ดาวน์โหลดคลิ๊ปคนเสื้อแดง
วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
สถิติที่น่าสนใจของการใช้มาตรา 112 | |
รายงานพิเศษ: สถิติที่น่าสนใจของการใช้มาตรา 112 โดย *I Pad* และ สภ.ร้อยเอ็ด Fri, 2011-12-09 16:26 (อ้างอิงจาก เวบไซท์ประชาไท) กรณีศึกษาเมื่อสามัญชนฟ้องร้องบุคคลอื่นด้วยกฎหมายอาญามาตรา 112 ไอแพด-วิพุธ สุขประเสริฐ และสภ.ร้อยเอ็ด กับตัวเลขที่น่าสนใจเชิงสถิติ ภายใน 1 ปี กล่าวหาบุคคลทั่วไปว่ากระทำผิดมาตรา 112 ไปแล้วอย่างน้อย 15 ราย จากการถกเถียงท้ายบทความของประชาไทจำนวน 3 บทความ การฟ้องร้องกันด้วยกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า กฎหมายหมิ่นฯ กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งในแง่มุมของตัวบทกฎหมายและกระบวนการบังคับใช้ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความเห็นเกี่ยว กับกฎหมายมาตราดังกล่าวว่า การบังคับใช้ของกฎหมายนี้รุนแรงเกินไปโดยเฉพาะในแง่ของการฟ้องร้องที่เปิด โอกาสให้ใครก็ได้สามารถกล่าวโทษ ทั้งนี้ เขาเสนอแนะว่า อาจมีการตั้งหน่วยงานที่ทำหน้าที่สั่งฟ้องโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันไม่ให้กฎหมายดังกล่าวถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง รวมถึงพิจารณาลดบทลงโทษให้ผ่อนคลายลงกว่าเดิมด้วย อย่างไรก็ตาม แม้จะเริ่มมีแรงกระเพื่อมในเชิงวิพากษ์วิจารณ์ต่อกฎหมายดังกล่าว แต่ข้อเท็จจริงคือสถิติคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้น เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดภายในเวลา 5 ปี หลังการรัฐประหาร เฉพาะปี 2553 มีการดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาจำนวน ทั้งสิ้น 478 คดี เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า เทียบกับปี 2552 ซึ่งมี 164 คดี และปี 2550 จำนวนทั้งสิ้น 126 คดี ในช่วงเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งการเมืองไทยกำลังเข้มข้นด้วยขบวนการทั้งฝ่ายต่อต้านทักษิณและสนับสนุน ทักษิณ พื้นที่ท้ายข่าวของประชาไทถูกเปิดไว้ โดยผู้โพสต์ความเห็นท้ายข่าวของประชาไทมาจากหลากหลายอุดมการณ์และแนวคิด อย่างไรก็ตาม ในระยะเวลา 1 ปีกว่าที่ผ่านมา บรรยากาศการถกเถียงท้ายข่าวของประชาไทเริ่มคุกรุ่นด้วยการใช้กฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยผู้ใช้นามแฝงว่า I pad ซึ่งมักเข้ามาแสดงความเห็นโจมตีฝ่ายที่เห็นต่างอย่างรุนแรง หยาบคาย พร้อมทั้งขู่ว่าจะฟ้องร้องคู่สนทนาของตนเองด้วยมาตราดังกล่าวอยู่เนืองๆ ประชาไทติดตามสำเนาคำฟ้องที่ I pad นำมาโพสต์เพื่อยืนยันว่า ได้กระทำการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองร้อยเอ็ดจริง ได้ทั้งสิ้น 3 ครั้ง รวมผู้ถูกกล่าวหาทั้งสิ้น 15 คน