วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อำมาตย์ชั่วเอาข้อหา “ล้มเจ้า” ขึ้นศาลจนได้



อำมาตย์ชั่วเอาข้อหา “ล้มเจ้า” ขึ้นศาลจนได้
ลึกแต่ไม่ลับ
ไม่ลับ แต่คนไทยคิดไม่ทัน

คิดไม่ทัน เลยกลายเป็นเสี้ยนหนามตำหัวใจรัฐบาล (ชุดนี้) อย่างไม่มีทางเลี่ยง นั้นก็คือการไต่สวนที่ศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 5-6 กรกฎาคม 2555 รวม 2 วัน เป็นการ “นำตัวผู้ต้องหา” ขึ้นศาลในข้อหาการ ใช้มาตรา 291แก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นการ ล้มล้างระบอบการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์เป็นองค์พระประมุข ?!

เป็นเล่ห์เหลี่ยมของพวกอำมาตย์ชั่วที่จะพากัน “ลาก” รัฐบาลขึ้นศาลให้ได้

เรื่องนี้นะ..มันไม่ลึกลับอะไร แต่มันลึกลับอย่างยิ่ง นั้นก็คือได้มีการกล่าวหา พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร อดีต  นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ว่าเป็นภัยต่อสถาบัน ไฝ่อยากเป็นประธานาธิบดี แล้วก็ได้กล่าวหาเลยไปถึงคนเสื้อแดงทั้งหมดว่าเป็นพวกที่ไม่จงรักภักดี ด้วยการตั้งข้อหาตาม “ภาษาตลาด” ว่าเป็นพวกล้มเจ้า
ข้อกล่าวหาทั้งหมดเป็นการกล่าวหา “นอกระบบศาล” ไม่มีโจทย์เป็นตัวเป็นตน

ไม่มีผู้ใดตกเป็นผู้ต้องหา “ล้มเจ้า” ในกระบวนการกฎหมายที่จะเอาตัวเข้าคุกได้

คนที่ติดคุกทั้งหลายที่กำลังได้รับความทุกข์ทรมานอยู่ในเรือนจำ ณ เวลานี้เป็นการถูกจองจำในข้อหา ”หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับกระบวนการล้มเจ้า

ดังนั้น ข้อหา “ล้มเจ้า” ทั้งหมด จึงเป็นเพียงการกล่าวร้ายป้ายสี อันเป็นการพูดจาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่คณะบุคคลฝ่ายตรงกันข้ามที่เป็นคู่แข่งทางการเมืองเพียงด้านเดียวเท่านั้น

กล่าวหาแล้วก็เอาเข้าคุกไม่ได้

พวกเขาจึงคิดหาหนทางใหม่ที่จะกล่าวหาแล้วเอาตัวขึ้นศาล

พยายามและแสวงหาหนทางเพื่อจะทำให้เป็น “จำเลย” ตามตัวบทกฎหมายให้ได้

พวกอำมาตย์ชั่วจึงได้ยกระดับข้อกลาวหาด้วยการถือโอกาส “ใช้วาระแก้รัฐธรรมนูญ” เอามาเป็นจุดแข็งให้แก่พรรคประชาธิปัตย์เอาไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วยข้อหาว่ารัฐบาลกำลังกระทำการอันเป็นอันตรายต่อระบอบการปกครอง จึงกล่าวหาว่าการขอแก้รัฐธรรมนูญ (ทั้งฉบับ) เป็นการล้มล้างระบอบการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์พระประมุข

แปลความโดยตรงแปลได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์กำลังตั้งข้อหากล่าวโทษรัฐบาลด้วยการกล่าวหาว่าจะล้มล้างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 รวมไปถึงการข้อกล่าวหาที่หนักและน่าสยดสยองขึ้นไปอีกว่ารัฐบาลกำลังจะล้มล้าง “ระบอบการปกครองแบบกษัตริย์” โดยจะอาศัยรัฐธรรมนูญฉบบใหม่เป็นเครื่องมือ “ล้มล้างการปกครอง” แบบปัจจุบันไปสู่ระบอบอื่น

ความพยายามของพรรคประชาธิปัตย์ได้รับความสมหวัง

สมหวัง...เพราะสามารถนำตัว “จำเลย” ขึ้นศาลได้สำเร็จ

ความสำเร็จในครั้งนี้ จะเป็นปมเงื่อนให้พวกอำมาตย์ชั่วและพรรคประชาธิปัตย์สามารถใช้เป็นเครื่องมือกล่าวโจมตรีให้พลพรรคคนเสื้อแดงได้รับความเสียหายทั้งในวันนี้และในวันข้างหน้า ยิ่งไปกว่านั้นหากปรากฏว่าการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 13 กรกฎาคม 2555 ที่จะถึงนี้ เกิดชี้ขาดอันเป็นคุณแก่ผู้ร้อง (โจทย์)แล้วละก็.. ก็จะทำให้ผู้ถูกร้อง (จำเลย) ตกเป็นเบี้ยล่างในทุกด้าน

