วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555


ปัญหาภาคใต้แก้ผิดทาง
สนามหลวง...ชี้  ปัญหาภาคใต้แก้ผิดทาง
หมายเหตุ

           กราบเรียนท่านผู้อ่านว่า สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม     DDTV วัดดวงแข ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ของพระพุทธศาสนาที่กำลังมีบทบาทในการกะเทาะปัญหาความ “ไม่มั่นคง” ของสังคมไทย ซึ่งกระทบถึงความมั่นคงของประเทศไทยอย่างร้ายแรง ได้ให้ผม “สอาด จันทร์ดี” ไปออกรายการร่วมกับพระอาจารย์ “ณรงค์ฤทธิ์ อุปรกฺขิโต” จากวัดมหาธาตุ และพระอาจารย์พจนารถ ปภาโส จากวัดราชบพิธในรายการตระเวนฅน ตระเวนธรรมประจำวันทุกวันอังคาร ตั้งแต่เวลา 20.30 น. ถึง 22.00 น.

            โดยได้นำปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เอาขึ้นมาถกกันอย่างเอาจริงเอาจัง

            เริ่มตอนที่ 1 คาร์บอม (ระเบิด) ลี การ์เด้นส์ ที่หาดใหญ่  หลังจากนั้นก็ได้พรรณนาความชั่วร้ายของกองโจร  RKK(อาร์เคเค) ไปจนถึงกระบวนการโจร [PULO] พูโล แห่งปัตตานี

            เมื่อรายการนี้แพร่ภาพและเสียงไปทั้งในและนอกประเทศ ก็ได้มีโทรแสดงความคิดเห็นมามากมาย หลายความเห็นบอกว่า เรื่องราว โจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนภาคใต้พวกนี้ เป็นภัยต่อแผ่นดิน จึงถามว่าเหตุไรคนไทยทั้งประเทศไม่สนใจ เหตุไรทางฝ่ายความมั่นคง (รัฐบาลและทหาร)จึงมองปัญหาไม่ออก พีน้องสงสัยว่าจะมีไส้ศึกมากมายทั้งในทำเนียบ สภาผู้แทน และในกระทรวงทบวงกรมฯเป็นแนวที่ 5 รุมหัวกันทำงานช่วยเหลือโจรแบ่งแยกดินแดน

ท่านเหล่านั้นเสนอแนะให้กระทรวงกลาโหมและ กอ.รมน.ขอให้ดูรายการนี้ จะได้รู้ปัญหา

            ในเวลาเดียวกัน ผมก็ได้รับ “บทความ” ชิ้นสำคัญของ “สนามหลวง” ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาภาคใต้ที่กำลังทำอยู่ เป็นการแก้ผิดทาง 

ผมจึงขอมอบต่อผู้อ่านที่รักชาติ-รักประเทศไทยจะได้อ่านต่อไป ดังต่อไปนี้
ปัญหาภาคใต้แก้ผิดทาง โดย... สนามหลวง

            วันที่ ๒๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์รายวัน ตีพิมพ์บทความ ของ คุณไชยยงค์  มณีพิลึก เรื่อง จับตาแผนบีอาร์เอ็น ‘ ทุบทีละนิ้ว กินทีละคำ ’ จ้องยึดครององค์กรปกครองท้องถิ่น! รีบแก้ก่อนสาย มีความตอนหนึ่งที่น่าสนใจกล่าวว่า “แต่ถ้าจำนวนผู้เสียชีวิตที่มากกว่า ๑๐๐ ศพ ใน ๗ ปี ที่เป็น บุคลากรของ อปท. เป็นฝีมือของ “แนวร่วม” ขบวนการแบ่งแยกดินแดน ย่อมหมายความว่า อบต.ในพื้นที่ ๓ จังหวัด เป็นหน่วยงานหนึ่งที่อยู่ในแผนการยึดครองของ “แนวร่วม”เนื่องจากมีข้อสังเกตว่า เจ้าหน้าที่ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็น “ไทยพุทธ” จึงเป็นไปได้ที่ “แนวร่วม” ต้องการสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้น และให้มีการย้ายออกจากพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ “ไทยพุทธ” 

