วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559

ศาลลงโทษจำคุก 'มือปืนป๊อปคอร์น' 37 ปี 4 เดือน-ทนายเตรียมอุทธรณ์


คดีมือปืนป๊อปคอร์น จากเหตุรุนแรงที่แยกหลักสี่ ศาลวินิจฉัย แม้ไม่ได้ความว่าผู้เสียหายถูกจำเลยยิง แต่เมื่อฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกกระทำการดังกล่าวจึงต้องรับผิดการกระทำของพวกจำเลยเช่นกัน จึงพิพากษาให้มีความผิดตามฟ้อง แต่เนื่องจากคำให้การจำเลยเป็นประโยชน์จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 พิพากษาลงโทษทุกกระทงความผิดรวม 37 ปี 4 เดือน
3 มี.ค. 2559 เวลา 13.30 น. ที่ศาลอาญา รัชดา ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือท็อป มือปืนป๊อปคอร์น อายุ 24 ปี เป็นจำเลย จากเหตุรุนแรงบริเวณไอทีสแควร์หลักสี่ เมื่อครั้ง กปปส.นำมวลชนเดินทางไปขัดขวางการเลือกตั้ง โดยศาลพิพากษาลงโทษทุกกระทงความผิดรวม 37 ปี 4 เดือน
ทั้งนี้ ภรรยาจำเลย และพ่อจำเลยซึ่งประกอบอาชีพทำไร่และรับจ้างเดินทางมาจากพิษณุโลก รวมถึงเพื่อนจำเลยอีก 5-6 คน เข้าร่วมฟังคำพิพากษา ท่ามกลางสื่อมวลชนจำนวนมาก โดยศาลเริ่มอ่านคำพิพากษาล่าช้ากว่าเวลานัดหมายประมาณ 3 ชม. หลังฟังคำพิพากษา ภรรยาจำเลยร่ำไห้และเป็นลม ขณะที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวจำเลยกลับเรือนจำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลวินิจฉัยตามหลักฐานที่ตำรวจนำสืบ โดยหลักคือภาพจากกล้องวงจรปิด ภาพเคลื่อนไหวในอินเทอร์เน็ต การรับสารภาพและชี้จุดเกิดเหตุของจำเลยในชั้นสอบสวน การให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวของจำเลยก่อนจะกลับคำรับสารภาพในชั้นศาล ทำให้เชื่อได้ว่าจำเลยกับพวกรวม 22 คนได้ใช้อาวุธร้ายแรงยิงต่อสู้กับฝ่ายสนับสนุนการเลือกตั้ง โดยจำเลยนำถุงข้าวโพดเหลืองเขียวคลุมอาวุธไว้ และยิงโดยมีเจตนาฆ่าฝ่ายตรงข้าม และเล็งเห็นผลได้ว่าอาจทำให้ประชาชนและผู้เสียหายทั้งสี่ถึงแก่ชีวิต แม้ไม่ได้ความว่าผู้เสียหายถูกจำเลยยิงแต่เมื่อฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกกระทำการดังกล่าวจึงต้องรับผิดการกระทำของพวกจำเลยเช่นกัน จึงพิพากษาให้มีความผิดตามฟ้อง แต่เนื่องจากคำให้การจำเลยเป็นประโยชน์จึงลดโทษให้ 1 ใน 3
ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น จากลงโทษจำคุกตลอดชีวิต เหลือจำคุก 33 ปี 4 เดือน
ข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน จากลงโทษจำคุก 3 ปี เหลือจำคุก 2 ปี
ข้อหาพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะฯ จากลงโทษจำคุก 3 ปี เหลือจำคุก 2 ปี
ทนายจำเลยกล่าวว่า จะมีการอุทธรณ์คดีในขั้นต่อไป และจัดเตรียมหลักทรัพย์สำหรับประกันตัว 3.7 ล้านบาทซึ่งเป็นวงเงินที่ค่อนข้างสูง จึงยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะดำเนินได้เมื่อไร
อัยการโจกท์ฟ้องในความผิดฐานร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำอาวุธปืนออกนอกเคหสถานภายในพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ขอให้ลงโทษตาม ป.อาญา มาตรา 288, 371, พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ. 2548 ม.5, 6, 11, และ 18
อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2557 สรุปพฤติการณ์จำเลยว่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกได้มีปืนเล็กยาวไม่ทราบชนิดและขนาด ติดตัวไปที่ทางแยกหลักสี่ เขตหลักสี่ พื้นที่ประกาศให้เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และยิงปืนเข้าไปในอาคารศูนย์การค้าไอทีสแควร์ จน น.ส.สมบุญ สักทอง ผู้เสียหายที่ 1 นายอะแกว แซ่ลิ้ว ผู้เสียหายที่ 2 นายนครินทร์ อุตสาหะ ผู้เสียหายที่ 3 และนายพยนต์ คงปรางค์ ผู้เสียหายที่ 4 ได้รับอันตรายสาหัส เเละเป็นเหตุให้นายอะเเกว ผู้เสียหายที่ 2 เสียชีวิตภายในระยะเวลาต่อมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น