จะเป็นเบี้ยล่างให้ถูกตามกระทืบให้ยุบพรรคเพื่อไทยขนาดนั้น

นี้เป็นความแยบยลที่ฝ่ายอำมาตย์ชั่วสามารถปั้นน้ำเป็นตัวได้สำเร็จอย่างไมน่าเชื่อ แต่ก็เป็นไปแล้วมันเป็นไปตามเส้นทางของความเพียรพยายามที่จะบ่อนทำลาย พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร ให้ย่อยยับ รวมไปถึงการบ่อนทำลายคนเสื้อแดงทั้งแผ่นดินให้พังจากความแข็งแกร่ง

ความจริงแล้ว ไม่ใช่แต่พวกอำมาตย์ชั่วและพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่พากันทำแบบนี้ ยังมีองค์กรอื่นอีกหลายหน่วยงาน ต่างพากัน “รุมฟ้อง” รุมรับเรื่องเป็นปี่เป็นขลุ่ย และสุดท้ายก็รุมซักถามแบบจะเอาให้ตกเป็นผู้ต้องหาในข้อ “ล้มล้างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” ให้จงได้

ท่านครับ ...ผมผู้เขียน (สอาด จันทร์ดี) เป็นพสกนิกรของพระเจ้าแผ่นดินในรัชกาลปัจจุบัน คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ 9 กระผมใช้สติปัญญาพิจารณาไตร่ตรองการใช้ถ้อยคำฟ้องร้องรัฐบาล ที่ไม่ได้เอ่ยพระนามของพระองค์ท่านก็ตาม


แต่ความหมายของคำว่า “ระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นองค์พระประมุข” หมายถึงพระจ้าแผ่นดินของพวกเราชาวไทยอย่างแน่นอน



จึงไม่ต้องตีความให้ลำบาก หากแต่ความหมายที่แท้จริงหมายถึงการล้มล้างองค์พระมหากษัตริย์ ให้หมดไปจากประเทศไทย ผมรู้สึกร้อนลึกเข้าไปในหัวใจ ถึงขั้นต้องรำพันว่า..มันช่างร้ายเหลือ...?!

ด้วยเหตุนี้ผมจึงว่า ลึกแต่ไม่ลับ

ในเวลาเดียวกันผมก็ว่า “ไม่ลับแต่คิดไม่ทัน”

แล้วผมก็ขอพูดจาต่อไปว่า “คิดไม่ทันเพราะคิดไม่เป็น” ?

เหตุที่คิดไม่เป็นเพราะไปหลงเชื่อว่าพวกอำมาตย์ (ชั่ว) เลิกอาฆาต...เลิกพยาบาท แล้วก็คิดไปเองว่าพวกเขาจะเมตตาปราณีคนเสื้อแดง จะยินยอมให้ประชาชนได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน

แท้ที่จริงหาใช่ไม่..?!

ความจริงก็คือพวกอำมาตย์ชั่วยังคงมองหาหนทางเอาทักษิณและคนเสื้อแดงขึ้นสู่หลักประหารโดยจะอาศัยกระบวนการศาลรัฐธรรมนูญเป็นด่านที่ 1 ซึ่งดูไม่ออกว่าด่านที่ 2 จะเป็นอย่างไร ? จะเป็นหมู่หรือจ่า ไม่อาจเดาได้เลย?!

รู้แต่ว่า สันดานอำมาตย์ชั่วไม่ยอมเปลี่ยน

ถ้าไม่ตายไปข้างหนึ่ง คงไม่เลิก...เข้าใจว่าจะเป็นอย่างนั้น ?!



“สอาด จันทร์ดี”
http://redusala.blogspot.com

1 ความคิดเห็น:

  1. ข่้าราชการโรงเรียนเสนาธิการทหารบก11 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 00:08

    ผมใช้ราชาศัพท์ไม่เป็น ตั้งแต่เกิดมาจนอายุครึ่งศตวรรษรู้ซึ้งในความมีอัจฉริยะภาพของพ่อหลวงของแผ่นดิน ตระหนักดีว่าท่านทรงงานหนักและเมตตาห่วงใยพสกนิกรของท่านเยี่ยงพ่อที่รักและห่วงลูกอย่างไม่มีข้อแม้ใดๆ การกระทำ ภาพที่เห็นพิสูจน์ได้ดี พ่อแม่ผมอายุ ๘๐ กราบไหว้ในหลวงของท่านด้วยความเคารพรักเทิดทูนเพราะท่านบอกว่าในหลวงท่านเป็นดั่งพระโสดาบัน ท่านเป็นแบบอย่างแห่งความดี ความรัก และเมตตาอันบริสุทธิ์ พ่อบอกว่าพวกเราคนไทยมีบุญและโชคดีที่มีในหลวง ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ลูกขอปฏิบัติบูชาตามรอยพระบาททรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน

    ตอบลบ