วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2559

คสช.ถกปรับรายการ 'เดินหน้าประเทศไทย' หลังกลายเป็นช่วงประหยัดไฟของปชช.


คสช.เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถกปรับรายการ 'เดินหน้าประเทศไทย' หลังกลายเป็นช่วงประหยัดไฟ 30 นาทีของปชช. ระบุอาจส่งผลกระทบต่อการรับรู้และเข้าใจการทำงานของรัฐบาลและคสช. 
28 มี.ค. 2559  เดลินิวส์และกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานตรงกันว่า เมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการทำรายการโทรทัศน์ของ คสช. อาทิ ตัวแทนกรมประชาสัมพันธ์ ผู้แทนกระทรวง สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย(ช่อง 11) สถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 7 ช่อง 3 ช่อง 5 ช่อง 7 และสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์(ช่อง 9) เข้าร่วมหารือถึงการปรับปรุงรายการ "เดินหน้าประเทศไทย” ที่ออกอากาศทุกวัน หลังเคารพธงชาติ ในเวลา 18.00 น. หลังจากคสช.พบว่าจำนวนผู้ชมรายการนี้มีจำนวนน้อยลงมาก อาจส่งผลกระทบต่อการรับรู้และเข้าใจการทำงานของรัฐบาลและคสช.
โดยในที่ประชุมเห็นว่าช่วงเวลาดังกล่าวที่รายการออกอากาศ เป็นช่วงประหยัดไฟ 30 นาทีของประชาชน เพราะประชาชนส่วนใหญ่พากันปิดโทรทัศน์เพื่อหนีรายการนี้ และรอเปิดอีกครั้งหลังจบรายการ อีกทั้งได้วิเคราะห์ถึงรูปแบบรายการที่ยึดแบบเดิมมานาน คือการสัมภาษณ์รัฐมนตรี 
ดังนั้นที่ประชุมจึงเห็นตรงกันว่าต้องปรับรูปแบบรายการให้น่าสนใจมากขึ้น โดยจะทำเป็นรายงานพิเศษไม่ใช่แค่การนั่งสัมภาษณ์รัฐมนตรีเท่านั้น แต่จะต้องลงพื้นที่พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ เช่น อธิบดี ผู้อำนวยการกอง นายอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านด้วย ซึ่งจะมีการตั้งคณะทำงานชุดเล็กเพื่อวิเคราะห์และกำหนดประเด็นในอีก 7 วันข้างหน้า เพื่อมอบหมายให้สถานีโทรทัศน์ที่เข้าร่วมผลิตรายการได้ทำประเด็นตามที่คณะทำงานชุดเล็กกำหนด  
 
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมไม่ได้มีการหารือถึงการปรับปรุงรายการ "คืนความสุขให้กับคนในชาติ" ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ที่ออกอากาศทุกวันศุกร์ ในเวลา 20.15 น.

เรืองไกรถาม กกต. 1.1 พันล้านเหลือจากเลือกตั้งก.พ.57 หายไปไหน จ่อร้องนายกฯ เรียกคืน


เมื่อวันที่ 27 มี.ค. ที่ผ่านมา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายให้ศึกษากรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติจะให้คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าเสียหายจากการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 2 ก.พ.57 เป็นโมฆะ เป็นเงิน 2,400 ล้านบาท แต่หลังจากศึกษาข้อมูลในรายงานประจำปี 2557 ของ กกต.ที่เสนอให้ สนช.พิจารณาตามวาระการประชุม เมื่อวันที่ 14 ม.ค.59 พบว่า กกต.ระบุ ไว้ชัดว่าอำนาจในการจัดเลือกตั้ง ส.ส.เป็นของ กกต.โดยตรง และไม่มีข้อความใดที่ ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องรับผิดชอบด้วย แต่ปัญหาและอุปสรรคมาจาก กปปส.ขัดขวางการเลือกตั้ง ผู้ที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายจึงควรอยู่กับ กกต.และ กปปส.
 
