วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554


ชั่วเพราะสันดานหรือชั่วเพราะหลงผิด

            โลกเรามี 2 เสมอ มีสว่างมีมืด มีขาวมีดำ มีดีมีชั่ว มียุติธรรม มีอยุติธรรม ฯลฯ การมี 2 เสมอของโลก ถ้านำไปสู่หลักธรรมที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ก็คือ โลกธรรม 8 คือ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสรรเสริญ มีนินทา มีสุข มีทุกข์

          การที่โลกมี 2 เสมอ ทำให้เรานำข้อแตกต่างของสองฝ่ายนำมาวินิจฉัยว่าอะไรถูกอะไรผิดได้ง่าย และนำไปสู่การสรุปนำไปปฏิบัติได้ซึ่งจะนำไปพัฒนาสังคมหรือประเทศชาติให้ได้รับความเจริญทัดเทียมเช่น นานาอารยประเทศทั้งหลาย

         สำหรับประเทศไทยของเรา ซึ่งเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาอยู่ในขณะนี้ แต่การพัฒนาก็เป็นไปอย่างล่าช้า มีความก้าวหน้าในชั่วระยะหนึ่ง แต่ในขณะที่มีความก้าวหน้า แต่ก็กลับมีความถดถอยลงไปมากที่ความก้าวหน้าได้พัฒนาไว้ สถานการณ์เช่นนี้ เกิดเป็นวงจรวงเวียนอยู่ในประเทศนี้จนเกิดเป็นวงจรอุบาศก์ไปแล้ว

           เหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดวงจรอุบาทย์แก่ประเทศของเรา ประชาชนจำนวนมากภายในประเทศมีความงงงวยสงสัยว่ามันเป็นเพราะอะไร หลายปีผ่านมานับตั้งแต่มีการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงจากระบอบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย เมื่อ 24 มิถุนายน 2475 มาถึงปัจจุบัน ประเทศไทยของเราต้องตกอยู่ในวงจรอุบาทย์ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้การพัฒนาประเทศต้องหยุดชะงักไป (เรียกว่าเดิน ๆ หยุด ๆ และถอยหลัง) ความเจริญของเราตลอดเวลาที่ผ่านมา จึงมีความเจริญในด้านความเสื่อมมากกว่าความเจริญของประเทศ สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ประชาชนยอมรับไม่ได้ จึงเกิดการต่อสู้ขัดขวางโดยเกิดเป็นกระบวนการเรียกว่า “คนเสื้อแดง” มีประชาชนเข้าร่วมทั้งเปิดเผยยอมสละชีวิตและอิสรภาพพร้อมกับประชาชนที่ไม่ยอมเปิดเผย มีจำนวนเป็นสิบสิบล้านขึ้นไป และมีจำนวนเพิ่มขึ้นตลอดเวลาเชื่อว่าวันหนึ่งข้างหน้าการเข้าร่วมกับกระบวนการ “คนเสื้อแดง” จะมีมากเป็นจำนวนถึง 20 – 30 ล้านคน และสุดท้ายประชาชนจะมีมากกว่า 90 % ที่จะต้องเข้าร่วมกับกระบวนการ “คนเสื้อแดง” แน่นอน


            การณ์ที่จะเป็นตามที่กล่าวไปแล้ว เกิดจากเหตุปัจจัยเพราะประเทศไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ประกอบกับประเทศนี้เต็มไปด้วยความอยุติธรรมที่ปรากฏชัดแจ้ง ต่อสาธารณชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ด้วยเหตุปัจจัยนี้เปรียบเสมือนเป็นแม่เหล็กดึงดูดจิตใจของผู้รักความเป็นธรรมคือ ความยุติธรรม เข้าร่วมกับกระบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยและความยุติธรรม ซึ่งในปัจจุบันกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเฉพาะกลุ่มใหญ่คือ นปช. เป็นแกนนำหลักของกลุ่มคนเสื้อแดงและทุกกลุ่มต่างมีเป้าหมายคือ ต้องการประชาธิปไตยและความยุติธรรมด้วยกันทั้งนั้นเรียกว่า เป้าหมายอยู่ที่เดียวกันคือ จุดหมายปลายทางสุดท้ายที่เดียวกันนั้นเอง

