“สุธาชัย”แสวงจุดร่วมแดง-สงวนจุดต่าง“ทักษิณ” ย้อนบทเรียน 14-6 ตุลา และพฤษภา 53
สัมภาษณ์พิเศษ ในประชาชาติธุรกิจออนไลน์ updated: 15 ต.ค. 2555 เวลา 07:01:13 น.
สัมภาษณ์พิเศษ
เคยร่วมต่อสู้ขับไล่เผด็จการใน 14 ตุลาคม 2516
เคยร่วมเรียกร้องให้รัฐบาลเสนีย์ ปราโมช ดำเนินคดีกับ "จอมพลถนอม กิตติขจร" อันเป็นชนวนของ 6 ตุลาคม 2519
เคย
ร่วมจับปืนสู้อำนาจรัฐร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
ใช้ชื่อจัดตั้งว่า "สหายสมพร" เขาคือ "สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ"
อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หลังเหตุการณ์นองเลือดครั้งล่าสุด เมื่อพฤษภา ปี"53 เขาถูกจับขัง 8
วันในค่ายทหาร
เมื่อ
นาฬิกาประวัติศาสตร์หมุนผ่านการนองเลือด 14 ตุลา มา 39 ปี ผ่านการล้อมปราบ 6
ตุลา มา 36 ปี ผ่านการกระชับพื้นที่พฤษภา 53 มา 2 ปี
คน
ที่ถูกกระทำจาก 3 เหตุการณ์ อย่าง "อาจารย์ยิ้ม" ได้บันทึกความรู้สึกผ่าน
"ประชาชาติธุรกิจ" ว่าทำไม
เขาถึงยังคิดว่าชนชั้นนำยังคงเป็นปัญหาต่อการประชาธิปไตยไทย
และทำไมเขาถึงตั้งคำถามกับพรรคเพื่อไทยว่า"ลืมเพื่อน"
- ตั้งแต่เหตุการณ์ 14 ตุลา 6 ตุลา จนถึงพฤษภาคม 2553 สภาพสังคมไทยและประชาธิปไตยเปลี่ยนไปไหม
คิด
ว่าเปลี่ยนไปเยอะ เพราะก่อนหน้าเหตุการณ์ 14 ตุลา
ระบบการเมืองเป็นเผด็จการค่อนข้างยาว
ถ้ามีประชาธิปไตยมีการเลือกตั้งก็อยู่ในช่วงสั้น แต่หลัง 14 ตุลา
กลับเปลี่ยนไปทางตรงกันข้าม แม้มีการรัฐประหาร
แต่การเมืองที่ไม่มีการเลือกตั้ง ไม่มีรัฐสภา
ไม่มีพรรคการเมืองจะเป็นแค่ช่วงสั้น ๆ สะท้อนว่าหลัง 14 ตุลา
ประชาธิปไตยอยู่นานขึ้น
หลัง
พฤษภาทมิฬ 35 เห็นว่าการเมืองเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์
ซึ่งดำเนินเรื่อยมาจนถึงปี 2549 จนเกิดการรัฐประหาร
และรื้อฟื้นประชาธิปไตยครึ่งใบ แต่ไม่สำเร็จ มีคนต่อต้าน
ปี
2549
วิกฤตจึงเกิดขึ้นจากที่กลุ่มคนชั้นนำกลุ่มหนึ่งที่พยายามให้บ้านเมืองไม่
เป็นประชาธิปไตย ถอยหลังเข้าคลองไปสู่ระบบอื่น เช่น ระบบคนดี
แต่ในที่สุดก็แพ้
ความพยายามในการอุ้มพรรคเสียงข้างน้อยมาเป็นรัฐบาลก็จบลงอย่างน่าอับอาย
ที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล
ก็ชี้ให้เห็นว่าชนชั้นนำไม่สามารถทำการเมืองแบบอื่นที่ไม่ใช่ระบบรัฐสภา
หรือการเลือกตั้งได้
- ประชาธิปไตยตั้งแต่ 14 ตุลา จนถึงปัจจุบันเติบโตขึ้นหรือยัง หรือย่ำอยู่กับที่
ถ้า