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า เมื่อศึกษาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 9/2549 หน้าที่ 21-22 แล้ว จะเห็นได้ว่าอำนาจในการจัดเลือกตั้งตามพระราชกฤษฎีกายุบสภา พ.ศ.2556 มาตรา 4 ต้องเป็นอำนาจของ กกต. โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายกรัฐมนตรีมีเพียงอำนาจในการยุบสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา 3 เท่านั้น นอกจากนี้ ในรายงานประจำปี 2557 ของ กกต.ยังระบุถึงเงินงบประมาณที่ได้รับอุดหนุนเพื่อใช้ในการเลือกตั้ง ส.ส. มีทั้งสิ้น 3,163,708,300 บาท และใช้ไป 2,037,493,073.38 บาท ดังนั้นค่าใช้จ่ายที่ กกต.ระบุออกมา 2,400 ล้านบาท จึงสูงกว่าที่ใช้ไปจริง 363 ล้านบาท
 
จากตัวเลขรับจ่ายดังกล่าว แสดงว่า มีเงินเหลือจากการเลือกตั้งจำนวน 1,126,215,226.62 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ต้องถูกส่งคืนเป็นเงินแผ่นดิน จะถูกนำใช้ในทางอื่นโดยพลการไม่ได้ แต่จากการตรวจสอบในงบการเงินของ กกต.ซึ่งยังไม่ผ่านการตรวจสอบของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทั้งที่เลยเวลามานานแล้ว อาจทำให้เข้าใจว่างบบัญชีปี 2557 ของ กกต.มีปัญหาใช่หรือไม่ และ กกต.อาจนำส่วนเงินนี้ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ เพราะถ้าไม่ได้เอาไปใช้ แล้วทำไม กกต.ไม่ส่งคืนเงินแผ่นดิน เรื่องนี้ สตง.ต้องรีบไปตรวจสอบโดยเร็ว ดังนั้นตนจะนำเรื่องนี้ไปร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 28 มี.ค.นี้ เพื่อให้พิจารณาเรียกค่าเสียหายจากการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2557 จำนวนกว่า 2,037 ล้านบาท จาก กกต.และ กปปส. อีกทั้งเรียกเงินงบประมาณที่คงเหลือจากการไม่ได้ใช้ไปในการเลือกตั้ง ส.ส. คืนจาก กกต.จำนวนกว่า 1,126 ล้านบาทโดยเร็ว

วัฒนาโพสต์สุดท้ายก่อนเข้าค่าย ถามทำไมไม่ดำเนินคดีเหมือน 'พะจุณณ์' กลับยกกำลังมาอุ้ม


วัฒนาโพสต์สุดท้ายก่อนเข้าค่าย ถามหากตนผิดทำไมไม่ดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฏหมายเหมือน 'พะจุณณ์' แต่กลับยกกำลังมาอุ้มตน ยันยังคงวิพากษ์วิจารณ์ท่านต่อไปเพราะท่านเป็นนักการเมือง เข้าสู่วันที่ 2 ไร้แววปล่อย 'วรชัย'
28 มี.ค. 2559 หลังจากวานนี้(27 มี.ค.59) นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่าแม่บ้านของตนโทรศัพท์มาแจ้งว่ามีทหารยกกำลังมาที่หน้าบ้าน สั่งให้เปิดประตูไม่เช่นนั้นจะใช้อำนาจตามมาตรา 44 จับไปทั้งบ้าน พอดีวันนี้ภริยาตนอยู่บ้านเลยไม่เปิดบ้านให้ แจ้งพวกเค้าไปว่าตนออกไปข้างนอกแต่พวกเค้าไม่เชื่อ แม่บ้านผมจึงให้พวกเค้ารอที่หน้าประตูรั้ว กองกำลังที่มาอ้างว่าจะมาขอควบคุมตัวตนไปตามมาตรา 44 เนื่องจากตนโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเมื่อเช้าวันเดียวกันนี้ เรื่องวิจารณ์การควบคุมตัวนายวรชัย เหมะ โดยนายวัฒนา ยังระบุว่าจะเดินทางไปพบเจ้าหน้าที่ทหารด้วยตนเองวันนี้(28 มี.ค.59) เวลา 11.00 น. ที่ มทบ.11 (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)
ล่าสุดเมื่อเวลา 7.20 น. นายวัฒนา ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ 'Watana Muangsook' ในหัวข้อ "โพสต์สุดท้ายก่อนเข้าค่าย" โดยนายวัฒนาระบุว่า 
วานนี้ (27 มีนาคม) เวลาประมาณ 17.30 น. ทหารยกกำลังมาบ้านผมรวม 4 คันรถเพื่อนำตัวผมไปควบคุมตามคำสั่งหัวหน้า คสช. สอบถามได้ความว่ามาจากบทความที่ผมโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ค แสดงความเห็นกรณีคุณวรชัย เหมะ ถูกควบคุมตัวไปปรับทัศนคติ บังเอิญผมไม่ได้อยู่บ้านประกอบกับผมต้องไปรายงานตัวต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ในวันนี้เวลา 8.30 น. ผมจึงต่อรองขอไปพบเจ้าหน้าที่ที่ มทบ. 11 เวลา 11.00 น. แต่ทหารก็ยังคงล้อมบ้านผม ตรวจสอบการเข้าออกและลาดตระเวนในหมู่บ้านทั้งคืน ทำให้ผมเข้าบ้านไม่ได้ต้องไปนอนบ้านเพื่อน ผู้คนในหมู่บ้านเดือดร้อนและผมต้องไปศาลในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ที่ผมใส่ในวันอาทิตย์
 
