เลขาธิการ กปปส. เผยมติที่ประชุมแกนนำทั่วประเทศ รอสัญญาณจากคำตัดสิน ป.ป.ช. - ศาล รธน. เตรียมระดม กปปส. สู้ขั้นเผด็จศึกให้รู้แพ้-ชนะใช้เวลา 15-20 วัน เมื่อได้อำนาจอธิปไตยแล้วจะเป็นรัฏฐาธิปัตย์ จะตั้งนายกรัฐมนตรีและ ครม ตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ไม่มีนักการเมืองปน และจะเริ่มปฏิรูปตามแนวทาง กปปส.
สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ปราศรัยเมื่อคืนวันที่ 5 เม.ย. ที่เวที กปปส. สวนลุมพินี ชี้แจงมติแกนนำ กปปส. ทั่วประเทศ ที่หารือกันในช่วงกลางวันที่ผ่านมา (ที่มา: Blue Sky Channel)
5 เม.ย. 2557 - ภายหลังการประชุมแกนนำ กปปส. ทั่วประเทศ มีตัวแทนเข้าร่วม 1,800 กลุ่มเมื่อช่วงเช้านั้น ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 21.59 น. ที่เวที กปปส. สวนลุมพินี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ปราศรัยสรุปมติของการประชุมแกนนำ กปปส. อีกครั้ง
โดยสุเทพกล่าวถึงมติว่า "เราตกลงกันว่าทุกเครือข่ายของ กปปส.หลังจากกลับจากการประชุมใหญ่ครั้งพิเศษวันนี้แล้ว ให้กลับไปรวบรวมกำลังผู้ที่รักชาติ รักแผ่นดิน เช็คจำนวนไว้ให้ชัดเจนว่า แต่ละเครือข่าย แต่ละพื้นที่มีจำนวนสักเท่าไร และใครบ้างสามารถเดินทางมาร่วมกิจกรรมในวันเผด็จศึก ให้คัดเลือกดูคนที่สุขภาพดี แข็งแรง เป็นหญิงเป็นชาย เป็นหนุ่มเป็นสาว ให้ตรวจสอบกันให้ดีก่อนว่าสุขภาพดีแข็งแรง"
"และให้เตรียมตัวสะสางภารกิจส่วนตัวให้เรียบร้อย เพราะการออกมาต่อสู้คราวนี้ จะเป็นการต่อสู้ขั้นเผด็จศึก ออกมาสู้คราวนี้ อาจจะต้องใช้เวลาการต่อสู้ยืดเยื้อมากกว่า 15 วัน ไม่ใช่มาชุมนุมวันเดียวแล้วกลับ ไม่ใช่มาเดินขบวนวันเดียวแล้วกลับ ออกมาเที่ยวนี้ไม่ยอมกลับบ้านมือเปล่าแล้ว ต้องรู้ดีรู้ชั่วกันไปเลย แพ้หรือชนะให้รู้กันไปเลย"
"ออกมาคราวนี้ไม่มีคำว่าเจ๊า ไม่มีคำว่าเสมอตัว ชนะหรือแพ้เท่านั้น พอแล้ว สู้มาครึ่งปีแล้ว สู้อะไรกันหนักหนา มันถึงเวลาต้องเผด็จศึกกันแล้ว จะได้กลับไปทำมาหากินกันเสียที"
"เพราะฉะนั้น มติคณะกรรมการแกนนำ 1,800 เครือข่ายลงมติเป็นเอกฉันท์ สู้คราวนี้ยึดอำนาจอธิปไตยของประชาชนคืนกลับมาจากนางดอกไม้ให้ได้ และเราจะประกาศความเป็นรัฏฐาธิปัตย์ของเรา เราจะตั้งรัฐบาลของประชาชน จัดให้มีสภานิติบัญญัติของประชาชนแล้วลงมือปฏิรูปประเทศไทยโดยทันที นี่คือมติสำคัญของที่ประชุมในวันนี้"
"ที่ต้องใช้เวลาเพราะเราต่อสู้อย่างสันติ อหิงสา ไม่ใช้อาวุธ ไม่ใช้ความรุนแรง ใช้แต่หัวใจที่รักชาติ รักแผ่นดิน เราจึงต้องการกำลังทุกส่วน ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นที่พี่น้องประชาชน คนธรรมดา หรือข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร ถ้าใครมีใจรักชาติรักแผ่นดินเช่นเดียวกับเรา คราวนี้ต้องออกมาให้หมดทุกคนเพราะเป็นนัดเผด็จศึก"