จากจำนวนที่ไอแพดอ้างว่าเขาได้ร้องทุกข์กล่าวโทษผู้แสดงความเห็นท้ายข่าวประชาไทไปทั้งสิ้น 8 ครั้ง ทั้งนี้ จากการโพสต์ข้อความของ I pad ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ฟ้องร้องผู้โพสต์ข้อความท้ายข่าวประชาไททั้ง 15 รายนั้น ปรากฏในคำร้องทุกข์ของเจ้าพนักงานว่า ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษชื่อ นายวิพุธ สุขประเสริฐ ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.ร้อยเอ็ด และเป็นนักกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตย รายละเอียดของการฟ้องร้องแต่ละครั้งมีดังนี้ วันที่ 1 พ.ย. 2553 นายวิพุธ สุขประเสริฐ ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ. เมืองร้อยเอ็ด มีผู้ถูกกล่าวหาทั้งสิ้น 5 ราย เป็นผู้ใช้นามแฝงในการโพสต์ท้ายข่าวในเว็บไซต์ประชาไท 4 ราย และเว็บมาสเตอร์ประชาไท 1 ราย โดยร้องทุกข์กล่าวโทษว่าบุคคลดังกล่าวหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี ไม่ปรากฏว่า นายวิพุธอ้างข้อความใดว่าเป็นการกระทำผิดที่มีลักษณะดังกล่าว ไม่ปรากฏการอ้างอิง url ของเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเข้าข่ายการกระทำความผิดดังกล่าว วันที่ 6 ธ.ค. 2553 นายวิพุธ สุขประเสริฐ ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ. เมืองร้อยเอ็ด มีผู้ถูกกล่าวหาทั้งสิ้น 10 ราย เป็นผู้ใช้นามแฝงในการโพสต์ท้ายข่าวในเว็บไซต์ประชาไท 8 ราย เว็บมาสเตอร์ประชาไท 1 ราย และบรรณาธิการประชาไท 1 ราย ในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี ไม่ปรากฏว่า นายวิพุธอ้างข้อความใดว่าเป็นการกระทำผิดที่มีลักษณะดังกล่าว ไม่ปรากฏการอ้างอิง url ของเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเข้าข่ายการกระทำความผิดดังกล่าว วันที่ 11 ส.ค. 2554 นายวิพุธ สุขประสริฐ ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ. เมืองร้อยเอ็ด มีผู้ถูกกล่าวหาทั้งสิ้น 3 ราย เป็นผู้ใช้นามปากกาในการเขียนบทความ 1 ราย ผู้ใช้นามแฝงในการแสดงความเห็นท้ายข่าวในเว็บไซต์ประชาไท 1 ราย และเว็บมาสเตอร์ประชาไท 1 ราย ในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี ไม่ปรากฏว่า นายวิพุธอ้างข้อความใดว่าเป็นการกระทำผิดที่มีลักษณะดังกล่าว ไม่ปรากฏการอ้างอิง url ของเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเข้าข่ายการกระทำความผิดดังกล่าว บางครั้งที่ผู้ใช้นามแฝง Ipad ขู่ว่าจะฟ้องผู้โพสต์ข้อความท้ายข่าวประชาไท เขาจะนำเอาใบรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีซึ่งเจ้าพนักงานสอบสวนบันทึกไว้ มาโพสต์เพื่อแสดงความคืบหน้าในการดำเนินการ เช่น วันที่ 19 พ.ย. 2553
