วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ด้วยรักและห่วงใย

ด้วยรักและห่วงใย
ตอน การแต่งตั้งนายพล


.........ขณะนี้เป็นวันที่ ๑๙ ของเดือนกันยายน ของปี ซึ่งควรจะเป็นเวลาที่จะต้องมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลประจำครึ่งแรกของปีงบประมาณ ๒๕๕๕ ออกมาแล้ว แต่ก็ยังครับผมไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ได้แต่ติดตามข่าวจากทางสื่อ TV. และหน้าหนังสือพิมพ์ที่เขาวิจารณ์กันให้แซดไปหมด ถึงความไม่ชอบธรรมในการจะพิจารณาแต่งตั้ง Key man ของแต่ละเหล่าทัพ บก.กองทัพไทย และปลัดกระทรวงกลาโหม อันเนื่องมาจาก พรบ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๕๑ บังคับเอาไว้

........ก่อนที่จะว่ากันในรายละเอียด ผมขอถามท่านผู้อ่านทุกท่านสักคำถามหนึ่งว่า “ ท่านคิดว่าท่านต้องการให้ประเทศนี้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ ? ” ถ้าคำตอบของท่านว่า ไม่ใช่ ก็อย่าเสียเวลาอ่านเรื่องนี้ต่อไปเลย ถ้าคำตอบเป็นว่า ใช่แล้ว ก็มาช่วยกันแสดงความเห็นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้หวังดีต่อประเทศชาติที่เขาจะช่วยกันหาทางแก้ไขต่อไป

..........ผมขออนุญาตชี้ประเด็นสำคัญ ๆ ที่ควรแก้ไขไปทีละเรื่องก็แล้วกันนะครับ

..........ประเด็นแรก เรื่อง พรบ.จัดระเบียบราชการ กระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๕๑

..........พรบ.นี้ควรจะยกเลิกเนื่องจากกูรูทางด้านกฎหมาย และหลายส่วนออกมาให้ข้อมูลที่เป็นความจริงต่อสังคมว่า พรบ.ฉบับนี้ผ่านการพิจารณาโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่แต่งตั้งโดย คมช. ที่ไม่เป็นไปตามครรลองของ ปชต. นอกจากนี้ในการประชุมเพื่อผ่านกฎหมายฉบับนี้ สมาชิก สนช.ที่เข้าประชุมมีจำนวนแค่ ๘๕ คน ซึ่งไม่ครบองค์ประชุม ทำให้ พรบ.ฉบับนี้เป็นโมฆะตามหลักการของการผ่านกฎหมายออกมาใช้บังคับ ปชช.ในชาติของรัฐสภา

.........ยิ่งไปกว่านั้น พรบ.ฉบับนี้มีหลักการและเหตุผลที่แท้จริงไม่เป็นไปตามปรัชญาของการปกครองแบบประชาธิปไตย เพราะรัฐบาลในขณะนั้นมาจากการแต่งตั้ง ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ไม่ได้มีความโยงยึดกับอำนาจของประชาชน และยังต้องการแยกกองทัพออกจากการควบคุมของประชาชนผ่านรัฐบาลโดยเด็ดขาด เนื่องจากมีความคิดว่านักการเมืองที่เลือกตั้งมาจากประชาชนไม่มีความรู้ความสามารถและไม่มีความดีพอที่จะควบคุมกองทัพดังนั้นจะต้องให้ฝ่ายกองทัพว่ากันเองในทุกเรื่องแม้แต่นโยบายทางทหาร รวมไปถึงการแต่งตั้งผู้นำกองทัพกันเองโดยทหารระดับสูงไม่กี่คนเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดหลักการของประเทศประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์แบบ

........อย่าลืมว่าประเทศชาติก็เหมือนร่างกาย ประเทศชาติจะเป็นประชาธิปไตยได้ก็ด้วยทุกองคาพยพที่ประกอบกันเป็นประเทศนี้ ต้องเป็นประชาธิปไตยตามแบบของมัน ทุกส่วน ถ้าร่างกายของเราสมบูรณ์หมดทุกส่วน แต่มีเฉพาะขาซ้ายหรือแขนขวาที่กำลังเน่าแฟะอยู่ เราจะสรุปเอาได้ว่าร่างกายของเรากำลังสมบูรณ์แข็งแรงและกำลังเจริญเติบโตจะได้ไหม

.........ประเด็นต่อมา เป็นเรื่องของการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล ซึ่งก็รวมถึง ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.เหล่าทัพ และปลัดกระทรวง กห. ที่กำลังแต่งตั้งไม่ได้อยู่ทุกวันนี้ อันเนื่องมาจากผลประโยชน์ของบุคคลและกลุ่มบุคคลโดยเฉพาะกลุ่มผู้นำทหารเป็นหลัก ไม่ใช่ผลประโยชน์ของชาติเป็นหลักแต่ประการใด

