25 พ.ค.2558 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งมอบสำนวนการสอบสวนและความเห็นสมควรสั่งฟ้องแก่อัยการในคดีปาระเบิดใส่ลานจอดรถศาลอาญาเมื่อค่ำวันที่ 7 มี.ค. มีผู้ต้องหารวม 26 คน แบ่งเป็น 2 สำนวน ซึ่งนายพิบูลย์ จตุพัฒนกุล รองเลขานุการอัยการสูงสุด ระบุว่าจะนำเรื่องเสนอให้อัยการสูงสุด พิจารณามีความเห็นสั่งคดีต่อไป โดยมั่นใจว่าจะมีคำสั่งได้ทันภายในกำหนดระยะฝากขังครั้งสุดท้าย ซึ่งยังเหลือเวลาอีกประมาณ 18 วัน
หนึ่งในผู้ต้องหาคนสำคัญคือ ณัฐฏธิดา มีวังปลา หรือแหวน พยาบาลอาสาผู้เคยเป็นพยานในคดี 6 ศพวัดปทุม เธอถูกแจ้งข้อหาร่วมกันก่อการร้าย, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยมีและใช้เครื่องกระสุนปืนที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้และเป็นยุทธภัณฑ์ทางทหารโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
แหวนหายตัวไปจากบ้านตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค.จากนั้นทนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความจากกลุ่มนักกฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชน (กนส.) ได้ประกาศแจ้งในเฟซบุ๊กว่าเธอถูกทหารในเครื่องแบบ 2 นายควบคุมตัวไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทหารปฏิเสธข่าวดังกล่าว แต่ต่อมาวันที่ 17 มี.ค. พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกและโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยอมรับว่าทหารได้ควบคุมตัวแหวนไว้จริงเพราะต้องการข้อมูลเชื่อมโยงผู้ต้องหาต่างๆ ในคดีปาระเบิดดังกล่าว จากนั้นเธอถูกแจ้งข้อหาและฝากขังในทัณฑสถานหญิงกลางเรื่อยมาจนปัจจุบัน
วันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา นายวิญญัติ ทนายความของแหวนเปิดเผยว่า แหวนได้ส่งจดหมายชี้แจงเหตุการณ์ทั้งหมด และเขาเตรียมจะนำจดหมายดังกล่าวไปประกอบหนังสือร้องขอความเป็นธรรมยื่นต่ออัยการภายในสัปดาห์นี้ (รายละเอียดของจดหมายอ่านด้านล่าง)
ทั้งนี้สำนวนของตำรวจแบ่งเป็น 2 สำนวนประกอบด้วย
กลุ่มที่หนึ่ง สำนวนคดีอาญาที่ 249/2558 ของสน.พหลโยธิน เหตุเกิดบริเวณ ลานจอดรถศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. ช่วงเดือน ก.พ. 58 - 8 มี.ค. 2558 ที่มีผู้ต้องหารวม 18 คน โดยถูกกล่าวหากรนะทำผิดกฎหมายรวม 10 ข้อหา ซึ่งสามารถจับกุมได้ 14 คน ประกอบด้วย นายมหาหิน หรือ สายเหยี่ยวแดง ขุนทอง ผู้ต้องหาที่ 1, นายยุทธนา หรือ องค์ดำ เย็นภิญโญ ผู้ต้องหาที่ 2, นางณัฎฐพัชร์ หรือ นัท อ่อนมิ่ง ผู้ต้องหาที่ 3, น.ส.ธัชพรรณ หรือ ไข่มุก ปกครอง ผู้ต้องหาที่ 4, นายวิชัย หรือ สหายตั้ม อยู่สุข ผู้ต้องหาที่ 5, นายนรภัทร หรือ สหายบาส เหลือผล ผู้ต้องหาที่ 6, นายสรรเสริญ หรือ สัน ศรีอุ่นเรือน ผู้ต้องหาที่ 7, นายชาญวิทย์ จริยานุกูล ผู้ต้องหาที่ 8, นางสุภาพร หรือ เดียร์ มิตรอารักษ์ ผู้ต้องหาที่ 9, นางวาสนา บุษดี ผู้ต้องหาที่ 10, นายณเรศ อินทรโสภา ผู้ต้องหาที่ 11, นายวสุ เอี่ยมละออ ผู้ต้องหาที่ 12, นายเจษฎาพงษ์ หรือ เจต วัฒนพรชัยสิริ ผู้ต้องหาที่ 13, นายสมชัย อภินันท์ถาวร ผู้ต้องหาที่ 14 โดยยังมีผู้ต้องหาหลบหนี 4 คนประกอบด้วย นายธนาวุฒิ อภินันท์ถาวร ผู้ต้องหาที่ 15, นาย วิระศักดิ์ หรือ บิ๊ก/ใหญ่ พัทยา โตวังจร ผู้ต้องหาที่ 16, นายมนูญ ชัยชนะ หรือ นายอเนก ซานฟราน ผู้ต้องหาที่ 17 และผู้ต้องหาที่ 18 ซึ่งเป็นเยาวชน อายุ 17 ปี บุตรชายของของนางสุภาพร มิตรอารักษ์