ถ้าใครอ่านบทความเรื่อง "ความผิดฐานใหม่" จะเห็นว่าผมแสดงความคิดเห็นโดยอิงข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ ผมเรียกร้องให้ประชาชนออกมามากๆ เพื่อใช้สิทธิลงคะแนนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญที่ผมเห็นว่าไม่มีความเป็นประชาธิปไตย ผมมีสิทธิโดยชอบที่จะไม่เห็นด้วยและย่อมมีสิทธิที่จะรณรงค์ให้ประชาชนลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับที่ คสช. มีสิทธิที่จะรณรงค์ให้คนเห็นด้วยซึ่งผมให้ความเคารพ ผมไม่เคยเรียกร้องให้ประชาชนออกมาก่อความวุ่นวาย สิ่งที่ผมรณรงค์คือการขอให้ประชาชนมาใช้สิทธิของตนตามกฎหมาย ผมทำอะไรผิดช่วยบอกที
 
ข้อกล่าวหาที่ท่านอ้างในการยกกำลังมาควบคุมตัวผม คือข้อหาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 อันเป็นข้อหาเดียวกับที่พลเรือเอกพะจุณณ์ ตามประทีป ถูกกล่าวหาเนื่องจากการโพสต์ข้อความกรณีการแต่งตั้งตำรวจ แต่ในคดีของพลเรือเอกพะจุณณ์ พนักงานสอบสวนเป็นผู้ดำเนินคดีและออกหมายเรียกตามขั้นตอน ส่วนของผมท่านใช้วิธียกกำลังมาอุ้ม แบบนี้คือการเลือกปฏิบัติซึ่งทำให้เกิดความเสียหายกับประเทศในภาพรวม เชื่อเถิดว่าผมไม่ได้เกรงกลัวกับสิ่งที่ท่านทำกับผม เพียงแต่ผมต้องการให้ท่านใช้อำนาจให้เป็นไปตามครรลองของกฎหมาย เนื่องจากเราเป็นสังคมนิติรัฐจึงต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย อันจะทำให้ประเทศไทยดูดีในสายตาประชาคมโลก
 
ผมจะยังคงวิพากษ์วิจารณ์ท่านต่อไปเพราะท่านเป็นนักการเมือง ผมหวังให้ท่านทำดีสามารถแก้ไขปัญหาให้กับชาติบ้านเมือง เพราะหากทุกอย่างดีขึ้นผมก็ย่อมได้รับประโยชน์ด้วย ผมเห็นว่าใครก็ตามที่ใช้อำนาจรัฐและกินเงินเดือนจากภาษีอากรของพี่น้องประชาชนย่อมจะถูกวิจารณ์ได้เสมอ การแสดงความเห็นของผมจึงทำไปตามสิทธิบนความหวังดีต่อประเทศชาติ ผมอาจทำผิดได้และไม่มีสิทธิอยู่เหนือกฎหมาย แต่ท่านต้องใช้วิธีตามกฎหมายกับผมและกับทุกคนในประเทศนี้ เพราะการใช้กองกำลังมาอุ้มผมแบบนั้นทำให้ประเทศชาติเสียหายในสายตาประชาคมโลกครับ
 
 
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.29 น. เฟซบุ๊ก 'ฉัตรมงคล วัลลีย์' โพสต์ภาพพร้อมรายงานด้วยว่า นายวัฒนา เดินทางมาถึง มลฑลทหารบกที่ 11แล้ว
ที่มา :  เฟซบุ๊ก 'ฉัตรมงคล วัลลีย์
เข้าสู่วันที่ 2 ไร้แววปล่อย 'วรชัย'
ขณะที่ความคืบหน้าของการควบคุมตัวนายวรชัยนั้น วานนี้ (27 มี.ค.59) NOW26 รายงานว่าได้พยายามติดต่อไปยัง พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และ พล.ต. บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อสอบถามความคืบหน้าการควบคุมตัวนายวรชัย แต่ไม่สามารถติดต่อนายทหารทั้งสองได้ 

