วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554



สงครามเปลี่ยนระบอบยังไม่ยุติ
 สงครามเปลี่ยนระบอบยังไม่ยุติ
บทความพิเศษโดย...นายฉลาด ยามา
วันที่ 28 ตุลาคม 2554
          ในขณะนี้ วิกฤตมหาอุทกภัย ยังถาโถมกระหน่ำสู่พื้นที่ต่างๆที่ประชาชนอาศัย จะเป็นเขตอุตสาหกรรม ชุมชนหมู่บ้านอย่างเท่าเทียมกันในหลายจังหวัด เรียกได้ว่าน้ำดำเนินการไปด้วยมาตรฐานเดียวอย่างทั่วถึงจริง แม้บางพื้นที่ประชาชนจะพยายามจะสร้างสองมาตรฐานให้กับน้ำ แต่ก็ต้องล้มเหลวกันอย่างไม่เป็นท่ามาแล้วในจำนวนหลายพื้นที่

                 การรักษามาตรฐานของน้ำมันช่างแตกต่างกับสิ่งที่มนุษย์ได้กระทำคนละด้านทีเดียว น้ำรักษามาตรฐานของตนเองได้อย่างมั่นคงเสมอมาโดยปกติ แต่มาตรฐานของมนุษย์ซึ่งเป็นผู้มีสมอง มีความคิด สามารถแยกแยะอะไรดี อะไรไม่ดีและเลือกที่จะทำแต่ในสิ่งดีๆ มนุษย์ไม่สามารถรักษามาตรฐานเดียวกันได้ แปลกแต่เป็นเรื่องจริง ซึ่งมีเหตุการณ์สองมาตรฐานที่มนุษย์สร้างขึ้นมีให้เห็นโดยตลอดนั้นเป็นระยะเวลานานผ่านช่วงหลายอายุคนมาแล้วไม่ทราบว่ากี่ชั่วชีวิตคน และปัจจุบันมนุษย์ยังคงรักษาความเป็นสองมาตรฐานได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายไม่ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใดเลย

          เขียนมาทั้งหมดหลายท่านก็คงจะงงว่าผู้เขียนเขียนเรื่องอะไรงงมากๆ อย่าเพิ่งงงครับท่านผู้เจริญ
เป็นที่ยอมรับได้อย่างแท้จริงว่าที่ตั้งหัวข้อเรื่องว่า”สงครามเปลี่ยนระบอบยังไม่ยุติ”สงครามในความหมายตามหัวข้อเรื่องนี้ หลายท่านอาจจะคิดว่าสงครามที่ต้องต่อสู้ในขณะนี้คือ การแก้ปัญหาอุทกภัยอันทำให้ประชาชนต้องประสบกับความเดือดร้อนเป็นจำนวนล้านๆคน อันนี้เป็นการแก้ปัญหาอุทกภัย ซึ่งเป็นภัยตามธรรมชาติมิใช่สงครามตามชื่อเรื่อง

           การต่อสู้กับวิกฤตมหาอุทกภัยที่กำลังดำรงอยู่ ขณะนี้รัฐบาลได้ระดมสรรพกำลังของหน่วยงานของรัฐทุกฝ่าย และภาคประชาชนอีกเป็นจำนวนไม่น้อยที่มีมีจิตอาสาเข้ามาร่วมกับรัฐบาลในการแก้ปัญหากับวิกฤตมหาอุทกภัยอย่างเต็มกำลังความสามารถ อันเป็นการบ่งบอกว่ายามพบกับวิกฤตคนไทยจำนวนมากมาร่วมด้วยทั้งนำปัจจัยสิ่งของและแรงงานโดยไม่มีการต่อรองหรือเรียกร้องผลประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง ลาภยศอะไรทั้งสิ้น ผู้เขียนขอคารวะการกระทำของบุคคลทั้งหลายเหล่านี้ด้วยความจริงใจ และขอเชิดชูการกระทำความดีของท่านทั้งหลายจารึกไว้ในจิตใจของผู้เขียนตลอดไป


          ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน การแก้ปัญหาวิกฤตมหาอุทกภัยนั้นเชื่อว่าปัญหานี้คงจะยุติในเร็วๆนี้ แต่ศึกในสงครามการเปลี่ยนระบอบคือ ระบอบการปกครองของประเทศ นับวันแต่จะรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล กำลังถูกข้าศึกถล่มอาวุธนานาชนิดแบบไม่ยั้งมือทีเดียว อาวุธที่กล่าวถึงนี้เป็นอาวุธมาในรูปสื่อต่างๆ จะเป็นสิ่งพิมพ์หรือหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เน็ต เฟสบุ๊ค หรือที่เรียกว่าโลกไซเบอร์ ฯลฯ สื่อต่างๆเหล่านี้นำความเท็จในสัดส่วนมากกว่าความจริงเสนอต่อประชาชน โดยเฉพาะข้อความอันเป็นเท็จนั้น เช่น การใส่ร้ายในแง่มุมต่างๆกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อหวังผลให้รัฐบาลนำโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับความเสียหาย และนำไปสู่การปลุกระดมมวลชน ในวันที่การใส่ร้ายป้ายสีจนประชาชนส่วนใหญ่ มีความเห็นคล้อยตามกับพวกสื่อต่างๆที่ไร้จรรยาบรรณ ไม่คำนึงถึงความถูกผิดเพียงแต่หวังว่า สิ่งที่ตัวเองนำเสนอต่อประชาชนนั้นแม้จะไม่เป็น ความเท็จโดยสมบูรณ์แบบอย่างไร ก็ไม่สามารถทำให้สื่อชั่วๆทั้งหลายเหล่านี้เกิดความละอายแก่ใจตัวเองแต่อย่างใด ขอให้บรรลุวัตถุประสงค์ของตัวเอง 


          แม้ประเทศจะต้องพบกับความเสียหายประชาชนจะเดือดร้อนอย่างไร เขาไม่เดือดร้อนก็พอ พวกเขาไม่สนใจเพียงขออย่างเดียว ขอให้สิ่งที่พวกเขากระทำบรรลุตามวัตถุประสงค์ของพวกเขา ก็ถือว่าเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ และเป็นผลงานที่เจ้านายของพวกเขาบรรลุตามเป้าหมาย และพวกสื่อเลวๆพวกนี้ก็จะมีรางวัลตอบแทนมีมูลค่าเป็นเงินจำนวนมาก โดยไม่รวมรายการจ่ายในระหว่างปฏิบัติหน้าที่นั้น ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในขณะปฏิบัติหน้าที่เป็นการกระทำงานที่คุ้มค่ามากทีเดียว

          วัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของคนพวกนี้คืออะไร เป็นคำถามที่มีคำตอบได้ทันทีว่า เขาต้องการแย่งชิงอำนาจรัฐจากรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยแท้ เป็นการยากที่จะล้มรัฐบาลของประชาชน ด้วยเหตุนี้สื่อทุกสาขาทุกแขนง จึงถล่มโจมตีข้อความอันเป็นเท็จมากกว่าความจริง ทำให้ประชาชนเชื่อไปตามนั้น แล้วก็เมื่อถึงโอกาสก็จะทำการชุมนุมขับไล่รัฐบาล โดยข้อกล่าวหาว่าไม่มีความสามารถในการบริหารประเทศชาติ และขาดความชอบธรรม ตามความเท็จที่พวกเขานำเสนอต่อประชาชนไว้แล้ว

           เหตุการณ์ทั้งหมดตามที่นำเสนอมานี้ ขอให้ท่านผู้อ่านจงตั้งสติและตรวจสอบข้อมูลของสื่อ จะเป็นสื่อประเภทไหนก็ตามนำเสนออย่าได้เชื่อทันที และขณะนี้ศึกด้านฝ่ายสื่อถล่มโจมตีรัฐบาลเริ่มมาก่อนเลือกตั้ง และการเลือกตั้งฝ่ายรัฐบาลปัจจุบันก็ชนะแบบขาดลอย แต่คนกลุ่มนี้ก็ไม่ยอมรับว่าอำนาจของประชาชน ได้เลือกรัฐบาลเป็นตัวแทนของตนเอง โดยเขาเห็นว่าอำนาจของประชาชนไม่ศักดิ์สิทธิ์ หรือมีเหตุผลอะไรที่จะไปยอมรับ เพราะการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามความต้องการหรือฝ่ายของตัวเอง คนพวกนี้หรือฝ่ายนี้มีอัตตาสูงมาก(เห็นแก่ตัว)นั่นคือ เขาถือว่าฝ่ายพวกเขามีศักดิ์ศรี มีฐานะเหนือกว่าประชาชน ประชาชนด้อยกว่าคนฝ่ายของพวกตน เมื่อแพ้การเลือกตั้ง พวกเขาหรือฝ่ายเขาจึงไม่อาจจะยอมรับได้ ความคิดเห็นที่คนพวกนี้ประเมินว่า ประชาชนที่ลงคะแนนเสียงให้พรรคเพื่อไทย เป็นพันธุ์มนุษย์ที่ต่ำต้อย โง่เขลา ปัญญาอ่อน เชื่อถืออะไรไม่ได้ ซึ่งต่างจากพวกเขา ที่เป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษ ซึ่งสามารถบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามใจปรารถนา และเหนือกว่านั่นเอง

