วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2555


ตักเตือน สนธิ  จำลอง
สอาด จันทร์ดี ... เขียนตักเตือน สนธิจำลอง

            ผมไม่เคยเขียนตักเตือนใครมาก่อนเลย  วันนี้ขออนุญาตเขียน “ตักเตือน” นักเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นครั้งแรก คืออยากตักเตือน “สนธิ ลิ้มทองกุล” กับ “พลตรี จำลอง ศรีเมือง”  ซึ่งถือเป็นการตักเตือนครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2555 ! อันอาจจะมีครั้งที่ 2 และที่ 3 อีกเมื่อใดไม่อาจทราบได้ 


            เพื่อไม่ให้เกิดความเยิ่นเย่อ – ยืดยาด - อืดอาด  ผมขอเข้าสู่เนื้อหาทันทีเลย ดังนี้

            หนึ่ง ...! อยากจะขอเตือนว่าพวกคุณทั้งสองคนได้ทำให้ประเทศชาติและสถาบันของชาติได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก สาหัสสากรรจ์มาแล้ว  กล่าวคือสถาบันพระพุทธศาสนาถูก “สันติอโศก”บ่อนทำลายแทบว่าจะบดละเอียดขนาดนั้น  โดยมิได้มีจิตสำนึกว่าสิ่งที่ได้กระทำไปนั้น ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่คณะสงฆ์เพียงใด  


             สอง...! ต่อมา พวกคุณทั้งสองได้รวมหัวกันประกาศว่า “เป็นกลุ่มประชาชนเสื้อเหลือง” ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความจงรักภักดี แล้วกล่าวหา “ประชาชนเสื้อแดง” ว่าเป็นพวกล้มเจ้า  เป็นการแบ่งประชาชนในชาติให้เป็นศัตรูซึ่งกันและกัน  ประการสำคัญ พวกคุณได้กระทำหลายรูปแบบเพื่อจะให้องค์พระมหากษัตริย์เป็นศัตรูกับประชาชน  การกระทำเยี่ยงนี้ ถือได้ว่าเป็นการ “จุดไฟในนาคร” ที่น่าขยะแขยงหาที่เปรียบมิได้ ทั้งนี้เนื่องจากสถาบัน “พระมหากษัตริย์หมายถึงสถาบันรวมความรักของปวงชนให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อความมั่นคงของประเทศไทยทั้งประเทศ  พสกนิกรจะเป็นศัตรูกับพระมหากษัตริย์มิได้”  ?! (ถ้าพระเจ้าแผ่นดินกับประชาชนเป็นศัตรูแก่กัน จะเกิดอะไรขึ้น) ?


             พวกคนทั้งสองได้พากัน กล่าวโทษประชาชนเรือนล้านว่าเป็นพวกไม่รักพระราชา แล้วกล่าวหาว่าคนเสื้อแดงจะล้มเจ้า ทำให้เกิดความร้าวฉานในสังคมของประเทศไทยสุดที่จะยับยั้งเอาไว้ได้ แม้ว่าคนเสื้อแดงประกาศตอบโต้ว่าไม่เคยคิดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เพียงไร พวกเขาก็ไม่รับฟัง หากแต่ยังคงใส่ร้ายป้ายสีและกล่าวหาหนักข้อยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้คุณสนธิ ลิ้มทองกุล กับพลตรี จำลอง ศรีเมือง  จึงกลายเป็นคนทำลายความมั่นคงตัวร้าย ถ้าไม่หยุดการกระทำ และไม่ออกมาขอโทษประชาชน ไม่มีการกล่าวคำสารภาพว่าได้ทำผิดไปแล้ว  ก็จะกลายเป็นมะเร็งร้ายบ่อนทำลายความมั่นคงของสถาบันอย่างร้ายแรง



             ผมขออธิบายขยายความต่อไปว่า  การที่พลตรีจำลอง ศรีเมือง เอาตัวเข้าไปรับใช้ “ผีบุญโพธิรักษ์” เจ้าสำนักสันติอโศก นับว่าเป็นความผิดที่เป็นบาปอย่างหนัก ทั้งนี้เนื่องจาก “โพธิรักษ์” ได้กล่าวจ้วงจาบต่อพระธรรมวินัย  มี “คดีความ” กับองค์สมเด็จพระสังฆราช  ประกาศไม่ขึ้นกับคณะสงฆ์  แยกตัวเป็นแผ่นดินอิสระ (นานาสังวาส) และอหังการขนาดเอาพระพุทธรูปไปโยนทิ้ง 


             การกระทำของสันติอโศกถือเป็นภัยอันร้ายแรงของพระพุทธศาสนา !


             พลตรีจำลอง ศรีเมือง ได้เอาตัวไปรับใช้  ขยายเครือข่ายให้สันติอโศกอย่างไม่ยีหระต่อคณะสงฆ์ไทย แถมยังกล่าวหา “มหาเถรสมาคม” เป็นแค่สมาคมของพระสมาคมหนึ่ง-เท่านั้น นับได้ว่านี้คือการกระทำที่ได้ “ปฏิบัติการ” ไปแล้วด้วยอาการเหิมเกริม


             ความเหิมเกริมของพลตรีจำลอง ศรีเมือง ได้ทำตัวเป็น “กำแพง” ให้สันติอโศกได้เอาหลังพิงไปเปิดโรงเรียนผู้นำ  เปิดสำนักทฤษฎีชี้นำเพื่อจะเปลี่ยนสังคมไทยตามแนวทางของสันติอโศก จนปรากฏว่าได้มีหมู่บ้าน (นิคม) สันติอโศกเกิดขึ้นในทุกภาคของประเทศไทยมีจำนวนไม่น้อยกว่า 36 แห่ง แต่ละแห่งล้วนแต่เป็นศัตรูกับคณะสงฆ์ไทย (ซึ่งผมไม่ทราบว่าเหตุไรทางการจึงไม่ปราบคนพวกนี้..?)