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า "เราได้มีมติกันว่าทุกเครือข่ายเสร็จจากการประชุมวันนี้ กลับไปเตรียมตัวรอฟังเสียงนกหวีด จะเป็นเสียงนกหวีดครั้งสำคัญ เป่านกหวีดคราวนี้ถ้าทำได้สำเร็จพี่น้องมวลมหาประชาชนมากันครบหมด เราก็จะยึดอำนาจอธิปไตยของเราคืนกลับมาเป็นของปวงชนชาวไทยได้สำเร็จ และเราก็จะได้กลับบ้านไปบอกลูก เมีย ญาติพี่น้อง ว่าการต่อสู้ของมวลมหาประชาชน จบลงด้วยชัยชนะเป็นของมวลมหาประชาชน"
"แต่ถ้าเราสู้แล้วแพ้ กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ จะเดินไปมอบตัวหยุดสู้ ยอมแพ้มันเลย เพราะฉะนั้นการต่อสู้คราวนี้ ทุบหม้อข้าวกันแล้วครับ ผมจึงได้กราบเรียนว่ามติของมวลมหาประชาชนคราวนี้ต้องยืมคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาใช้ ว่ามาคราวนี้ไม่กลับอีกแล้ว ถ้าแพ้ก็เข้าคุกไปเลย ยกประเทศให้พวกมัน แต่เรามั่นใจว่าทุกครอบครัวของมวลมหาประชาชนจะออกกันมาหมดไม่เหลือใครเฝ้าบ้านอีกต่อไป เพราะสู้คราวนี้ เราไม่ต้องการเหลือใจไว้ให้เสียใจอีกต่อไป เราจะทุ่มเทกำลังทั้งมวล ถ้าแพ้ก็ไม่ต้องเสียใจเพราะเราออกมาหมดแล้ว พี่น้องที่เคารพทั้งหลายครับ มันจะเป็นการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมหาประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดิน และเราได้บอกให้ทุกคนทำใจให้บริสุทธิ์ เพราะเราไม่ได้สู้เพื่อประโยชน์ของใคร ทั้งนักการเมือง ทั้งพรรคการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น แต่เราสู้เพื่อประเทศไทยและแผ่นดินไทยของทุกคน"
"มติวันนี้ ของคณะกรรมการเครือข่ายทั้ง 1,800 เครือข่ายจึงเป็นมติที่มีความหมาย มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นมติที่ชี้อนาคตของประเทศไทยอย่างแท้จริง จะได้รู้กันเสียทีว่าประเทศไทยนี้เป็นของปวงชนชาวไทย ไม่ใช่ของคนตระกูลชินวัตรและสมุนบริวารขี้ข้าของมัน เราได้ประกาศชัดเจนว่าถ้าจนถึงวันนั้น ระบอบทักษิณยังดื้อด้านไม่ยอมส่งมอบคืนระบอบประชาธิปไตย ไม่ยอมส่งมอบคืนอำนาจอธิปไตยให้ปวงชนชาวไทย วันที่เราชนะ เราได้เป็นรัฎฐาธิปัตย์ คำสั่งสำคัญของเราคือยึดทรัพย์ตระกูลชิน เราจะเอาทรัพย์สินตระกูลชินไปใช้หนี้ชาวนา 1.2 แสนล้านบาท ทันที"
"การต่อสู้นัดสุดท้ายนี้จึงเป็นการต่อสู้ที่สำคัญ เราจึงจำเป็นต้องถามความเห็นของแกนนำเครือข่ายทั้ง 1,800 เครือข่าย และทั้งหมดลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าต้องถึงวันเผด็จศึกกันแล้ว แพ้ชนะให้รู้เรื่องกันไปเลยกับการต่อสู้นัดสำคัญครั้งนี้"