ไม่มีเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 เห็นได้ว่าประชาธิปไตยโตขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ถ้าพูดถึงประชาธิปไตยในเชิงประชาชนมีอำนาจ และต่อสู้ จะเห็นว่าพัฒนาขึ้น
เพราะประชาชนไม่ยอมต่อการทำรัฐประหาร
แต่ถ้ามองในเชิงระบบประชาธิปไตยอาจสะดุด แต่มองในแง่ประชาชนอาจไม่สะดุด
พอมาถึงวันนี้ การรัฐประหารจะทำให้ประเทศกลับไปสู่เผด็จการ
ผมคิดว่าไม่น่าจะทำได้ หรือทำได้ก็ต้องนองเลือด
ประชาชนต้องต่อต้านมากมายมหาศาล
- ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดเหตุ 14 ตุลา และ 6 ตุลา คือความเหลื่อมล้ำทางสังคม
คิด
ว่า "ระบอบสฤษดิ์" ทำให้ความเหลื่อมล้ำมันทวีขึ้น
แม้มีการพัฒนาประเทศมากมายมหาศาลก็จริง
แต่ก็ไม่ได้แก้ปัญหาช่องว่างระหว่างชนชั้น
จึงเป็นการเร่งให้เกิดความขัดแย้งในกรณี 14 ตุลา
แต่
ปัญหาที่ทำให้เกิดการรัฐประหารในระยะหลัง ไม่ได้เกิดจากความเหลื่อมล้ำ
หรือปัญหาเศรษฐกิจเป็นหลัก แต่เป็นปัญหาทางการเมืองมากกว่า เช่น
รัฐประหารปี 2549 ไม่เกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำเลย
- ถ้าต้นเหตุการรัฐประหารปี 2549 คือการเมือง จุดไหนที่ถึงขั้นทำให้แตกหัก
จุด
แตกหักอยู่ที่ชนชั้นนำไทยเป็นชนชั้นนำที่โง่ สายตาสั้น คับแคบ รอคอยไม่เป็น
จริง ๆ ระบบประชาธิปไตยทั่วโลก กติการ่างไว้ชัดเจนว่าต้องคอยอีก 4 ปี
ถ้าไม่รีบร้อนปานนั้น ระบบทักษิณก็เสื่อมลงเรื่อย ๆ เลือกตั้งครั้งต่อไป
รัฐบาลทักษิณก็อยู่ไม่ได้ และแพ้การเลือกตั้งไปเอง
แต่พอทำรัฐประหารแล้วใช้มาตรการต่าง ๆ มาเล่นงานคุณทักษิณไม่สำเร็จ
และทำให้คุณทักษิณ (ชินวัตร) กลายเป็นฮีโร่
- เป็นเพราะอะไรที่ทำให้ชนชั้นนำรอคอยการเปลี่ยนผ่านตามระบบไม่ได้
ปัญหา
ชนชั้นนำไทย คิดไม่เป็นประชาธิปไตย
ยังไม่เคยเห็นว่าประชาธิปไตยเป็นทางศิวิไลซ์ในการแก้ปัญหา คิดจะทำอะไรก็ทำ
คิดจะล้มรัฐบาลใครก็ทำตามใจชอบ และคิดว่าประชาชนไม่มีพลัง
คิดว่าประชาชนซื้อได้ ตามสถานการณ์ไม่ทัน
วันนี้ประชาชนเลือกพรรคการเมืองไม่ได้เลือกเพราะซื้อเสียง
แต่ประชาชนเลือกพรรคการเมืองเพราะคิดว่าเป็นประโยชน์
- ผลลัพธ์ของรัฐประหารปี 2549 ที่ทำให้ประชาธิปไตยภาคประชาชนเติบโตขึ้นมา
ผมคิดว่าใช่
- เวลานี้คนเสื้อแดงเติบโตมากแค่ไหน
คง
พูดยาก คนเสื้อแดงในทางปริมาณเติบโตมาก ในวันที่กลุ่มนิติราษฎร์จัดงาน 2
ปีนิติราษฎร์ (เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 55) ขณะเดียวกัน นปช.ก็จัดโรงเรียน นปช.