            ซึ่งสุดท้าย “แนวร่วม” จะสามารถกำหนดตัว ผู้บริหาร อบต. และเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นคนของตนเองเข้าไปบริหาร เป็น ยุทธศาสตร์ “ทุบทีละนิ้ว” และ “กินทีละคำ”ของ ขบวนการแบ่งแยกดินแดน เช่นเดียวกับที่มีแผนในการ “ฆ่าครู” เพื่อต้องการ ขับไล่ ครูออกจากพื้นที่ ทางอ้อม……ฉะนั้น การเสียชีวิตเป็น “ใบไม้ร่วง” ของเจ้าหน้าที่ อปท.ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้อง “สะสาง” ให้ชัดเจน รวมทั้งต้องเร่งป้องกันความสูญเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ รวมทั้งสกัดกั้นแผนของขบวนการแบ่งแยกดินแดน ที่กำลังเตรียมการเข้า “ยึดครอง” องค์กรปกครองท้องถิ่น เพื่อชัยชนะทาง “การเมือง” ตามแผนบันได 7 ขั้น ที่ขบวนการฯมีการ “ตั้งธง” เอาไว้แล้ว.”

            วันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๕  หนังสือพิมพ์เดลินิวส์รายวัน ตีพิมพ์บทความของ คุณไชยยงค์ มณีพิลึก เรื่องระวังเมษายนอันตราย คาร์บอมบ์ ถล่มใต้ แนะยกเครื่องศูนย์ป้องกันปราบปรามโจรกรรมรถยนต์มีความตอนหนึ่งที่น่าสนใจกล่าวว่า“ สถานการณ์ การก่อการร้ายใน 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ซึ่งมีเหตุร้ายรุนแรงมากขึ้น และมีแนวโน้มว่าในเดือน เมษายน ที่จะถึงนี้ มีปัจจัยที่นำสู่ความรุนแรง ของการก่อการร้ายคือข่าวจากหน่วยข่าวความมั่นคงที่ได้รับจาก “สายข่าว” ในพื้นที่ว่าแกนนำ ของกลุ่มนักรบ ฟาตอนี หรือ อาร์เคเค” ได้สั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตที่ แกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดนมีอิทธิพล จัดหาเครื่องแบบ เครื่องหมายของตำรวจ ทหาร อบต.ละ 20 ชุด ส่งมอบให้กับอาร์เคเคภายในสิ้นเดือนมี.ค.นี้ และยังมีการสั่งการของ แกนนำ” ถึงบรรดาเจ้าของเต็นท์รถมือสองใน 4 จังหวัด คือ สงขลา ปัตตานี ยะลา และ นราธิวาส เครือข่ายค้ายาเสพติดที่เป็นกลุ่มสนับสนุนทางการเมืองให้กับขบวนการแบ่งแยกดินแดน จัดเตรียมรถยนต์ด้วยการอำพราง ดัดแปลง ให้คล้ายกับรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ที่ใช้อยู่ในพื้นที่ ให้อยู่ในลักษณะความพร้อมในการใช้งาน…ปัญหาเฉพาะหน้าในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นเดือนที่ “แกนนำ” ใช้เป็นสัญลักษณ์ ในการเคลื่อนไหว ก่อความรุนแรง จากเหตุการณ์ ล้อมปราบที่ มัสยิดกรือเซะ จ.ปัตตานี จนมีคนตายจำนวน 28 คน ซึ่งจากข่าวการจัดหาเครื่องแบบตำรวจ และการจัดเตรียมรถยนต์ ให้มีความพร้อม แสดงชัดเจนว่า ต้องมีเหตุร้ายครั้งใหญ่อย่างแน่นอน 