ศูนย์ทนายสิทธิฯ เรียกร้อง คสช. ยุติการควบคุมตัว 'วรชัย-วัฒนา'


ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์ 'ยุติการควบคุมตัวนายวรชัย เหมะ และนายวัฒนา เมืองสุข' ระบุเป็นการควบคุมตัวตามอำเภอใจ ละเมิดกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคี
 
26 มี.ค. 2559 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์ 'ยุติการควบคุมตัวนายวรชัย เหมะ และนายวัฒนา เมืองสุข' โดยมีรายละเอียดดังนี้
 
แถลงการณ์ยุติการควบคุมตัวนายวรชัย เหมะ และนายวัฒนา เมืองสุข
 
เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2559 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้าควบคุมตัวนายวรชัย เหมะ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่บ้านพัก โดยในการควบคุมตัวดังกล่าว เจ้าหน้าที่ทหารไม่ได้แจ้งให้กับทางญาติทราบว่าจะควบคุมตัวนายวรชัย เหมะ ไว้ ณ สถานที่ใด ทั้งนี้ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงสาเหตุในการควบคุมตัวว่า มาจากการที่นายวรชัย เหมะ ได้แสดงความคิดเห็นว่า หากร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังร่างอยู่ในปัจจุบันไม่ผ่านประชามติ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีต้องแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกจากตำแหน่ง และการควบคุมตัวนายวรชัยในครั้งนี้ เป็นไปเพื่อให้นายวรชัยยุติการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง
 
ต่อมาวันนี้ (27 มีนาคม 2559) นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้แสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์กรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีคำสั่งควบคุมตัวนายวรชัย เหมะ หลังจากแสดงความคิดดังกล่าว เจ้าหน้าที่ทหารได้เดินทางมาที่บ้านของนายวัฒนา เพื่อทำการควบคุมตัวนายวัฒนา โดยอ้างรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 44 แต่ปรากฎว่าไม่พบตัว ภายหลังนายวัฒนา ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ทหารให้มาเข้าพบที่มณฑลทหารบกที่ 11 ในวันที่ 28 มีนาคม 2559 และจะดำเนินการควบคุมตัวนายวัฒนา เมืองสุขต่อไป
 
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเห็นว่า “ถึงแม้ว่าคำสั่งหัวคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2558 จะให้อำนาจเจ้าหน้าที่ทหารที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานรักษาความสงบแห่งชาติใช้ดุลพินิจดำเนินการควบคุมตัวบุคคลที่ต้องสงสัยว่าได้กระทำผิดตามที่ระบุไว้ในประกาศดังกล่าวได้ไม่เกิน 7 วัน แต่เหตุในการควบคุมตัวนายวรชัย เหมะและนายวัฒนา เมืองสุช มาจากการที่ทั้งสองได้แสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งเป็นการใช้เสรีภาพที่รัฐธรรมนูญ รวมถึงพันธกรณีระหว่างประเทศได้คุ้มครองไว้ และไม่ถือเป็นความผิดตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับใด อีกทั้งเจ้าพนักงานยังกระทำโดยไม่มีหมายจับ ไม่เปิดเผยสถานที่ควบคุมตัวอย่างแน่ชัด ญาติและทนายความไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้ ทำให้บุคคลทั้งสองขาดหลักประกันสิทธิเสรีภาพในระหว่างควบคุมตัว 7 วัน การควบคุมตัวดังกล่าวจึงถือเป็นการควบคุมตัวตามอำเภอใจ อันเป็นการละเมิดต่อข้อ 9. กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีและมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามพันธกรณีดังกล่าว”
 
ทั้งนี้ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนขอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติพึงเคารพต่อการแสดงความคิดเห็นของประชาชนซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557  มาตรา 4 และพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเข้าเป็นภาคี
 
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนจึงขอเรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติยุติการใช้อำนาจควบคุมตัวบุคคลตามคำสั่งหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2558 และขอให้ปล่อยตัวนายวรชัย เหมะโดยเร็วที่สุด
 
ด้วยความเคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชน
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน