วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ASTV ลากไส้ BlueSky - TNews เอี่ยวประชาธิปัตย์

ASTV ลากไส้ BlueSky - TNews เอี่ยวประชาธิปัตย์

วันที่ 16 ตุลาคม 2555 go6TV ต่อเนื่องจากกรณีวิวาทะระหว่าง ASTV นำโดย สนธิ ลิ้มทองกุล และ Blue Sky Channel รวมไปถึงลิ่วล้อเประชาธิปัตย์ตลอดสามวันที่ผ่านมา ที่ต่างขุดคุ้ยเบื้องหลังความเหลวแหลกหลอกลวงของแต่ละฝ่ายออกมาประจานกันและกัน


          ล่าสุด นายประพันธ์ คูณมี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย ร่วมกันแฉกำพืดนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ส่อทำผิดรัฐธรรมนูญ  ด้วยการปลอมตัวเป็นสื่อฯ และเป็นเจ้าของสื่อ  แต่ปากกลับไม่ยอมรับ  เริ่มโบ้ยกันเองว่า ปชป.ต่างหากที่ร่วมมือกับทักษิณ ชินวัตร ทำจนพรรคเพื่อไทยเติบโตถึงวันนี้


          เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2555  รายการตีแสกหน้า ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 13.00-14.30น. โดยมี น.ส.กมลพร วรกุล เป็นผู้ดำเนินรายการ นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย นายประพันธ์ คูณมี และนายเทิดภูมิ ใจดี เป็นแขกรับเชิญ   ในรายการดังกล่าว นายประพันธ์ คูณมี แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยรุ่นที่ 2 กล่าวตอนหนึ่งว่าผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์นั้นไม่เคยสำนึกถึงบุญคุณพรรคประชาธิปัตย์  “ตั้งแต่มีข่าวความขัดแย้งระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯ กับพรรคประชาธิปัตย์นั้นตนยังไม่เคยเห็นผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ออกมาแสดงท่าทีที่เป็นมิตร หรือ แม้กระทั่งแสดงความขอบคุณในการต่อสู้ของประชาชนกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เสียสละ ต่อสู้ ล้มตายจนกระทั่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล”      

คนของพรรคประชาธิปัตย์ หรือสาวกประชาธิปัตย์มักจะบอกว่า พันธมิตรฯ ชอบผลักมิตร ผลักพรรคประชาธิปัตย์ไปเป็นศัตรู ไปอยู่ฝั่งศัตรู คำถามก็คือว่า พรรคประชาธิปัตย์คิดว่าพันธมิตรฯ เป็นมิตรคุณจริงหรือเปล่า หรือคุณคิดว่าพันธมิตรฯ เป็นเพียงเครื่องมือ หรือคุณอยากได้คะแนนเสียงจากพันธมิตรฯ ไปเลือกตั้ง ... และอยากอาศัยการต่อสู้ของพันธมิตรฯ เป็นเครื่องมือนำทางคุณขึ้นไปสู่ตำแหน่งรัฐบาลนายประพันธ์ระบุ    
    
 ในกรณีความช่วยเหลือ ASTV นั้น    นายประพันธ์กล่าวว่า “พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่เคยช่วยสนับสนุนสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ที่เป็นปากเสียงของประชาชนตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาเลย คุณนอกจากไม่ช่วยพันธมิตรฯ แล้วยังเนรคุณอีก  พรรคประชาธิปัตย์เลือกที่จะยืน เอาตัวรอด ฉวยโอกาส แล้วเหยียบย่ำกลุ่มพันธมิตรฯ และกล่าวหาว่าไม่ช่วยตัวเอง สาดโคลน ใส่ร้ายแกนนำพันธมิตรฯ ว่ารับเงิน อย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ของพรรคประชาธิปัตย์เป็นพฤติกรรมที่น่าขยะแขยง”
       
ตอนคุณเป็นรัฐบาล ทำไมคุณไม่ตามหาชายชุดดำ คุณต้องลากคอมันเข้าคุกแล้ว ตอนนี้กลับมาจัดแรลลีทำไม มันกลายเป็นเรื่องที่น่าตลก น่าสมเพช เล่นละครว่าคุณสู้กับทักษิณแบบเอาเป็นเอาตาย แต่คุณไม่ได้สู้จริง แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 กล่าวต่อ และว่าทางที่ดีหากอยากได้พันธมิตรฯ กลับมาเป็นมิตร คนประชาธิปัตย์ต้องทบทวนตัวเอง และพิจารณาตัวเอง
      
ส่วนกรณีด้านสถานนีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบลูสกายนั้น  นายประพันธ์กล่าวว่า  “แล้วคุณช่วยตอบคำถามหน่อยซิว่า พรรคของคุณเคยได้รับบริจาคจากบริษัทคิงเพาเวอร์ไหม? แล้วบริษัทคิงเพาเวอร์มีพฤติกรรมในการปฏิบัติหรือประกอบธุรกิจในสนามบินสุวรรณภูมิมีรายได้มาแบบไหน? เลขาฯพรรคของคุณ คุณสุเทพเคยห้ามปรามไม่ให้พูดบริษัทคิงเพาเวอร์ไหม?” นายประพันธ์ตั้งคำถามต่อ และว่าแล้วเงินสนับสนุนพรรคและสนับสนุนสื่อในเครือข่ายของพรรคประชาธิปัตย์มีจำนวนมากเท่าไหร่ ช่วยให้คำตอบหน่อย

พร้อมกล่าวต่อว่า คนของพรรคประชาธิปัตย์หรือผู้ประกอบการโทรทัศน์ในเครือข่ายประชาธิปัตย์อีก 2-3 ช่องนั้นทางที่ดีต้องชี้แจงบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้ชัดเจน เหมือนกับที่เอเอสทีวีชี้แจงให้กับประชาชนรับทราบ ดีกว่ามาแว้งกัดสื่ออย่างเอเอสทีวี

จากนั้น น.ส.กมลพรได้กล่าวอ้างอิงรายงานของ นสพ.คมชัดลึก ถึงผู้ถือหุ้นในสถานีโทรทัศน์ช่องบลูสกาย โดยระบุว่า บริษัท บลูสกาย แชนแนล จำกัด ซึ่งทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ในวันที่จดทะเบียนมีกรรมการ 4 คน คนแรกคือ นายวิทเยนทร์ซึ่งไม่เคยประกอบวิชาชีพสื่อมาก่อน แต่เพิ่งมาทำโทรทัศน์ในปี 2554 หลังจากเคยเป็นผู้สมัคร ส.ส.บางเขน พรรคประชาธิปัตย์ และเลขาฯ ของรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมตรีนายสาทิตย์ ส่วนกรรมการคนที่สองคือ นายเถกิง สมทรัพย์ ซึ่งเป็นสื่อที่มีความใกล้ชิดกับพรรคประชาธิปัตย์มายาวนาน เคยเป็นทีมงานรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" และปัจจุบันเป็น ผอ.ช่องบลูสกาย
      
       ส่วนกรรมการคนที่สามคือ นายบุรฤทธิ์ ศิริวิชัย อดีตยุวประชาธิปัตย์ ซึ่งเคยมีตำแหน่งในสำนักนายกฯ ในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ และกรรมการคนสุดท้ายคือ นายภูษิต ถ้ำจันทร์ หนึ่งทีมงานรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ เช่นเดียวกับนายเถกิง และนายวิทเยนทร์
      
นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นของบลูสกายแชนแนลนั้น มี บริษัท เทเลคาสท์ มีเดีย จำกัด มาร่วมถือหุ้นด้วยตั้งแต่ต้น โดยถือหุ้นใหญ่ โดย บริษัท เทเลคาสท์ มีเดีย จำกัด นั้น จดทะเบียนเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2554 ด้วยทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท โดยมีนายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ทั้งนี้จากข้อมูลของคมชัดลึก ระบุว่านายทวีศักดิ์นั้น เป็นนักกฎหมายที่มีความใกล้ชิดกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายทวีศักดิ์จะเป็นผู้ดูแลด้านกฎหมายให้นายสุเทพ นอกจากนี้นายทวีศักดิ์ยังไปร่วมแถลงข่าวกับนายแทน เทือกสุบรรณ ลูกชายนายสุเทพ กรณีรุกที่เขาแพง ที่เกาะสมุย ในฐานะที่ปรึกษาทางกฎหมายของนายแทนด้วย      

มากกว่านั้นลงทุนในบลูสกายแชนแนล 3 ล้านบาทแล้ว บริษัท เทเลคาสท์ มีเดีย จำกัด ยังลงทุนในสำนักข่าวทีนิวส์ จำกัด ผู้ผลิตข่าวช่องทีนิวส์ อีก 11 ล้านบาท
   
   อ่านฉบับเต็มได้จากที่นี่

แมงสาบตายยกรัง เจอไบก้อนเขียวเจ๊กลิ้ม

แมลงสาปตายยกรัง! สนธิเดือด! ฉีดไบก้อนไล่ประชาธิปัตย์



17 ตุลาคม 2555 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สงครามสื่อระหว่าง ASTV และ BlueSkyTV สื่อกระบอกเสียงพรรคประชาธิปัตย์ยังคงร้อนระอุอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด "นายสนธิ ลิ้มทองกุล" หยิบกระป๋องยากำจัดแมลงสาป ยี่ห้อไบก้อน ออกมาฉีดไล่พรรคประชาธิปัตย์ โดยระบุว่าเป็นเหมือนแมลงสาป รวมทั้ง "เนรคุณ" ผู้มีพระคุณอย่างนายสนธิ ลิ้มทองกุลรวมทั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 

ทั้งนี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ดังนี้


นายสนธิ ไล่ฉีดไบก้อน ใส่พรรคประชาธิปัตย์
"ผม พูดชัดเจนมาตั้งนานแล้ว ที่ผมไม่เอาประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เพราะว่าอะไรทั้งสิ้น ก็เพราะว่าประชาธิปัตย์ไม่เคยมีความซื่อสัตย์กับตัวเอง ไม่เคยมีความซื่อสัตย์กับประชาชน และมีคอมเมนต์คนหนึ่งซึ่งเข้ามาในเฟซบุ๊กของรายการเรา ถ้าไม่ชอบสุเทพ ทำไมไม่เล่นงานสุเทพล่ะ ทำไมเล่นงานทั้งพรรค เปลี่ยนมิตรเป็นศัตรูได้ยังไงล่ะ ผมจำชื่อคุณคนนั้นไม่ได้แล้ว ผมให้โปรดิวเซอร์ของผม คุณใหม่ โมฮัมหมัด ใหม่ ผมให้เขาลองปรินท์ออกมาดู เขาหาไม่เจอ แต่ผมจะตอบเขาอย่างนี้ ทำไมผมจะต้องไปโจมตีสุเทพ เทือกสุบรรณ เพราะสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าคุณบอกว่าคนในพรรคประชา ธิปัตย์ไม่ชอบสุเทพ แต่ทำไมคุณสุเทพยังเชิดหน้าชูคออยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณสุเทพ นี่ยิ่งแสดงว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคหน้าไหว้หลังหลอก ถูกไหม ลับหลังก็บอกว่าคุณชวน พี่ญัติ เขาไม่เอาสุเทพแล้ว คุณสนธิอย่าไปว่าพี่ชวน กับพี่ญัติ กับคนอื่น เล่นสุเทพคนเดียว ถ้าคุณไม่เอาสุเทพ คุณคิดว่าสุเทพเป็นตัวทำลายพรรคคุณ ทำไมคุณไม่ดำเนินการซักล้าง ขัดสีฉวีวรรณพรรคคุณเสียเองก่อนล่ะ ให้ผมเห็นซะหน่อยได้มั้ยว่าคุณไม่เอาจริง เพราะสุเทพเป็นตัวทำลายพรรค นี่คุณยังโอบอุ้มเขาอยู่เหมือนเดิม แล้วคุณมาว่าผม ทำไมผมไม่โจมตีสุเทพคนเดียว ผมไปโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ ผมจะไปโจมตีสุเทพเขาทำไม ก็ในเมื่อสุเทพเขาเป็นส่วนหนึ่งของพรรคคุณ และพรรคคุณนี่แหละ คือคนซึ่งอุ้มสุเทพเอาไว้ ผมยังจำได้ คำพูดสุเทพทุกคำพูด ไม่มีเนวิน ไม่มีเราในวันนี้ ผมจำได้เขาไปพูดที่ชุมพรจำได้ไหม เขา ชุมนุมพวกเขา เขาบอกพวกเราคือตัวป่วนบ้านป่วนเมือง ผมจำได้ที่นายนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์พูด ว่าการเมืองต้องเล่นกันในสภาฯ ไม่ใช่เล่นกันข้างถนน และผมยังจำได้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พูดในสภาฯ บอกทุกอย่างต้องจบในสภา"

"คุณเข้าใจหรือยัง พวกสาวกพรรคประชาธิปัตย์ เวลาคุณว่าคนอื่น คุณไม่เคยดูตัวพวกคุณเอง ที่ผมรับพวกคุณไม่ได้ และจะไม่มีวันรับพวกคุณเป็นอันขาด ถ้าพวกคุณยังมีสันดานเลวๆ แบบนี้ต่อ เมื่อไหร่คุณจะยอมรับสักทีว่า ถ้าเพียงว่าคุณยอมรับผิดในอดีต คุณไม่ได้ทำอันนี้ คุณไม่ได้ทำอันนี้ คุณขอโทษประชา ชน ขอให้โอกาสผมอีกครั้งหนึ่ง ผมจะให้โอกาสคุณ แต่ชีวิตพวกคุณไม่เคยผิด ชีวิตพวกคุณไม่เคยผิด พอคุณไปทักทายกับอริสมันต์ คุณมาโวยวายทันทีอย่างโน้นอย่างนี้ สาวกพรรค แล้วเวลาพวกคุณมึง หาว่ากูรับเงินทักษิณไม่รู้สึกกันบ้างเลยหรือ" 

"แล้วมาใส่ความผม ใส่ร้ายผม จนกระทั่งวันนี้พอตัวเองโดน ตัวเองมาโวยวาย และที่คุณเผาผมมาตลอดเวลา ผ่านทั้งนายกรณ์ จาติกวณิช พูด ออกมา โทรศัพท์มาขอโทษผมว่า พี่ไม่เอาอีกและ จบๆ และเรื่องแค่นี้ ทำไมพวกคุณไม่คิดกันบ้าง ไปไหน ไอ้พวกแมลงสาบไปไหน ไปไหน แหมเตรียมไบกอนมาโดยเฉพาะเลยงานนี้"

"แล้วพวกคุณที่คุณร้อง คุณอัญชลี ไพรีรักษ์ ที่คุณร้อง ทำไมที่กองปราบทำไมคุณเที่ยวเชียร์ให้คนโน้นคนนี้ไป ทำไมคุณไม่โผล่หน้าไป ทำไมคุณไม่โผล่หน้าไป และคุณมาบอกเอามิตรเป็นศัตรูใช่ไหม ใช่ไหม ใช่ไหม ที่หน้ารัฐสภา ผมไม่เห็นคุณออกเลย เห็นแต่ไอ้พวกมือปืนรับจ้างเช่น หมอตุลย์ ผมต้องเรียกหมอตุลย์ว่า มือปืนรับจ้างใช่ไหม แล้วเที่ยวเอาเสื้อสายล่อฟ้าให้เขาใส่ วันนี้ผมไม่อยาก คือ ผมรำคาญพวกพรรค สาวกพรรคประชาธิปัตย์ คือมันโง่ได้ใจ โง่จนอธิบายไม่ถูก โง่ตรงไหนรู้ไหม โง่ตรงที่ว่าตนเองผิด ไม่เคยเห็นความผิดตนเอง แล้วไปเที่ยวป้ายร้ายป้ายสีคนอื่นเขา แล้วจริงๆ นะเติม นี่จริงๆ นะ โดยพื้นฐานนี่คือสันดานที่แท้จริงของพรรคประชาธิปัตย์" - นายสนธิ กล่าว

อ้างอิง - ภาพจาก ASTV ผู้จัดการ ออกอากาศ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ที่แท้ก็ไอ้หน้าแหลมฟันดำ

แฉ "หน้าแหลมฟันดำ" แก๊งค์ขบวนการเต้าข่าว "ไซฟ่อน-โพยก๊วน 1.6หมื่นล้าน"

วันที่ 16 ตุลาคม 2555 (go6TV) เป็นเรื่องฮือฮาแบบชงเองกินเอง เมื่อพรรคประชาธิปัตย์เปิดประเด็นเรื่องการไซฟ่อนเงินปัญญาอ่อน 1.6 หมื่นล้านด้วยวิธี “โพยก๊วนเยาวราช” และประเด็นดังกล่าวถูกส่งต่อไปเล่นยังแก๊งไอติม พรรคประชาธิปัตย์ จนทำท่าจะลุกลามบานปลายแบบไร้เหตุผล   นี่เป็นอีกครั้ง ของการกล่าวหาจากพรรคประชาธิปัตย์แบบ "กระดาษแผ่นเดียว" จะเป็นกระดาษแผ่นไหน เดี๋ยวจะเฉลยให้ฟัง


ที่มาที่ไปของข่าว “ไซฟ่อนเงินมหาศาล” นี้เกิดขึ้นมากจาก “ขาประจำ” มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เจ้าของกวดวิชาและเอเย่นค้าครูต่างชาติกับโรงเรียน คนเดียวกันกับที่เคยยุยงเด็ก ม.3 ก่อ "ม็อบเด็กบดินทร์" คนเดียวกัน
ข่าวเด็กบดินทร์ต้าน "มงคลกิตต์"

คนนี้คนเดิมคนเดียวกันกับ "เลขาภาคีเครือข่ายต่อต้านการคอรัปชั่น" ที่มีคนดังระดับ ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นที่ปรึกษากิตติมศักด์ ภตช  
องค์กรคนดังระดับนี้ ยังมีคนอดีตนายทหารนามสกุลดังร่วมทีม ดังนี้
ทีมที่ปรึกษา ภตช
จะเห็นชัดเจนเลยว่า องค์กรนี้ เป็นองค์กรที่มีคนสนับสนุนเบื้องหลังระดับโค่นล้ม พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ มาก่อนแล้วทั้งสิ้นช่วยเป็นที่ปรึกษาเดินเกม รวมถึง อดีต คมช. อย่างพลเรือเอกบรรณวิทย์ เก่งเรียนร่วมระดมสมองก่อเรื่อง
ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอรับปชั่น เค้าหากินอะไรเหรอครับ ได้รับเงินมาจากใหน หากย้อนไปเมื่อข่าวเก่า 6 กันยายน 2555 ปรากฏว่าเขานั้นหาเงินด้วยการ "จัดทัวร์"  ทัวร์ธรรมดามีเหรอ จะขายได้ ต้อง "ทัวร์ตามรอยหาทักษิณ"????

โฆษณาทัวร์ ตามล่าแกะรอยทักษิณหากิน!
ข่าวจัดทัวร์ตามรอยหาทักษิณ ดังขนาดสื่อมวลชนหลายสำนักเอาไปลงต่อกันให้ว่อน จนท้ายสุดเว็บไซต์ภาคีเครือข่ายดังกล่าวต้องลบภาพโฆษณาทิ้งไป  ธรรมดาซะที่ไหนระดับ มงคงกิตต์!  
สื่อฯ หลักลงข่าวเครือข่ายฯ หากินพิลึก หากินจัดทัวร์ล่าทักษิณ
นายคนนี้หละครับ ไปเที่ยว "ฮ่องกง" ช่วงวันที่ 7 กันยายน 2555  ไปเสร็จ ก็กลับมา "ปูดข่าว" ทันทีว่าไปพบ ปปช.ฮ่องกง  มีข่าวการไซฟ่อนเงิน 1.6 หมื่นล้าน??? 
เริ่มปล่อยข่าวบ่อยครั้ง และหลายครั้ง
เมื่อคนนี้ออกมาพยายามพูดเรื่องนี้อยู่ราว 2 สัปดาห์  พรรค ประชาธิปัตย์นำโดย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ก็ออกมาพูดในทำนองโดยอ้างอิง "มงคลกิตต์"
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รับไม้ต่อพูดแถลงข่าวเป็นตุเป็นตะ
จากนั้น สว.เพชรบุรีเอย สารพัดองค์กรที่่ร่วมแก๊งเครือข่ายต่างรับลูกกันขนานใหญ่ แต่พอ "ถามหาหลักฐาน" ก็กลับไม่มี!

พอเราค้นกลับไปดูจริงๆว่า "วันที่ 7 กันยายน 2555" นั้น เค้าไปฮ่องกงกันจริงหรือเปล่า เราพบว่า ที่เว็บไซต์ของเครือข่ายต่อต้าน มีข้อความกำหนดการดังนี้
ประกาศในเว็บไซต์เครือข่ายฯ ต้องการบอกทุกคนว่า "ไปสัมมนาการต่อต้านการทุจริตที่ ปปช.ฮ่องกง"
สังเกตุดูรายชื่อแขกที่ไปสิครับว่า "ใหญ่โตทั้งนั้น" ตั้งแต่ บรรณวิทย์ เก่งเรียน  พ.ต.อ.ดุษฏี อารยวุฒิ เลขาธิการ ป.ป.ท. รวมทั้ง มงคลกิตต์   และเขา จงใจประกาศให้ทราบว่าไปประชุม แต่!!!!!!
แต่ในหนังสือตอบรับของฝ่าย ปปช.ฮ่องกง หรือ ICAC กลับไม่ได้ระบุเลย ว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้ไปร่วมสัมมนา ไม่มีกำหนดการหัวข้อการประชุม แต่กลับกลายเป็น "จดหมายตอบรับเข้าเยี่่ยมชม" แค่นั้น

จดหมายตอบรับการเข้าเยี่ยมชม ปปช.ฮ่องกง ไม่ใช่ "สัมมนาหรือประชุม" ดังที่กล่าวอ้าง

อ่านทบทวน อ่านแล้วอ่านเล่า ก็ไม่พบคำว่า  seminar หรือ meeting ซึ่งแปลว่า สัมมนาหรือประชุม  แต่จดหมายทั้งฉบับ เราพบแต่คำว่า  visit  ซึ่งแปลว่า "เยี่ยมชม"

ที่สำคัญมากกว่านั้น หากเครือข่ายภาคีต่อต้านฯ จะไปประชุมกับ "ปปช. ฮ่องกง"  ก็ต้องถามหา "สถานภาพทางกฏหมาย" ว่าจะไปประชุมกับเขา "ในฐานะอะไร"
รายชื่อที่น่าสนใจในทริปนี้ ที่เขาประกาศแต่ต้นคือ พ.ต.อ.ดุษฏี อารยวุฒิ เลขาธิการ ป.ป.ท. ก็ร่วมทริปกับเขา และมีชื่ออยู่ในจดหมายฉบับภาษาอังกฤษ ยืนยันว่าไปพร้อมกับคณะนี้ และหลังจากกลับมาจากทริป ก็ได้ไปสมัครเป็นสมาชิกภาคีเครือข่ายต่อต้านคอรัปชั่นแถมด้วย 
ใบสมัคร พ.ต.อ.ดุษฏี อารยวุฒิ เข้าเป็นสมาชิกภาคีเครือข่ายฯ
เมื่อกลับมาเมืองไทย  "มงคลกิตต์" ก็เริ่มต้นพยายามสร้างข่าว "ไซฟ่อนเงิน 1.6 หมื่นล้าน" ผ่าน "โพยก๊วนเยาวราช"
ซึ่งคนมีสติสตังส์ดี จะไม่เชื่อ เพราะวิธี "โพยก๊วน" เงินที่เยาวราชนั้น เค้าใช้ในสมัยรุ่นสงครามโลกครั้งที่ 2 สมัย ที่ธนาคารพานิชย์ ยังไม่ทันสมัย คนจีนโพ้นทะเลยังโอนเงินผ่านแบงค์ไม่ได้เพราะไม่ได้เป็นคนไทยนั้นแหละ ไม่เชื่อ "มงคลกิตต์" จะคิดวิธีปัญญาอ่อนนี้ออกมาได้?
แต่ที่สำคัญ คนที่เป็นตัวแปรสำคัญคือ "เพื่อนร่วมทริป"  เขาถูกกดดันจากเครือข่ายฯ ให้ออกมาพูดว่าตนและแก๊งเครือข่ายได้ไปคุยกับ ปปช.ฮ่องกงมาจริงและได้ข้อมูลไซฟ่อนเงินมาจริง แต่....
แต่..... "พ.ต.อ. ดุษฏี อารยวุฒิ" กลับออกมาพูดให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า "ไม่มีข้อมูลไซฟ่อนเงิน 1.6 หมื่นล้าน"
โพยก๊วน ที่เริ่มต้นจากเครือข่ายต่อต้าน ส่งต่อให้ ปชป. ลากโยงจนวุ่นวาย โดยไม่มีหลักฐานแม้แต่กระดาษแผ่นเดียว  ก็จบลงดื้อๆ ด้วยประการ ฉ นี้
อ้างอิง
ข่าว เว็บเครือข่ายต่อต้านฯ ขายทัวร์ตามล่าหาทักษิณที่ฮ่องกง

ฟีฟ่ายกเลิกใช้สนามหนองจอกแล้ว !

กทม.โกหก! "ชุมพล" แฉ "ฟีฟ่ายกเลิกใช้สนามหนองจอกแล้ว!!!"

      เมื่อเวลา 16.45 น. วันนี้ (18 ต.ค.) นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ออกโรงสับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ กรุงเทพมหานคร ที่เป็นฝ่ายดูแลการจัดการสนามแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก ที่ประเทศไทย รับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน แต่ไม่ทีท่าว่าจะสร้างสนามที่หนองจอกเสร็จสิ้นแต่อย่างใด จนฟีฟ่าอดทนไม่ไหว ใช้อินดอร์สเตเดียมหัวหมาก เป็นสนามพิธีเปิดและปิดการแข่งขันแทน
      
       เมื่อเวลา 10.00 น.ประชุมคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา เรื่องพิจารณาการเตรียมความพร้อมการจัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 (ครั้งที่ 7) ณ สนามบางกอก ฟุตซอล อารีนา เขตหนองจอก อาคารอินดอร์สเตเดียม หัวหมาก อาคารนิมิบุตร และจังหวัดนครราชสีมา ในการเตรียมปรับโปรแกรมการแข่งขัน กรณีที่สนามฟุตซอลที่หนองจอก ซึ่งเดิมกำหนดใช้เป็นสถานที่พิธีเปิดและปิดการแข่งขัน เสร็จสิ้นไม่ทันกำหนดการ โดยมี นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เข้าชี้แจงต่อ นางนฤมล ศิริวัฒน์ ประธานกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา ที่ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ 309 อาคารรัฐสภา 2 เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา
      
       โดยเริ่มประชุม นางนฤมล ปธ.กมธ.ส.ว.กีฬา ได้ทวงถามถึงความคืบหน้าของสนามต่อนายชุมพล ว่า เหตุใดจึงเสร็จไม่ทันกำหนดการที่ทางฟีฟาตั้งไว้ก่อนหน้า ทาง รมต.กีฬา จึงได้กล่าวในที่ประชุม ผมขอชี้แจงดังนี้ ว่า ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อปี พ.ศ.2553 สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตนดำรงตำหน่ง รมว.กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ได้เสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก และได้เสนอสนามที่จะใช้เป็นสนามหลักในการจัดพิธีเปิดและปิดการแข่งขัน ไว้ 3 แห่ง คือ อินดอร์สเตเดียม, อาคารนิมิบุตร และมักกะสัน ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ก็เห็นด้วยที่จะให้ที่ดินการกีฬาแห่งประเทศไทย บริเวณสนามยิงเป้าบิน ดำเนินสร้างสนามการแข่งขันฟุตซอลโลก แต่ต่อมา ทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ก็เป็นฝ่ายดึงเรื่องนี้ไปจัดการเอง และมอบหมายให้กรุงเทพมหานครเป็นฝ่ายจัดการเรื่องสนาม โดย ก.กีฬา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย และได้เบิกงบประมาณกับรัฐบาลเป็นจำนวนเงิน 1,239 ล้านบาท และได้รับการอนุมัติเมื่อปลายปี 2554 และเริ่มดำเนินการสร้างเมื่อต้นปี 2555 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งไม่มีทีท่าว่าแล้วเสร็จ จนฟีฟ่าออกจดหมายล้มเลิกใช้สนามที่หนองจอกเป็นสถานที่พิธีเปิดและปิดการแข่งขัน
      