น่าจับตาดูว่า นายวิพุธ สุขประสริฐและสภ.เมืองร้อยเอ็ด จะสร้างสถิติในการเป็นบุคคลและเป็นสถานีตำรวจที่ฟ้องและรับฟ้องคดีหมิ่นฯ มากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยหรือไม่ ทั้งนี้ การที่กฎหมายมาตราดังกล่าวถูกใช้อย่างแพร่หลาย โดยบุคคลธรรมดาที่สามารถนำมาตราดังกล่าวไปร้องทุกข์กล่าวโทษแก่เจ้าพนักงาน ได้ และทางปฏิบัติ เจ้าพนักงานก็รับร้องทุกข์ไว้นั้น มีส่วนช่วยเพิ่มจำนวนคดีหมิ่นฯ ได้อย่างมีนัยยะสำคัญ บวกเข้ากับบรรยากาศทางการเมืองไทยมีความแตกต่างทางความคิดเชิงอุดมการณ์ อันนำไปสู่การถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับสถาบันหลักของประเทศ ซึ่งแม้เสรีภาพในการแสดงความเห็นจะเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่นานา ประเทศเคารพ ดังเช่นคำสัมภาษณ์ของ กงสุลสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยซึ่งแสดงความผิดหวังอย่างรุนแรงต่อกระบวน การยุติธรรมไทยที่ตัดสินโทษ นายโจ กอร์ดอนว่ามีความผิดตามมาตราดังกล่าว ว่า"เรายังคงเคารพสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่ในขณะเดียวกันเราก็สนับสนุนสิทธิในการแสดงออก ซึ่งเป็นหลักสิทธิมนุษยชนซึ่งได้รับการรับรองในทางสากล" แต่หลักการเช่นนี้ ยังเป็นสิ่งที่ต้องพิสูจน์ ไม่ใช่จากผู้มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายของไทยเท่านั้น แต่หมายถึงคนไทยทั่วๆ ไปด้วย "มาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี" ******************************************* | |
http://redusala.blogspot.com |
วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
ความปรองดอง เป็นฉันใด ? | |
ความปรองดองเป็นไฉน ?! โดย...สอาด จันทร์ดี บริบทแห่งความปรองดองดูเหมือนยังไม่ตกผลึก เพราะยังมีเสียง “คัดค้าน” ดังมารอบทิศ เสียงที่คัดค้านเหล่านั้นดังมาจากทุกฟากฝั่ง ไม่ว่าจะเป็นฝั่งพรรคประชาธิปัตย์ที่ก่นหาถ้อยคำเอามาขัดขวาง หาว่าจะปรองดองเพื่อคน-คนเดียว “คือ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร” ที่ยังคงระเห็จอยู่ต่างแดน ส่วนอีกฟากหนึ่ง คือเสียงกึกก้องจากคนเสื้อแดงที่ไม่เห็นด้วยที่จะปรองดองแล้วอภัยให้แก่นักฆ่ามหาโหด คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณกับพวกไม่น้อยกว่า 9 คน ที่ประชาชนรู้ดีว่า “เป็นใคร...?” ซึ่งได้ร่วมกันเข่นฆ่าประชาชนอย่างโหดเหี้ยมทารุณ ผู้คนสองฝั่งฟาก จึงมีแนวคิดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ข่าวแจ้งว่าเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2555 สภาได้รับเรื่อง พ.ร.บ. ปรองดอง ที่พลเอกสนธิ บุณยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ในฐานะ ส.ส. และในฐานะประธานความปรองดอง ได้ยื่นเรื่องเอาไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้กำหนดวันอภิปราย ข่าวว่ายังจะมีร่างของพรรคร่วมรัฐบาลกับร่างของ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีอีก 2 ร่าง รวมแล้วจะมีร่าง พ.