"พี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย หลังการประชุมคราวนี้ทุกเครือข่ายจึงจะต้องไปทำงาน เตรียมตัว เตรียมเสบียง เสื้อผ้า เตรียมใจที่จะมาอยู่ต่อสู้ อาจจะต้องใช้เวลาหลายวัน 15 วัน 20 วันขึ้นกับสถานการณ์ในขณะนั้น แต่ถ้าเราโชคดีอาจจะวันเดียว 3 วัน 5 วันเสร็จเรียบร้อยก็เป็นได้ อยู่ที่จำนวนของมวลมหาประชาชน นอกจากกำลังของมวลมหาประชาชนแล้ว ก็คือกำลังของข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร การประกาศของเราวันนี้ เพื่อให้โอกาสพี่น้องข้าราชการ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร เตรียมเนื้อตัวเช่นเดียวกับมวลมหาประชาชน ถึงวันที่มวลมหาประชาชนออกมาพร้อมกันครั้งนี้ ข้าราชการต้องตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ข้างระบอบทักษิณต่อไป หรือจะอยู่ข้างมวลมหาประชาชน รู้กันวันนั้นแหละ นี่จึงเป็นการประชุมครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์การต่อสู้ของมวลมหาประชาชน"
สุเทพปราศรัยด้วยว่า "ส่วนวันที่ว่าจะประมาณเมื่อไร ในที่ประชุมวันนี้ได้พูดชัดเจนว่าจะมีอยู่ 2 ช่วงจังหวะ ไม่ทราบอะไรมาก่อนหรือหลังระหว่างการชี้มูลความผิดของยิ่งลักษณ์ โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.หรือการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเราจะให้มวลมหาประชาชนรอฟังสัญญาณจาก กปปส. ส่วนกลาง ส่วนกลางจะเป็นคนส่งสัญญาณ ถ้าหากว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่านางดอกไม้และคณะใช้อำนาจหน้าที่ไปโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าให้ยิ่งลักษณ์พ้นหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ถ้าการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นอย่างนี้ วันนั้นคือวันที่มวลมหาประชาชนจะริบคืนอำนาจอธิปไตยมาเป็นของมวลมหาประชาชน มาเป็นของปวงชนชาวไทย ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 ทันที และไม่ต้องมาโต้แย้งในข้อกฎหมาย วันที่เราเอาอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยกลับคืนมา วันนั้นคือวันที่พวกเราเป็นรัฏฐาธิปัตย์"
"ใครจะเรียกว่าประชาอภิวัฒน์ ประชาภิวัฒน์ หรือปฏิวัติประชาชน ก็เชิญเรียกเอาได้ตามใจชอบ แต่ความหมายก็คือว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยแล้ว เราจะใช้อำนาจนี้ในการจัดการ เริ่มตั้งแต่การแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี การจัดให้มีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งเป็นสภาของประชาชน ไม่มีนักการเมืองและพรรคการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ได้หุ้นทั้งใน ครม. และในสภา แล้วจะให้รัฐบาลของประชาชน และสภานิติบัญญัติของประชาชน ร่วมมือกันปฏิรูปประเทศไทย ตามเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ให้เป็นที่มั่นใจได้ว่าได้แก้ไขข้อกฎหมาย รัฐธรรมนูญ ทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นระบบการเมือง ระบบพรรคการเมือง ระบบการเลือกตั้ง ให้มั่นใจได้ว่า การเมืองต่อจากนี้ จะเป็นการเมืองของคนดี ไม่มีช่องให้คนชั่วเข้ามาแสวงหาอำนาจ ยึดครองอำนาจประเทศไทย เหมือนระบอบทักษิณอีกต่อไป โดยเด็ดขาด"