กลุ่มที่ 2 สำนวนคดีอาญาเลขที่ 477/2558 สน.โชคชัย เหตุเกิดที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น, ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี, แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. และแขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กทม. ช่วงเดือน ก.พ. 2558 - วันที่ 5 ก.พ. 2558 ผู้ต้องหารวม 8 คน ซึ่งจับกุมได้ 6 คน ประกอบด้วย นาง สุภาพร หรือ เดียร์ มิตรอารักษ์ ผู้ต้องหาที่ 2 ,นางวาสนา บุษดี ผู้ต้องหาที่ 3, น.ส.ณัฏฐธิดา หรือแหวน มีวังปลา ผู้ต้องหาที่ 4, นายสุรพล เอี่ยมสุวรรณ ผู้ต้องหาที่ 5 ,นายวสุ เอี่ยมละออ ผู้ต้องหาที่ 6 และนาย สมชัย อภินันท์ถาวร ผู้ต้องหาที่ 7 และยังหลบหนีอีก 2 คน ประกอบด้วย นายมนูญ ชัยชนะ หรือ นายอเนก ซานฟราน ผู้ต้องหาที่ 1 และ นายธนาวุฒิ อภินันท์ถาวร ผู้ต้องหาที่ 8 โดยผู้ต้องหาทั้ง แปด ถูกกล่าวหาในข้อหาร่วมกันก่อการร้าย , ร่วมกันเป็นอั้งยี่ , ร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยมีและใช้เครื่องกระสุนปืนที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้และเป็นยุทธภัณฑ์ทางทหารโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.135/1, 209, 289 (4), พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน พ.ศ. 2490 ม.4(2), 7, 55, 72 วรรคแรก, 78 วรรคแรก, พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 ม.4, 15 วรรคแรก, 42, ประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่อง กำหนดยุทธภัณฑ์ ที่ต้องขออนุญาต ตาม พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ฯ ลงวันที่ 30 พ.ย. 50 ข้อ 2.1.2 และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 50 พ.ศ. 2557 ลงวันที่ 30 พ.ค. 2557
000000
19 พ.ค. 2558
เรียนทนายวิญญัติ ชาติมนตรี
เนื่องจากดิฉัน ขญ.ณัฏฐธิดา มีวังปลา ถูกตั้งข้อหาร่วมกันก่อการร้าย, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, มีและใช้อาวุธสงครามที่ใช้แต่การทหารที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้, และพยายามฆ่า ดิฉันขอชี้แจงรายละเอียดดังนี้
ในวันที่ 7 มีนาคม 2558 ดิฉันได้เห็นข่าวการปาระเบิดหน้าศาลอาญารัชดาจากทางทีวี และทางกลุ่มไลน์ข่าวอาสา S.M.A.R.T. ในข่าวดังกล่าวดินฉันเห็นชื่อผู้ต้องหา ที่ใช้นามแฝงว่า “เหยี่ยวแดง” ซึ่งดิฉันไม่เคยรู้จักบุคคลนี้เป็นการส่วนตัว แต่เคยเห็นชื่อนี้ปรากฏในกลุ่มไลน์ชื่อ “กลุ่มภาคีไทยเสรีชน” ที่ดิฉันเคยอยู่ในกลุ่มไลน์นี้เมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2557 ถึงประมาณต้นเดือนมกราคม 2558 ดิฉันได้ออกจากกลุ่มไลน์นี้เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง ดิฉันได้ว่ากล่าวตักเตือนบางคนในกลุ่มแต่เขาไม่ฟัง จนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวตามข่าวที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ ดิฉันได้นำข่าวนี้พร้อมข้อมูลบางส่วนที่ปรึกษากับทนายที่เคารพและนัดเข้าพบท่านเพื่อชี้แจงข้อมูลเพื่อหาทางป้องกันตนเอง และเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ที่ดิฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ดิฉันเป็นเพียงอาสาพยาบาลเบื้องต้น ไม่สามารถฆ่าหรือทำร้ายผู้ใดได้ และที่สำคัญ ดิฉันไม่เห็นด้วยกับความรุนแรงและขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นกับคดีนี้ อนึ่งไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่กระทำความผิดหรือเข้าข่ายผู้ต้องสงสัยเขาไม่ควรถูกทำร้าย เขาควรถูกไต่สวนตามกระบวนการ ขั้นตอน ที่มีในประเทศไทย ดิฉันอยากเห็นความเป็นธรรมในสังคมไทย เพราะเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมมีอยู่จริง ด้วยเหตุและผลที่ดิฉันมี ดิฉันศรัทธาในความดีและเชื่อว่าคนมีค่าเท่ากับคน สุดท้ายนี้ดิฉันหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าสังคมไทย ประเทศไทย คงมีความเป็นธรรมอยู่บ้าง
ด้วยความเคารพอย่างสูง
ข.ญ.ณัฏฐธิดา มีวังปลา