            ในเมื่อ “แนวร่วม” มีการเตรียมการ และเตรียมพร้อมถึงขนาดนี้ ฝ่ายเรา ทั้ง กอ.รมน. และ ศชต. มีความพร้อมทั้งในการ รุกและตั้งรับ กันพร้อมเพรียงแค่ไหน อย่าคิดเพียงว่า การที่ “แนวร่วม” ฆ่าผู้บริสุทธิ์มากขึ้น เราจะชนะทาง “ยุทธศาสตร์” เพราะประชาชนจะเคียดแค้น เกลียดชัง ไม่สนับสนุน แก่ขบวนการ เราจึงย่อมเพลี่ยงพล้ำทาง“ยุทธวิธี” เพื่อเอาชนะทางยุทธศาสตร์ เพราะถ้าคิดกันได้แค่นี้ จะเข้าตำรา ถั่วสุก งาไหม้หายนะ จะอยู่คู่กับจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปอีกยาวนาน.”

            วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ สื่อสารมวลชนทุกแขนงรายงานข่าวโจรใต้ก่อเหตุลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ ๒ แห่งคือ บนถนนรวมมิตร เขตเทศบาลนครยะลา จ.ยะลา ๓ จุด มีผู้เสียชีวิต ๑๐ ราย และบาดเจ็บสาหัส ๑๐ ราย และ ที่โรงแรมลี การ์เดนส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีผู้เสียชีวิต ๕ ราย และผู้บาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้โจรใต้ยังก่อเหตุวางระเบิดจักรยานยนต์บอมบ์ ๑ แห่ง ที่ร้านขายข้าวแกง บริเวณปากทางเข้าที่ว่าการอำเภอแม่ลาน จ.ปัตตานี มีผู้บาดเจ็บ ๑ ราย

            วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕  ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ (DSW) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้สรุปเหตุความไม่สงบในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ จ.ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ ๔ อำเภอของ จ.สงขลา ตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๔๗ ถึง เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ รวม ๙๘ เดือน โดยมีสถิติเหตุความไม่สงบในพื้นที่รวม ๑๑,๕๔๒  ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตรวม ๑๓,๕๗๑ ราย แยกเป็นผู้เสียชีวิต ๕,๐๘๖ ราย  (แยกเป็นชาวไทยพุทธ ๑,๙๕๑  ราย ชาวไทยมุสลิม ๒,๙๙๖ ราย และไม่ระบุศาสนา ๑๓๙ราย)   และผู้ได้รับบาดเจ็บ ๘,๔๘๕ ราย (แยกเป็นชาวไทยพุทธ ๕,๑๔๑ ราย ชาวไทยมุสลิม ๒,๗๕๑ ราย และไม่ทราบศาสนา ๕๙๓ ราย)

             วันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕ หนังสือพิมพ์สยามรัฐรายวัน ในคอลัมน์แวดวงอิสลาม เขียนข่าวว่า โครงการ“สานใจไทย สู่ใจใต้” เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากดำริของ ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการมูลนิธิรัฐบุรุษฯ มูลนิธิรักเมืองไทย และมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่ หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคารไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง...พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการดำเนินโครงการ“สานใจไทย สู่ใจใต้” ในปีนี้เป็นรุ่นที่ ๑๗ ท่านประธานได้เปิดพิธีปฐมนิเทศครอบครัวอุปถัมภ์ของรุ่นนี้ไป

             เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๕....อารีย์ วงศ์อารยะ รองประธาน คณะกรรมการดำเนินโครงการฯ ให้โอวาทแก่เยาวชนใน ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการเข้าไปอยู่ในครอบครัวมุสลิม ที่อยู่ในภาคกลาง เช่นนนทบุรี นครนายก ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา ชลบุรี สระบุรี และ กรุงเทพมหานคร.....ประดิษฐ์ รัตนโกมลประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นหนึ่งของผู้ให้การปฐมนิเทศ ท่านให้ข้อคิดแก่เยาวชนที่เข้ารับการอบรมได้มีโอกาสเรียนรู้จากการได้ไปอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ ให้เยาวชนมีอิหม่าม และแสวงหาความก้าวหน้าในเทคโนโลยี่ที่ทันสมัย และสร้างความเข้าใจในการอยู่ร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การเสริมสร้างความสมานฉันท์และสันติสุขอันยั่งยืน..