คนก็เต็มทั้งสองที่ กลายเป็นว่าจัดเวทีอะไร คนเสื้อแดงก็เต็ม
ประชาชนจำนวนมากสนับสนุนคนเสื้อแดง
ส่วนจะโตด้านอุดมการณ์ความคิดแค่ไหน...ผมคิดว่าด้านประชาธิปไตยโอเค
ใครมาละเมิดประชาธิปไตยคิดว่ามีปัญหา แต่จะไปไกลกว่านั้นไหม คิดว่ายัง...ต้องรออีกระยะ
- คนเสื้อแดง แบ่งเป็นฝ่ายหนึ่งสนับสนุนพรรคเพื่อไทย คุณทักษิณ อีกฝ่ายหนึ่งสนับสนุนนิติราษฎร์
ผม
คิดว่ากลุ่มคนเสื้อคงไม่จำเป็นต้องเป็นเอกภาพ
ความไม่เป็นเอกภาพนี่ต่างหากที่เป็นเครื่องมือสำคัญทำให้ขยายตัว เติบโต
ถ้าคนเสื้อแดงมีเอกภาพทางความคิด คิดเหมือนกันเปี๊ยบ เป็นแท่งเดียวกัน
คิดว่าโตไม่ได้ขนาดนี้ ตัวอย่างที่โตไม่ได้เพราะความคิดเป็นแท่งเดียวกันหมด
คือ คนเสื้อเหลือง เพราะคนเสื้อเหลืองไม่มีความหลากหลายทางความคิด
ต้องเชื่อแต่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล เชื่อคุณจำลอง ศรีเมือง
แต่
คนเสื้อแดงสามารถคิดต่างกัน แต่มีจุดร่วมเดียวกัน คือไม่เอาอำมาตย์
ไม่ว่าปีกไหน เป็นรูปธรรม คือไม่เอาพรรคประชาธิปัตย์
ไม่เห็นด้วยกับการฆ่าคนเมื่อปี 2553 ไม่เห็นด้วยกับตุลาการภิวัตน์
- คิดว่าเสื้อแดงตอนนี้ ถ้าให้จำแนกออกมา คิดว่ามีกี่แบบ
มี
กี่กลุ่มคงพูดไม่ได้ แต่เอาแค่ที่มี agenda ร่วม
คือเสื้อแดงทุกกลุ่มมีคุณทักษิณเป็นจุดร่วม มีตั้งแต่รักจนถึงไม่เกลียด
แค่การที่ไม่เกลียดทักษิณก็กว้างแล้ว
- ทำไมคนเสื้อแดงต้องมีจุดร่วมเดียวกันคือคุณทักษิณ
(สวน
ทันที) แต่ทักษิณไม่ใช่เรื่องเดียวที่ร่วม
ผมคิดว่าประชาธิปไตยเป็นจุดร่วมอีกอย่างหนึ่ง
ที่มีจุดร่วมกันมากคือการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
คนไม่เห็นด้วยกับศาล ตุลาการภิวัตน์ ทักษิณเป็นอันหนึ่งเท่านั้น
-
คิดว่าข้อหาที่คุณทักษิณถูกคณะรัฐประหารวาดขึ้นมาใส่ร้าย
เทียบกับเหตุการณ์ 6 ตุลา ที่วาดภาพว่านักศึกษายุคนั้นเป็นคอมมิวนิสต์
เป็นญวนได้หรือไม่
ใช่
ครับ มันจะคล้ายกันบ้าง แต่คิดว่าข้อหา 6 ตุลา มันคงไม่คล้ายกับคุณทักษิณ
แต่มันคล้ายกับการใส่ร้ายป้ายสีคนเสื้อแดงมากกว่า
เรื่องคอมมิวนิสต์ก็คือเรื่องชายชุดดำ
คือการสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อสร้างความชอบธรรมในการฆ่า
เพราะถ้าไม่มีชายชุดดำพวกเขาจะเอาอะไรมาอธิบายว่า
