|
บทบรรณาธิการ ข่าวสด
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ ศอฉ.ซึ่งรับผิดชอบต่อการสลายการชุมนุมของประชาชนเมื่อปี 2553 ออกมาแถลงข่าวยืนยันความถูกต้องในการทำหน้าที่ของ ศอฉ.ในช่วงนั้นว่า "หากมีพยานหลักฐานบ่งบอกว่าประชาชน ผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตเนื่องมาจากการกระทำของ เจ้าหน้าที่ ก็เป็นเรื่องที่จะค้นหาความจริงดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม แต่ว่าไม่ใช่มากล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่เอาสไนเปอร์ไล่ฆ่าประชาชน ซึ่งเป็นการทำภาพเล็กให้เป็นภาพใหญ่ โดยไม่เป็นธรรม ตนไม่ได้แก้ต่างให้ ศอฉ.ซึ่งปฏิบัติงานโดยยึดกฎหมายตามหลักสากล และออกคำสั่งโดยพิจารณาอย่างรอบคอบ"
ความเห็นของนายถวิลจะผิดถูกประการใด เป็นเรื่องที่จะต้องนำข้อมูลข้อเท็จจริงมายืนยันหรือหักล้างกันในลำดับต่อไป
แต่ประเด็นที่ควรแก่การพิจารณาก็คือ ′ทัศนคติ′ ที่อยู่เบื้องหลังการทำงานของ ศอฉ. ในขณะนั้น ซึ่งยังคงติดตัวมากับนักการเมืองและข้าราช การระดับสูงบางคนจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
นั่นคือเห็นการใช้อาวุธของเจ้าหน้าที่ต่อประชาชน เป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ และให้น้ำหนักหรือความสำคัญน้อยเป็นอย่างยิ่ง ต่อชีวิตที่สูญเสียไป หรือการที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากอาวุธสงคราม
ทัศนคติที่เห็นว่า ′ประชาชนเป็นผักปลา′ จะต้องกำราบปราบปราม ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมในประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทย หรือที่อื่นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
หากยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทัศนคติหรือไม่สามารถหาวิธีป้องกันมิให้ใช้ทัศนคติเช่นนี้เข้าปราบปรามทำร้ายประชาชนได้ โอกาสที่จะเกิดเหตุรัฐใช้ความรุนแรงต่อประชาชนก็ยังคงมีอยู่
การป้องกันทางหนึ่งก็คือ จะต้องค้นหาความจริงทุกแง่มุมออกมาตีแผ่ และกระจายความจริงนั้นออกไปให้รับรู้กันอย่างกว้างขวางที่สุด
อีกทางหนึ่งก็คือ ดำเนินการลงโทษ ผู้ออกคำสั่งให้ใช้กำลังทำร้ายเข่นฆ่าประชาชนให้เป็นตัวอย่าง
|
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น