วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554


แก้รัฐธรรมนูญอีกครั้ง

โดย ผศ. เสถียร ชาวไทย
            เป็นที่แน่ชัดว่า จะมีการแก้รัฐธรรมนูญอีกครั้ง ซึ่งเป็นนโยบายหนึ่งของรัฐบาลปัจจุบัน มีทั้ง ฝ่ายที่เห็นด้วย และ ไม่เห็นด้วย ถือเป็น เรื่องปกติ ไม่ว่าในสังคมภายใต้การปกครองระบอบใด

            การแก้รัฐธรรมนูญสำหรับประเทศไทย เรียกได้ว่า เป็น งานประจำ ก็น่าจะไม่ผิด เพราะแทบทุกรัฐบาลล้วนมีแรงผลักดันให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลชุดนี้ได้ประกาศเป็น นโยบาย ในการหาเสียงด้วยซ้ำไป

            รัฐธรรมนูญไทยจำนวน 18 ฉบับ ภายในระยะเวลา 70 กว่าปี ต้องถือว่า มาก และ เฟ้อ ที่สุดในโลก แสดงสถานภาพ ทางการเมืองและสังคมของไทยว่าเป็นอย่างไร มั่นคง หรือ ไม่มั่นคง ยึดหลักการ หรือ หลักกู/หลักกลุ่ม

            เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ประเทศไทย ล้ำหน้า ใครทั้งหมดในเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ
            จะแก้กี่ครั้งกี่หนก็ไม่น่ารังเกียจ ถ้าการแก้นั้นทำเพื่อ ประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ จริง ๆ แต่ถ้าทำเพียงเพื่อใช้เป็น เครื่องมือ ในการแย่งชิงผลประโยชน์กันของคนบางกลุ่มจำนวนน้อย รัฐธรรมนูญก็จะกลายเป็นเพียง ข้อความบนกระดาษ ที่จะฉีกทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ และมันไม่มีความ สำคัญอะไรในหัวใจประชาชน สมกับชื่อที่เรียกกันติดปากว่า กฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ

            กฎหมายสูงสุด น่าจะมี ความมั่นคง น่าเคารพ น่าเกรงขาม... แต่เท่าที่ผ่านมา ลักษณะดังกล่าวไม่มีเลย เพราะเราเอาของสูงมาเล่นกัน (ขอใช้ภาษาหยาบ ๆ หน่อยว่า) เอามากระทืบกันอย่างป่นปี้ นักการเมือง (รวมทั้งผู้อยู่เบื้องหลัง) และ ชนชั้นปกครอง ต้องรับผิดชอบมากกว่าประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะประชาชนที่สูญเสียชีวิตเพราะ ความขัดแย้ง ที่เกิดจากรัฐธรรมนูญ

            การแก้ฯ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน มีการ ต่อต้าน การแก้ด้วยเหตุผล (ข้ออ้าง) มากมาย แต่ที่น่า  อดสูใจที่สุด คือ ต่อต้านเพราะ จะแก้เพื่อคนคนเดียว (อะไรทำนองนั้น) พูดให้ชัดคือจะแก้เพื่อ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร

          ทำไม? คนคนนี้ (พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) จึงมีความสำคัญเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่อีกไม่กี่สิบปี เขาก็จะลาโลกนี้ไปแล้ว (ประมาณว่าอายุ 100 ปีก็แล้วกัน)

            เรา (บางคน/บางกลุ่ม) จะ กลัว โกรธ เกลียด อะไรนักหนากับคนคนนี้ถึงกับ กันท่า แทบทุก ๆ เรื่อง ในขณะที่ เขา (พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) บินไปได้แทบทุกประเทศ

            ยิ่ง กลัว โกรธ เกลียด ก็ยิ่งทำให้เขา เด่น ดัง ยิ่งขึ้น ซึ่งสะท้อนว่า สาเหตุที่ กลัว โกรธ เกลียด นั้น มันไม่สมเหตุสมผล มี อคติ ตรงกับที่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ประกาศมาตลอดว่าเขาถูก กลั่นแกลง ถูกกระทำ อย่างไม่ยุติธรรม และทำให้ทั้งโลกเชื่อว่าเป็นจริง

            ที่พูดเช่นนี้ ไม่มีเจตนาจะเข้าใครออกใคร แต่ต้องการชี้ว่า มันน่าเบื่อหน่ายกับการกระทำ   เดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก เหมือน แผ่นเสียงตกร่อง โลกเขาไปไกลถึงไหนเราก็ยังวนเวียนอยู่กับเรื่องคนคนเดียว

            จะแก้รัฐธรรมนูญก็แก้ไปเลยตามกระบวนการ จะ เห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วย ก็แสดงเหตุผลกันเป็นกิจจะลักษณะ ตาม ระบบ และ กระบวนการ เหตุผลจะ แพ้หรือ ชนะ ก็ต้องยุติตามที่ตกลงกันตามกติกา แล้วถือปฏิบัติตามนั้น

            มองธรรมดา ๆ ไม่เห็นเป็นเรื่องที่ ยาก และ ซับซ้อน อะไร มันจะยากก็เพราะ การไม่เปิดใจกว้าง ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ตามยุคสมัย ภายใต้ การปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยที่ยึดหลัก ผลประโยชน์ของประชาชน โดยประชาชน และ เพื่อประชาชน  

            ถ้าการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ ยังยุติความ ขัดแย้ง ต่าง ๆ ไม่ได้ ยังยอมรับกติกากันไม่ได้ ยังเล่นกันนอกบท นอกกติกา (เช่น ฉีกรัฐธรรมนูญ – รัฐประหาร) คงเหลืออยู่หนทางเดียวในการแก้ปัญหา คือ สงครามกลางเมือง ให้ตายไปข้างอย่างหลาย ๆ ประเทศ (แม้ใกล้บ้านเรา) ผ่านมาแล้ว ฆ่ากันมาแล้ว จน ตาย และ/หรือไปหาสิ่งที่ดีกว่า

            เชื่อว่า ไม่มีใครต้องการเช่นนั้น แต่ไม่ว่าจะต้องการหรือไม่ก็ตาม ถ้า ความคิด และ การ กระทำ ยังเป็นแบบเดิม ๆ จมปลักอยู่แต่กับผลประโยชน์ของ บางคน บางกลุ่ม จำนวนน้อย โดยไม่ใส่ใจในผลประโยชน์ของ ประชาชนส่วนใหญ่ อย่างแท้จริง สิ่งที่ใคร ๆ ไม่ต้องการก็เกิดขึ้นได้ในประเทศนี้

            แก้ก็แก้เถอะครับ รัฐธรรมนูญ ให้เป็นการแก้เพื่อ สิ่งที่ดีกว่า มั่นคงกว่า ประชาชนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์มากกว่า แม้หลาย ๆ คน โดยเฉพาะคนที่ มีโอกาสดีกว่าในสังคม จะ สูญเสียหรือลด โอกาส และ ผลประโยชน์ของตนลงบ้าง ก็ต้องยอม เพราะนั่นคือทางรอดของ สังคม และ ปัจเจกบุคคล รวมทั้งเหล่าท่านทั้งหลายที่มี โอกาสดีกว่า ในสังคม.//
“ผศ. เสถียร ชาวไทย..จ..พะเยา”

http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น