การเอาทหารมายิงคนกลางเมืองมันชอบธรรมได้อย่างไร นานาชาติเขาก็ไม่รับฟัง
แต่ความพยายามสร้างชายชุดดำขึ้นมาเพื่อรองรับตรงนี้
- แต่ภาพเหตุการณ์ กับรายงานของ คอป.สรุปออกมาว่ามีชายชุดดำจริง ถ้าคิดว่าไม่มีชายชุดดำ แล้วคนที่อยู่ในภาพคืออะไร
ปัญหา
ชายชุดดำไม่ได้อยู่ที่มีหรือไม่มี...ก็อาจมีคนใส่ชุดดำ
แต่ปัญหาคือมันใช้เป็นเหตุในการฆ่าคนไม่ได้
ต่อให้มีชายชุดดำเต็มพรืดทั้งม็อบก็ไปฆ่าเขาอย่างนั้นไม่ได้
และปัญหาชายชุดดำอยู่ที่โครงเรื่อง ถ้าชายชุดดำมีจริง
คิดว่าโครงเรื่องมันเหลวไหล เพราะชายชุดดำไม่มีที่มาทางประวัติศาสตร์
และอนาคต แต่วันดีคืนดีปรากฏขึ้นมาวันที่ 10 เม.ย. 53
กลายเป็นชนวนให้ยิงกัน แล้วชายชุดดำก็อยู่เรื่อยมาจนถึง 19 พ.ค. 53
หลังจากนั้นชายชุดดำหมดอนาคต หายสาบสูญ ไม่มีตัวตนเหลืออยู่
มองในเชิงโครงเรื่องนี่มันคืออะไร มันง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ
แล้วทำไมคนไทยจำนวนมากถึงเชื่อแบบนี้
-
ภาพที่ชายชุดดำถือปืนอาก้า แล้วมีประกายไฟพุ่งออกจากปากกระบอกปืน
มันยังอธิบายไม่ได้ด้วยภาพอีกหรือว่าชายชุดดำก็เป็นผู้ยิงเหมือนกัน
ไป
ดู 90 กว่าศพ ตายด้วยปืนอาก้าไหม ไม่มีสักศพ
การอ้างว่าชายชุดดำก่อเหตุการณ์ 10 เม.ย. 53 ทำให้ พ.อ.ร่มเกล้า (ธุวธรรม)
ตาย ถามว่าตายด้วยอาก้าหรือเปล่า แต่
พ.อ.ร่มเกล้าตายด้วยระเบิดของกองทัพเอง หรืออาจเป็นปืนของกองทัพเอง
(เน้นเสียง)
- เหตุการณ์ 10 เม.ย. และ 19 พฤษภา 53 เป็นการสร้างละครขึ้นมาเพื่อให้เกิดการสังหารหมู่
ละคร
สร้างทีหลัง เพราะเอาทหารมาปิดล้อม แล้วกระชับพื้นที่
มาอ้างว่าไม่ใช่สลายการชุมนุม พูดแรง ๆ คือโคตรโกหก มันต่างตรงไหน
แค่เล่นลิ้นเท่านั้น 90 กว่าศพ ตายเพราะตรงนี้
เป็นคำสั่งรัฐบาลสั่งให้สลายการชุมนุม
แต่
ที่พูดตรง ๆ ไม่ได้ เพราะมันผิด
จึงต้องแต่งนิยายขึ้นมาเพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่การฆ่าต่างหาก
เพื่อเอาไว้หลอกชนชั้นกลาง เอาไว้หลอกคนที่ไม่รู้
แต่นิยายนี้ไม่เวิร์กเลยในโลกนานาชาติ
ต่าง
ประเทศไม่เชื่อ มีแต่เราเชื่อกันเองในไทย
มันคือความเหลวไหลในเรื่องโครงเรื่อง ถ้าคนเสื้อแดงมีอาวุธสงครามอยู่ในมือ
มีชายชุดดำปกป้อง ถามตรง ๆ ว่าทหารจะตายแค่นี้ไหม