ร.บ. ปรองดองถึง 3 ร่าง ที่จะให้สภาถกกันอย่างละเอียดรอบคอบ แล้วจะเลือกเอาร่างไหนเป็นร่างหลัก เพื่อจะหาหนทางประกาศเป็นกฎหมายแก้ไขความขัดแย้ง รวมไปถึงประกาศเป็นกฎหมายสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นกับชาติของเรา เราไม่อาจคาดเดาได้ว่า พ.ร.บ. ปรองดอง จะออกมาอย่างไร แต่พอจะคาดเดาเอาไว้ล่วงหน้าว่าจุดหมายปลายทางของ พ.ร.บ. ปรองดองที่กำลังเดินทางขึ้นแท่นในสภาผู้แทนราษฎร จะมีความร้อนแรงทั้งในการเพิ่มข้อขัดแย้งให้แก่ทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้เนื่องจาก ถ้าจะมีการ “อภัย” ให้ท่านทักษิณ ไม่ว่ากรณีใดๆก็จะถูกคนพวกนั้นออกมาต่อต้านสุดเหยียด ในเวลาเดียวกันหากแม้นว่า พ.ร.บ. ปรองดอง ไม่เอาผิด (นิรโทษ) ให้แก่พวกฆาตกรที่เห็นอยู่ตำตาว่ามันคือใครก็จะมีการคัดค้านแบบตายไม่เผาผีขนาดนั้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดข้อขัดแย้งครั้งใหม่ อันเกิดจากความเห็นไม่ลงรอยของคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่าย ผมได้มีโอกาสรับฟังความเห็นจากผู้หลักผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในรอบเดือนที่ผ่านมาเกี่ยวกับเรื่องความปรองดอง (นิรโทษ) ซึ่งพอจะสรุปออกมาได้ ดังนี้ ความเห็นของนายแพทย์ ประสงค์ บูรณ์พงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็นนักการเมืองสายประชาธิปไตย คร่ำหวอดกับระบบการเมืองไทยมาอย่างยาวนาน โดยมีความเห็นเกี่ยวกับการปรองดองเอาไว้ว่า “ฝ่ายประชาธิปไตยอย่าหุนหันพลันแล่น ต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ” มีสติและปัญญาหยั่งถึงต้นตอของปัญหาอันเกิดจากรากเหง้าสังคมไทยมันเต็มไปด้วยกลุ่มอำนาจที่เกาะเกี่ยวกันเป็นพวง พวกกลุ่มอำนาจเหล่านั้นไม่มีวันที่จะฉีกออกจากัน พวกเขายังคง “เกื้อกูล” ด้วยการเป็นพันธมิตรของกันและกัน ดังที่ทุกคนทราบดี แล้วก็ทราบดีว่าเราได้ถูกคนพวกนี้เข่นฆ่าราวีพวกเราอย่างสาหัสสากรรจ์เพียงใด พวกเขาเข่นฆ่าราวีพวกเราขนาดหนักเพียงใด ในที่สุดก็เอาผิดพวกเขาไม่ได้ นายแพทย์ประสงค์ บูรณ์พงศ์ กล่าวต่อไปว่า ถ้ายืนยันที่จะจัดการให้จบสิ้นในวันนี้ ก็เป็นการยากที่จะเรียกหาความปรองดองได้ ดังนั้น คนเสื้อแดงจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องไม่เอาความปรองดองขึ้นมาเป็นเงื่อนไข แต่เราสามารถที่จะใช้บริบทแห่งความปรองดองเอามาเป็น “หมากอีกหมายหนึ่ง” เพื่อจะทำให้เห็นว่าพลังของประชาชนที่รักประชาธิปไตย เป็นพลังบริสุทธิ์ นับแต่จะก้าวหน้า มีอำนาจต่อรองในสังคมมากยิ่งขึ้น นายแพทย์ประสงค์ บูรณ์พงศ์ ไม่ได้เรียกร้องให้คนเสื้อแดงยินยอมอย่างสิโรราบ แต่ก็ไม่ได้เรียกร้องให้แข็งขืน ประเภทยอมหักไม่ยอมงอ หากแต่ต้องการบทสรุปก็คือ “ให้รับฟังความคิดเห็นของ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยความรักและความเข้าใจ” ทั้งนี้เนื่องจากไม่มีใครรู้ลึกถึงจิตใจของทักษิณว่าได้รับ “ความบอบช้ำ” แสนสาหัสเพียงใด เราน่าจะรู้เองว่าท่านเผชิญชะตากรรมขนาดนั้น ยังทนอยู่ได้ ต่อมา ผมได้สรุปเอาเองว่า พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร ถูกเผด็จการเล่นงานอย่างหนัก ถูกทำร้ายทางการเมืองด้วยความเจ็บปวด ลองคิดดูเอาเถิดครับว่านอกจากจะต้องถูกตราหน้าว่าล้มเจ้า หาว่าเป็นหัวหน้าก่อการร้าย ยังมีข้อหาอื่นๆอีกมากมาย อันล้วนแต่แสนจะเจ็บปวด ซึ่งใครเจอเข้ากับตัวเองอาจจะบ้าตายแล้วก็ได้ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร ทนได้อย่างไร น่าเห็นใจอย่างยิ่ง เช่นถึงขั้นต้องหย่ากับครอบครัวเพื่อความปลอดภัยของลูกเมีย ต่อมา...ถูกยึดทรัพย์ ถูกคำสั่งลับให้ยุติบทบาททางการเมือง ให้หลบลี้หนีหน้าไปอยู่ประเทศอื่น ห้ามกลับเข้าประเทศไทย อย่างนี้เป็นต้น เมื่อมันร้ายแรงถึงขนาดนั้น ก็เป็นเหตุอย่างสำคัญที่จะเป็นปัจจัย “บีบคั้น” ให้ท่านทักษิณอยากใช้หลายแนวทาง เพื่อจะได้กลับสู่แผ่นดินเกิด ทั้งนี้โดยมีรัฐบาลที่เป็นของฝ่ายเราเป็น “กำแพง” ให้เอาหลังพิงให้ได้กลับสู่บ้านเกิดเมืองนอน ผมเขียนมาถึงตอนนี้ทำให้เกิดความสงสัยว่าพรรคเพื่อไทย และรัฐบาล น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเป็นกำแพงให้ “พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร” ได้กลับบ้านสำเร็จไหมหนอ ? หรือว่าจะเป็นเพียงภาพลวงตาให้แผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินอาถรรพณ์ ไม่รู้จักจบจักสิ้น ผมย้อนหลังมองดูอดีต นับแต่พระยามโนปกรณ์ ต้องไปตายที่ปีนัง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ร. 7 สวรรณคต ณ ประเทศอังกฤษ นายปรีดี พนมยงค์ สิ้นชีวิตที่ฝรั่งเศส จอมพล ป. พิบูลย์สงคราม จบชีวิตที่ญี่ปุ่น ดร. ป๋วย ไปตายต่างแดน เขียนถึงตอนนี้...ทำให้เกิดความฉงน ?..จนต้องถามว่าความปรองดองนี้...มันเป็นไฉน ? “สอาด จันทร์ดี” | |
http://redusala.blogspot.com |
พรบ.ปรองดอง จะเข้าสู่สภาฯ ภายใน สัปดาห์หน้า | |
| |
http://redusala.blogspot.com |
วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
ฝากคำถามถึงนปช.และแกนนำ… | |
ฝากคำถามถึงนปช.และแกนนำ… Started by ดาบมะเขือเทศ, Today, 09:55 AM Posted Today, 09:55 AM (อ้างอิงจาก เวบบอร์ด IF) ฝากคำถามถึงนปช.