“เนวิน” ฟันธงทั้ง “ยิ่งลักษณ์-อภิสิทธิ์” ไม่มีโอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรีทั้งคู่ แม้เพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง ย้ำเป็นเรื่องของผู้มีอำนาจในประเทศว่าจะเลือกใคร “อภิสิทธิ์” หยันคู่แข่งคุยได้ 270 เสียง ถามหากได้ขนาดนั้นจะทอดสะพานหาพรรคร่วมรัฐบาลทำไม กอ.รมน. ยอมรับแล้วส่งชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่ แต่ยืนยันไปทำเรื่องยาเสพติด ไม่เกี่ยวกับการเมือง ปฏิเสธยุบศูนย์ติดตามสถานการณ์เพราะยังจำเป็นต้องหาข่าวด้านความมั่นคง แกนนำเพื่อไทยแฉซ้ำใช้ข้ออ้างเรื่องยาเสพติดไปข่มขู่ประชาชนให้สนับสนุนบางพรรค เตรียมร้อง กกต. สอบซื้อบัตรประชาชนใบละ 1,500-2,000 บาท หวั่นถูกใช้เวียนเทียนลงคะแนน หลังพบพิมพ์บัตรเลือกตั้งปลอมรอไว้แล้ว 3 ล้านใบ
กระแสข่าวเรื่องหากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และหากพรรคประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้งถึงจะรวมเสียงข้างมากในสภาได้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ก็จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีมีความน่าเชื่อมากขึ้นอีกระดับหนึ่งเมื่อนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ออกมาให้สัมภาษณ์ไปในทิศทางดังกล่าว
พท. ได้ 200 ปชป. ได้ 160 ที่นั่ง
นายเนวินระบุว่า เมื่อดูจากผลสำรวจของโพลต่างๆ คาดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส. ประมาณ 160 คน พรรคเพื่อไทยจะได้ประมาณ 200 กว่าคน แต่จะไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ตัวแปรขณะนี้คือกลุ่มพลังเงียบที่ยังไม่ได้ตัดสินใจทางการเมืองที่มีกว่า 50% ช่วงเวลาที่เหลือพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ต้องชิงเสียงจากคนกลุ่มนี้ให้ได้มากที่สุด
“ยิ่งลักษณ์” ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
“หากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งจริง น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะคงไม่สามารถฝืนกระแสสังคมได้ เนื่องจากจะทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นมาอีกครั้ง เหตุการณ์จะย้อนไปเหมือนสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผลักดันนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อถึงเวลา พ.ต.ท.ทักษิณอาจต้องเลือกคนอื่น ที่ชู น.ส.ยิ่งลักษณ์ขึ้นมาเพื่อเรียกคะแนนให้พรรคเพื่อไทยให้มากที่สุด เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองเท่านั้น”
“อภิสิทธิ์” ก็กินแห้วอดเหมือนกัน
นายเนวินกล่าวอีกว่า นายอภิสิทธิ์คงไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี หากแพ้การเลือกตั้งเชื่อว่าจะแสดงสปิริตออกซ์ฟอร์ดลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค คงไม่อยู่ในตำแหน่งต่อไป เพราะนายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค สร้างบรรทัดฐานเอาไว้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าใครจะมาเป็นนายกฯ นายเนวินกล่าวว่า ไม่ทราบ ใครมีอำนาจก็จัดการกันไป เป็นเรื่องของคนที่มีอำนาจ
ปชป. หวังดึงเสียงพลังเงียบ
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยอมรับผลโพลของสำนักต่างๆเพื่อนำมาปรับปรุงแนวทางของพรรคในช่วงเวลาที่ยังเหลืออยู่ก่อนเลือกตั้ง
“ผลโพลเป็นแค่ความคิดของประชาชนในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เมื่อเวลาเปลี่ยนไปผลก็เปลี่ยนตามข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ ที่สำคัญคือผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่ามีอีกกว่า 50% ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจทางการเมือง ใครดึงคนกลุ่มนี้ให้สนับสนุนได้ก็จะชนะ เวลาที่เหลือพรรคจะพยายามสื่อให้ประชาชนเห็นว่าจะเลือกคนของพรรคเข้าไปทำงานหรือยอมให้เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง การสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนเกิดขึ้นอีก”
“ชุมพล” หนุนนิรโทษกรรม
นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา สนับสนุนการนิรโทษกรรม แต่ต้องยกโทษให้เฉพาะความผิดทางการเมืองเท่านั้น เพราะเป็นความผิดที่ไม่สมเหตุสมผล ส่วนความผิดทางอาญาต้องว่ากันไปตามกฎหมาย
“การเลือกตั้งเมื่อปี 2550 มีผู้สมัครของพรรคชาติไทยได้ใบแดง ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรค ตัดสิทธิกรรมการบริหารอีก 44 คนที่ไม่เกี่ยวข้อง เรื่องแบบนี้ถือว่าเป็นความอยุติธรรม เป็นต้นเหตุของวิกฤตการเมืองที่มีมาจนถึงปัจจุบัน” นายชุมพลกล่าวและว่า การคืนความเป็นธรรมจะออกกฎหมายปรกติไม่ได้ ต้องแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 237 ส่วนการนิรโทษกรรมที่พูดกันตอนนี้ส่วนมากเป็นเรื่องทางอาญา หากจะทำต้องไม่เฉพาะเจาะจงว่าทำเพื่อใคร แต่ต้องทำในภาพรวม หากอยากให้บ้านเมืองสงบต้องปราศจากอคติ อย่าไปมองว่าทำอะไรเพื่อคนคนเดียว
“มาร์ค” ทุกนโยบายทำได้จริง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า ทุกนโยบายที่ใช้หาเสียงทำได้จริง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มค่าจ้าง 25% ต่อยอดการศึกษาฟรี 15 ปี เพิ่มเงินกู้ยืมเรียนปริญญาตรี
นายอภิสิทธิ์ย้ำว่า ไม่สนับสนุนการนิรโทษกรรม เพราะไม่เชื่อว่าจะทำให้เกิดความปรองดอง การจะแก้ความขัดแย้งต้องเอาคนที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียมาคิด หากให้คนที่มีส่วนได้ส่วนเสียทำปัญหาไม่จบ
ต้องไม่ล้างผิดเพื่อปรองดอง
“ประเด็นสำคัญคือความปรองดองต้องไม่เริ่มต้นด้วยการล้างความผิด เพราะจะไม่จบ หากอยากให้บ้านเมืองสงบต้องเคารพกติกา รักษากฎหมาย เรื่องกระบวนการยุติธรรมหากเห็นว่าตรงไหนบกพร่องต้องแก้จุดนั้น” นายอภิสิทธิ์กล่าวและว่า หากมุ่งล้างความผิดให้ใครบ้านเมืองจะวุ่นวายขึ้นมาอีก ทางที่ดีควรมุ่งแก้ปัญหาให้ประชาชนก่อน ดังนั้น ประชาชนต้องพิจารณาว่าจะเลือกนักการเมืองเข้าไปทำอะไร
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า การเมืองวันนี้ไม่ได้ต่อสู้กันเฉพาะพรรค แต่เราต่อสู้กับเครือข่าย อย่างพรรคเพื่อไทยจะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดงคงไม่ได้ เพราะแกนนำลงสมัคร ส.ส. เกือบหมด และอยู่ในลำดับที่ 1-10 ด้วย บางคนอาจได้เป็นรัฐมนตรีหากได้เป็นรัฐบาล แต่เวลาที่คนของเขามาสร้างความปั่นป่วนก็ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยว หรือบอกว่าเป็นแดงปลอม
ยกตัวเองเป็นนักประชาธิปไตย
“ผมเป็นนักประชาธิปไตย พรรคประชาธิปัตย์อยู่คู่กับระบอบประชาธิปไตยของไทยมาตลอด เราเคารพและมั่นใจในการตัดสินใจของประชาชน” นายอภิสิทธิ์กล่าวและว่า ไม่ได้เป็นห่วงผลสำรวจของสำนักต่างๆที่ชี้ว่าพรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำพรรคประชาธิปัตย์ เพราะยังมีประชาชนอีกครึ่งหนึ่งที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร คะแนนที่พรรคเพื่อไทยนำอยู่ก็ไม่ได้ห่างแค่ 4-5% เท่านั้น ส่วนที่พรรคเพื่อไทยอ้างว่าทำโพลสำรวจเองได้ ส.ส. 270 เสียงนั้น ไม่มีโพลสำนักไหนยืนยันตัวเลขนี้ ส่วนตัวไม่เชื่อตัวเลขนี้ เพราะหากเขามั่นใจว่าจะได้ 270 เสียงจะมาเสียเวลาคิดเรื่องพรรคร่วมรัฐบาลทำไม ได้ขนาดนั้นไม่ต้องคิดแล้ว