              สาม...! ในการรวมตัวของคนทั้งสอง คือ “สนธิ ลิ้มทองกุล”  กับ “พลตรีจำลอง ศรีเมือง” โดยอาศัยพลังของสันติอโศกเอามาเป็นกองหนุน จัดตั้งพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ดังที่ประเทศไทยทราบดีอยู่แล้วนั้น  สุดท้ายได้ยกระดับขึ้นมาเป็นการต่อสู้ทางการเมือง  โดยเอา พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร มาเป็นตัวละคร ด้วยการอ้างว่า พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร เป็นอันตรายต่อชาติ จะต้องกำจัดทักษิณให้พ้นไปจากประเทศไทย แล้วก็ได้กระทำต่อทักษิณตั้งแต่ปี 2548 มาจนถึงปีนี้ (2555) รวมเป็นเวลาถึง 7 ปีเต็มโดยไม่มีวี่แววว่าจะหยุดการกระทำ  


             ครั้งหลังสุดได้แก่การประกาศเคลื่อนไหวใหญ่เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2555 ด้วยการประกาศว่า นี้คือ “ศึกสุดท้าย ชี้ชะตาประเทศไทย” ซึ่งเป็นการประกาศในท่ามกลางการความปลื้มปีติของพรรคประชาธิปัตย์ถึงขนาดเข้าร่วม “ต่อสู้” ทั้งในสภาและนอกสภา (พาดหัว ASTV ผู้จัดการ สุดสัปดาห์)


             เห็นไหมครับ พวกเขาร่วมกันขนคนมาต่อสู้นอกสภาแน่นพรึบโดยใช้ ส.ส.เป็นนักรบในสภาด้วยการ กระชากเก้าอี้ประธานสภาแบบไม่ยีหระต่อสายตาประชาชนจะตกใจ แถมพากันแล้วเควี้ยงปาแฟ้มเอกสารเข้าใส่อย่างโกลาหล ส.ส. ปชป. คนหนึ่ง กระโดดบีบคอ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ราวจะฆ่าให้ตายกลางสภา อันเป็นการกระทำการเยี่ยงสโมสรที่ป่าเถื่อนไร้อารยะธรรม (เหลือแต่ยังไม่ปาอุจจาระ) แต่พวกเขากลับมีความรู้สึกว่านี้คือการต่อสู้อันเยี่ยมยอด แล้วไชโยโห่ร้องในการกระทำของตน
             สี่...!  ผมจึงขอเขียน “ตักเตือน” บุคคลทั้งสอง ขอให้หยุดการกระทำเสียเถิด ขออย่าไปเป็นเครื่องมือให้แก่พรรคการเมืองชั้นเลว ที่เอาประเทศชาติมาแกว่งเล่นประหนึ่งลูกตุ้มต่อไปเลย ผมขอพูดจาตักเตือนต่อไปว่า ถ้าไม่หยุดการกระทำ  ก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่ในประเทศไทยอย่างสงบ เพราะว่าพวกคุณได้ทำบาปต่อแผ่นดินจนปรากฏชัดว่าเป็นคนชั่วเอาแต่ประโยชน์ใส่ตน  หาได้มีเจตนาดีแต่ประการใดไม่


             ที่สำคัญที่สุดได้แก่ “ความมั่นคงนั้นมีพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมแห่งความรัก”  แต่พวกคุณได้โยนบาปใส่สถาบันด้วยการกุเรื่อง กล่าวหาว่ามีราษฎรกลุ่มหนึ่ง (คนเสื้อแดง)กำลังจะล้มเจ้า ด้วยการหยิบยกเอา พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นมาเป็นตุ๊กตา ปั้นให้เป็นหัวหน้าก่อการร้าย  แล้วได้ปลุกระดมความเท็จให้เกิดความเข้าใจผิดไปทั่วแผ่นดิน  


             การกระทำเยี่ยงนี้  ถ้าไม่หยุดแล้วละก็...ประเทศไทยเกิดสงครามเข่นฆ่ากันเองอย่างไม่มีทางเลี่ยง


             สุดท้ายคือคนไทยก็จะรุมฆ่ากันเองด้วยปัญหาเอาเจ้ามาเป็นตัวประกัน 


             ผมขอ “ตักเตือน” บุคคลทั้งสองรวมทั้งขอตักเตือนพรรคประชาธิปัตย์ ขอให้หยุดการกระทำด่วนที่สุด ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อย่ากระทำการใด ๆ เหมือนคนบ้าต่อไปเลย การกระทำแบบนี้จะทำให้เกิดสงครามกลางเมือง ตักเตือนชัด ๆ แบบนี้ เข้าใจไหมครับ?!
                                     “สอาด จันทร์ดี”


http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น