ส่วนข้อหาครอบครองอาวุธสงคราม ศาลสั่งจำคุกจำเลยที่หนึ่ง 5 ปีไม่รอลงอาญา คดีปาระเบิดเวที กปปส.จนมีผู้เสียชีวิต 3 ราย ศาลยกฟ้องแต่ให้ขังไว้ระหว่างรออุทธรณ์ ระบุโทษหนักถึงประหารต้องมีพยานชัดแจ้ง พยานโจทก์ที่ให้การซัดทอดยังไม่มีน้ำหนักมากพอ ด้านศูนย์ทนายฯ สัมภาษณ์จำเลยระบุโดนซ้อมทรมานหนักก่อนขึ้นศาล
26 ม.ค.2559 ศาลจังหวัดตราดนัดอ่านคำพิพากษาคดีปาระเบิดบริเวณที่ชุมนุม กปปส.จังหวัดตราด มี นายวัชระ กระจ่างกลาง เป็นจำเลยที่ 1 นายสมศักดิ์ พูลสวัสดิ์ เป็นจำเลยที่ 2 และ นายสมศักดิ์ สุนันท์ เป็นจำเลยที่ 3 ในข้อหาความผิดต่อชีวิตและพยายามฆ่า โดยศาลพิพากษาให้มีการยกฟ้องจำเลย
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2557 กลุ่มคนร้ายใช้รถยนต์กระบะ 2 คัน พร้อมอาวุธสงครามและระเบิดขว้างไปยังสถานที่ชุมนุมจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ซึ่งจำนวน 2 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตเป็นเด็กผู้หญิง และนอกจากนั้นยังได้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากความรุนแรงดังกล่าวอีก 39 คน
สมภพ โชติวงษ์ ทนายอาวุโสจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้กล่าวโดยสรุปว่า เบื้องต้นว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำตัดสินว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ศาลได้วินิจฉัยความผิดตามที่โจทก์ฟ้องเห็นว่า เนื่องจากเป็นคดีร้ายแรงที่มีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต โจทก์จึงจำต้องมีพยานโจทก์มาสอบจนเป็นที่ชัดแจ้ง แต่พยานที่โจทก์ได้นำมาสืบนั้นเป็นพยานซัดทอด โดยที่โจทก์ไม่ได้มีพยานปากอื่นมาประกอบ ศาลจึงต้องพิจารณาด้วยความระมัดระวัง จึงทำให้ศาลไม่สามารถรับฟังปากคำของพยานเพียงลำพังได้ ส่วนหลักฐานผลการพิสูจน์ดีเอ็นเอของจำเลยที่ 1 และ 2 ที่พบในหลายสถานที่นั้น แต่กลับไม่มีผลการพิสูจน์ดีเอ็นเอ จากที่เกิดเหตุจึงไม่สามารถทำให้มีความน่าเชื่อถือได้ว่าจำเลยทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ประกอบกับการที่โจทก์ไม่ได้สืบพยานเจ้าหน้าที่ทหารที่เข้าทำการตรวจค้นและจับกุม จึงไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดแจ้งว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดจริง ศาลจึงยกผลประโยชน์ให้จำเลยโดยตัดสินให้ยกฟ้องจำเลยในคดีทั้ง 3 คน แต่ให้จำคุกไว้ก่อนระหว่างรออุทธรณ์ หากโจทก์ไม่อุทธรณ์ในกำหนดเวลา 30 วัน หรือไม่ขอขยายเวลาอุทธรณ์ให้ถือว่าคดีสิ้นสุดแล้วให้ปล่อยตัว
สำหรับข้อกล่าวหาเรื่องการครอบครองอาวุธสงครามของนาย วัชระ กระจ่างกลาง จำเลยที่ 1 ฟังจากการสืบพยานฝ่ายโจทก์แล้วศาลเชื่อว่านายวัชระมีความผิดจริง มีคำสั่งให้ลงโทษจำคุกนายวัชระ กระจ่างกลาง เป็นเวลา 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการนำสืบเรื่องการซ้อมทรมานผู้ต้องหาหรือไม่ ทนายความกล่าววว่า ในการสืบพยานได้ซักถามจำเลยเรื่องการซ้อมทรมานโดยเจ้าหน้าที่ด้วย แต่ในคำพิพากษาไม่ปรากฏการพิจารณาเรื่องนี้แต่อย่างใด
นางเชาวลักษณ์ ภรรยาของนายสมศักดิ์ พูลสวัสดิ์ จำเลยที่ 2 กล่าวว่าขณะนี้ทางครอบครัวของผู้ต้องขังทั้ง 3 รายอยู่ในระหว่างการรวบรวมหลักทรัพย์เพื่อยื่นขอประกันตัวอีกครั้ง เนื่องจากเป็นห่วงสวัสดิภาพของผู้ต้องขังในเรือนจำ และอยากให้พวกเขาได้กลับคืนมาอยู่กับครอบครัวโดยเร็ว
