วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559

วัฒนาเผยกลับถึงบ้านแล้ว พร้อมถูกแจ้งข้อหา ผิดพ.ร.บ.คอมฯ นัดพบที่ศาลต่อพรุ่งนี้


2 มี.ค. 2559 จากกรณี นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย อดีต รมว.กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ถูกเจ้าหน้าที่ทหารเชิญตัวจากบ้านพักเพื่อเข้า มทบ.11 เพื่อสอบถามและปรับทัศนคติ หลังจาก วิจารณ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าใช้คำพูดไม่เหมาะที่กล่าวถึงทหารตามไปถ่ายรูป น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถึงศาลาสวดศพว่าเป็นเพราะ "ท่านสวย" นั้น (อ่านรายละเอียด)
ล่าสุด TV24 สถานีประชาชน และ Voice TV รายงานตรงกันว่า นายวัฒนา ได้โพสต์แจ้งถึงสื่อมวลชน ระบุว่า "ผมกลับมาถึงบ้านแล้วครับ ผมถูกควบคุมตัวไว้ที่ มทบ.11 เพื่อปรับทัศนคติ ตั้งแต่ 11.30 -21.30 จากนั้นทหารได้นำตัวผมมาส่งพนักงานสอบสวน สน. นางเลิ้ง เพื่อแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ 2550 ถึง สน. นางเลิ้งราว 22.00 เสร็จขั้นตอนจากพนักงานสอบสวนประมาณ 22.45 จากนั้นทหารได้นำตัวผมกลับมาส่งบ้านถึงบ้านเวลาประมาณ 23.10 พนักงานสอบสวนนัดผมให้ไปพบที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ในวันพรุ่งนี้ (3 มีนาคม) เวลา 9.30 น. เพื่อประกันตัวสู้คดีต่อไป" 

พนง.สส.เตรียมส่งสำนวนฟ้อง 'ทนายจูน' ให้อัยการ


พนง.สส. ส่งหมายเรียกทนายศิริกาญจน์ ในฐานะผู้ต้องหาให้ไปพบเพื่อพาตัว ไปพบพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดี ศาลแขวง 3(ดุสิต) พรุ่งนี้ (4 มี.ค.) ด้านคณะทนายความจะทำหนังสือขอเลื่อนไปพบอัยการตามนัดเดิมที่เคยประสานงานไว้ในวันที่ 9 มี.ค.59 โดยจะไปให้การเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวนก่อนในวันที่ 5 มี.ค. 59 เวลา 9.00 น.และวันที่ 7 มี.ค.59 ที่สน.ชนะสงคราม
3 มี.ค. 2559 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวหาว่านางสาวศิริกาญจน์ เจริญศิริ ทนายความของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนกระทำความผิดฐานทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจหน้าที่ที่มีกฎหมายให้ไว้ แต่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร และซ่อนเร้น เอาไปเสียซึ่งทรัพย์สินหรือเอกสารใด ๆ อันเจ้าพนักงานสั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐาน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.368 และ 142 จากเหตุการปฏิเสธให้ค้นรถส่วนตัวของทนายความโดยไม่มีหมายค้นในช่วงดึกวันที่ 26 ถึงวันที่ 27 มิ.ย. 2558 ซึ่งนางสาวศิริกาญจน์ได้รับทราบข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 9 ก.พ.59 ที่ผ่านมา

ต่อมา 1 มี.ค. 59 ทีมทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนประสานงานพนักงานสอบสวน ส.น.ชนะสงครามว่า นางสาวศิริกาญจน์ เจริญศิริจะเข้าให้การเพิ่มเติมในฐานะผู้ต้องหา พร้อมด้วยนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความที่จะให้เข้าในให้การในฐานะพยานฝ่ายผู้ต้องหาในวันที่ 5 มีนาคม 59  เวลา 9.00 น. โดยนายอานนท์ นำภา และนางสาวไอดา อรุณวงศ์ จะเข้าให้การต่อพนักงานสอบสวนในฐานะพยานฝ่ายผู้ต้องหาในวันที่ 7 มี.ค.59 และนัดส่งต่อพร้อมสำนวนให้อัยการในวันที่ 9 มีนาคม 2559

อย่างไรก็ตาม วันนี้ 3 มี.ค. 59 นางสาวศิริกาญจน์ เจริญศิริได้รับหมายเรียกผู้ต้องหาให้ไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อพาตัวไปพบพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดี ศาลแขวง 3(ดุสิต)วันที่ 4 มี.ค.59 เวลา 10.00 น.พร้อมสำนวนความเห็นสั่งห้องหรือไม่ฟ้องของพนักงานสอบสวน ซึ่งคณะทนายความจะทำการขอเลื่อนเป็นตามกำหนดนัดเดิมในวันที่ 5,7และ 9 มี.ค.59 พร้อมทั้งเตรียมยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการ

ทั้งนี้ในส่วนคดีความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน เพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.172 และ ม.174 จากกรณีที่นางสาวศิริกาญจน์ได้แจ้งความว่าเจ้าหน้าที่กระทำความผิดตามมาตรา 157  ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจากการยึดรถยนตร์ไว้ข้ามคืน ยังไม่มีนัดหมายให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาแต่อย่างใด

ศาลให้ประกัน 'วัฒนา' คดีนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ 1 แสนบาท เจ้าตัวโพสต์ถามทำไมถึงวิจารณ์ไม่ได้


ศาลให้ประกัน 'วัฒนา' 1 แสนบาท คดีนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ กรณีวิจารณ์คำให้สัมภาษณ์รองนายกฯ  เจ้าตัวโพสต์ถาม "ทำไมผมถึงวิจารณ์คุณไม่ได้" เผยลูกสาวถูกทหารหลอกเอาโทรศัพท์ที่ตนฝากไว้ขณะถูกคุมตัวด้วย แปลกใจครเสียหายก็ควรฟ้องคดีกับตน ไม่ใช่กระทำการควบคุมตัวโดยอุกอาจ
3 มี.ค. 2559 หลังจากกรณีวานนี้ (2 มี.ค.59) นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย อดีต รมว.กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ถูกเจ้าหน้าที่ทหารเชิญตัวจากบ้านพักเพื่อเข้า มทบ.11 เพื่อสอบถามและปรับทัศนคติ หลังจาก วิจารณ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าใช้คำพูดไม่เหมาะที่กล่าวถึงทหารตามไปถ่ายรูป น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถึงศาลาสวดศพว่าเป็นเพราะ "ท่านสวย" นั้น ก่อนที่ปล่อยตัวพร้อมแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ 2550 ในกลางดึกคืนวันเดียวนั้น (อ่านรายละเอียด)
ล่าสุด วันนี้ (3 มี.ค.59) ศาลอาญากรุงเทพใต้ แจ้งว่า  เวลา 10.00 น. พนักงานสอสวน สน.นางเลิ้งได้นำตัวนายวัฒนา ผู้ต้องหามาขังที่ศาลอาญากรุงเทพให้ในข้อหา 'นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน" โดยขออนุญาตฝากขังมีกำหนด 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค. 59 ถึงวันที่ 14 มี.ค.59 
ศาลสอบผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านการฝากขังของพนักงานสอบศาล ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่ากรณีตามคำร้องของพนักงานสอบสวนเป็นความผิดอาญาที่มีโทษร้ายแรง ทั้งการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น จึงอนุญาตให้ฝากขังมีกำหนด 12 วัน ตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ 
 
จากนั้นผู้ต้องหายื่นคำร้องขอให้ปล่อยตัวคราวในชั้นสอบสวน ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีพฤติกรรมหลบหนี จึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยตีหลักประกันเป็นเงิน 100,000 บาท ห้ามผู้ต้องหาเดินทางออกนอกราชอาญาจักรเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาลก่อน พร้อมกับชับผู้ต้องหาให้มารายงานตัวต่อศาลตามที่นัดไว้
 
วัฒนาแปลกใจใครเสียหายก็ควรฟ้องคดีกับตน ไม่ใช่กระทำการควบคุมตัวโดยอุกอาจ
 
ด้านนายวัฒนา ชี้ว่าเมื่อข้อความของตนได้กลายมาเป็นคดีความแล้ว ก็จะไม่ขอพูดถึงอีก แต่จะขอให้เป็นเรื่องของการพิสูจน์ความจริงในชั้นศาลต่อไป ว่าข้อความเป็นเรื่องเท็จตามที่ถูกกล่าวหาจริงหรือไม่ แต่ส่วนตัวมีความเชื่อมั่น ว่าสิ่งที่พูดและวิจารณ์ไป ไม่ใช่สิ่งที่ผิดกฎหมายหรือสร้างความแตกแยก และเป็นไปเพื่อสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองทั้งสิ้น และตนก็ขอยืนยันที่จะแสดงความเห็นต่อไป
 
นายวัฒนา ยังกล่าวว่าตนยังรู้สึกแปลกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทั้งๆ ที่ตามความเป็นจริง หากใครเห็นว่าข้อความที่ตนโพสต์ทำให้เกิดความเสียหาย ก็ควรฟ้องคดีกับตน ไม่ใช่กระทำการควบคุมตัวโดยอุกอาจเช่นนี้
 