"รวมทั้งเราจะปฏิรูปส่วนอื่นๆ ทั้งเรื่องป้องกัน ปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชั่น ทั้งเรื่องของการคืนอำนาจให้ประชาชนแต่ละจังหวัด ได้เลือกผู้บริหารจังหวัด ดูแลงบประมาณการพัฒนาจังหวัดตนเองโดยยุติธรรม รวมไปถึงการปฏิรูปเรื่องอื่นๆ อย่างที่เราพูดจากันมาหลายครั้งแล้ว เราได้ระดมกันมาทั้งความคิดอ่าน ได้ข้อสรุปเรียบร้อย มีพิมพ์เขียวในมือแล้ว รอวันที่ประชาชนได้อำนาจคืนมาโดยสมบูรณ์ เราจะเดินหน้าทำสิ่งเหล่านี้ เพื่อชาติ เพื่อแผ่นดินได้ทันที เราก็จะรอ รอสัญญาณสุดท้าย ตามสถานการณ์ดูว่าเรื่องไหนมาก่อน และจังหวะไหนเหมาะสม ที่เราจะได้ประกาศวันดีเดย์ ของมวลมหาประชาชน"
"การประชุมแกนนำเครือข่ายของ กปปส. ทั้ง 1,800 เครือข่ายวันนี้ จึงเป็นคำตอบที่ชัดเจน สำหรับพี่น้องประชาชนคนไทย ทุกภาคของประเทศ จะได้เห็นเป้าหมายชัดเจนของการต่อสู้ของมวลมหาประชาชน ที่ทุ่มเทต่อสู้มาด้วยความเสียสละอดทน ต่อเนื่องมาจนขึ้นเดือนที่ 6 จะได้ไม่ต้องสงสัยกันอีกต่อไปว่าการต่อสู้ของมวลมหาประชาชนจะจบลงเมื่อไหร่ วันนี้ได้คำตอบแล้ว ชัดเจนแล้ว ว่าเสียงนกหวีดครั้งต่อไป เป็นเสียงนกหวีดขั้นสุดท้ายของมวลมหาประชาชน"
"มติของมวลมหาประชาชนอีกข้อหนึ่งในวันนี้คือ เมื่อมวลมหาประชาชนได้รับชัยชนะ อำนาจอธิปไตยมาเป็นของประชาชน ประชาชนเป็นรัฏฐาธิปัตย์แล้ว จัดตั้งรัฐบาลของประชาชนได้แล้ว จัดตั้งสภานิติบัญญัติของประชาชนได้แล้ว เรามวลมหาประชาชนก็กลับบ้าน ไปทำหน้าที่เป็นประชาชนคนธรรมดาสามัญเหมือนเดิม ไม่มีใครเข้าไปร่วมในคณะรัฐบาลที่เราจะตั้งขึ้น เพราะเราต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตน ไม่ได้ต่อสู้เพื่อยศฐาบรรดาศักดิ์ แต่สู้เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน ทำหน้าที่ประชาชนของประเทศ คือขจัดระบอบทักษิณที่เป็นภัยต่อชาติ ต่อแผ่นดิน ให้หมดสิ้นจากประเทศไทย นั่นถือว่าจบภารกิจมวลมหาประชาชน แล้วเราได้มีมติชัดเจนว่า กปปส. มวลมหาประชาชน จะไม่ตั้งพรรคการเมือง จะไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง เราจะกลับไปเป็นประชาชนธรรมดา ไม่ให้ใครเอาชื่อ กปปส. หรือชื่อของมวลมหาประชาชน ไปแอบอ้างใช้ประโยชน์ แข่งขันทางการเมืองต่อไป เราทั้งหลายตกลงในวันนี้ว่า กลับบ้าน แต่เก็บนกหวีดเอาไว้ จะรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนด้วยกัน ที่ประกอบกันขึ้นเป็นมวลมหาประชาชน กปปส. วันไหนชาติมีภัย วันไหนรัฐบาลบิดพริ้ว ไม่ทำตามมติของมวลมหาประชาชน เราจะเป่านกหวีดใหม่ แล้วมาจัดการด้วยมือประชาชนอีกครั้งหนึ่ง"
