วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ประชาธิปัตย์ว่าไง DSI ตั้งรางวัลนำจับชุดดำ 1 ล้าน

ประชาธิปัตย์ว่าไงDSIตั้งรางวัลนำจับชุดดำ1ล้าน

         กระจองงองๆ เจ้าข้าเอ๊ย
ใครมีข้อมูลชายชุดดำเอามาแลกเงิน 1,000,000 บาท ดีเอสไอเขาจะให้
ไม่รู้ว่าพอข่าวนี้ออกไป พวกที่กำลังโหมโฆษณาเรื่องชายชุดดำจะว่าอย่างไร เพราะพร่ำพูดอยู่ทุกวี่วันว่ามีชายชุดดำฆ่าเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน



           ถ้ามีข้อมูลจริงก็ไปแจ้งดีเอสไอแล้วเอาเงิน 1,000,000 บาทมาใช้ หรือถ้าไม่มีข้อมูลอะไร มีแต่ความเชื่อกับจินตนาการ เงินรางวัล 1,000,000 บาท อาจใช้ตบปากคนบางจำพวกได้


           ข้อมูลจากการสืบสวนสอบสวนตามกระบวนการยุติธรรมจนนำมาซึ่งการตั้งรางวัล แก่ผู้ให้เบาะแสชายชุดดำจนสามารถจับตัวได้ 1,000,000 บาท ชัดเจนว่าการตาย 98 ศพ บาดเจ็บอีกกว่า 2,000 คน มีแค่ 7 กรณีเท่านั้นที่ยังไม่อาจระบุผู้กระทำได้ ทั้ง 7 ศพประกอบด้วย


               1. การเสียชีวิตของ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และทหาร 5 นาย เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 ที่ถนนดินสอ

               2.การเสียชีวิตของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ที่บริเวณทางขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสีลม


               3.การเสียชีวิตของนายฮิโรยูกิ มูราโมโต ที่ถนนข้าวสารตัดถนนตะนาว



               4.การเสียชีวิตของนายฟาบิโอ โปเลงกี ที่ถนนราชดำริ



               5.การเสียชีวิตของ จ.ส.ต.วิทยา พรหมสำลี และมีผู้บาดเจ็บ 6 คน ที่หน้าอาคารอื้อจือเหลียง จากกรณีคนร้ายยิงเอ็ม 79

               6.การเสียชีวิตของ ส.ต.ท.กานต์ณุพัฒน์ เลิศจันทร์เพ็ญ ที่ถูกยิงด้วยปืนเอ็ม 16 บนถนนสีลม



              7.การเสียชีวิตพลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาระ ที่แยกอนุสรณ์สถาน ดอนเมือง






       ชัดเจนว่ามีเพียง 12 ศพ จาก 7 คดีที่ยังไม่อาจชี้ได้ว่าใครเป็นผู้กระทำ


       ในมุมของคนทำคดีก็ว่ากันไป และมีความคืบหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งคดีมีความคืบหน้ามากขึ้นเท่าไร ในมุมของการเมืองก็ยิ่งร้อนฉ่าเป็นทวีคูณ ยิ่งคดีมีความชัดเจนมากขึ้น ก็สวนทางกับน้ำหนักของชายชุดดำที่กำลังถูกโหมเพื่อสร้างความชอบธรรมที่จะลดความน่าเชื่อถือลงไปเรื่อย ๆ ยิ่งดีเอสไอตั้งรางวัลนำจับชายชุดดำ ยิ่งทำให้ความหวังใช้ชายชุดดำเป็นแพะ โยนผิดให้ชายชุดดำ ยิ่งเลือนรางพูดอะไรได้ไม่ถนัดปาก


        เพราะถ้าพูดมาก รู้มาก แล้วไม่ส่งข้อมูลให้ดีเอสไอ ก็จะทำลายความน่าเชื่อถือในคำพูดตัวเอง




          
        จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ขุนอย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะตีกรรเชียงเลี่ยงขึ้นเวทีดีเบตเรื่องชายชุดดำกับแกนนำ นปช. อย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

         ทั้งที่เรื่องพูดเป็นงานถนัด เกาะโพเดียมบนเวทีเป็นงานชอบ แต่ก็จำต้องเลี่ยง
แต่เพื่อไม่ให้เสียฟอร์มต้องถอยอย่างมีเชิง จึงเข็นเบี้ยอย่างนายศิริโชค โสภา นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ออกมารับคำท้าดีเบตเพื่อรักษาหน้า แถมเบิลกลับตามสไตล์ถนัด ท้าชนแบบ 2 รุม 1 ให้นายจตุพรจับมือกับนายณัฐวุฒิประชันกับนายศิริโชคคนเดียวก็ยังได้
เกมนี้อ่านง่ายเพราะรู้ว่ายังไงฝ่าย นปช. ก็ไม่เสียเวลาขึ้นเวทีกับเบี้ยเพราะต้องการประชันกับขุน


        แค่นี้ก็อ้างได้ว่าไม่ได้หนี และมีความชอบธรรมที่จะตะเวนขึ้นเวทีพูดข้างเดียวตามสไตล์ถนัดต่อไปไม่ว่าจะอย่างไรเรื่องชายชุดดำกำลังถูกกระชับวงล้อม กระชับพื้นที่เข้ามาเรื่อยๆ จากการเดินหน้าของกระบวนการยุติธรรม ความผิดไม่เป็น ผิดไม่ได้ มองไม่เห็นข้อบกพร่องตัวเอง ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ถลำลึกลงไปเรื่อยๆ


        มหากาพย์เรื่องชายชุดดำ การตาย 98 ศพ บาดเจ็บอีกว่า 2,000 คน จะส่งผลกระทบต่อพรรคประชาธิปัตย์อย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ แต่หากเป็นการส่งผลกระทบต่อทั้งพรรคและอาฟเตอร์ช็อกไปถึงอนาคตพรรค เพราะขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทยปั๊มผลงานให้ประชาชนเห็นเป็นประจักษ์มากขึ้นเรื่อย ๆ


         ประชาธิปัตย์กลับยังวุ่นวายอยู่กับการแก้ตัว ไม่แก้ไข ไม่มีสมาธิทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร ร้ายไปกว่านั้นยังไม่มีสมาธิและสมองเหลือพอที่จะใช้คิดนโยบายใหม่ๆออกมาเสนอเป็นทางเลือกให้กับประชาชน เมื่อถึงเลือกตั้งครั้งหน้าผลเป็นอย่างไรคงไม่ยากต่อการคาดเดา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น