วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ถกรับมือม็อบ “เสธ.อ้าย” จ่อใช้พ.ร.บ.มั่นคงคุม
การเมือง
       วันนี้( 16 พ.ย.) ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนอัดเทปคำอาเศียรวาทถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้หารือร่วมกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.สุรศักดิ์  หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชากาทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม และขั้นตอนการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ
       โดยแหล่งข่าวด้านความมั่นคง เปิดเผยว่า ระหว่างการพูดคุย พล.อ.ธนะศักดิ์ และพล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า อยากให้ใช้กฎหมายปกติในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยไปก่อน เนื่องจากข้อมูลจากการติดตามสถานการณ์ก่อนหน้านี้ไม่พบว่ามีเหตุการณ์รุนแรง เกิดขึ้น และยังไม่พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มมือที่สามจึงมองว่า ไม่น่าจะมีการประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ แต่เมื่อผบ.ตร.ต้องการจะให้มีกฎหมายพิเศษ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่จึงไม่อยากจะขัดข้องโดยทางทหารจะไม่เข้าไป ยุ่งเกี่ยว และให้ตำรวจเป็นเจ้าหน้าที่หลักในการดูแลความเรียบร้อย โดยในวันที่ 19 พ.ย.นี้จะมีการเรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมเพื่อสรุปว่าจะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯหรือไม่ โดยเฉพาะการประเมินจากหน่วยงานด้านการข่าว เช่น สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และกองบัญชาการตำรวจสันติบาลว่าข้อมูลที่ได้รับเพียงพอที่รัฐบาลจะต้องมีการ ใช้กฎหมายพิเศษเพื่อเตรียมพร้อมและรองรับสถานการณ์หากเกิดเหตุการณ์วุ่นวาย หรือความรุนแรงเกิดขึ้น
       “เบื้องต้นหน่วยงานความมั่นคงมีความกังวลใน 3 ข้อ คือ 1. ศักยภาพของแกนนำคือ พล.อ.บุญเลิศ  แก้วประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้าย ประธานองค์การพิทักษ์สยามจะควบคุมกลุ่มมวลชนที่จะเดินทางมาชุมนุมได้หรือไม่ เพราะเท่าที่ตรวจสอบมีหลายองค์กรที่จะเข้าร่วม 2.มือที่สามที่ต้องการสร้างความวุ่นวาย และความสูญเสียให้เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นการปาระเบิด หรือยิงเอ็ม 79 3. การออกมาตรการรองรับคุ้มครองเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ซึ่งในอดีตสมัย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็น ผบ.ตร. ก็ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551”  แหล่งข่าวด้านความมั่นคง กล่าวและว่า การดำเนินการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯจะไม่แตกต่างเมื่อครั้งรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี  โดยจะมีการดำเนินการเป็นขั้นตอน คือหากสถานการณ์ยังอยู่ในขั้นที่ควบคุมได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้กฎหมายปกติในการดูแลความสงบเรียบร้อย หากสถานการณ์ถึงขั้นที่ส่อว่าจะมีความรุนแรงจะเข้าสู่การใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ โดยม.15  ครม.จะมีมติมอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นผู้รับผิดชอบในการป้องกันปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรภายใน พื้นที่และระยะเวลาที่กำหนดได้ ม.16 ให้ครม.แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งใดในกอ.รมน.เป็นเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้า หน้าที่ตามกฎหมายนั้น หรือมีมติให้หน่วยงานของรัฐนั้นมอบอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบตามกฎหมายใน เรื่องดังกล่าว ให้ กอ.รมน. ดำเนินการแทนหรือมีอำนาจดำเนินการด้วยภายในพื้นที่และระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งคาดว่าจะเป็นผบ.ตร. ดำเนินการออกประกาศในรายละเอียดต่อไป และม.18 เพื่อประโยชน์ในการป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์ภายในให้ผู้อำนวยการโดยความเห็นชอบของครม.มี อำนาจออกข้อกำหนด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น