พท. ยันมีทหาร-ตำรวจลงพื้นที่
นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาคกรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า พรรคยังตรวจสอบทหาร ตำรวจสนธิกำลังกันไปในพื้นที่ โดยอ้างคำสั่ง ปส.315 กวาดล้างยาเสพติด แต่ที่พบกลับเน้นเฉพาะพื้นที่ที่พรรคมีคะแนนนำอยู่ เช่น เขตหนองจอก
“ประชาชนในหมู่บ้านทรัพย์เจริญ เขตหนองจอก ร้องเรียนมา ที่บอกว่าไปตรวจหายาเสพติดไม่จริง เพราะเขาบอกว่ามีการข่มขู่ให้สนับสนุนพรรคการเมืองบางพรรค ผมจะทำเรื่องร้องเรียนกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้แจ้งผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ถอนกำลังออกมา และให้ยกเลิกคำสั่ง ปส.315 ออกไปก่อน”
พบซื้อบัตรประชาชน
นายวิชาญกล่าวอีกว่า นอกจากปัญหาเจ้าหน้าที่ไม่เป็นกลางแล้ว ยังพบการซื้อเสียงในเขตคันนายาว มีนบุรี ที่มีการเปิดรับสมัครสมาชิกพรรคการเมืองหนึ่ง ให้ค่าสมัครคนละ 1,500 บาท นอกจากนี้ยังมีการซื้อบัตรประชาชนในบางพื้นที่ ให้ค่าตอบแทนใบละ 1,500-2,000 บาท เกรงว่าจะถูกเอาไปใช้เวียนเทียนลงคะแนน เพราะทราบมาว่ามีกระบวนการพิมพ์บัตรเลือกตั้งปลอมรอไว้แล้วกว่า 3 ล้านใบ ซึ่งมีผลเท่ากับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 10 คนเลยทีเดียว กกต. ต้องตรวจสอบเรื่องนี้โดยด่วน
กอ.รมน. ยืนยันไม่ยุ่งการเมือง
พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) แถลงว่า พรรคเพื่อไทยพยายามเชื่อมโยง กอ.รมน. ไปเกี่ยวกับการเมืองเพื่อให้เกิดความขัดแย้ง แต่จะไม่ตอบโต้ ยืนยันว่า กอ.รมน. ไม่มีหน้าที่ทำสิ่งผิดกฎหมาย และไม่ใช่เรื่องที่จะต้องทำ
“ยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ลงไปทำอะไรตามหมู่บ้านเกี่ยวกับการเลือกตั้ง แต่อาจมีคนที่เสียประโยชน์จากการปฏิบัติของชุดเฉพาะกิจ 315 (ฉก.315) เรื่องยาเสพติดให้ข่าวเพื่อให้ประชาชนเกิดความสับสน พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ กอ.รมน. กำชับอย่างหนักแน่นในที่ประชุมให้เจ้าหน้าที่ที่จะลงไปทำงานในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นชุด ฉก.315 ที่ดูแลเรื่องยาเสพติด หรือที่ลงไปทำงานอื่นๆ ให้ระวังอย่าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง หรือทำอะไรให้ใครเอาไปแอบอ้างเพื่อประโยชน์ทางการเมือง”
ยังไม่ยุบศูนย์ติดตามสถานการณ์
พล.ต.ดิฏฐพรกล่าวอีกว่า จะยังไม่มีการยกเลิกหรือปิดศูนย์ติดตามสถานการณ์ (ศตส.) แม้ตำรวจจะไม่เสนอต่อการใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพราะเป็นคนละส่วนกันกับศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) เนื่องจาก ศตส. ตั้งตามหมวด 1 ของ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ แต่ ศอ.รส. ตั้งตามหมวด 2 ศตส. ยังต้องทำงานด้านการข่าวเพื่อติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ที่จะกระทบต่อความมั่นคงต่อไป ยืนยันว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการเมือง และ กอ.รมน. ก็ไม่เคยทำโพลสำรวจทางการเมืองตามที่มีการนำไปกล่าวอ้าง
************************** |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น