วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

กลุ่มอิสระ มธ. และ มอ. ออกแถลงการณ์ประณามกระบวนการยุติธรรมที่ฉ้อฉล เรียกร้องปล่อยตัวเพื่อน 14 คน


กลุ่มอิสระ มธ. และ มอ. ออกแถลงการณ์ประณามกระบวนการยุติธรรมที่ฉ้อฉล ต่อกรณีการจับกุม 14 ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ภายใต้รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร พร้อมเรียกร้องปล่อยผู้ถูกควบตัวด้วยคดีทางการเมืองทุกคน
30 มิ.ย. 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มอิสระมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต่อกรณีเหตุการณ์การจับกุม 14 นักศึกษา นักกิจกรรม ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ โดยได้แถลงถึงกระบวนการยุติธรรมที่ฉ้อฉล ที่เกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลเผด็จการทหาร และเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนักโทษการการเมืองทันที ไม่เพียงแต่นักโทษการเมืองทั้ง 14 คน แต่หมายรวมถึงนักโทษการเมืองที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้า พร้อมฝากสารถึงเพื่อนผู้รักประชาธิปไตย “อย่าให้สังคมที่นิยมเผด็จการหลอกให้เราเชื่อว่าเราไร้ความสามารถ อย่าให้ใครลวงหลอกว่าเราตัวเล็กเกินกว่าจะทำอะไร เราแต่ละคนอาจตัวเล็กเกินกว่าจะต่อสู้เพียงลำพัง แต่ประชาชนไม่เคยตัวเล็กเกินกว่าจะต่อสู้กับสิ่งใด”
ขณะเดียวกัน กลุ่ม มอ. รักษ์ประชาธิปไตย และสภาริมอ่าง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ออกแถลงการณ์ กล่าวถึงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยต่อการบังคับใช้กฎหมาย อันเกิดจากอำนาจที่ได้มาโดยการลิดลอนอำนาจประชาชน  และเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักศึกษา นักกิจกรรมทั้ง 14 คน โดยทันที พร้อมชี้ว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ เป็นสิทธิวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลโดยสุจริต และเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงความเห็นทางการเมืองอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน
00000
แถลงการณ์
กลุ่มอิสระมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
หนึ่งปีหลังการรัฐประหาร สิทธิของประชาชนถูกลิดรอน ประชาชนผู้เห็นต่างถูกจับขึ้นศาลทหารและถูกพิพากษาภายใต้กระบวนการยุติธรรมที่ไม่มีความชอบธรรม ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา รัฐบาลเผด็จการได้ละเมิดสิทธิและหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชน หนึ่งปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้จองจำประชาชนคนแล้วคนเล่าที่ไม่ยอมปิดปากตัวเองให้สนิท
แม้โฆษกของกองทัพและประชาชนผู้ยอมเป็นปากเสียงให้เผด็จการจะยืนยันหัวชนฝาว่ารัฐบาลได้เปิดช่องทางให้ประชาชนทั่วไปได้แสดงความคิดเห็น แต่เอาเข้าจริง ความคิดเห็นใดๆ ที่ผิดแผกแตกต่างไปจากสิ่งที่รัฐบาลต้องการกลับกลายเป็นสิ่งต้องห้าม ผู้ใดที่แสดงความคิดเห็นเหล่านั้นออกมาล้วนมีความผิดและถูกจี้บังคับให้ “ปรับทัศนคติ” ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มุ่งหมายจะตั้งคำถามกับความไม่เป็นธรรมที่เกิดกับสังคมในเวลานี้ จึงได้แต่สงบปากสงบคำและแสร้งว่าเรารักกัน และทุกคนมีความสุขดี
