โฆษกกองทัพอากาศ จัดซื้อเครื่องบินขับไล่ T-50TH ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ยันซื้อโดยคำนึงถึงหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้าน 'ศรีสุวรรณ' เตรียมฟ้องศาล รธน. 20 ก.ค.นี้
13 ก.ค. 2560 จากกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ การจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ T-50TH ในระยะที่ 2 จำนวน 8 เครื่อง เพื่อให้ครบ 12 เครื่อง วงเงินประมาณ 8,800 ล้านบาทเศษ งบประมาณผูกพัน 3 ปี ให้กับกองทัพอากาศ ซึ่งมีการอนุมัติก่อนหน้านี้ กองทัพอากาศจัดเตรียมงบประมาณไว้แล้ว โดยระยะแรก อนุมัติซื้อไปเมื่อปี 58 จำนวน 4 ลำ ด้าน ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกแถลงการณ์คัดค้านและระบุว่าการจัดซื้อเครื่องบินอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 62 ประกอบมาตรา 75 และมาตรา 76
โฆษก ทอ.ยันซื้อเครื่องบินยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง
ล่าสุดวานนี้ (12 ก.ค.60) กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานว่า พล.อ.ต.พงษ์ศักดิ์ เสมาชัย ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ ชี้แจง โครงการจัดซื้อเครื่องบินดังกล่าวว่า ในฐานะที่เราเป็นชาติที่มีเอกราชและอธิปไตย การจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพที่เหมาะสม เพียงพอ และที่จำเป็นเพื่อใช้ในการป้องกันประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ทั้งนี้ การดำเนินการสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่กำหนดให้รัฐต้องมีกำลังทหารไว้เพื่อการป้องกันประเทศ และสอดคล้องกับพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 ที่กำหนดให้กองทัพมีหน้าที่ในการเตรียมกำลังและป้องกันราชอาณาจักร
"ไม่มีทางสรุปง่ายๆ ได้เลยว่าการจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพเพื่อการป้องกันประเทศเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 3 วรรค 2 บัญญัติว่า หน่วยงานของรัฐซึ่งรวมถึงกองทัพอากาศต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนิติธรรม เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม ประกอบมาตรา 52 รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราชอธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขต และเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิ และผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพื่อประโยชน์แห่งการนี้ รัฐต้องจัดให้มีการทหารที่มีประสิทธิภาพ"
ส่วนที่ศรีสุวรรณระบุว่าการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ขัดต่อหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และสะท้อนว่ารัฐบาลไม่รักษาวินัยทางการเงินการคลังนั้น โฆษกกองทัพอากาศ ชี้แจงว่า โครงการจัดหาเครื่องบินฝึกนักบินขับไล่ขั้นต้นของกองทัพอากาศในครั้งนี้ ได้ดำเนินการโดยคำนึงถึงหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่ประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญคือ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และความมีภูมิคุ้มกัน
พล.อ.ต.พงษ์ศักดิ์ ยังยืนยันว่า โครงการดังกล่าวมีความโปร่งใส และมีขั้นตอนที่สามารถตรวจสอบได้ อีกทั้งเป็นไปตามยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหม พ.ศ.2555 ซึ่งกำหนดโครงสร้างกำลังรบของกองทัพอากาศให้มีฝูงบินฝึกนักบินขับไล่ขั้นต้น โดยการจัดหาเครื่องบิน T-50TH ในครั้งนี้ จะเข้าประจำการทดแทนเครื่องบินฝึกนักบินขับไล่ขั้นต้นแบบ L-39 (ในฝูงบินเดิม) ซึ่งปัจจุบันได้ทยอยปลดประจำการเนื่องจากครบอายุการใช้งาน หากไม่มีการจัดหาทดแทนจะส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติภารกิจของกองทัพอากาศ
"การจัดทำงบประมาณประเทศเป็นกระบวนการทางกฎหมาย เรื่องนี้ได้ผ่านขั้นตอนตามกระบวนการจนเป็นรายการตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560 การจัดทำงบประมาณเป็นไปตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณประจำปีของรัฐบาล โดยรายการดังกล่าวมีการวางแผนผูกพันงบประมาณข้ามปี และแบ่งชำระเป็น 4 ปี (พ.ศ.2560 - 2563) เป็นการทยอยจ่ายภายใต้กรอบงบประมาณที่กองทัพอากาศได้รับการจัดสรรในแต่ละปี ตามแผนยุทธศาสตร์เสริมสร้างความมั่นคงฯ ทำให้ไม่สามารถชะลอการจัดซื้อฯ ได้เพราะจะกระทบต่อการฝึกนักบินขับไล่ขั้นต้นของกองทัพอากาศ ส่งผลต่อการเตรียมกำลังกองทัพอากาศเพื่อการป้องกันประเทศตามที่ระบุในรัฐธรรมนูญ" พล.อ.ต.พงษ์ศักดิ์ กล่าว
ส่วนที่ศรีสุวรรณระบุว่าการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ขัดต่อหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และสะท้อนว่ารัฐบาลไม่รักษาวินัยทางการเงินการคลังนั้น โฆษกกองทัพอากาศ ชี้แจงว่า โครงการจัดหาเครื่องบินฝึกนักบินขับไล่ขั้นต้นของกองทัพอากาศในครั้งนี้ ได้ดำเนินการโดยคำนึงถึงหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่ประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญคือ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และความมีภูมิคุ้มกัน
พล.อ.ต.พงษ์ศักดิ์ ยังยืนยันว่า โครงการดังกล่าวมีความโปร่งใส และมีขั้นตอนที่สามารถตรวจสอบได้ อีกทั้งเป็นไปตามยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหม พ.ศ.2555 ซึ่งกำหนดโครงสร้างกำลังรบของกองทัพอากาศให้มีฝูงบินฝึกนักบินขับไล่ขั้นต้น โดยการจัดหาเครื่องบิน T-50TH ในครั้งนี้ จะเข้าประจำการทดแทนเครื่องบินฝึกนักบินขับไล่ขั้นต้นแบบ L-39 (ในฝูงบินเดิม) ซึ่งปัจจุบันได้ทยอยปลดประจำการเนื่องจากครบอายุการใช้งาน หากไม่มีการจัดหาทดแทนจะส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติภารกิจของกองทัพอากาศ
"การจัดทำงบประมาณประเทศเป็นกระบวนการทางกฎหมาย เรื่องนี้ได้ผ่านขั้นตอนตามกระบวนการจนเป็นรายการตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560 การจัดทำงบประมาณเป็นไปตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณประจำปีของรัฐบาล โดยรายการดังกล่าวมีการวางแผนผูกพันงบประมาณข้ามปี และแบ่งชำระเป็น 4 ปี (พ.ศ.2560 - 2563) เป็นการทยอยจ่ายภายใต้กรอบงบประมาณที่กองทัพอากาศได้รับการจัดสรรในแต่ละปี ตามแผนยุทธศาสตร์เสริมสร้างความมั่นคงฯ ทำให้ไม่สามารถชะลอการจัดซื้อฯ ได้เพราะจะกระทบต่อการฝึกนักบินขับไล่ขั้นต้นของกองทัพอากาศ ส่งผลต่อการเตรียมกำลังกองทัพอากาศเพื่อการป้องกันประเทศตามที่ระบุในรัฐธรรมนูญ" พล.อ.ต.พงษ์ศักดิ์ กล่าว
ศรีสุวรรณ เตรียมฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ 20 ก.ค.นี้
ด้าน ศรีสุวรรณ เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนู ญไทย แถลงคัดต้านข้อแถลงดังกล่าวด้วย ดังนี้
- 1) การจัดซื้อเครื่องบิน T-50TH ดังกล่าว ไม่สอดคล้องใด ๆ กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจั
กรไทย 2560 แต่อย่างใด เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติให้ “รัฐต้องมีกำลังทหารไว้เพื่อป้ องกันประเทศ” ไม่ได้กำหนดให้ “รัฐต้องจัดให้มีการซื้อเครื่ องบิน T-50TH ไว้เพื่อป้องกันประเทศ” แต่อย่างใด อีกทั้ง “การเตรียมกำลัง” ตามพระราชบัญญัติจัดระเบี ยบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 นั้น มี “พระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497” บัญญัติไว้รองรับชัดเจนอยู่แล้ว ที่กำหนดให้ให้เฉพาะชายที่มีสั ญชาติเป็นไทยตามกฎหมายมีหน้าที่ ต้องเข้ารับการเกณฑ์เพื่อรั บราชการทหารด้วยตนเองทุกคน อันถือได้ว่าเป็น “การเตรียมกำลัง” ไว้ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ โดยชัดแจ้ง ดังนั้น การอ้างรัฐธรรมนูญเพื่อการจัดซื้ อเครื่องบิน T-50TH จึงเป็น “การตะแบง” ที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแต่ อย่างใด - 2) การอ้างมาตรา 3 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ 2560 ว่าหน่วยงานของรัฐซึ่งรวมถึ
