป็นหลังการควบคุมสถานการณ์ และมีเหตุการณ์ชั่วคราวเกิดขึ้น เพราะอยู่ดีๆ จะให้ดีขึ้นมาทันทีไม่ได้ ซึ่งผมขอไม่พูดต่อ

อยากให้รอดูก่อนการเลือกตั้ง อาจมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น ยังมองปรากฏการณ์เลือกตั้งครั้งนี้อีกว่า เป็นการแข่งขันระหว่างคน 2 พวก คือ พวกแก้ไข ไม่แก้แค้น และพวกไม่ทำอะไร ดีแต่พูด หรืออีกชื่อคือพวกที่ทำแพลงกิ้งไปวันๆ ส่วนพรรคอื่นเป็นเพียงพรรคไม้ประดับ ดังนั้นถ้ามีการเลือกตั้งจะเป็นการต่อสู้ของ 2 พรรคใหญ่เท่านั้น แต่ถึงแม้ว่าไม่กี่วันจะเป็นวันลงคะแนนเสียงแล้วก็ตาม แต่เราไม่ทราบว่า 2-3 วันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง "

พูดง่ายๆว่า มาชักใบให้เรือเสียว่าจะมีการล้มการเลือกตั้ง แต่ก็อุตส่าห์กั๊กไว้ว่า ถึงจะมีเลือกตั้งแล้ว ก็จะมีเรื่องตามมาได้อีก

ผมเชื่อว่าภายหลังการเลือกตั้งบ้านเมืองยังไม่สงบ เพราะไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะมีกลุ่มคนออกมาเคลื่อนไหว เช่น นักวิชาการที่ไม่เอาระบอบทักษิณออกมาต่อต้านหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และมีประชาชนเสื้อแดงออกมาหากมีรัฐบาลชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนการยุติความไม่สงบนั้น ผมมองว่าแนวทางการปฏิวัติต้องเกิดขึ้นแต่จะเป็นรูปแบบใหม่คือทหารหนุนหลังประชาชนทำปฏิวัติ

เหตุที่ซีไอเอสงค์หน้าเสี้ยมฟันดำออกมาเขย่าขวัญหนนี้ แล้วคนหันมาเงี่ยหูฟัง ผิดกับการที่ไม่ใคร่ใส่ใจไยดีกับการพ่นของนายประพันธ์ผู้เป็นสมุนก็เพราะเคยออกมากระแอมกระไอหนหนึ่งแล้วเกิด"แม่นขึ้นมาเหมือนตาเห็น"

ก็หนก่อนจะมีรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ไงครับ หนนั้นมีการยุบสภา เตรียมเลือกตั้งใหม่ในเดือนตุลาคม นายกฯทักษิณบินไปประชุมสหประชาชาติแบบสบายใจ อยู่ทางเมืองไทยซีไอเอสงค์เสี้ยมให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า "อย่าว่าแต่จะได้เลือกตั้งเลย ไปUNหนนี้ทักษิณไม่ได้กลับเมืองไทยซะด้วย!"...แม่นเพราะ"การข่าววงใน"ครับ

มาหนนี้ใช่ว่าจะไร้มูลซะทีเดียว จากการกรองข่าวแล้ว ผมได้เบาะแสมาว่า ซีไอเอสงค์เสี้ยมได้ไปพบเจ๊ราชนิกูลคนดัง คือ ม.ร.ว.รำพิอาภา เกษมศรี ที่บ้าน แล้วก็มีเจ๊ๆไฮโซอย่างกาญจนี วัลยะเสวี และเจ๊ๆคุณหญิงคุณนายอีก 4-5 คนที่เคยออกมาทำหนังสือทูลเกล้าฯขอนายกฯม.7 และต่อมาร่วมมือกับพันธมิตรไล่ทักษิณ มาสุมหัวคุยสถานการณ์การเมืองกัน
คล้อยหลังได้ 3-4 วัน ประสงค์เสี้ยมก็โผล่ออกมาให้สัมภาษณ์ ในลักษณะดังกล่าวคือ อาจจะไม่มีการเลือกตั้ง หรือหากมีก็เจอปฏิวัติประชาชนที่ทหารหนุนหลังในภายหลังอีก

ก็ถือโอกาสบอกเล่าเก้าสิบสู่กันฟังแล้วกันครับ และขอถือโอกาสเตือนสงค์เสี้ยมแอนด์เดอะแก๊งส์ไว้เสียในโอกาสนี้ว่า ทำผิดคิดชั่วอะไรไว้ หน้าต่างมีหูประตูมีตา คราวนี้ไม่หมูเหมือนคราวนั้น

เหตุการณ์ผ่านมา 5 ปี ประเทศไทยที่พวกเอ็งปู้ยี่ปู้ยำไว้นั้น มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
http://redusala.blogspot.com


ยุทธศาสตร์การเลือกตั้งแบบหมากัดกัน


โดย ชำนาญ จันทร์เรือง
29 มิถุนายน 2554

การต่อสู้แย่งชิงที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรกันอย่างดุเดือดในขณะนี้ ทำให้ผมนึกถึงนิทานอิสปเรื่อง เรื่อง หมาป่ากับสุนัขจิ้งจอก ที่แย่งถ้ำที่เก็บเสบียงอาหารไว้อย่างอุดมสมบูรณ์กัน แต่สุดท้ายถูกคนเลี้ยงแกะฆ่าตายทั้งคู่

ที่ผมนึกถึงนิทานอีสปเรื่องนี้เพราะว่าการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 กรกฏาคมที่จะถึงนี้ เป็นการต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันระหว่าง 2 พรรคใหญ่ดังที่เราทราบกัน

คือพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งเปรียบเทียบได้กับการต่อสู้ระหว่างหมาป่ากับสุนัขจิ้งจอก ซึ่งมีลักษณะของการเป็นคนพาลทั้งคู่
พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่เก่าแก่มีพฤติกรรมที่อิงกับอำมาตย์และพรรคราชการมาโดยตลอด เป็นพรรคที่คุ้นชินกับการใช้อำนาจ ไม่มีผู้นำเดี่ยว ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงเหมือนหมาป่า ชอบหาเหตุผลมาเข้าข้างตัวเองอย่างข้างๆคูๆอยู่ตลอดมาเมื่อต้องการจะใช้อำนาจ ดังเช่น นิทานเรื่องหมาป่ากับลูกแกะ เป็นต้น

ตัวอย่างในเรื่องนี้ก็เห็นได้ชัดในการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉินฯที่เป็นที่มาของการตั้ง ศอฉ.หาเหตุดำเนินกับฝ่ายตรงกันข้ามกับตัวเอง ทำได้แม้กระทั่งการจับแพะมาชนแกะในกรณีของผังล้มเจ้าที่เขียนขึ้นเพียงเพราะเหตุที่จะนำไปหาเรื่องกับลูกแกะทั้งหลาย

หรือแม้แต่ในเรื่องของกรณี 91 ศพที่โยนความผิดไปให้คนชุดดำก็เช่นเดียวกัน แต่ที่พิเศษกว่าการเป็นหมาป่าก็คือลักษณะของการ “เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น”(หลักฐานอ้างอิง คือ เฟซบุ๊กของนายอภิสิทธิ์ฉบับ 1-7) ซึ่งถือได้ว่าเป็นลักษณะเฉพาะของพรรคประชาธิปัตย์เอง

ที่พิเศษกว่าหมาป่าคือ หมาป่าเพียงแต่เอาชั่วใส่ลูกแกะเพื่อจะสำเร็จโทษ แต่ไม่เคยเห็นหมาป่าเอาดีใส่ตัวแต่อย่างใด
พรรคเพื่อไทยเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เป็นพรรคเพื่อทักษิณโดยเฉพาะ มีการใช้เล่ห์เหลี่ยมทั้งในด้านธุรกิจ และการเมืองทุกท่วงท่าในการล่าเหยื่อ ซึ่งเปรียบเสมือนสุนัขจิ้งจอกที่ชอบหากินเพียงลำพัง ถึงแม้จะมีการรวมฝูงกันก็เป็นฝูงที่ขึ้นอยู่กับจ่าฝูงหรือผู้นำเท่านั้น หากขาดผู้นำเสียก็เละเทะ ก็เหมือนพรรคเพื่อไทยหากขาดเสียซึ่งทักษิณ(ซึ่งตอนนี้ก็ยังคือทักษิณในร่างของยิ่งลักษณ์นั่นเอง)ก็ย่อมที่แตกเป็นเสี่ยงๆ

ลักษณะของพรรคเพื่อไทย หรือพรรคไทยรักไท ยหรือพลังประชาชนเดิม ขึ้นอยู่กับตัวผู้นำเหมือนสุนัขจิ้งจอก ทำทุกอย่างเพื่อด้วยเล่ห์กล ไม่ว่าจะเป็นการซุกหุ้น ซ่อนหุ้น ไม่ว่าจะเป็นการนำงบประมาณของหลวงไปไล่แจกชาวบ้าน โดยทำให้ผู้คนเข้าใจว่าเป็นเงินของตัวเอง จนระบบวินัยการเงินการคลังป่นปี้มาจนถึงปัจจุบัน จนกลายเป็นยาเสพย์ติดขนานใหม่ที่ชื่อว่า”ประชานิยม” ที่พรรคการเมืองต่างๆ และผู้คนต่างติดยาเสพย์ติดชนิดนี้กันอย่างงอมแงม และยอมทำทุกอย่างไม่ว่าจะด้วยเล่ห์กลใดเพื่อช่วงชิงอำนาจรัฐกลับคืนมาให้ได้ หลังจากพ่ายแพ้เกมของหมาบ้าที่ตนเองแต่งตั้งมากับมือทำการรัฐประหารเตะออกจากเก้าอี้ไปตั้งแต่กันยายน 2549

ตอนนี้หมาป่ากับสุนัขจิ้งจอกกำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย งัดทุกกลวิธีออกมาเพื่อกำชัยชนะให้ได้ เช่น การทำลายป้ายพรรคการเมืองตรงข้ามและของตัวเอง(ขอย้ำว่าของตัวเองเพื่อเรียกคะแนนสงสาร) การส่งมือปืนไปข่มขู่จนกระทั่งถึงการลอบทำร้ายเพื่อตัดกำลังคู่ต่อสู้ การสาดโคลนให้ชายชุดดำในกรณี 91 ศพ

และแน่นอนว่าสิ่งที่ขาดเสียไม่ได้ในการเลือกตั้งคราวนี้ก็คือการซื้อเสียงอย่างมหาศาล จนพระรักเกียรติ สุขธนะผู้ที่เคยสำเร็จวิชามาร จนถูกศาลฎีกาาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 15 ปีได้พูดขึ้นในวงเสวนาเมื่อไม่นานมานี้ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีการซื้อสิทธิขายเสียงกันอย่างมโหฬารยิ่งกว่าครั้งที่ผ่านๆมา
แล้วเราจะทำอย่างไรดี

ตอนนี้เราคงทำอะไรไม่ได้มากนัก เพราะทั้งหมาป่า และสุนัขจิ้งจอกต่างก็เลือดเข้าตาแล้ว ส่วน กกต.ที่ถือได้ว่าหมดน้ำยาไปนานแล้ว ยิ่งล่าสุดการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ผลการดำเนินการก็ออกมาอย่างที่เราทราบๆกันนั่นแหล่ะครับว่าโหลยโท่ยและห่วยแตกเป็นที่สุด คนเข้าคิวรอใช้สิทธิยาวเป็นกิโล ฯลฯ มีแต่ก้อนอิฐและเสียงด่าเป็นผลตอบแทน