รัฐบาลเผด็จการอ้างว่ากำลังคืนความสุขให้กับสังคม แต่แท้จริงแล้ว ความสุขที่พวกเขาหยิบยื่นให้เป็นเพียงความสุขจากการเห็นคนคิดต่างต้องอยู่อย่างหวาดกลัว ความสุขจากการเชื่อเชื่องในคำโฆษณาว่าบ้านเมืองของเรากำลังดีขึ้น ความสุขจากการเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ และคิดฝันอย่างลมๆ แล้งๆ ว่ารัฐบาลเผด็จการจะช่วยแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ ทั้งที่สิ่งเดียวที่พวกเขาทำเป็น ไม่ใช่การบริหารประเทศ แต่คือการสร้างความสงบสุขจอมปลอมด้วยการกำราบปราบปรามประชาชนคนเล็กคนน้อยตามวิสัยของ “ทหารกล้า”
ความสุขในสังคมที่ปกครองโดยรัฐบาลเผด็จการเป็นเพียงความสุขแบบเด็กที่ไม่รู้จักโต รัฐบาลเผด็จการได้มอบสิ่งตอบแทนสำหรับผู้ที่ว่านอนสอนง่าย ทั้งในรูปของตำแหน่ง เงินทอง หรือความปลอดภัยในชีวิต ขณะเดียวกัน ผู้ที่ไม่นิยมการเป็นลูกแหง่ และพยายามลุกขึ้นตั้งคำถามกับความไม่ชอบมาพากลของเผด็จการ กลับถูกคุกคามและคุมขังด้วยข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งของผู้ที่ไม่มีอำนาจชอบธรรมใดๆ ในการสั่งการ นอกเสียจากอำนาจจากปากกระบอกปืน 
ถึงเวลาแล้วที่เพื่อนๆ ผู้ที่มองเห็นความเลวร้ายของรัฐบาลเผด็จการจะร่วมกันกดดันให้พวกเขาปล่อยผู้ที่ถูกคุมขังในคดีทางการเมืองทุกคนไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นใคร การแสดงจุดยืนของเรา ไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ เป็นการยืนยันอย่างหนักแน่นถึงหลักการพื้นฐานที่ว่า ประชาชนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีส่วนร่วมทางการเมือง ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิด พูด เขียน และแสดงความคิดเห็นของตนโดยสันติ และทุกคนมี “หน้าที่” ที่จะตั้งคำถามกับผู้มีอำนาจหน้าไหนก็ตาม โดยเฉพาะผู้ที่ไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ยินยอมมอบอำนาจให้แก่ตน หากปราศจากการข่มขู่ด้วยปืนผาหน้าไม้และการบังคับใช้กฎหมายตามอำเภอใจ
เราขอเรียกร้องไปยังเพื่อนๆ ผู้ที่มีจุดยืนร่วมกันทุกคนว่าอย่าเพิ่งหมดหวังและทดท้อในความอ่อนแอของตนเอง อย่าให้ความเจ็บปวดที่เห็นเพื่อนเราถูกจับกุมกลายเป็นสัญลักษณ์ของความพ่ายแพ้ พวกเราแพ้ไม่ได้หากไม่เคยลุกขึ้นต่อสู้ อย่าให้สังคมที่นิยมเผด็จการหลอกให้เราเชื่อว่าเราไร้ความสามารถ อย่าให้ใครลวงหลอกว่าเราตัวเล็กเกินกว่าจะทำอะไร เราแต่ละคนอาจตัวเล็กเกินกว่าจะต่อสู้เพียงลำพัง แต่ประชาชนไม่เคยตัวเล็กเกินกว่าจะต่อสู้กับผู้ใด
เราขอเรียกร้องไปยังเพื่อนๆ ทุกคนว่า อย่างน้อยที่สุด อย่าได้เก็บปากกาของเพื่อนเอาไว้ จงใช้มันขีดเขียนทุกครั้งที่มีโอกาส เขียนในทุกทุกที่ที่เขียนได้ แม้ว่าความคิดของพวกเรากำลังถูกคุกคาม แม้ความใฝ่ฝันถึงสังคมที่ดีกว่าย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย แต่กรงขังใดเล่าที่สามารถกังขังความฝันถึงเสรีภาพไว้ได้ตลอดไป คุกอาจคุมขังร่างคนคนหนึ่งได้ แต่คุมขังความคิดคนอีกมากมายไม่ได้ คุกกักขังบางสิ่งบางอย่างไว้ได้แค่บางช่วงเวลา แต่ไม่สามารถกักขังกาลเวลาเอาไว้ได้
แม้ชนชั้นนำจะร่วมมือกับเผด็จการในการหมุนโลกให้ไปในทิศทางตรงกันข้ามกับความเป็นจริง ทว่า “โลกหมุนไปข้างหน้า” เสมอ เวลากำลังเดินไปเรื่อยๆ ไม่มีใครสามารถตรึงกาลเวลาให้อยู่กับที่ เช่นเดียวกับสังคมที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป พวกเขาได้แต่เหนี่ยวรั้ง แต่หยุดยั้งมันไว้ไม่ได้ ปีศาจตัวเดิมยังคอยหลอกหลอนสังคมนี้มานานแสนนาน แต่ขอให้เพื่อนๆ ทุกคนจงมองไปที่นาฬิกาเพื่อเตือนตัวเองเถิดว่าเวลาของพวกเขาเหลือน้อยลงไปทุกที
เราไม่ได้เรียกร้องให้เพื่อนๆ ออกมาต่อสู้บนท้องถนนในวันนี้พรุ่งนี้ แต่อย่างน้อยที่สุด ขอให้เราต่อสู้เพื่ออนาคตข้างหน้า เราไม่ได้เรียกร้องให้เพื่อนๆ ออกมาเผชิญหน้ากับกระบอกปืน แต่ขอให้เราทุกคนร่วมกันต่อสู้ภายใต้เกราะกำบังของกาลเวลา.