และแกนนำ…. โดย แด่เพื่อน ผู้เดือดร้อน เมื่อ 22 พฤษภาคม 2012 เวลา 15:50 น. · หากเพื่อนๆ ที่รู้จักมักคุ้นกันดี คงทราบว่าปกติแล้ว ปลา “แทบจะ” ไม่เคยเอ่ยก้าวล่วงใครจริงๆ จังๆ ให้ต้องเสียกำลังใจกันเลย แต่ งานรำลึกครบรอบ 2 ปี ในวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา บอกตามตรงว่า “เคือง” จนต้องยอม “ออกตัว พลีชีพ”... และเตรียมใจพร้อมรับความเห็นต่าง เพราะในวันนี้ เราคงจะต้องวิจารณ์อย่างไม่ต้องเกรงใจ และรักษาหน้า รักษายศกันอีก ไปเพื่อก่อร่างสร้างชีวิตประชาชนให้ “เป็นไท” อย่างแท้จริง จริงอยู่การต่อสู้ของคนเสื้อแดง ทุกคนทุกข์ยาก ลำบาก และสู้ร่วมกันมาอย่างอดทน ด้วยความเต็มใจ พี่ น้องประชาชนจำนวนมาก หลายคนหยุดงานสูญเสียรายได้ หลายคนอดหลับอดนอน ใช้จ่ายเงินทองที่หาได้ยากในสมัยนี้ เดินทางไกลหลายร้อยกิโล......เพื่อมาร่วมงาน ตากทั้งแดดร้อน และฝนตก แต่ทุกคน มาด้วยใจ เขาเหล่านี้มาเพื่ออะไร ??? ความทุ่มเทของเขาเหล่านี้ สมควรแล้วหรือ กับสิ่งที่เขาได้รับ - มาฟังขวัญชัย ไพรพนา พร่ำเพ้อถึงแต่วีรกรรม “ผมลงจากเวที คนสุดท้าย หลังจากจตุพรเข้ามอบตัว” ..... คุณขวัญชัยคะ ..... พูดเพื่ออะไร?? มวลชนอีกจำนวนมาก ยังคงยืนอยู่ ณ.จุดเดิม ....ในเวลาที่คุณ “หนี” ลงจากเวที และเขาเหล่านั้นละทิ้งลานประหารอีกนานหลายนาทีต่อจากนั้น พวกเขาเสี่ยงชีวิต น้อยกว่าคุณหรืออย่างไร ? คุณรู้จัก “คุณผุสดี งามขำ – หญิงเสื้อแดงคนสุดท้าย” ไหม?? ผู้หญิงคนนี้ ทำให้เราต้องใช้คำใหม่ เวลาคิดจะเรียกใครว่า “หน้าตัวเมีย” อย่างที่คุณเป็น.... ในวันที่พามวลชนไปอนุสรณ์สถาน - มาเพื่อบริจาคหรือ? …….. ไม่ว่า วันนี้ หรือก่อนหน้านี้ สิ่งหนึ่งที่เวทีนปช.ดูจะกระทำจริงจังเสียเหลือเกิน คือ การตั้งโต๊ะบริจาค .... ราวกับรีดเลือดกับปู จริงอยู่มวลชน อยาก”ให้” ด้วยนิสัยพื้นฐานส่วนใหญ่เป็นคนแบ่งปัน การใช้วาทกรรม “คนเสื้อแดงไม่ทิ้งกัน” ยิ่งบีบรัดลึงให้เขากระเบียดกระเสียรเงินที่มีอยู่น้อยนิด แบ่งปันบริจาคไป ด้วยหวังว่าสุดท้ายจะย้อนกลับมาหามวลชน ผลที่ได้คืออะไร.... ช่วงสลาย - เงินบริจาคมากมาย หายไปพริบตาพร้อมกับข่าวหน้าหนังสือพิมพ์หราว่าเกิดศึกภายใน น้องภรรยาคุณวีระรวบหัวรวบหาง เปิดแน่บ เงินบริจาคของมวลชนที่ควรจะใช้จ่ายฉุกเฉินสำหรับพี่น้องเราที่บาดเจ็บ ล้มตาย อยู่ไหน??? หลังสลาย 1 ปี – เวทีนปช.กลับมาใหม่ พร้อมตั้งโต๊ะรับบริจาคอีกครั้ง ด้วยข้ออ้าง... เพื่อเยียวยามวลชน ...ในฐานะที่เราติดตามเรื่องเยียวยาและเคยติดต่อประสานงานเช่นกัน คำถามคือ เงินนั้น ได้นำมาใช้ประโยชน์จริงๆ หรือ ติดต่อกี่ครั้ง จบลงที่....”นปช.ไม่มีเงินแล้ว” และระดมบริจาคใหม่อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หลังสลาย 2 ปี – ในวันที่ได้เป็นรัฐบาล และมีทีท่าว่ามวลชนจะได้รับเงินเยียวยา ... คุณยังคงตั้งโต๊ะบริจาคอยู่ เพื่อ??? ข้อนี้ หากใครจะเถียงแทน ได้โปรดเถียงมา เพราะอย่างน้อย จะได้ช่วยบรรเทาความเอือมระอาและผิดหวัง ในใจปลาให้น้อยลง การตั้งเวที ปลาเชื่อว่า คุณมีเงินสนับสนุนอยู่ก่อนแล้ว และอย่างน้อย หากใครสักคนจะต้องบริจาค ... มันสมควรแล้วหรือ ที่จะต้องเป็นมวลชนเสื้อแดงที่ส่วนใหญ่หาเช้ากินค่ำ ตรากตรำทำงานหนักและออกมาเรียกร้องเพื่อสิทธิและปากท้องที่ดีขึ้น - มาเพื่อ....