 
วัฒนา ถาม "ทำไมผมถึงวิจารณ์คุณไม่ได้" เผยลูกสาวถูกทหารหลอกเอาโทรศัพท์ที่ตนฝากไว้ด้วย 
 
ขณะที่เมื่อเวลา 4.00 น. ที่ผ่านมา นายวัฒนา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ 'Watana Muangsook' ด้วยว่า "ทำไมผมถึงวิจารณ์คุณไม่ได้" โดยมีรายละเอียดดังนี้
 
"วานนี้ผมถูกทหารมาควบคุมตัวไปจากบ้านเพื่อปรับทัศนคติ กรณีที่ผมโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ควิจารณ์การให้สัมภาษณ์ของรองนายกรัฐมนตรี ทหารพาผมไปถึง มทบ. 11 ประมาณ 11.30 น. จากนั้นผมถูกควบคุมตัวไว้ในห้องสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ 5x8 เมตร มีนายทหารมาพูดคุยกับผม 2 ชุด จนเวลาประมาณ 21.30 น. ผมจึงถูกควบคุมตัวมาที่ สน. นางเลิ้ง เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาผมตาม พรบ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 เสร็จจากโรงพักทหารพาผมกลับมาส่งถึงบ้านประมาณ 23.10 น. วันนี้ผมต้องไปศาลอาญากรุงเทพใต้เพื่อขอประกันตัวสู้คดีต่อไปตามกฎหมาย
 
นายทหารพระธรรมนูญแจ้งกับผมว่า ข้อความที่ผมโพสต์นั้นเป็นความเท็จทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายซึ่งผมไม่ขอมีความเห็นเพราะเมื่อมีการดำเนินคดีแล้ว ก็ควรปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม แต่สิ่งที่ผมต้องพูดคือถ้าคุณเห็นว่าผมทำผิด คุณต้องไปแจ้งความดำเนินคดีกับผมตามกฎหมาย ไม่ใช่ยกกำลังมาบุกบ้านเพื่อควบคุมตัวผมไปอย่างที่ทำกัน นั่นคือพฤติกรรมของการลุแก่อำนาจและใช้อำนาจตามอำเภอใจ ซึ่งขัดกับคำพูดของพวกคุณเองที่เรียกร้องให้ทุกคนเคารพกฎหมาย นี่คือสาเหตุสำคัญที่ผมเรียกร้องความเป็นประชาธิปไตย
 
ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชน สื่อมวลชน กลุ่มประชาธิปไตยใหม่ พรรคเพื่อไทย นายกยิ่งลักษณ์ ทุกท่านและทุกองค์กรที่เรียกร้องให้ทหารปล่อยตัวผม จนทำให้ผมได้รับอิสรภาพในที่สุด ผมยอมรับว่านายทหารทุกคนที่ถูกใช้มาได้ปฏิบัติกับผมอย่างสุภาพ แต่ไม่ได้หมายความวิธีการที่ถูกใช้ให้ทำนั้นถูกต้อง ผมยืนยันกับนายทหารที่ถูกใช้ให้มาปรับทัศนคติว่า ผมจะยังคงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล คสช และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป เพราะใครก็ตามที่กินเงินเดือนจากภาษีอากรของพี่น้องประชาชนซึ่งเป็นเงินของผมด้วย ย่อมจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้เสมอ ที่สำคัญผมไม่เคยขอร้องให้พวกคุณเข้ามายึดอำนาจ แล้วทำไมผมจึงจะวิจารณ์ไม่ได้ พวกคุณไม่มีสิทธิมาใช้พฤติกรรมแบบที่ทำกับผมโดยเด็ดขาด เพราะผมไม่ยอมและไม่เคยกลัว"
 
"หมายเหตุ ผมเพิ่งทราบจากแม่บ้านว่า ทหารกลุ่มที่พาตัวผมไปได้ย้อนกลับมาที่บ้านผม มาหลอกแม่บ้านว่าผมใช้ให้มาเอาโทรศัพท์ที่ผมฝากไว้กับลูกสาว โชคดีที่ลูกสาวผมไม่เชื่อไม่มอบโทรศัพท์ให้ไป พฤติการณ์ของทหารที่ทำแบบนี้ควรเรียกว่าอะไรครับ" นายวัฒนา กล่าวเพิ่มเติม
 