ซึ่งก็เป็นอันว่าสิ้นหวังในการบริหารจัดการการเลือกตั้งสำหรับองค์กรนี้ แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้การจัดการเลือกตั้งจะเป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งไม่สามารถป้องกันหรือจับกุมผู้กระทำความผิดในการทุจริตซื้อเสียงขายได้ทั้งหมดก็ตาม แต่ผมก็ยังเชื่อว่าเสียงส่วนใหญ่ที่ลงคะแนนเป็นเสียงที่บริสุทธิ์อยู่ และควรที่จะต้องได้การยอมรับและเคารพในการตัดสินใจของผู้ที่ไปลงคะแนน ไม่ว่าจะกาช่องใดก้ตาม

สิ่งที่เราจะทำได้ในตอนนี้ก็คือ เราต้องสร้างวิกฤติเป็นโอกาส นั่นก็คือ นำข้อเสนอของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนที่เคยเสนอไว้เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งก็คือการเลือกตั้งแบบหมากัดกัน ซึ่งหมายความว่า เมื่อมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่หมามันมีสันดานชอบกัดกันกันอยู่แล้ว แทนที่เราจะปล่อยให้มันกัดกันตามใจชอบ แต่เราต้องให้มันกัดกันตามคำสั่งของเรา
ซึ่งก็หมายความว่า กูสั่งให้มึงกัดใคร ไม่ใช่มึงกัดกันเองตามใจชอบ ฉะนั้นการไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งจึงมีความสำคัญ แต่ว่าไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเพื่อเลือกเครื่องมือทางการเมืองของเรา ไม่ใช่เลือกตัวแทนของเรา คนที่เราสามารถสั่งได้ ไม่ใช่คนที่ไปคิดหรือทำอะไรแทนเราไปหมดทุกอย่าง

ฉะนั้น เราจะต้องใช้สันดานหมาที่มันชอบกัดกัน เพื่อแย่งอาหารให้เป็นประโยชน์ต่อการเมืองภาคประชาชน ยุทธศาสตร์ที่ผมว่านี้ก็คือ เมื่อปล่อยหมาออกไปแล้ว เราไม่สามารถบังคับหมาได้ มันจะกัดกันเพื่อแย่งอาหารของมันเองเท่านั้น แต่เราก็ต้องมียุทธศาสตร์ว่า เราจะปล่อยหมาออกไปเพือให้มันไปกัดกันในสภาอย่างไร เพื่อที่จะให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด ถึงมันจะแย่งอาหารกันเองก็ตาม แต่ผลที่ได้จะตกแก่ประชาชนมากที่สุด

ถ้าเราทำให้อำนาจในสภาของหมาป่าหรือสุนัขจิ้งจอกไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดจนเกินไปนัก ก็จะทำให้มันไม่กล้าที่จะมาปิดปากผู้คนในสังคม ประชาชนสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเสรี ถูกคุกคามจากรัฐบาลที่เข้มแข็งได้น้อยลง

ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลที่อ่อนแอจะคุกคามประชาชนไม่ได้นะครับ แต่เราจะสามารถตอบโต้กับมันได้ดีขึ้น ได้ถนัดมากขึ้น รัฐบาลที่อ่อนแอก็ตีหัวประชาชนมาตลอดเวลาเหมือนกัน ดังเช่นสองปีกว่าที่ผ่านมา เราจึงต้องการรัฐบาลที่ไม่เข้มแข็งจนเกินไป เพื่อว่าพื้นที่ภาคประชาชนจะได้เปิดกว้างขึ้น โดยให้นักการเมืองเป็นแต่เพียงเครื่องมือทางการเมืองของประชาชน

อย่าปล่อยให้หมาป่ากับสุนัขจิ้งจอกมานั่งบนหัวเรา ให้มันเป็นเพียงเครื่องมือของเราเท่านั้นก็พอ

------------------------
หมายเหตุ เผยแพร่ครั้งแรกในกรุงเทพธุรกิจฉบับประจำวันพุธที่ 29 กรกฎาคม 2554
http://redusala.blogspot.com

เบื้องหลังข้อตกลงการเลือกตั้งในไทย

3 ฝ่ายได้หารือกันถึงเรื่องการจัดตั้งคณะกรรมการอิสระชุดใหม่ ซึ่งจะให้ข้อเสนอแนะในเรื่องการปรองดอง รวมถึงการนิรโทษกรรมแก่ทักษิณ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงเหตุการณ์ปราบปรามผู้ชุมนุมเมื่อปีที่แล้ว และกองทัพ โดยข้อเสนอแนะดังกล่าวจะถูกเสนอให้มีการลงประชามติ ทั้งนี้ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลทักษิณ ได้ตอบรับที่จะเป็นประธานคณะกรรมการชุดนี้แล้ว

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
30 มิถุนายน 2554

Shawn W Crispin เขียนรายงานข่าวเรื่อง"เบื้องหลังข้อตกลงการเลือกตั้งในไทย"ลงใน เวบไซต์Asiatimesเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน อ้างแหล่งข่าวว่ามีการเปิดเจรจากันระหว่างนายวัฒนา เมืองสุขคนของทักษิณ กับท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณรัฐมนตรีกลาโหมที่บรูไนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

และได้หารือกันอีกหลายครั้ง รวมทั้งที่นครดูไบ ซึ่งทักษิณลี้ภัยอยู่ โดยกองทัพตกลงที่จะเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้ง แลกกับคำมั่นสัญญาของทักษิณที่จะไม่แก้แค้นทางการเมือง หรือ ดำเนินคดีกับบรรดาผู้นำทหารที่อยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจเมื่อปี 2549 และเหตุการณ์ปราบปรามผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปีที่แล้ว และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการของกองทัพ เช่น การแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ซึ่งเป็นคนสนิทของราชสำนักจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปอีก 3 ปี รวมทั้งฝ่ายทักษิณจะต้องห้ามปรามพวกที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ด้วย โดยเฉพาะบรรดาคนเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวอยู่นอกประเทศไทย

