20 ต.ค.2558 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ครม.) กล่าวถึงกรณีการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ให้นายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พ้นจากตำแหน่ง และไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึงมีคำสั่งแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งยกเลิกให้นายนัฑ ผาสุข ที่ปรึกษาด้านกฎหมายสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ว่า ได้สั่งให้ทบทวนเอง ซึ่งเป็นเรื่องของกลไก โดยมีประธานรัฐสภา เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งการใช้อำนาจสั่งย้าย มี 2 สาเหตุ คือ การทุจริต และการปรับปรุงประสิทธิภาพ ซึ่งในกรณีนี้ย้ายเพื่อปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนจะมีการทุจริตก็หรือไม่นั้น ก็ต้องมีการตรวจสอบต่อไป แต่ยอมรับว่าผิดที่ลงนามแต่งตั้งนายนัฑ ทั้งที่มีกฎระเบียบการแต่งตั้งภายใน จึงต้องยกเลิกคำสั่งและให้ทบทวนการแต่งตั้งที่เกิดขึ้น ซึ่งการสั่งย้ายในกรณีนี้ไม่สามารถใช้กฎหมายปกติได้ เพราะเป็นตำแหน่งที่มีการโปรดเกล้าฯจึงต้องใช้มาตรา 44
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีข้าราชการที่จะแต่งชุดดำประท้วงนั้น ไม่ได้เป็นการกดดัน
“ทำอะไรผมไม่ได้หรอก เพราะผมไม่ได้ใช้อำนาจพร่ำเพรื่อ ไม่ได้ดันทุรัง ไม่อยากแต่งตั้ง ไม่อยากยกเลิกด้วยมาตรา 44 แต่จำเป็นเพื่อการขับเคลื่อนให้เร็วขึ้น ไม่ได้ตั้งใจไปรังแกข้าราชการ แต่คนที่อยู่แล้วทำไม่ได้ก็ต้องออกไปไม่ว่าจะอยู่ข้างไหน วันนี้ก็เช่นกันหากทำไม่ดีก็ย้ายไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ส่วนการที่มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่ากรณีดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจมาตรา 44 พร่ำเพรื่อนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่อยากตอบโต้ เรื่องเล็กๆ ไม่สนใจ เรื่องใหญ่ก็คงไม่สนใจด้วย สำหรับการก่อสร้างรัฐสภาใหม่ที่ล่าช้านั้น ก็ต้องหาคนใหม่ที่ขับเคลื่อนได้เร็วขึ้น และให้ความเป็นธรรมกับผู้ก่อสร้าง ส่วนจะมีการทุจริตหรือไม่กำลังตรวจสอบอยู่ หากอยากให้เร็วขอให้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษมา
สั่งกวาดล้างผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น ภายใน 6 เดือน
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวในช่วงต้นการประชุมโดยสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม ให้ประสานความร่วมมือบูรณาการวางแนวทางปฎิบัติในการป้องกันและกวาดล้างผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นให้หมดสิ้นภายใน 6 เดือน ไม่ว่าจะเป็นผู้มีอิทธิพลนักการเมือง ทหาร ตำรวจหรือข้าราชการ โดยเฉพาะการปราบรามอาวุธสงคราม โดยต้องให้เห็นผลเป็นรูปธรรม เนื่องจากนายกรัฐมนตรีไม่สบายใจกับข่าวการทวงหนี้ 4,000 บาทแต่ใช้อาวุธสงครามมายิงถล่มที่จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นเรื่องสะเทือนความรู้สึกประชาชน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น