             ด้วยเหตุดังที่นำเสนอมาแล้ว นายกรัฐมนตรี น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงเป็นเป้าหมายให้กับคนเหล่านี้โจมตี โดยนำเอาความเท็จเสนอต่อประชาชนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยแต่ประการใด และยังจะดำเนินต่อเนื่องไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายของคนพวกนี้หรือฝ่ายนี้จึงจะยุติ


           เมื่อนำเสนอมาถึงจุดนี้ มีผู้อ่านหลายท่านคงจะเข้าใจได้ แต่จำนวนผู้อ่านอีกจำนวนหนึ่งก็คงจะงง ๆ อยู่ หยุดงงได้แล้วครับ คนกลุ่มดังที่กล่าวเป็นคนของฝ่าย”อำมาตย์”ทั้งนั้น เพราะอำมาตย์เขาควบคุมกลไกของรัฐไว้ได้ทั้งหมด นอกจากจะมีอำนาจควบคุมกลไกรัฐได้เบ็ดเสร็จก็ตาม แต่เขาจะทำอะไรแบบผลีผลามหรือโจ๋งครึ้มเช่นที่เคยทำมาแล้วในอดีตไม่ได้ จึงใช้วิธีเปิดแนวรบโดยใช้สื่อที่อำมาตย์สั่งได้และพร้อมจ่าย ดำเนินการรบในด้านนี้อย่างไม่ยั้งมือ เพราะในอดีตเขาจะใช้วิธีเอาทหารออกมายึดอำนาจเป็นส่วนมาก แต่ในอนาคตต่อไปนี้จะใช้ทหารมายึดอำนาจคงยากแล้ว เพราะจะได้รับการต่อต้านอย่างรุนแรง ยุทธศาสตร์ของพวกอำมาตย์จึงนำวิธีการรบด้วยการใช้สื่อที่เขาสั่งหรือจ่ายได้ทุกแขนงให้ดำเนินการกันอย่างเต็มที่และทำทุกวันทุกเวลาที่มีโอกาสทำได้

          จึงสรุปนำเสนอต่อท่านผู้อ่านขอได้ทราบว่า ”สงครามยังไม่ยุติ” ก็คือสงครามระหว่าง“ฝ่ายประชาธิปไตย” ซึ่งประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจนี้กับ ”ฝ่ายอำมาตยาธิปไตย” ซึ่งมีกลุ่มบุคคลเพียงไม่กี่คนมีอำนาจในการกดขี่ข่มเหง ขูดรีด ฉ้อโกงทรัพยากรของชาติ และทำร้ายให้บาดเจ็บ หรือถึงกับเสียชีวิตตามความต้องการได้โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายและกฎหมายก็ทำอะไรกับคนพวกนี้ไม่ได้

           การปะทะกันระหว่างฝ่าย ”ประชาธิปไตย” กับฝ่าย ”อำมาตย์” เป็นสงครามเปลี่ยนระบอบให้เป็นประชาธิปไตยยังไม่ยุติ 


           ผู้อ่านที่รักประชาธิปไตยและความยุติธรรม เตรียมตัว เตรียมกาย เตรียมใจ เตรียมทุกอย่างให้พร้อมเสมอจะประมาทมิได้เลยแม้แต่เพียงพริบตาเดียว เพราะศึกใหญ่ในสงครามเปลี่ยนระบอบนี้ จะเกิดขึ้นและรุนแรงชนิดที่เราคาดไม่ถึงทีเดียว 


           แต่ถ้าการคาดการณ์ดังกล่าวนี้ไม่เกิดในอนาคต สงครามก็ยุติ แต่โดยข้อเท็จจริงเป็นไปได้ยาก เว้นแต่ฝ่าย ”อำมาตย์” ยอมรับให้ประชาชนปกครองตนเอง ตามระบอบ “ประชาธิปไตย” เช่น นานาอารยะประเทศที่ทั่วโลกเขายึดเป็นกติกา และปฏิบัติตามโดยเคร่งครัดแล้ว วันนั้นแหละ เป็นวันที่สงครามเปลี่ยนระบอบจาก ”อำมาตย์” เป็น “ประชาธิปไตย” ก็จะยุติลงทันที
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น