นอกจากนี้ทั้ง 3 ฝ่ายได้หารือกันถึงเรื่องการจัดตั้งคณะกรรมการอิสระชุดใหม่ ซึ่งจะให้ข้อเสนอแนะในเรื่องการปรองดอง รวมถึงการนิรโทษกรรมแก่ทักษิณ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงเหตุการณ์ปราบปรามผู้ชุมนุมเมื่อปีที่แล้ว และกองทัพ โดยข้อเสนอแนะดังกล่าวจะถูกเสนอให้มีการลงประชามติ ทั้งนี้ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลทักษิณ ได้ตอบรับที่จะเป็นประธานคณะกรรมการชุดนี้แล้ว

จากข่าวดังกล่าว มีความเห็นจากผู้เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้

ยิ่งลักษณ์อ้างเป็นเพียงข่าวลือ-สุรเกียรติ์บอกไม่รู้เรื่อง

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวให้สัมภาษณ์วันนี้ว่า เป็นเพียงข่าวลือ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณไม่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเมืองแล้ว

นายสุรเกียรติ์ ให้สัมภาษณ์TPBS กล่าวปฏิเสธข่าวเรื่องที่ว่า เขารับตำแหน่งเป็นประธานการปรองดองชุดใหม่ เพราะคอป.ชุดศ.คณิต ณ นคร ก็ดำเนินการได้ดีอยู่แล้ว ก็ควรให้ดำเนินการต่อไป
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ key personของการเจรจาต่อรองครั้งนี้(แฟ้มภาพ:ไทยอีนิวส์)

ต่อมาหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ฉบับวันที่ 29 มิถุนายน นำเสนอรายงานข่าวอ้างอิงจากข่าวดังกล่าวในหัวข้อเรื่อง ปูดปฏิญญาบรูไน ‘ทักษิณ-กองทัพ’ตกลงซูเอี๋ยพท.ตั้งรัฐบาล-เลิกโจมตีเจ้า

ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คของเขาให้ความเห็นต่อข่าวดังกล่าว ดังต่อไปนี้

บทความล่าสุดของ Shawn Crispin เรื่อง "การตกลงลับ" ระหว่าง ทักษิณ-กองทัพ และ yyyyy ผมขอแนะนำ ให้หาฉบับจริงอ่านดีกว่า เพราะละเอียดกว่า ตั้งแต่ว่า ใครบ้างที่เข้าเจรจา (ไทยโพสต์ เสนอในลักษณะ "เจรจา 2 ฝ่าย" จริงๆ Crispin เขียนว่า 3 ฝ่าย แต่ ไทยโพสต์ เซ็นเซอร์ตัวเอง)

Crispin บอกว่าการประชุม เจรจาลับที่ว่านี้ เกิดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาฯ ปีนี้ ที่บรูไน หลังกุมภาฯ มีกรณ๊สำคัญคือ การชุมนุมครบรอบ 10 เมษา (ที่จตุพร และ นปช.ถูกตั้งข้อหา "หมิ่น") และเกิดการ "ตบเท้า" ของทหารติดกันถึง 3 สัปดาห์

Crispin เองเขียนไว้ยาวเหมือนกันในบทความวันนี้ว่า การเจรจาตกลงในลักษณะนี้ ไม่มีหลักประกันว่าจะไม่ล้มเหลวภายหลัง จากการที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึง หรือทั้งสองไม่ทำตามข้อตกลง และที่ผ่านมาในอดีตการเจรจาลักษณะนี้ก็ "ล้มเหลว" ภายหลังบ่อย (Crispin ใช้คำว่า meltdown)

โดยส่วนตัว ผมสงสัยว่า ถ้ามีการเจรจาที่ว่าจริงๆ เหตุการณ์ช่วงเมษา ที่ผ่านมา น่าจะทำให้ meltdown ไปแล้ว แต่ Crispin ก็อ้างว่า การที่ นปช. ไม่รณรงค์ประเด็นจตุพรติดคุกอยู่นี้ หรือที่ ธิดา ออกมายืนยันเรื่อง constitutional monarchy (ผมไม่แน่ใจเขาหมายถึงครั้งไหน ที่ว่า อ.ธิดา พูดเรื่องนี้) เป็นการ "ส่งซิก" ว่า ฝ่ายทักษิณ ยังคงยึดมั่นกับข้อตกลงของการเจรจาอยู่

........

เมื่อไม่กี่เดือนก่อน Crispin เขียนบทความเรื่องหนึ่งทำนอง "ปูด" เรื่องการเจรจาลับ ระหว่างฝ่ายทักษิณกับฝ่าย "establishment" เหมือนกัน มีข้อมูลรูปธรรมบางอันคลาดเคลื่อน เช่น การพูดถึง บ.ก.ลายจุด ... แต่เรื่องเนื้อหาของการเจรจา (แลกเปลี่ยนระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราว แกนนำ นปช.ในคุก กับ การไม่ยกระดับการเคลื่อนไหว ของ นปช. เพื่อเข้าสู่ "โหมดเลือกตั้ง") ก็มีส่วน "เข้าเค้า" อยู่ และผมก็ได้ยินมาทำนองเดียวกัน (แต่บางเรื่องสำคัญ อย่างการอนุญาติให้ทักษิณเคลื่อนย้ายเงินจำนวนหนึงที่ถูกอายัดไว้ในบัญชีธนาคารออกไป ผมไม่สามารถทราบได้)

ที่ผมอยากเสนอคือ บทความ "ปูด" ในลักษณะนี้ ก็มีส่วนคล้ายพวก "ข่าวกรอง" ที่มีอยู่ใน โทรเลขวิกิลีกส์ คือ มักจะมีด้านที่ตรงความจริงบางส่วน แต่ไม่ทั้งหมด