.........ทำไม่ผมถึงกล้าพูดออกมาอย่างนี้ ก็ท่านลองสดับตรับฟังข่าวสารดูสิครับว่า มันมีเหตุผลอะไร ความจำเป็นอะไร ที่บรรดาผู้นำเหล่าทัพและผบ.ทหารสูงสุดจะต้องไปเสนอชื่อคนเป็นปลัด กห. มันเป็นหน่วยงานของตัวเองหรือก็เปล่า แล้วยังไม่มีมารยาทกันอีกด้วยแบบนี้มันก้าวก่ายงานของคนอื่นเขาหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ผลประโยชน์ของตนและกลุ่มพวกของตนที่ต้องมองกันไปถึงอีก ๑-๒ ปีข้างหน้าเป็นอย่างน้อยพวกเขาจะทำกันแบบนี้หรือ

..........การตั้งคณะกรรมการพิจารณาตัวบุคคลขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายทหารชั้นนายพลทุกระดับ โดยใช้ปลัด กห.,ผบ.ทหารสูงสุด และผบ.เหล่าทัพ เป็นหลัก ซึ่งเป็นทหารประจำการ ( ข้าราชการประจำ )ทั้งสิ้นมีเพียงฝ่ายการเมืองแค่ ๒ คน คือ รมว.กห.และ รมช.กห.เท่านั้นไม่ต้องพูดถึงการรวมหัวกันโหวตลงคะแนนหรอกครับ เอาแค่หลักความเป็นธรรมก็ไม่ได้แล้ว ผบ.เหล่าทัพพวกนี้ รวมถึงผบ.ทหารสูงสุดและ ปลัด กห. ไม่ควรจะมีสิทธิ์พิจารณาตำแหน่งในระดับของตนเอง ควรจะเป็นหน้าที่และสิทธิความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชาเหนือตนเท่านั้นที่จะพิจารณาตำแหน่งระดับนี้ นั่นคือฝ่ายการเมืองครับ

.........ที่ผมพูดอย่างนี้ผมใช้หลักของการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่ทุกอำนาจจะต้องมาจาก ปชช. หรือโยงยึดกับอำนาจของ ปชช. คณะรัฐบาลและตัวนายกรัฐมนตรีนั้นมาจากฉันทานุมัติของ ปชช.ส่วนใหญ่ในประเทศ จึงมีอำนาจอันชอบธรรมอย่างยิ่งที่จะดำเนินการปกครองประเทศให้เป็นไปตามที่ได้ให้สัญญาประชาคมเอาไว้ รวมทั้งการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงทุกหมู่เหล่าที่เป็นผู้ที่รับนโยบายโดยตรงจากรัฐบาลมาปฏิบัติให้เกิดมรรคผลเป็นรูปธรรม 

.........ในทางทหารนั้น ประเทศที่เจริญแล้ว และเป็นประชาธิปไตยเขาจะแบ่งการแต่งตั้งทหารออกเป็น ๒ ระดับ คือ ระดับที่กองทัพว่ากันเองและอีกระดับหนึ่งเป็นระดับที่ ฝ่ายการเมืองต้องเป็นผู้แต่งตั้งเท่านั้น เช่นในประเทศมหาอำนาจที่สำคัญของโลกที่กองทัพของเขาสามารถอาละวาดไปได้ทั่วโลก การแต่งตั้งนายทหารระดับชั้นยศพลโท ขึ้นไป ทุกเหล่าทัพ ( ผมหมายถึงทั้งประเทศ ) จะถูกเลือกและแต่งตั้งโดยฝ่ายการเมืองเท่านั้น ระดับพลตรีลงไป จะเป็นเรื่องของแต่ละเหล่าทัพจะพิจารณากันเอง ที่เป็นดังนี้เพราะ นายทหารระดับพลโทขึ้นไปนั้น จะทำงานในระดับยุทธศาสตร์หรือถ้าจะเป็นระดับยุทธการก็จะเป็น Strategic man ในระดับยุทธการ ดังนั้นพวกนี้จะรับ directive จากฝ่ายการเมืองโดยตรงมาปฎิบัติงาน และขณะเดียวกันก็จะเป็นผู้ที่ให้คำแนะนำหรือข้อเสนอแนะแก่ฝ่ายการเมืองในเรื่องปัญหาด้านการทหารและความมั่นคงต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้เองจึงมีความจำเป็นต้องทำงานเข้าขากัน ความเป็นทีมเดียวกันจึงสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเมื่อพรรคฝ่ายตรงข้ามขึ้นมาปกครองประเทศก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำกองทัพกันขนานใหญ่ถ้าฝ่ายที่ขึ้นมาใหม่เห็นว่าไม่เหมาะสม ไม่ต้องมีความผิดหรือข้อหาการปราบปราม ปชช. เหมือนของเราหรอกครับ และทหารของประเทศเหล่านั้น เขาก็ไม่ว่ากัน เพราะทุกคนเข้าใจว่านี่คือระบอบประชาธิปไตย ที่ ปชช.เป็นใหญ่ที่สุดในชาติ