…โลกใหม่ต้องเป็นของเรา …
                                                                                                  กลุ่มอิสระมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

แถลงการณ์
กลุ่ม มอ. รักษ์ประชาธิปไตย และสภาริมอ่าง
“ความปรองดองไม่สามารถและไม่มีวันเกิดขึ้นได้ภายใต้การปิดปากผู้ที่ไม่เห็นด้วย” ประโยคนี้เป็นสิ่งที่ตรงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายใต้การปกครองของคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งนับแต่วันที่ คสช.เข้ายึดและควบคุมอำนาจทั้งหลายภายในรัฐ โดยออกคำสั่งต่างๆ รวมถึงการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวนั้น มีการจับกุมนักเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นจำนวนมาก รวมถึงการห้ามจัดกิจกรรมต่างๆ ที่ทาง คสช.ไม่เห็นว่าสมควรที่จะจัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กิจกรรมที่เกี่ยวกับการเรียกร้องหรือให้ความรู้ในเรื่องสิทธิเสรีภาพ
การจับกุมนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ภายใต้เหตุผลการขัดคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ซึ่งออกตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฯ อันเป็นกฎหมายที่ออกมาโดยอาศัยอำนาจที่ได้จากการลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของ ประชาชนผ่านการรัฐประหารนั้น เป็นสิ่งที่ไม่มีค่าบังคับใดๆ เลย ไม่แม้แต่จะถือว่าเป็นกฎหมาย เนื่องจากเป็นอำนาจที่ได้มาโดยไม่ชอบ เป็นอำนาจที่ริบมาจากมือของประชาชนเจ้าของประเทศ จึงไม่มีผู้ใดจะสามารถอ้างหรือใช้อำนาจดังกล่าวมาลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของ ประชาชนได้ เพราะอำนาจเดียวที่จะมาออกกฎหมายที่พรากสิ่งใดไปจากประชาชนได้ ต้องเกิดจากความยินยอมของประชาชนทั้งหลายเท่านั้น
นอกจากการจับจะเป็นการดำเนินการโดยอาศัยอำนาจอันไม่ชอบธรรมแล้ว การแจ้งความผิดตามมาตรา 116 แห่งประมวลกฎหมายอาญาในเรื่องการก่อให้เกิดความกระด้างกระเดื่องต่อประชาชน แก่นักศึกษานั้น เป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เนื่องจากความผิดตามมาตรา 116 แห่งประมวลกฎหมายอาญานั้น จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อมีการกระทำไปโดยไม่สุจริต ขัดกับรัฐธรรมนูญ โดยหวังจะก่อให้เกิดความกระด้างกระเดื่องแก่คนในสังคม หากพิจารณาการเคลื่อนไหวของนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ จะเห็นได้ว่าเป็นการใช้สิทธิวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลโดยสุจริต และเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงความเห็นทางการเมืองอันเป็นสิทธิขั้น พื้นฐานของประชาชน การอ้างบทมาตราดังกล่าวมาใช้ในการจับกุมนักศึกษาจึงปราศจากความชอบธรรม
กลุ่ม ม.อ.รักษ์ประชาธิปไตย, รวมถึงกลุ่มนักศึกษาสภาริมอ่าง “ในนามของประชาชนส่วนหนึ่งของประเทศไทย” ไม่สามารถมองเห็นถึงความชอบธรรมใดๆ ในการใช้อำนาจที่ได้มาโดยมิชอบและปราศจากการยึดโยงกับประชาชน มาจับกุมเพื่อของเราเพียงเพราะเขาใช้สิทธิในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง โดยสุจริต เราจึงขอคัดค้านการจับกุม 14 นักศึกษาโดยการใช้อำนาจที่ได้มาจากการรัฐประหาร และขอให้ดำเนินการปล่อยตัวนักศึกษาทั้งหลายในทันที เราเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่า การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมาและสงบสันตินั้น ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม และเป็นหนทางที่จะนำพาประเทศไปสู่การปรองดองตามที่ท่านได้กล่าวอ้าง

อำนาจอธิปไตยย่อมเป็นของประชาชน
กลุ่ม มอ. รักษ์ประชาธิปไตย และสภาริมอ่าง
30 มิถุนายน 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น