เฉพาะเรื่องล่าสุดนี้ อย่างที่ผมเขียนข้างต้นว่า ผมออกจะรู้สึกว่า ถ้ามีการเจรจาอะไรกันจริง เหตุการณ์ช่วง เมษายน ก็น่าจะทำให้ deal off ไปแล้วมากกว่า (แต่ในส่วนของประเด็นที่ ทำไม นปช.ไม่เคลื่อนไหวกรณีจตุพร จะถือเป็นการ "ส่งซิ้ก" ว่า ยังคงยึดข้อตกลงของฝ่ายทักษิณ ตามที่ Crispin อ้างหรือไม่ ผมก็ไม่ทราบ)
จบ.
******
ข่าวไทยโพสต์เสนอ ในหัวข้อข่าวเรื่อง ปูดปฏิญญาบรูไน ‘ทักษิณ-กองทัพ’ตกลงซูเอี๋ยพท.ตั้งรัฐบาล-เลิกโจมตีเจ้า

"ฌอน คริสพิน" ปูดแผนเกี้ยเซี้ย อ้าง "วัฒนา" ตัวแทน "ทักษิณ" ดอดเจรจาลับกับ "ปิ๊กป้อม" ที่บรูไนเปิดทางเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล แลกไม่ดำเนินคดีผู้นำกองทัพ ให้ทักษิณปรามพวกต่อต้านสถาบัน ระบุ "สุรเกียรติ์" รับนั่งประธานปรองดอง

เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ออนไลน์ เอเชียไทมส์ ได้เผยแพร่รายงานข่าวเจาะ โดยฌอน คริสพิน ผู้สื่อข่าวชาวต่างชาติที่คร่ำหวอดกับสถานการณ์ของประเทศไทยมานานนับทศวรรษ ภายใต้ชื่อเรื่อง "ข้อตกลงเบื้องหลังการเลือกตั้งของไทย" ระบุว่า กองทัพ และอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ได้เปิดการเจรจาลับกันมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าทหารจะไม่เข้ายึดอำนาจ แต่จะเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล โดยแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ของแต่ละฝ่าย

รายงานได้อ้างแหล่งข่าววงในระบุว่า นายวัฒนา เมืองสุข ในฐานะตัวแทนของทักษิณ และรัฐมนตรีกลาโหม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เจรจาต่อรองกันที่ประเทศบรูไนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และได้หารือกันอีกหลายครั้ง รวมทั้งที่นครดูไบ โดยกองทัพตกลงที่จะเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้งแลกกับคำมั่นสัญญาของทักษิณที่จะไม่แก้แค้นทางการเมือง หรือ ดำเนินคดีกับบรรดาผู้นำทหารที่อยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจเมื่อปี 2549 และเหตุการณ์ปราบปรามผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปีที่แล้ว

และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการของกองทัพ เช่น การแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ซึ่งเป็นคนสนิทของราชสำนักจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปอีก 3 ปี รวมทั้งฝ่ายทักษิณจะต้องห้ามปรามพวกที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ด้วย โดยเฉพาะบรรดาคนเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวอยู่นอกประเทศไทย

นอกจากนี้ทั้ง 3 ฝ่ายได้หารือกันถึงเรื่องการจัดตั้งคณะกรรมการอิสระชุดใหม่ ซึ่งจะให้ข้อเสนอแนะในเรื่องการปรองดอง รวมถึงการนิรโทษกรรมแก่ทักษิณ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงเหตุการณ์ปราบปรามผู้ชุมนุมเมื่อปีที่แล้ว และกองทัพ โดยข้อเสนอแนะดังกล่าวจะถูกเสนอให้มีการลงประชามติ ทั้งนี้ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลทักษิณ ได้ตอบรับที่จะเป็นประธานคณะกรรมการชุดนี้แล้ว

อย่างไรก็ดี รายงานข่าวชิ้นนี้ระบุว่า ยังไม่แน่ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามทักษิณมีความเป็นเอกภาพหรือไม่ในการทำข้อตกลงกับทักษิณเสนอให้นิรโทษกรรมแก่ทักษิณในคดีคอรัปชั่น และเปิดทางให้เขาเดินทางกลับประเทศ

มีรายงานว่า รายงานข่าวชิ้นดังกล่าวสะพัดมา 2 สัปดาห์แล้ว เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือว่าเพื่อไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้

******
จากข่าวดังกล่าว มีความเห็นจากผู้เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้

ยิ่งลักษณ์อ้างเป็นเพียงข่าวลือ

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวให้สัมภาษณ์วันนี้ว่า เป็นเพียงข่าวลือ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณไม่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเมืองแล้ว

นายสุรเกียรติ์ กล่าวปฏิเสธข่าวเรื่องที่ว่าเขารับตำแหน่งเป็นประธานการปรองดองชุดใหม่ เพราะคอป.ชุดศ.คณิต ณ นคร ก็ดำเนินการได้ดีอยู่แล้ว ควรให้เดินหน้าต่อไป
http://redusala.blogspot.com


แผนลับวอร์รูมสี่เสาจำใจฆ่าปชป.บูชายัญ


นี่เป็นฉากจำลองตัวแบบอีกแบบหนึ่งที่War room สี่เสาและ กกต.สุมหัวไว้ หากข้อตกลงลึกลับระดับสูงไม่บรรลุผล แต่หากพรรคเพื่อไทยชนะแบบฟ้าถล่ม Land slide แผนการทั้งหมดต้องถูกยกเลิกในทันที

โดย หรี่ฟุน
30 มิถุนายน 2554

ข่าวทางลึกจาก War room สี่เสาและ กกต. มีดังนี้ครับ

- กรณีหากยุบพรรคเพื่อไทย บ้านเมืองจะบรรลัยจากการต่อต้านของมวลชนคนเสื้อแดง

- กรณีหากยุบพรรคประชาธิปัตย์ ความร้อนแรงของเหตุการณ์ทางการเมืองจะน้อยลง แต่......จะเกิดทางเลือกใหม่ นั่นคือ รัฐบาลแห่งชาติ

รัฐบาลแห่งชาติ ดังกล่าว เกิดจากความคิดของคนสองกลุ่มใน War Room สี่เสา คนกลุ่มแรกก็คือบรรดานายทุนนักธุรกิจ อีกกลุ่มหนึ่ง คือทหาร ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงนายทหารอาชีพที่เคารพรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย แต่หมายถึงทหารที่แทรกแซงการเมืองจนเป็นอาชีพ