           แม้วันนี้ประชาชนส่วนหนึ่งยังไม่รับรู้ และยังไม่เข้าร่วมกับกระบวนการ แต่เชื่อได้ว่าคนกลุ่มนี้จะต้องเข้าร่วมกระบวนการนี้ในวันข้างหน้าอันไม่ไกลนี้แน่นอน แต่กับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นกลุ่มที่ได้รับการยกเว้นก็คือ กลุ่มของพวกอำมาตยาและบริวารจะไม่เข้าร่วมด้วยโดยเด็ดขาด เพราะคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่กดขี่ขูดรีด และใช้อำนาจบังคับแก่ประชาชนตามอำเภอใจกันมาโดยตลอด คนกลุ่มนี้จะไม่ยอมให้เกิดประชาธิปไตยในประเทศนี้ พร้อมกับความเป็นธรรมขึ้นในประเทศ

            จากการแยกให้สังคมที่เราอยู่ร่วมกันได้ว่า มีกลุ่มที่สนับสนุนประชาธิปไตย และความยุติธรรมกับกลุ่มที่เป็นฝ่ายอำมาตยาธิปไตย และบริวารให้เห็นชัดแจ้ง ดังนั้นพฤติกรรมของทั้งสองฝ่าย จะเป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะแสดงออกซึ่งความคิดเห็น หรือจะโดยการร่วมกันคัดค้านต่อต้านในสิ่งที่ไม่มีเหตุผลหรืออะไรก็ตาม ประชาชนก็จะรู้ได้ทันทีว่า คนฝ่ายนั้นเป็นกลุ่มของฝ่ายไหน เช่น เมื่อวันจันทร์ (21 พ.ย. 54) ก็มีกลุ่มของฝ่ายอำมาตยาธิปไตยออกมาต่อต้านคัดค้านพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษของรัฐบาล โดยมีการปราศรัยของบุคคลที่เมื่อก่อนเราหลงเข้าใจว่าเขาเป็นบุคคลที่รักษาประโยชน์ของประชาชน แต่กลายเป็นว่ามิใช่ เพราะแท้จริงแล้วเขาคือพรรคพวกของอำมาตย์โดยแท้ และถ้อยคำที่เขาปราศรัยวันนั้นเป็นคำปราศรัยด้วยวาจาที่หยาบคาย ต่อนายก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งไม่มีมูลความจริงอะไร หรือมีความจริงอะไรตามที่เขากล่าวปราศรัยก็กลายเป็นว่าเป็นความเท็จทั้งหมด

          การปราศรัยเช่นนี้ พอจะพิเคราะห์ได้ว่าการปราศรัยของคนกลุ่มนี้ เป็นคนชั่วและจากพฤติการณ์ที่ผ่านมาก่อนหลายครั้ง คนกลุ่มนี้ก็กล่าวเท็จมาโดยตลอด ด้วยเหตุดังกล่าวจึงวินิจฉัยได้ว่าเขาไม่ใช่คนชั่วธรรมดา แต่เขาเป็นคนชั่วเพราะสันดานอย่างแท้จริง และจะมิใช่ชั่วเพราะหลงผิดแน่นอน

               ข้อเท็จจริง เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ (21 พ.ย. 54) กลุ่มที่ชั่วเพราะสันดานได้พากันออกมาโต้แย้งคัดค้าน ที่รัฐบาลจะออกพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษประจำปีนี้ ซึ่งพระราชกฤษฎีกาที่รัฐบาลจะนำขึ้นทูลเกล้าแด่องค์พระมาหากษัตริย์ให้ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยนี้มีมาช้านาน จนเป็นโบราณราชประเพณีไปแล้ว และรัฐบาลชุดที่แล้วก็มีพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ และรัฐบาลชุดใด ๆ ที่ผ่านมาก็กระทำเช่นนี้กันมาตลอด ก็ไม่เกิดปัญหากับใคร กลุ่มไหนแต่ประการใด