สุเทพปราศรัยด้วยว่า มติของพวกเราในวันนี้มีความชัดเจน ตอบคำถามทุกคำถามได้ครบถ้วน และต่อไปนี้ เราไม่สนใจ ว่าจะมีใครวิพากษ์วิจารณ์เราอย่างไร เราจะเดินหน้า ด้วยความทุ่มเทเสียสละ ด้วยความสามัคคีของมวลมหาประชาชนทำภารกิจขจัดระบอบทักษิณ จัดการให้มีการปฏิรูปประเทศไทย เปลี่ยนแปลงประเทศไทย ให้เป็นประเทศปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นความชัดเจนไม่ต้องอธิบายอีกแล้ว"
"เมื่อมีมติดังนี้ขอให้พี่น้องประชาชนชาวไทยเจ้าของประเทศ เช่นเดียวกับมวลมหาประชาชน ครุ่นคิดพิจารณาตัดสินใจเอาเอง ว่าจะออกมาผนึกกำลังร่วมกันต่อสู้หรือไม่ เป็นดุลยพินิจของท่าน แต่พวกเราทั้งหลายแน่วแน่แล้ว เราจะเดินตามแนวทางนี้ และไม่มีวันเปลี่ยนแปลงจนถึงวันเผด็จศึก ให้รู้กันว่าแพ้หรือชนะ จบกันแค่นั้น"
สุเทพกล่าวถึงมติ กปปส. ข้ออื่นๆ ด้วยว่า ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไปจะคืนสถานที่ราชการให้ข้าราชการ ได้กลับไปทำราชการตามปกติ มีข้อแม้ว่าข้าราชการที่กลับไปยังกระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ จะทำงานเฉพาะส่วนที่เป็นการบริการประชาชนเท่านั้น ไม่รับคำสั่ง นโยบายจากระบอบทักษิณอีกต่อไป
"ทุกส่วนราชการต้องยินยอมให้มวลมหาประชาชนติดป้าย ว่าจะร่วมมือในการต่อสู้เพื่อปฏิรูปประเทศไทย ร่วมกับมวลมหาประชาชน ปลดป้ายเราลงไม่ได้เด็ดขาด ที่เราทำอย่างนี้ เพราะเราเห็นใจพี่น้องข้าราชการ ทุกวันนี้ เมื่อไปทำงานกระทรวงไม่ได้ ไปทำงานที่กรมไม่ได้ ถูกสมุนของฝ่ายระบอบทักษิณบังคับให้ไปทำงานในสถานที่ไกลๆ ลำลูกกาบ้าง ปทุมธานีบ้าง นครปฐมบ้าง ทำให้พี่น้องข้าราชการชั้นผู้น้อยลำบาก เราปิดกรุงเทพฯ พี่น้องยอมเสียสละความสบาย มีปัญหาจราจร เพราะเห็นแก่มวลมหาประชาชน ข้าราชการก็ได้รับผลกระทบ แต่นางดอกไม้และคณะไม่เห็นใจความทุกข์ยากของประชาชนกรุงเทพฯ และข้าราชการชั้นผู้น้อย จึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะแก้ปัญหานี้ และนั่นคือเหตุผลที่เราเปิดกรุงเทพฯ คืนพื้นที่จราจรให้พี่น้องกรุงเทพฯ และสัปดาห์ต่อไปนี้ คืนสำนักงาน กรม กอง กระทรวง ให้กับพี่น้องข้าราชการ แต่ไม่คืนให้รัฐมนตรี เปิดแล้ว ห้ามรัฐมนตรีเข้ากระทรวงโดยเด็ดขาด"
"เราหวังเป็นที่สุดว่าพีน้องข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรมจะได้เข้าใจเจตนารมย์ของมวลมหาประชาชนและร่วมมือเช่นเดียวกับข้าราชการกระทรวงสาธารสุข และหวังว่าเมื่อพี่น้องข้าราชการกลับสู่ที่ทำงานตามปกติตั้งแต่วันอังคารหน้าเป็นต้นไป จะได้ไปปรึกษาหารือกันในการเข้าร่วมกับมวลมหาประชาชน และเราก็จะไปได้ไปเยี่ยมพี่น้องข้าราชการกระทรวงทบวงกรมต่างๆ และจะได้ชี้แจงตอบปัญหาถ้าพี่น้องข้าราชการมีความประสงค์จะซักถาม นี่คือสิ่งที่มวลมหาประชาชนจะปฏิบัติในช่วงสัปดาห์หน้า เราจะไปทุกกระทรวง ทบวง กรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการเหล่าทัพทุกเหล่าทัพเพื่อไปอธิบายให้ได้เข้าใจ และให้ใช้ดุลยพินิจตัดสินใจได้โดยอิสระ"