ประเด็นสำคัญ แนวทางการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ของกลุ่มบุคคลชั้นสูง บุคคลในกองทัพ และจากฝ่ายการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ มีเหตุผลเพียงเพื่อ เตรียมการแก้โจทย์ใหญ่ เตรียมการรับมือภยันตราย จากบุคคลที่มองว่าเป็นมหันตภัย นั่นคือ “ทักษิณ”

แต่สิ่งที่สำคัญหรือหัวใจในการวางแผนครั้งนี้ มีข้อสรุปว่า หากพรรคเพื่อไทยประสบชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น นั่นย่อมหมายถึงแผนการทั้งหมดต้องถูกยกเลิกในทันที

ก่อนที่จะพูดถึงรายละเอียดแผนล้มการเลือกตั้ง หลังวันที่ 3 กรกฏา ผมขอท้าวความไปยังเหตุการณ์ในอดีต ที่กำลังจะนำมาใช้ในการเลือกตั้ง 54 ในครั้งนี้

ขอเริ่มจาก คดียุบพรรคการเมืองเนื่องจากการเลือกตั้ง 2 เมษายน พ.ศ. 2549 ที่ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่พรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย ในคดีกลุ่มที่ 1 พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าในคดีกลุ่มที่ 2 ถูกฟ้องร้องเป็นจำเลยในข้อกล่าวหา เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย และกระทำการอันเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ

คณะตุลาการรัฐธรรมนูญได้ดำเนินการไต่สวนพยานครบถ้วนเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2550 ต่อมาตุลาการรัฐธรรมนูญแต่ละคน ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตนออกมาเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 และคณะตุลาการรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยกลางในช่วงบ่ายจนถึงเกือบเที่ยงคืนของวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 เริ่มจากคดีกลุ่มที่ 2 ในส่วนพรรคประชาธิปัตย์และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า

โดยมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์และวิทยุตลอดการอ่านคำวินิจฉัย คำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ สรุปว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความผิดในทุกข้อกล่าวหา ส่วนอีก 4 พรรคมีความผิดจริง จึงมีคำสั่งให้ยุบพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรคพัฒนาชาติไทย พรรคแผ่นดินไทย และพรรคไทยรักไทย รวมทั้งให้เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคทั้ง 4 พรรค มีกำหนด 5 ปี

เรื่องราวดังกล่าวเกือบจะเลือนหายไปจากความทรงจำของประชาชนอยู่แล้ว แต่มาเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ที่ส่งผลให้ประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่าตื่นตัวทางการเมือง หวงแหนประชาธิปไตย อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนจนถึงปัจจุบัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็คือ
เมื่อ 10 ก.พ.2553 นายสุขสันต์ ชัยเทศ พยานสำคัญในคดียุบพรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2550 ร่วมกับนายแพทย์ประสงค์ บูรณ์พงศ์ จัดแถลงข่าวกับสื่อมวลชน เพื่อเปิดเผยเส้นทางการเงินที่นายสุขสันต์ อ้างว่าเป็นเงินค่าจ้างที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี จ่าย เพื่อให้ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย เป็นเหตุให้พรรคไทยรักไทยถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุบพรรค

โดยนายสุขสันต์ ได้เปิดเผยรายละเอียดการรับเงินจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ว่าเริ่มได้รับเงินค่าจ้างครั้งแรกเมื่อวั นที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2549 เป็นเงินสามแสนบาท หลังจากนั้น นายสุเทพก็จะจ่ายเพิ่มมาให้เรื่อย ๆ โดยผ่านทางนางพรเพ็ญ เลขาส่วนตัวของนายสุเทพ ซึ่งเงินที่ได้รับทั้งหมดเป็นจำนวนเงิน 5,869,362 บาท ซึ่งตนมีหลักฐานการรับและโอนเงินไปยังบัญชีต่าง ๆ อย่างครบถ้วน

ส่วน สาเหตุที่ต้องออกมาแถลงข่าวในครั้งนี้ เนื่องจากก่อนหน้าที่จะเป็นพยานในคดียุบพรรคไทยรักไทยนั้น นายสุเทพ ได้สัญญากับตนไว้ว่าจะจ่ายเงินค่าจ้างให้เป็นเงิน 15 ล้านบาท พร้อมช่วยเหลือด้านคดีในคดีที่ตนปลอมแปลงบัญชีรายชื่อสมาชิกพรรค พัฒนาชาติไทย อีกทั้งยังสัญญาว่าหากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล จะมอบตำแหน่งเลขารัฐมนตรีให้ แต่นายสุเทพไม่ทำตามสัญญา ตนจึงเกิดความเจ็บแค้นจึงตัดสินใจออกมาเปิดเผยเรื่องทั้งหมด

อีกประการหนึ่งตนได้สำนึกผิดที่ได้ให้การใส่ร้ายพรรคไทยรักไทยจนถูกยุบพรรคจึงยอมเปิดเผยเรื่องนี้ให้สังคมได้รับรู้ ว่าใครมีพฤติกรรมเป็นอย่างไร โดยการแถลงข่าวในครั้งนี้ตนขอยืนยันว่าไม่มีผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์หรือ พรรคเพื่อไทยมีส่วนร่วมในการแถลงข่าวครั้ง นี้แต่อย่างใด โดยขณะแถลง ข่าวครั้งนี้นายสุขสันต์ ได้สวมใส่เสื้อเกราะกันกระสุน พร้อมยืนยันว่าถึงแม้จะถูกดำเนินคดีฐานให้ การณ์อันเป็นเท็จต่อศาลและตุลาการ รัฐธรรมนูญ ต้องติดคุก ตนก็พร้อม ซึ่งหลังจากที่ตนออกมาแฉเรื่องนี้ ก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์ ติดตามตนตลอดเวลาอีกด้วย