             แต่ทำไมรัฐบาลซึ่งนำโดยนายก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะออกพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ ในปีนี้จึงมีคนกลุ่มหนึ่ง ในจำนวนกลุ่มหนึ่งที่กล่าวมาแล้วเป็นการกล่าวรวมนะครับ ถ้าจะแยกให้เห็นเป็นรายบุคคลหรือกลุ่มบุคคล ก็มีหลายบุคคลและมีหลายกลุ่ม แต่เมื่อรวมแล้วมีเพียงจำนวนเล็กน้อย ไม่ได้มากมายอะไรเลย กลุ่มคนเหล่านี้ออกมาคัดค้านพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้ว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปีพุทธศักราช 2550 มาตรา 191 ได้บัญญัติไว้ว่า “พระมาหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษ”

            พวกท่านอ่านบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 191 กันบ้างหรือเปล่า เชื่อว่าอ่านเพราะเห็นมีอาจารย์ แพทย์ ฯลฯ ก็ออกมาคัดค้านกับพวกเขาด้วย ถ้าท่านอ่าน (สมมติว่าอ่านแล้วกัน) ท่านไม่ทราบจริง ๆ หรือว่าบทบัญญัติดังกล่าวของรัฐธรรมนูญที่บัญญัติไว้นั้นชัดแจ้งแล้วว่าเป็นพระราชกฤษฎีกาในการอภัยโทษ ดังที่มาตรา 191 ได้บัญญัติไว้ว่าเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์เท่านั้น แล้วพวกท่านไปยุ่งเกี่ยวอะไรด้วย การยุ่งเกี่ยวโดยออกมาคัดค้านเช่นนี้มิเข้าข่ายเป็นความผิดละเมิดพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์หรือ???ตรองดูหน่อยซิ พวกสันดานชั่วทั้งหลาย

              ความโกรธ เกลียด อาฆาตพยาบาท หรืออะไรก็ตามที่พวกเอ็งทั้งหลายมีอยู่ เป็นเสรีภาพ แต่เสรีภาพมันจะต้องไม่ไปละเมิดกระทบสิทธิของผู้อื่น ในกรณีพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษของรัฐบาลชุดนี้ ที่ท่านออกมาคัดค้านกัน เป็นการละเมิดพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์รึเปล่า จึงพิเคราะห์ได้เลยว่าพวกท่านละเมิดพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์โดยแท้


            การชุมนุมประท้วงคัดค้านเรื่องอะไรก็ได้ในฐานะที่ประเทศปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่การชุมนุมคัดค้านเรื่องอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ต้องมีเหตุผลรองรับการคัดค้าน หรือการชุมนุมประท้วง มิใช่ว่าเมื่อชุมนุมประท้วงแล้วใช้วาจาหยาบคายต่างๆนานา เหมือนเช่นการใช้วาจาเช่นนั้น เป็นของพวกที่มีจิตเป็นสัตว์เดรัจฉาน ท่านได้ด่าสาดเสียเทเสีย คำด่าของพวกท่านไม่อาจจะนำมาเขียนในบทความนี้ได้ มันหยาบคายเกินกว่ามนุษย์จะด่าว่ามนุษย์ด้วยกัน โดยเฉพาะท่านนายก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เธอไม่ได้กระทำความผิดอะไรเลย แต่ก็ถูกด่าและหาว่าเป็นกาลีบ้านกาลีเมือง พวกเอ็งทั้งหลายช่วยกันสำเหนียกด้วยว่า ถ้าเพศแม่เป็นกาลีบ้านกาลีเมือง

                     ก็คงจะมีพวกเอ็งนั่นแหละ เพราะพวกเอ็งมันมีสันดานชั่วจริงๆ
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น