       “อย่างไรก็ดี ผมเห็นว่า การจะสร้างสนามฟุตซอล บริเวณที่ดินหนองจอกนั้น เห็นว่า ห่างไกลจากเมืองพอสมควร และการเดินทางจากสนามห่างจากที่พักของนักกีฬาเกินครึ่งชั่วโมงตามที่ฟีฟากำหนด ทางกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา จึงเห็นว่า จะต้องมีปัญหา และคาดการณ์ว่าสนามฟุตซอลที่หนองจอกนั้นเสร็จไม่ทันแน่นอน เพราะในขณะนั้นสนามที่หนองจอกเริ่มดำเนินสร้างเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทาง ก.กีฬา จึงได้ดำเนินการปรับปรุงสนามทั้งอินดอร์สเตเดียม ที่หัวหมาก รวมถึง สนามนิมิบุตร ภายในสนามกีฬาแห่งชาติ เพื่อเป็นที่รองรับอีกทีหนึ่ง ก่อนที่ทางฟีฟ่าจะยกเลิกการส่งมอบสนามบางกอก ฟุตซอล อารีนา ที่หนองจอก ตามข่าวที่ผ่านมา เพื่อจะได้คลายความกังวลหากทางกรรมาธิการการกีฬา เป็นห่วงว่าหาสนามแข่งขันไม่ได้นายชุมพล กล่าวต่อ
      
       ทั้งนี้ รมว.กีฬา ยังได้ออกโรงยื่นมือช่วย กรุงเทพมหานคร ต่ออีกด้วยว่า ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ในขณะนี้ หากมีความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์ การจัดการ แต่เราก็ไม่อาจก้าวก่ายไม่ได้เสียทีเดียวในทุกเรื่องเสมอไปเช่นกัน
      
       ด้าน บิ๊กหนุ่มกนกพันธุ์ เผยถึงเรื่องดังกล่าว ว่า การที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยเข้ามารับหน้าที่จัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก และตั้งคณะกรรมการจัดการแข่งขันฟุตซอลขึ้นมาเอง ก็ถือว่าไม่ได้ผิด เพราะการกีฬาแห่งประเทศไทยไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด สมาคมจึงมีหน้าที่จัดการไป ส่วนตัวเห็นว่าหากสนามบางกอก ฟุตซอล อารีนา เสร็จสิ้นเมื่อไหร่ก็จะเป็นประโยชน์ในการจัดการแข่งขันกีฬาชนิดอื่นๆ หากมีการเสนอจัดการแข่งขันคราวหน้าก็จะใช้สถานที่แห่งนี้ได้ทันที
      
       ผู้ว่าการการกีฬาฯ ยังเผยงบประมาณในการสร้างสนามอินดอร์สเตเดียม หัวหมาก เราใช้งบประมาณในการปรับปรุงสนาม ไม่ว่าจะเป็นการปรับพื้นสนามจากพื้นยางเป็นปูพื้นบล็อกปาร์เก ตามที่ฟีฟากำหนด รวมถึงติดตั้งสกอร์บอร์ดในสนาม การติดตั้งโต๊ะ เก้าอี้ หรืออุปกรณ์ต่างๆรวมทั้งสิ้นประมาณ 170 ล้านบาท แต่เรายังไม่มีเอกสารรับรองสนามอินดอร์สเตเดียม เป็นสนามพิธีเปิดและปิดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก จากทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า เลย เพิ่งทราบจากสื่อมวลชนเช่นกัน
      
       สุดท้าย เจ๊มลก็ได้แสดงความเห็นใจต่อเรื่อราวทั้งหมด ว่า ทางคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา ก็มีความเห็นใจต่อกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่มีเรื่องขัดแย้งกันในมุมทางการเมือง กับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เพราะทาง ส.บอล เป็นคนรับหน้าที่จัดการเองทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น การที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯจะเข้ามาเกี่ยวข้องดูจะเป็นการก้าวล้ำเกินขอบเขตในส่วนนี้ด้วย