ติดตามรายละเอียดตามคลิปดังกล่าวhttp://77.nationchannel.com/playvideo.php?id=76601



ท่านเชื่อหรือไม่ว่า..?? เจ้าเทพเทือกจะไม่ใช้วิชามารแบบนี้อีก…?? (เรื่องนี้ผมอดเป็นห่วงแดงเทียม หรือลูกพรรคเพื่อไทยบางคนจะเผลอไผลไปขายตัวเข้า เงินเป็นสิบล้าน มันไม่เข้าใครออกใคร )

หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2553 กกต. ได้ยกคำร้องกรณีพยานกลับคำให้การคดียุบพรรคไทยรักไทย

นายภุชงค์ นุตราวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการการมีส่วนร่วม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง ครั้งที่ 113/2553 เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2553 ได้พิจารณากรณีที่ นายวุฒิ สุนทรเดช,พลตำรวจตรี มณเฑียร ประทีปวนิช และนายบุญมี วงศ์สีดา ได้ยื่นหนังสือร้องเรียน ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ ข้อเท็จจริงใหม่ซึ่งอ้างว่าเป็นพยานหลักฐานสำคัญ ที่นำไปสู่การยุบพรรคไทยรักไทยไปแล้ว

กล่าวคือได้เปิดเผยว่า นายสุขสันต์ ชัยเทศ อดีตผู้อำนวยการพรรคชาติไทย และ นายชวการ โตสวัสดิ์ อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคชาติไทย ได้ออกมาเปิดเผยว่าข้อเท็จจริงที่ได้เบิกความต่อศาลและที่ได้ให้การต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งนั้น เป็นความเท็จทั้งหมด โดยนายสุขสันต์ฯ และนายชวการฯ ได้รับการจ้างวานจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งเป็นผู้วางแผน ซึ่งในตอนแรกให้การว่ารับสินบนจาก พลเอกธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อันเป็นมูลเหตุให้มีการยุบพรรคไทยรักไทยในที่สุด โดยบุคคลทั้งสามดังกล่าวได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่างวาระกัน

ทั้งนี้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาแล้วเห็นว่าการยื่นเรื่องร้องเรียนของบุคคลทั้ง 3 เป็นประเด็นเดียวกันจึงได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องคัดค้านและปัญหาข้อโต้แย้งคณะที่ 8 เป็นคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ซึ่งได้มีกระบวนการ ไต่สวนโดยเชิญพยานผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำหลายครั้ง โดยคณะกรรมการไต่สวนได้มีความเห็นสรุปดังนี้

1. แม้คำให้การของนายสุขสันต์ โตสวัสดิ์ หรือ นายสุขสันต์ ชัยเทศน์ ที่ให้การต่อคณะกรรมการไต่สวนจะแตกต่างไปจากคำให้การต่อคณะอนุกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และ ศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคไทยรักไทยก็เป็นเพียงกรณีที่พยานกลับคำให้การนอกศาลในภายหลังมิใช่พยานหลักฐานใหม่แต่อย่างใด

2. ยังไม่มีคำพิพากษาในคดีอาญาที่พิพากษาถึงที่สุดว่า นายชวการ โตสวัสดิ์ และนายสุขสันต์ ชัยเทศ ให้การเท็จต่อคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือเบิกความเท็จต่อศาลรัฐธรรมนูญจนเป็นเหตุให้ตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคไทยรักไทย

3. คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญย่อมเป็นเด็ดขาดมีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นของรัฐ ตามที่บัญญัติไว้ตามมาตรา 268 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 และมาตรา 216 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 และไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะว่าให้ผู้ใดหรือองค์การใดสามารถอุทธรณ์ ฎีกา เปลี่ยนแปลง หรือรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม่ได้

คณะกรรมการไต่สวนจึงมีความเห็นว่าควรยกคำร้องของทั้ง 3 กรณี ที่ประชุม กกต. พิจารณาแล้ว มีความเห็นด้วยคะแนนเสียงข้างมากว่าพยานหลักฐานยังฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกร้องและพรรคประชาธิปัตย์กระทำการฝ่าฝืนตามข้อกล่าวหาอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 66 (2) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2541 ประกอบมาตรา 94 (3) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 จึงมีมติให้ยกคำร้องตามความเห็นของคณะกรรมการไต่สวน

แล้วท่านเชื่อหรือไม่ว่า..?? กกต.จะไม่ใช้วิธีพิจารณาคดีในลักษณะแบบนี้อีก หากพรรคเพื่อไทยเจอใบแดง หลังการเลือกตั้ง

เหตุการณ์ต่างๆดังกล่าวข้างต้น มันกำลังจะกลายเป็นวงจรอุบาทว์กลับมาอีกครั้งหนึ่ง ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านที่ติดตามข่าวสาร การบ้านการเมือง คงจะนึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับแต่วันที่ นายอภิสิทธิ์ฯประกาศยุบสภา เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2554

ความผิดปกติประการแรก นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อวันที่ 22 พ.ค.54 การเข้าพบครั้งนี้จะมีจริงหรือไม่ เข้าพบด้วยเรื่องอะไร? มีการสั่งการอะไร? ไม่มีใครทราบได้ นอกจากตัวนายอภิชาตฯเท่านั้นที่ทราบ แต่ที่แน่ๆ เข้าพบจริง