- เมื่อคิดว่าการสังหารประชาชนเป็นฝีมือของพรรคประชาธิปัตย์ แต่พอพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ทำไมถึงตั้งคำถามว่าพรรคเพื่อไทยลืมเพื่อน
ผม
คิดว่าเป็นความขี้ขลาดและความไม่จริงจังของรัฐบาลชุดนี้ต้องพูดกันตรง ๆ
ปัญหาคือความไม่กล้า เกรงใจอำมาตย์มากเกินไป ฉะนั้นจึงไม่กล้าทำอะไรเลย
แต่
ความเกรงใจมีรากฐาน แม้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งได้เสียงประชาชน
แต่กลไกต่าง ๆ ไม่ได้อยู่ในมือเขา
จึงเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่เขาเกรงใจกองทัพ เกรงใจศาลมากเกินไป เมื่อเกรงใจ
ในที่สุดก็วิตกเกินจริง จึงไม่ทำอะไรเลย
หรืออาจต้องการประนีประนอมมากเกินไป แต่คิดว่าจะล้มเหลว
เพราะฝ่ายอำมาตย์ไม่ประนีประนอมด้วย
- เมื่อรัฐบาลขี้ขลาด สุดท้ายเป็นการเกี้ยเซียะ เพื่อให้อยู่ในตำแหน่งจนถึงครบวาระ
แต่ถ้าอยู่อย่างนั้นแล้วประชาชนไม่มีประโยชน์อะไร ก็ไม่ต้องอยู่เสียดีกว่า แต่เขาก็มีสิทธิทำอย่างนั้น แต่ส่วนตัวไม่เห็นด้วย
- สิ่งที่อยากให้รัฐบาลทำเพื่อลบข้อครหาว่าลืมเพื่อนคือสิ่งใด
1.ปล่อย
นักโทษการเมืองทั้งหมดถ้าเยียวยาได้ก็เยียวยา แต่ต้องปล่อยเขาก่อน
เรื่องนโยบายสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องทำ เป็นเรื่องที่ถือสามาก
แต่เขาไม่ทำ
2.แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ผมไม่เห็นด้วยกับการถอยให้กับศาล แต่ถ้าเขาไม่ทำ ผลก็ตกที่ตัวเขาเอง
3.แก้ไขมาตรา 112
- 14 ตุลา 6 ตุลา และพฤษภา 53 ประชาชนได้บทเรียนอะไรจาก 3 เหตุการณ์นี้
บท
เรียนคือประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง มีบทบาทในการต่อสู้มากขึ้น
สามารถเรียกร้องสิ่งที่ไม่เป็นธรรมได้ แต่คนที่ไม่ได้บทเรียนคือคนชั้นนำ
ไม่ยอมสรุปบทเรียน 6 ตุลา ก็เห็นอยู่ว่าฆ่าคนแล้ว
รัฐประหารมันแก้ปัญหาไม่ได้
นอกจากแก้ปัญหาไม่ได้แล้วยังทำให้สังคมร้าวลึกกว่าเดิม ถ้าไม่มีฆ่ากันเลย
แก้ปัญหา สมานฉันท์ ปรองดอง ง่ายกว่านี้เยอะ
ชน
ชั้นนำไม่รู้ว่าประชาชนไปถึงไหนแล้ว ประชาชนไม่เคยทำลายประชาธิปไตย
ประชาชนไม่เคยก่อรัฐประหาร ประชาชนไม่เคยล้มกระดาน แต่พวกเขาล้มกันเอง
ที่ประชาชนไม่ล้มกระดาน เพราะเขาได้ประโยชน์จากประชาธิปไตย
==================================
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น