........ตามที่กล่าวมาแล้ว การที่มีผู้ออกมาวิจารณ์ว่า “ รมว.กห.ขณะนี้ไม่มีน้ำยา แม้แต่จะโยกย้ายจ่าสักคนหนึ่งก็คงจะทำไม่ได้ ” ผมว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วละครับ และถ้าถึงแม้ว่าจะมีน้ำอิ๊วสามารถย้ายจ่าได้ก็ไม่สมควรทำหรอกครับ เพราะมันเป็นหน้าที่ของระดับอื่น ๆ เขาทำ ระดับ รมว.กห.มันต้องย้าย ผบ.เหล่าทัพและระดับ พลโท ขึ้นไปนั่นแหละครับ มันจึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม

.......ประเด็นสุดท้าย ที่ผมจะขอกล่าวถึงก็คือ นายกรัฐมนตรีจะต้องอยู่ในสายการบังคับบัญชาของกองทัพ เนื่องจากเป็นหัวหน้ารัฐบาล ผู้รับผิดชอบต่อความเจริญก้าวหน้า ความล้มเหลวและความมั่นคงของประเทศนี้ ดังนั้นนายกรัฐมนตรี จะต้องเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกองทัพ จะต้องเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่สิทธิ และความรับผิดชอบโดยตรงในการแต่งตั้งนายทหารโดยเฉพาะนายทหารชั้นนายพลตามที่ผมกล่าวไว้แล้ว ไม่ใช่แค่ รมว.กห.หรือบรรดา ผบ.เหล่าทัพว่ากันเองอย่างที่เป็นอยู่ตาม พรบ.ของ คมช.

........ผมอยากจะถามว่า ถ้ากองทัพของประเทศนี้รบแพ้ในสงครามที่ประกาศโดยประเทศไทย ฝ่ายใดจะต้องรับผิดชอบกันบ้าง ผมว่าไม่พ้น หน.รัฐบาลที่จะต้องขึ้นศาลทั้งภายในและภายนอกประเทศเป็นคนแรก แล้วแบบนี้จะให้กลุ่มทหารเขาแต่งตั้งคนกันเองเพื่อผลประโยชน์ของพวกกันเองอยู่อีกหรือ ทำไมไม่ให้เป็นอำนาจของฝ่ายการเมืองซึ่งต้องตัดสินเลือกและแต่งตั้งบุคคลเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมและประเทศชาติที่พวกท่านรับผิดชอบอยู่เป็นหลักล่ะครับ

.........ประเทศประชาธิปไตยนั้นการควบคุมและการใช้กำลังทหาร ซึ่งเป็นลูกหลานของ ปชช.ในชาตินั้นเป็นอำนาจและหน้าที่ของรัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้งของ ปชช. หน.รัฐบาลซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการบริหารประเทศจะต้องเป็น ผบ.สูงสุดของกองทัพ คำสั่งและนโยบายทางทหารของผู้นำรัฐบาลเป็นคำสั่งอันชอบธรรมที่ทหารจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดดั่งบัญชาจากสวรรค์ เพราะมันเป็นคำสั่งและนโยบายที่มาจาก ปชช.ส่วนใหญ่ของประเทศต้องการตามนั้นผ่านรัฐบาลที่โยงยึดอยู่กับ ปชช. นี่คือการปกครองที่ ปชช.เป็นใหญ่ที่เรียกว่า Absolutely Civilian Control

.......ดังนั้นไอ้ที่คิดการใหญ่อะไรกันอยู่น่ะเลิกเสียเถิดครับ เพื่อเห็นแก่ความสงบของประเทศนี้ หันไปดูภายนอกกองทัพเสียบ้างว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าจะดึงดันกับ ปชช. เขาพูดกันถึง Libya Model ให้ทั่วไป ไม่เข้าใจสัญญาณกันบ้างหรือครับว่า ปชช.เจ้าของประเทศเขาต้องการอะไร รัฐบาลก็เช่นเดียวกัน ถ้าท่านไม่สามารถควบคุมและใช้กำลังทหารตามแบบชาติปชต.ได้ก็ไม่ควรยืดอกเป็นรัฐบาลอยู่ให้เป็นที่ผิดหวังของ ปชช. ที่เลือกพวกท่านเข้ามาอย่างท่วมท้น เพราะท่านไม่มีขีดความสามารถที่จะจัดการกับปัญหาเล็ก ๆ เช่นนี้ได้ แล้วท่านจะไปจัดการกับปัญหาใหญ่ ๆ ระหว่างประเทศในเรื่องความมั่นคงได้อย่างไร

........กฎหมายเขียนโดยคนก็ต้องแก้ได้ด้วยคนเช่นเดียวกันครับ อะไรที่ไม่ถูกต้องก็คงต้องถูกแก้ไขให้ถูกต้องครับ ถ้าพวกท่านทำในสิ่งที่ถูกต้อง และนำความเป็นธรรมมาสู่ประชาชนและประเทศชาติ ผมก็คิดว่าประชาชนเขาก็คงพร้อมที่จะป้องกันรัฐบาลที่พวกเขาเลือกเข้ามาเช่นเดียวกันครับ

อดุล อุบล
พลเอก , ทหารราบ
๑๙ ก.ย. ๕๔

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น