แล้วท่านเชื่อหรือไม่ว่า..?? นายอภิชาตฯไม่ได้เข้าพบ พล.อ.เปรม

ความผิดปกติประการที่สอง นับเป็นปรากฎการณ์แปลกประหลาดมหัศจรรย์ ที่พรรคการเมืองระดับเซียนของการวางแผนชั่ว จะมาเสียท่ากับไอ้เรื่องกระจอกๆในการแจกซีดีและเอกสารโจมตีพรรคเพื่อไทย จนกระทั่งถูกจับกุมพร้อมหลักฐานถึง 3 เหตุการณ์ ทั้งที่รู้ว่าการกระทำดังกล่าวมันผิดกฎหมายเลือกตั้งถึงขั้นยุบพรรค
โดยเฉพาะการปราศรัยหาเสียงของพลพรรคประชาธิปัตย์ และการให้สัมภาษณ์ของนายอภิสิทธิ์ นายชวน นายสุเทพ ที่ระบุว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์เล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ครอบครัวและปกป้องทักษิณนั้น ถือเป็นการใส่ความเท็จ ผิดมาตรา 53(5) พ.ร.บ.การเลือกตั้ง การที่ระบุว่าเลือกพรรคเพื่อไทยจะได้พวกเผาบ้านเผาเมือง เป็นพวกก่อการร้าย ก็เข้าข่ายการใส่ร้ายป้ายสี เนื่องจากข้อเท็จจริงแล้วยังไม่มีการพิสูจน์ตามกระบวนการยุติธรรมว่าใครเป็นคนเผาบ้านเผาเมืองมีความผิดฝ่าฝืนมาตรา 53(5) พ.ร.บ.เลือกตั้งเช่นกัน ที่สำคัญมีผลเกี่ยวโยงถึงมาตรา 237 ตามรัฐธรรมนูญ และมาตรา 94 ตามพ.ร.บ.พรรคการเมือง มีโทษถึงขั้นยุบพรรค !

ประเด็นดังกล่าวฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้มีการแนะนำคนในพรรคประชาธิปัตย์ ว่าหากจะพูดถึงแกนนำคนเสื้อแดงในช่วงเลือกตั้งห้ามระบุว่าเป็นผู้ก่อการร้าย แต่ให้เลี่ยงไปใช้คำว่ามีพฤติการณ์เป็นผู้ก่อการร้าย เพื่อไม่ให้มีปัญหาฟ้องร้องตามมา ก็ตาม

แล้วท่านเชื่อหรือไม่ว่า..?? บรรดาแกนนำของพรรคประชาธิปัตย์เหล่านั้น มันโง่เง่าปัญญาควาย ถึงขนาดไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องที่พวกมันปราศรัยหาเสียง การให้สัมภาษณ์ตามสถานที่ต่างๆทั่วประเทศ รวมถึงการใช้ Face book ของนายอภิสิทธิ์ ที่ใช้โจมตี ใส่ร้ายป้ายสี พรรคเพื่อไทยและผู้สมัคร มันมีโทษทางกฏหมายมากน้อยแค่ไหน

ความผิดปกติประการที่สาม

หลังจากการปราศรัยที่ราชประสงค์ ที่หวังจะสร้างสถานการณ์รุนแรงแล้วโยนความผิดให้กลุ่มคนเสื้อแดงแต่แผนดังกล่าวถูกสั่งห้ามเสียก่อน กอปรกับเสียงตอบรับในการปราศรัยไม่ได้ส่งผลถึงคะแนนเสียงทีเพิ่มขึ้น ในพื้นที่ กทม.แต่อย่างใด เพราะครึ่งหนึ่งของจำนวนประชาชนที่มาฟังการปราศรัยในวันนั้น มันเป็นมวลชนจัดตั้งที่เดินทางมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราชและสุราษฏร์ธานี

ความผิดปกติทั้งสามประการ กอปรกับผลโพลทุกค่ายและของพรรคประชาธิปัตย์เอง สรุปในแนวทางเดียวกันคือแพ้การเลือกตั้งอย่างย่อยยับ ดังนั้น มันจึงเป็นที่มาของแผน ยุบพรรค


ข่าวทางลึกจาก War room สี่เสาและ กกต. มีดังนี้ครับ

- กรณีหากยุบพรรคเพื่อไทย บ้านเมืองจะบรรลัยจากการต่อต้านของมวลชนคนเสื้อแดง

- กรณีหากยุบพรรคประชาธิปัตย์ ความร้อนแรงของเหตุการณ์ทางการเมืองจะน้อยลง แต่......จะเกิดทางเลือกใหม่ นั่นคือ รัฐบาลแห่งชาติ

รัฐบาลแห่งชาติ ดังกล่าว เกิดจากความคิดของคนสองกลุ่มใน War Room สี่เสา คนกลุ่มแรกก็คือบรรดานายทุนนักธุรกิจ อีกกลุ่มหนึ่ง คือทหาร ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงนายทหารอาชีพที่เคารพรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย แต่หมายถึงทหารที่แทรกแซงการเมืองจนเป็นอาชีพ

ประเด็นสำคัญ แนวทางการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ของกลุ่มบุคคลชั้นสูง บุคคลในกองทัพ และจากฝ่ายการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ มีเหตุผลเพียงเพื่อ เตรียมการแก้โจทย์ใหญ่ เตรียมการรับมือภยันตราย จากบุคคลที่มองว่าเป็นมหันตภัย นั่นคือ “ทักษิณ”

แต่สิ่งที่สำคัญหรือหัวใจในการวางแผนครั้งนี้ มีข้อสรุปว่า หากพรรคเพื่อไทยประสบชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น นั่นย่อมหมายถึงแผนการทั้งหมดต้องถูกยกเลิกในทันที

สรุป วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฏา ปวงประชาชาวไทย มวลชนคนเสิ้อแดง ที่รักความยุติธรรม หวงแหนประชาธิปไตยยิ่งชีวิต ท่านต้องออกถล่มทลายในการเข้าคูหาเพื่อกาบัตรเลือกตั้งหมายเลข 1 เท่านั้น

แผนชั่วทั้งหลายมันก็จะกลายเป็นกระดาษชำระในทันที ประชาชนจงเจริญ..........

*********
ข่าวเกี่ยวเนื่อง:ปูดข้อตกลงลับ3ฝ่าย พลังพิเศษยอมเพื่อไทยตั้งรัฐบาล แลกนิรโทษกรรมมาร์ค+ฆาตกร91ศพ-หยุดหมิ่น 
http://redusala.blogspot.com