วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ผลชันสูตร นักโทษเสื้อแดงตายในคุก น่าจะเป็นเพราะติดเชื้อในเลือด



30 สิงหาคม 2557 น.พ.สลักธรรม โตจิราการ ในฐานะพยานในการชันสูตรของครอบครัวนายสุรริช ชัยมงคล ซึ่งเสียชีวิตที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์เมื่อวันที่ 28 ส.ค. กล่าวหลังร่วมชันสูตรกับเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาลตำรวจว่า นายสุรกริชน่าจะเสียชีวิตจาก กระเพาะอาหารอักเสบ หรืออาจเกิดจากการติดเชื้อในกระแสเลือด เบื้องต้นไม่พบเลือดออกในช่องท้อง
 
สลักธรรมให้ข้อสังเกตว่าเหตุการเสียชีวิตของนายสุรกริชอาจเกิดจากกระเพาะอาหารอักเสบอาจเกิดจากการติดเชื้อในเส้นเลือดหรืออาจการได้รับสารพิษ เพราะพบเลือดออกในกระเพาะอาหารจำนวนหนึ่ง หรือสาเหตุยิบย่อยต่างๆ ต้องรอการชันสูตร แต่ยืนยันว่า ในการชันสูตรวันนี้ไม่มีเลือดออกในช่องท้อง หรือตับ ซึ่งทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่าถูกซ้อมหรือไม่
 
ส่วนเรื่องรอยช้ำบริเวณลำตัว สลักธรรมชี้แจงว่ายังไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดก่อนหรือหลังการเสียชีวิต ซึ่งเมื่อผู้เสียชีวิตมีอาการเกล็ดเลือดต่ำก็อาจเกิดรอยช้ำบริเวณผิวหนังได้
 
ส่วนที่สมองนั้น เบื้องต้นไม่พบเลือดออกในสมอง แต่ยังต้องใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์ในการติดตามผลการชันสูตรโดยละเอียดจากการตรวจเนื้อเยื่อสมอง 
 
เมื่อทนายสอบถามไปยังห้องบริการประชาชน เจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าต้องใช้เวลาตรวจผลชิ้นส่วนในร่างกาย 45 วันไม่รวมเสาร์อาทิตย์
 
น.พ.สลักธรรม โตจิราการ ชี้แจงกับผู้มาสังเกตการณ์ถึงผลการชันสูตร
 
นายสุรกริช ซึ่งเป็นผู้ต้องหายิง นายสุทิน ธนาทิน แกนนำ กปท. เสียชีวิต (รายละเอียด) ได้เสียชีวิตระหว่างถูกฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ในขณะที่กรมราชทัณฑ์เปิดเผยว่า สุรกริชเสียชีวิตเพราะโรคประจำตัว หากแต่มารดาของนายสุรกริชยืนยันว่า ลูกชายของตนสุขภาพดี และเชื่อว่าน่าจะถูกซ้อมจนตายมากกว่า
 
นางอารีย์ ชัยมงคล มารดาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า วันที่ 8 ก.ค 57 ทหารหนึ่งกองร้อยได้บุกมาที่บ้าน และจับกุมลูกชายของตน โดยใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก หลังการจับกุม นายสุรกริชถูกนำไปควบคุมตัว สน.บางนา 1 คืน ต่อมาถูกย้ายควบคุมที่ศาลพระโขนง 1 คืน  และถูกนำตัวไปฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ 
 
นางอารีย์กล่าวว่า เมื่อแรกเข้าไปในเรือนจำ นายสุรกริชถูกจองจำอยู่ที่แดนหนึ่ง และได้รับการดูแลจากนักโทษการเมืองเสื้อแดงอื่นๆ เช่น  ทอม ดันดี และ เจ๋ง ดอกจิก ในช่วงแรกของการเข้าเยี่ยม พบว่าลูกชายดูมีกำลังใจดี ร่างกายแข็งแรง ซึ่งตนนั้นได้เข้าไปเยี่ยมในช่วงแรกอาทิตย์ละ2ครั้ง
 
ต่อมาเมื่อ2อาทิตย์ทีผ่านมา เรือนจำได้ย้ายนายสุรกริช ไปอยู่แดนสี่ โดยไม่ให้เหตุผล โดยในการเข้าเยี่ยมครั้งสุดท้าย คือเมื่อวันที่ 21 ส.ค 57 นายสุรกริชบอกกับมารดาว่า อยู่ที่แดนสี่นั้น “คงไม่รอด ตายแน่”  เพราะโดนซ้อมในมุมมืดของเรือนจำ จึงไม่สามารถระบุว่าใครเป็นผู้ซ้อม ได้ยินแต่เสียงว่า “ใครเป็นเสื้อแดงจะฆ่าให้หมด”
 
มารดาของเขาสังเกตว่า เมื่อย้ายมาอยู่แดนสี่ เขายังดูร่างกายแข็งแรงดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ยกเว้นแต่ร่องรอยการถูกซ้อมบ้าง และสภาพที่ดูผอมไปบ้างเล็กน้อย ซึ่งทุกครั้งที่ตนไปเยี่ยม จะฝากเงินและอาหาร ให้ตลอด  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น