ศาลลงโทษจำคุก 'มือปืนป๊อปคอร์น' 37 ปี 4 เดือน-ทนายเตรียมอุทธรณ์


คดีมือปืนป๊อปคอร์น จากเหตุรุนแรงที่แยกหลักสี่ ศาลวินิจฉัย แม้ไม่ได้ความว่าผู้เสียหายถูกจำเลยยิง แต่เมื่อฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกกระทำการดังกล่าวจึงต้องรับผิดการกระทำของพวกจำเลยเช่นกัน จึงพิพากษาให้มีความผิดตามฟ้อง แต่เนื่องจากคำให้การจำเลยเป็นประโยชน์จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 พิพากษาลงโทษทุกกระทงความผิดรวม 37 ปี 4 เดือน
3 มี.ค. 2559 เวลา 13.30 น. ที่ศาลอาญา รัชดา ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือท็อป มือปืนป๊อปคอร์น อายุ 24 ปี เป็นจำเลย จากเหตุรุนแรงบริเวณไอทีสแควร์หลักสี่ เมื่อครั้ง กปปส.นำมวลชนเดินทางไปขัดขวางการเลือกตั้ง โดยศาลพิพากษาลงโทษทุกกระทงความผิดรวม 37 ปี 4 เดือน
ทั้งนี้ ภรรยาจำเลย และพ่อจำเลยซึ่งประกอบอาชีพทำไร่และรับจ้างเดินทางมาจากพิษณุโลก รวมถึงเพื่อนจำเลยอีก 5-6 คน เข้าร่วมฟังคำพิพากษา ท่ามกลางสื่อมวลชนจำนวนมาก โดยศาลเริ่มอ่านคำพิพากษาล่าช้ากว่าเวลานัดหมายประมาณ 3 ชม. หลังฟังคำพิพากษา ภรรยาจำเลยร่ำไห้และเป็นลม ขณะที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวจำเลยกลับเรือนจำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลวินิจฉัยตามหลักฐานที่ตำรวจนำสืบ โดยหลักคือภาพจากกล้องวงจรปิด ภาพเคลื่อนไหวในอินเทอร์เน็ต การรับสารภาพและชี้จุดเกิดเหตุของจำเลยในชั้นสอบสวน การให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวของจำเลยก่อนจะกลับคำรับสารภาพในชั้นศาล ทำให้เชื่อได้ว่าจำเลยกับพวกรวม 22 คนได้ใช้อาวุธร้ายแรงยิงต่อสู้กับฝ่ายสนับสนุนการเลือกตั้ง โดยจำเลยนำถุงข้าวโพดเหลืองเขียวคลุมอาวุธไว้ และยิงโดยมีเจตนาฆ่าฝ่ายตรงข้าม และเล็งเห็นผลได้ว่าอาจทำให้ประชาชนและผู้เสียหายทั้งสี่ถึงแก่ชีวิต แม้ไม่ได้ความว่าผู้เสียหายถูกจำเลยยิงแต่เมื่อฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกกระทำการดังกล่าวจึงต้องรับผิดการกระทำของพวกจำเลยเช่นกัน จึงพิพากษาให้มีความผิดตามฟ้อง แต่เนื่องจากคำให้การจำเลยเป็นประโยชน์จึงลดโทษให้ 1 ใน 3
ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น จากลงโทษจำคุกตลอดชีวิต เหลือจำคุก 33 ปี 4 เดือน
ข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน จากลงโทษจำคุก 3 ปี เหลือจำคุก 2 ปี
ข้อหาพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะฯ จากลงโทษจำคุก 3 ปี เหลือจำคุก 2 ปี
ทนายจำเลยกล่าวว่า จะมีการอุทธรณ์คดีในขั้นต่อไป และจัดเตรียมหลักทรัพย์สำหรับประกันตัว 3.7 ล้านบาทซึ่งเป็นวงเงินที่ค่อนข้างสูง จึงยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะดำเนินได้เมื่อไร
อัยการโจกท์ฟ้องในความผิดฐานร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำอาวุธปืนออกนอกเคหสถานภายในพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ขอให้ลงโทษตาม ป.อาญา มาตรา 288, 371, พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ. 2548 ม.5, 6, 11, และ 18
อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2557 สรุปพฤติการณ์จำเลยว่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกได้มีปืนเล็กยาวไม่ทราบชนิดและขนาด ติดตัวไปที่ทางแยกหลักสี่ เขตหลักสี่ พื้นที่ประกาศให้เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และยิงปืนเข้าไปในอาคารศูนย์การค้าไอทีสแควร์ จน น.ส.สมบุญ สักทอง ผู้เสียหายที่ 1 นายอะแกว แซ่ลิ้ว ผู้เสียหายที่ 2 นายนครินทร์ อุตสาหะ ผู้เสียหายที่ 3 และนายพยนต์ คงปรางค์ ผู้เสียหายที่ 4 ได้รับอันตรายสาหัส เเละเป็นเหตุให้นายอะเเกว ผู้เสียหายที่ 2 เสียชีวิตภายในระยะเวลาต่อมา