              จากเวปไซด์ http://www.sbpac.go.th/index.php?

cmd=news&cate_id=1&mode=detail&id=1132  ศอ.บต.ส่งเสริมการสัมมนาคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ๑๕ จังหวัดภาคใต้ เร่งระดมความคิดพิจารณาปรับแก้ไข พ.ร.บ. การบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.๒๕๔๐  เมื่ออ่านข่าวนี้แล้วทำให้อดไปดูในhttp://th.wikipedia.org/wiki/ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ #cite_note-1
 งบประมาณศอ.บต. ในปีพ.ศ. ๒๕๕๕ มีจำนวนถึง ๑,๖๒๖.๐๓๖๑ ล้านบาท 
  
            จากข้อมูลที่นำมาเสนอนี้ ทำให้เชื่อได้ว่า รัฐบาลกำลังดำเนินการในนโยบายแก้ไขปัญหาใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ผิดพลาดอย่างมาก มาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๔ และทำให้ตระหนักถึงความอ่อนแอทางยุทธวิธีของทหาร ที่ไม่สามารถปราบปรามโจรใต้ให้ราบคาบ   ตราบใดที่ยังคงเน้นแก้ไขปัญหาโดยยกปัจจัยทางศาสนาเป็นตัวนำ   โอกาสที่ประเทศไทยจะสูญเสียดินแดนและชีวิตของพี่น้องไทยพุทธในท้องถิ่นก็จะยังคงอยู่ตราบนั้น   

              น่าสังเวชคือข้าราชการที่รับเงินเดือนอันเกิดจากภาษีของพี่น้องไทยพุทธเป็นส่วนมาก กลับมีใจไปรับใช้ศาสนาของคนกลุ่มน้อย ซึ่งเท่ากับสนับสนุนให้มีการทำร้ายไทยพุทธในพื้นที่มากขึ้น ดูต่อไปเถอะว่าในที่สุด พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ ๒๕๕๓ ที่ออกโดยพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นตัวเร่งให้เกิดการแบ่งแยกดินแดนในที่สุด ไม่ต้องเชื่อ ได้ทันเห็นแน่ ตราบใดที่ยังมีข้าราชการเลวๆ เช่นนี้อยู่

                                                           ๓ เมษายน ๒๕๕๕ เวลา ๐๗.๐๗ น.

ขอคิดเห็นปัญหาภาคใต้แก้ผิดทาง
1.  การนำเยาวชนใน ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการเข้าไปอยู่ในครอบครัวมุสลิม ที่อยู่ในภาคกลาง เช่นนนทบุรี นครนายก ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา ชลบุรี สระบุรี และ กรุงเทพมหานคร ทำไปเพื่ออะไร หรือมีความคิดที่ต้องการขยายพื้นที่ซึ่งจะกระทำในทำนองเดียวกันกับภาคใต้ใช่หรือไม่

2.   การดำเนินนโยบายของรัฐบาลตั้งแต่ที่ผมเกิดมา(จ. ยะลา) รัฐบาลทุกชุดให้ความสำคัญคนที่นับถือศาสนาอิสลาม มาก ส่วนคนไทยเชื่อสายจีนจะไม่ได้รับสิทธิต่างๆ ทั้งๆ ที่เป็นทำความเจริญสู่บ้านเมืองและให้ความร่วมมือกับทางราชการทุกครั้งที่ร้องขอมา
3.  นักการเมืองมีส่วนที่ทำให้บ้านเมืองเสียหายมากขึ้น เนื่องจากบุคคลเหล่านั้นไม่มีจิตสำนึกบุญคุณของแผ่นดิน 
4.  นักการเมืองมีส่วนที่ทำให้ข้าราชการไม่สามารถทำงานได้สะดวก 
5.  การวางระเบิดมีการทำมานานแล้วตั้งแต่ที่ผมเรียนหนังสืออยู่ที่ จ.ยะลา แต่ทุกวันนี้เป็นการยกระดับความรุนแรกขึ้นเรื่อยๆ
                 
             “โต  สนามหลวง”
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น