จะโดนการ์ดวีไอพีทั้ง หลายผลัก ดัน และตะคอกตะคั้น เพื่อให้หลบทางให้แก่ “แกนนำอำมาตย์” จริงอยู่ ฉันเรียนรู้ และเข้าใจได้ เรื่องการรักษาความปลอดภัยในแหล่งคนพลุกพล่านและจำนวนมากเช่นนี้ แต่หากคุณทำเช่นนี้ ปฏิบัติกับมวลชนราวกับไม่ใช่คน คุณอย่ามาเปลืองลมปาก พาใครไถ่ถามหาความเท่าเทียม และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เลย เพราะแม้แต่คุณเอง ก็ไม่เคยมี ..... ฉันเคืองโกรธ ในนาทีที่เห็นการ์ดของ “แรมโบ้ อีสาน” ดันมวลชนให้หลบพ้นทาง ฉันตะโกนออกไปแบบดังๆ ว่า “เฮ้ย นี่มันม๊อบอำมาตย์นี่หว่า ไม่ใช่ม๊อบไพร่แล้ว” การ์ดหันมามองหน้าฉัน อย่างไม่สบอารมณ์ และฉันเอง...พร้อมมีเรื่อง! ไม่นับรวม “แก๊งค์นักรบองค์ดำ” ที่แหวกฝูงชน เพื่อให้ตัวเองได้เดินอย่างยิ่งใหญ่... อยากถามคุณคำหนึ่ง ในวันสลายการชุมนุมคุณ”สู้” อยู่ที่ไหน.... ในความทรงจำที่ฉันจำได้แม่น คือ พวกคุณหายไป ละทิ้งมวลชนไปจากราชประสงค์ ตั้งแต่ก่อนสลายร่วมอาทิตย์แล้ว ...... หากฉันเข้าใจผิด โปรดมาแก้ไข ... แต่หากฉันเข้าใจถูก .... คุณไม่คู่ควรแม้แต่จะมาเดินลอยหน้าอาจ-องอยู่ท่ามกลางมวลชนเสียด้วยซ้ำ ไม่ นับรวม “การ์ดทั่วไป” ที่นิยมอวดอ้างสรรพคุณความสามารถ ชำนาญการในการใช้อาวุธ ให้แก่ทุกคนที่พบเจอ .... โดยไม่สนใจความเจ็บปวดของมวลชนที่ต้องถูกสังคมตราหน้าว่า “ผู้ก่อการร้าย” และโดนยิงตายทั้งๆ ที่มือเปล่า - มาเพื่อฟังแกนนำและคุณทักษิณ กู่ร้องลอยลมเรื่องการปรองดอง ในวันที่หัวใจมวลชนอัดอั้นไปด้วยความเจ็บปวด เคียดแค้น และสูญเสีย ใครหลายคนยังมีภาพวันคืนหฤโหดคอยตามหลอกหลอน และครอบครัวอีกหลายครอบครัวสูญเสียคนที่เขารักไปตลอดกาล.... ฉันเติบโตมาท่ามกลางกระแสการเมืองตั้งแต่วัยเยาว์ เรียนรู้และเข้าใจในสัจธรรมของนักการเมืองได้ดี จึงเลือกที่จะเงียบในหลายเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามา แต่ในวันนี้ ความอดทนอดกลั้น หมดลง ... ฉันเกลียด....นัก “เล่นการเมือง” ที่เห็นชีวิตประชาชนเป็นแค่เรือรั่วเก่าๆ ให้ความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะอุดรูรั่วให้เขา แต่เมื่อคุณถึงฝั่ง กลับถีบเรือนั้นให้จมลง .... ฉันภาวนาว่าคุณจะไม่เป็นแบบนั้น..... ในวันนี้ฉันออกมาสู้ มาเสี่ยง มาตามหาความจริง พิสูจน์ให้ตัวเองและโลกเห็นว่ามวลชนเสื้อแดงไม่ได้เลวร้าย อย่างที่ใครๆ กล่าวหา ในวันนี้ฉันต้องยอมเจ็บตัว เปิดหน้า “เลือกข้าง” ยอมสูญเสียสัมพันธภาพอันดีกับเพื่อนหลายคน เพื่อให้ตัวเองได้มา”ยืนเคียงข้างชาวบ้าน” อย่างแท้จริง.... ในวันที่ 19 พ.