งกองทัพอากาศต้องปฏิบัติหน้าที่ ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนิติธรรม เพื่อประโยชน์ส่ วนรวมของประเทศชาติและความผาสุ ขของประชาชนโดยรวมนั้น เป็นการกล่าวอ้างโดยไม่คำนึงถึ งมาตรา 3 วรรคแรกเสียก่อนที่บัญญัติไว้ชั ดเจนว่า “อำนาจอธิปไตยเป็ นของปวงชนชาวไทย” ไม่ใช่อำนาจอธิปไตยเป็นของกองทั พอากาศ หรือของกระทรวงกลาโหม หรือของรัฐบาลฝ่ายบริหารแต่เพี ยงฝ่ายเดียว ดังนั้นการที่หน่วยงานรัฐจะต้ องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรั ฐธรรมนูญนั้น กองทัพอากาศควรที่จะต้องไปพิ จารณาและปฏิบัติให้เป็ นไปตามหมวดที่ 5 ว่าด้วย “หน้าที่ของรัฐ” ในมาตรา 51 มาตรา 53 ประกอบมาตรา 62 และมาตรา 63 ด้วย จึงจะถูกต้อง - 3) การอ้างมาตรา 52 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ว่ารัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่
งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราชอธิปไตยบูรณภาพแห่ งอาณาเขต และเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิ ปไตย เกียรติภูมิ และผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพื่อประโยชน์แห่งการนี้ รัฐต้องจัดให้มีการทหารที่มี ประสิทธิภาพนั้น ข้ออ้างดังกล่าวนั้น สอดคล้องกับรูปธรรมที่เกิดขึ้ นจริงกับบูรณภาพแห่งอาณาเขต และเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิ ปไตย เกียรติภูมิ และผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐอย่างไร เมื่อเทียบกับ กรณีเขาพระวิหาร กรณีที่มีชาวกัมพูชาเข้ามายึ ดครองที่ดินทำกินบริเวณหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว กรณีพื้นที่ทับซ้อนแหล่งปิ โตรเลียมกลางอ่าวไทย และล่าสุดกรณีการอนุญาตให้ สถาปนิก และวิศวกรจีนเข้ามาก่อสร้ างและดำเนินการรถไฟความเร็วสูง อย่างไร กองทัพอากาศได้ปฏิบัติหน้าที่ สอดคล้องกับกรณีที่เกิดขึ้นอย่ างไรบ้าง ทั้งนี้มาตรา 52 ดังกล่าวเป็นการบัญญัติให้ “รัฐต้องจัดให้มีการทหาร การทูต และการข่าวกรองที่มีประสิทธิ ภาพ” ไม่ใช่กำหนดให้ “รัฐต้องจัดให้มีการซื้อเครื่ องบิน T-50TH ไว้” แต่อย่างใด ซึ่งในยุค 4.0 นี้เขาใช้การทูต และการข่าวกรองที่มีประสิทธิ ภาพในการรักษาบูรณภาพแห่ งอาณาเขต สิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิ และผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐกันแล้ว ไม่ใช่ “การสะสมอาวุธ” ดังที่กระทรวงกลาโหมกำลังดำเนิ นการในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา และในรอบ 50 ปีที่ผ่านมากองทัพไทยได้ สะสมอาวุธยุทโธปกรณ์ มากมายมหาศาลจนเกินจำเป็นแล้ว ยังไม่เพียงพอที่จะใช้ป้องกั นประเทศหรือรักษาความมั่นคงแห่ งรัฐอีกหรือ ? - 4) ข้อกล่าวอ้างที่ว่าการจัดซื้
ออาวุธยุทโธปกรณ์สอดคล้องกับหลั กปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ถามหน่อยเถิดว่า สอดคล้องกับหลักความพอประมาณ หลักความมีเหตุผล หลักความโปร่งใส และมีขั้นตอนที่ สามารถตรวจสอบได้อย่างไร ประชาชนคนธรรมดาสามารถตรวจสอบกร ะบวนการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ของกองทัพได้อย่างไร โดยวิธีการใด และยุทธศาสตร์การป้องกั นประเทศกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2555 ที่กล่าวอ้างนั้น กระทรวงกลาโหมได้เปิดโอกาสให้ ประชาชนเจ้าของประเทศที่แท้จริ งเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดยุ ทธศาสตร์ ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้อย่างไร
แถลงการณ์ สมาคมองค์ การพิทักษ์รัฐธรรมนู ญไทย ระบุด้วยว่า สมาคมฯ จะไปแถลงรายละเอี ยดและประเด็นการคัดค้านอีกครั้ งในวันพุธที่ 19 ก.ค. พ.ศ.2560 เวลา 10.00-12.00 น. ในเวทีอภิปรายสาธารณะ “แก้ปัญหาคอรัปชั่น ชาตินี้หรือชาติหน้า ? (ครั้งฉุกเฉิน 2) ณ ห้องประชุมมูลนิธิ 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ถ.ราชดำเนิน กรุงเทพฯ และจะนำความไปหาข้อยุติโดยยื่ นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันพฤหั สที่ 20 ก.ค. 2560 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ อาคาร A ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ กทม.ด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น