เว็บไซต์ MGR online รายงานว่า โจทก์ร่วมทั้ง 7 คนที่เป็นญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บที่เป็นโจทย์ร่วมเพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย ไม่สามารถเรียกร้องได้เนื่องจากศาลจังหวัดตราดพิพากษายกฟ้องในคดีพยายามฆ่า ด้านนายสมคะเน แสงทอง อัยการจังหวัดตราด เจ้าของคดี กล่าวว่า ในส่วนของการยื่นอุทธรณ์นั้นไม่สามารถตัดสินใจได้ต้องให้ทางอัยการจังหวัดตราดทำเรื่องไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดภาค 2 เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง
เว็บไซต์ MGR online รายงานว่า โจทก์ร่วมทั้ง 7 คนที่เป็นญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บที่เป็นโจทย์ร่วมเพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย ไม่สามารถเรียกร้องได้เนื่องจากศาลจังหวัดตราดพิพากษายกฟ้องในคดีพยายามฆ่า ด้านนายสมคะเน แสงทอง อัยการจังหวัดตราด เจ้าของคดี กล่าวว่า ในส่วนของการยื่นอุทธรณ์นั้นไม่สามารถตัดสินใจได้ต้องให้ทางอัยการจังหวัดตราดทำเรื่องไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดภาค 2 เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง
เว็บศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รายงานการสืบคดี และกระบวนการจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ โดยระบุถึงการร้องเรียนเรื่องการซ้อมทรมานผู้ต้องหาในคดีนี้ว่า จากการสัมภาษณ์ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายทราบว่าในการสอบสวนระหว่างที่ถูกควบคุมตัวในชั้นกฎอัยการศึกมีการทำร้ายร่างกายและข่มขู่เพื่อรับสารภาพ โดยให้รายละเอียดไว้ดังนี้
กรณีของนายสมศักดิ์ พูลสวัสดิ์ เจ้าหน้าที่ทหารได้พยายามข่มขู่ให้นายสมศักดิ์รับสารภาพว่าเป็นเจ้าของอาวุธที่ทหารยึดมาได้จากสวนแห่งหนึ่ง เขาถูกควบคุมตัวเป็นเวลา 8 วัน ซึ่งถือว่าเกินกว่าที่กฏอัยการศึกให้อำนาจเจ้าหน้าที่ทหารไว้ โดยระหว่างการสอบสวนเจ้าหน้าที่ทหารได้คลุมศีรษะนายสมศักดิ์ด้วยถุง และทำร้ายร่างกายจนกระทั่งปัสสาวะราด รวมถึงสร้างสถานการณ์จำลองว่าเจ้าหน้าที่ทหารจะมีเจตนาฆ่านายสมศักดิ์ เพื่อให้นายสมศักดิ์เกิดความหวาดกลัว โดยมีเป้าหมายคือบังคับให้นายสมศักดิ์ยอมให้ข้อมูลและรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ
นายวัชระ กระจ่างกลาง ถูกสอบสวนโดยตลอด และช่วงเย็นของแต่ละวัน เจ้าหน้าที่ทหารจะปิดตานายวัชระด้วยผ้า บางครั้งก็มีปิดปากและจมูกเพื่อทำให้นายวัชระขาดอากาศหายใจ และทำร้ายร่างกายด้วยวิธีต่างๆ เพื่อบังคับนายวัชระยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ
ส่วนในกรณีของนายสมศักดิ์ สุนันท์ หลังได้ปล่อยตัวชั่วคราวที่กองปราบปรามฯ และถูกควบคุมตัวต่อโดยเจ้าหน้าที่ทหารทันที นายสมศักดิ์ถูกคลุมศีรษะและถูกนำตัวไปที่สถานที่แห่งหนึ่ง นายสมศักดิ์ถูกขังไว้ในห้องมืดทึบ ไม่มีเครื่องปรับอากาศและพัดลม วันที่ 21 ก.ค 2557 นายสมศักดิ์ถูกเจ้าหน้าที่ทหารทำร้ายร่างกาย นำถุงพลาสติกมาครอบศีรษะให้ขาดอากาศหายใจ และช็อตด้วยกระแสไฟฟ้าเพื่อบังคับให้ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ นอกจากนั้นสมศักดิ์ถูกควบคุมตัวอยู่กับเจ้าหน้าที่ทหารตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค ถึงวันที่ 12 ส.ค 2557 รวมทั้งสิ้นเป็นเวลา 26 วัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น