ค. 53 ฉันละทิ้งชีวิต เลือกที่จะไม่กลับบ้านทั้งๆ ที่มีโอกาส เลือกที่จะไม่ละทิ้งผู้บริสุทธิ์ในแดนประหารเดียวกัน.... หลัง จากวันนั้น ฉันทุ่มเททั้งความสามารถ เงินทอง และเวลา เพื่อที่จะติดตามช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ สูญหาย และผู้เสียชีวิตให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ...... บากหน้าไปขอความช่วยเหลือใครๆ ทั้งๆที่ไม่ใช่ปกติวิสัยอย่างที่ควรจะเป็น ใน วันที่ 12 มี.ค. 54 ….. .ในวันที่มีการรณรงค์มาตรา 112 โดยยังปราศจากการให้ความรู้มวลชนอย่างเป็นรูปธรรม ในกลิ่นอบอวลของวาทกรรมแกนนำ “กระสุนจากฟ้า, กระสุนพระxxxxบลา บลา บลา” อีกนับไม่ถ้วน ฉันเลือกที่จะจัดทำเอกสารจำนวนน้อยชุดตามกำลังเงิน ไปแจกจ่ายให้มวลชนได้แบ่งปันความรู้เรื่องข้อดี – ข้อเสีย ของมาตรานี้ เพื่อไม่ให้มวลชน “ตกเป็นเหยื่อ” แต่ ฉันโดนจับ...ส่งตำรวจ โดยที่ตำรวจเอง หลังจากอ่านเนื้อหา ก็ยอมรับด้วยตัวเอง ว่าไม่รู้จะยัดข้อหาให้ได้อย่างไร (ไม่รวมตำรวจนายหนึ่งที่พยายามจะสรรหาช่องโหว่มาเล่น) กอปรหลายคนจำนวนหนึ่งที่มาจากหลายกลุ่ม พยายามให้ความช่วยเหลือ .... ในครั้งนั้น ฉันผิดหวัง .... ไม่ได้เสียใจที่โดนจับ แต่เสียใจที่จนแล้วจนรอด เสื้อแดงคงจะเดินในแนวทาง “แนวร่วม” ที่พัฒนาความรู้ต่างๆ ให้มวลชนไม่ได้ ..... ฉันแปลกใจ ว่าเหตุใด .... ในเมื่อมวลชนเสียเวลา เสียเงิน เสียชีวิตแล้ว แต่กลับไม่ได้อะไร แม้แต่ความรู้ติดตัวกลับไปจากการชุมนุมเลย อย่างมากก็ได้แค่ “เหล้า ร้องเพลง สังสรรค์ ถ่ายรูป และโคโยตี้?” และการได้นั่งฟัง บรรดาแกนนำ พูดย้ำๆ ซ้ำๆ ในเนื้อหาที่ไม่ต่างไปจากเดิม และราวกับวิกลจริต ..... วันหนึ่งพูดหมิ่นเหม่เรียกเสียงเฮจากแม่ยก แต่อีกวันปราบปรามคนคิดหมิ่นเหม่ สิ่งเหล่านี้ ไม่อาจจะนำพาสิ่งที่พวกคุณเสี่ยงชีวิตออกมาสู้ให้มันมาถึงมือคุณได้หรอก *** สิทธิ เสรีภาพ เสมอภาค ภารดรภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเท่าเทียมในการเข้าถึงทรัพยากร และ ประชาธิปไตย น่ะหรือ ..... มันแค่ความฝันที่ห่างไกล *** ฉันไม่ใช่แดงก้าวหน้า ฉันไม่ใช่แดงพรรค ฉันไม่ใช่แดงนปช. ฉันไม่ใช่แดงทักษิณ สิ่งที่ฉันเป็น คือ ประชาชนธรรมดาคนหนึ่ง ที่เฝ้าดูการเติบโต และความทุกข์ยากที่ชาวบ้านต่อสู้กันมานาน และหวังเพียงว่า มันควรจะถึงเวลาที่ ประชาชน “ไม่ใช่อากาศธาตุ และมดงาน” ให้ผู้มีอำนาจใช้เป็นเครื่องต่อรอง หากคุณทักษิณ แกนนำ และนปช. มีแนวทางที่ต่างออกไปจากนั้น เราอาจจะต้องถึงเวลาแยกทาง ต่างคนต่างเดิน และเป็นปรปักษ์ต่อกัน ขอแสดงความนับถือ...........................ในจิตวิญญานแห่งประชาชน อุทิศแด่...... | |
http://redusala.blogspot.com |
A solemn reflection of May 19 bloody crackdow | |
คลิปการชุมนุมคนไทยในL.A.รำลึก 2 ปี 19 พฤษภา 53 ดร. พิทยา พุกกะมาน
| |
http://redusala.blogspot.com |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)