วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

คดีเสื้อแดงสู้อีก 10 ยกยังไม่จบ

“ประยุทธ์” ลั่น คดีเสื้อแดงสู้อีก 10 ยกยังไม่จบ
 
       เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ ( 27 พ.ย. ) ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะดำเนินการปิดคดีผู้เสียชีวิต 98 ศพ จากเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ว่า ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ในช่วงของการไต่สวน เนื่องจากมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษว่ามีผู้เสียชีวิตจากการกระทำของเจ้า หน้าที่ทหาร เมื่อผลการไต่สวนออกมาทางเจ้าหน้าที่ก็นำไปฟ้องศาลอาญา หากศาลรับคำร้องก็จะต้องดำเนินการต่อไป ส่วนทางกองทัพบกก็จะต้องดำเนินการอุทธรณ์เป็นคดีทั่วไป เพราะฉะนั้นต้องสู้กันอีก 10 ยกยังไม่มีจบ
       เมื่อถามถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นชอบ ให้ลงนามในการเป็นสมาชิกศาลอาญาระหว่างประเทศนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากถามกลับไปว่าลงนามได้หรือไม่ และผิดกติกาอะไรหรือไม่ ถ้าลงนามได้ก็ลงนามไป หากไม่คิดว่าประเทศชาติเสียประโยชน์ก็ลงนามไป และประชาชนทั้งประเทศก็ดูเอาเองว่าถูกหรือไม่ เพราะตนก็ไม่ทราบ ทุกคนต้องมาร่วมรับผิดชอบประเทศชาติด้วยกัน เพราะเราอยู่ด้วย 3 ระบบคือ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายตุลาการ หาก3 ระบบนี้ยุ่ง มันก็ไม่ใช่ประเทศแล้ว ขณะนี้ 3 อำนาจยังอยู่หมด เพราะฉะนั้นอย่าไปหาอำนาจอื่นภายนอกให้มายุ่งวุ่นวาย เพราะแค่นี้ก็ยุ่งพออยู่แล้ว

       เมื่อถามถึงความคืบหน้าคดีที่เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดัง กล่าว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากให้สื่อมวลชนเขียนให้คนทั่วไปเข้าใจว่ากองทัพเป็นกลไกของประเทศชาติ มีหน้าที่แก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมืองที่ต้องดำเนินการตามกฎหมายอยู่แล้ว ขอย้ำว่าเราต้องทำตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะทำตามอำเภอใจไม่ได้ โดยเฉพาะทหารที่มีกติกาและวินัยทหารอยู่ ถ้าบอกว่าตนไม่ทำเพราะไม่รักประเทศ ตนคิดว่ามันไม่ใช่ มันเป็นเรื่องว่ามันควรจะทำอะไรเมื่อไหร่ เมื่อมีกระบวนการยุติธรรม มีกระบวนการประชาธิปไตย และมีการอภิปรายในสภาฯ ทุกคนต้องให้ความสนใจ ไม่ใช่เมื่อมีประชาชนสองฝ่ายทะเลาะกันแล้วจะให้ทหารก็ไปรบเพียงอย่างเดียว อย่างนี้ประเทศชาติก็เกิดความเสียหาย

       ขณะที่พ.อ.วินธัย  สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงคดีการเสียชีวิตในช่วงที่มีการชุมนุมปี 53ในหลายคดีที่กล่าวอ้างว่าเสียชีวิตจากการกระทำของทหารว่า สถานการณ์ในช่วงนั้นทหารถูกกดดันต่อต้านด้วยอาวุธสงครามจากกลุ่มผู้ไม่หวัง ดีปะปนอยู่กับผู้ชุมนุมตลอดเวลา จนบางครั้งถึงขั้นต้องถอนกำลังออก เพื่อลดการสูญเสียโดยต้องเปลี่ยนจุดวางกำลังใหม่ เนื่องจากถูกต่อต้านด้วยอาวุธอย่างรุนแรง แสดงให้เห็นว่ามีบุคคลอื่นนอกเหนือจากเจ้าหน้าที่ ได้มีการใช้อาวุธสงครามกระทำต่อเจ้าหน้าที่และประชาชนอยู่ในหลายเหตุการณ์ ช่วงที่มีการชุมนุมฯ  โดยเฉพาะจุดที่มีทหารประจำอยู่ ทำให้ทหารจะต้องมีความระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้เรื่องวิถีกระสุนเองในหลายคดีก็ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ได้แน่ชัด เพราะทหารได้ตรวจพบว่ามีการใช้อาวุธมาจากหลายทิศทางมาก ยากลำบากในการตรวจจับเนื่องด้วยสภาพแวดล้อมสิ่งก่อสร้างที่เป็นตึกและอาคาร ขนาดใหญ่ ที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คืออาวุธปืนของทหารที่ถูกปล้นยึดไปจำนวนมากเมื่อ เม.ย 53 หลายครั้งสามารถตรวจพบได้ว่าอาวุธปืนดังกล่าวถูกนำมาใช้อยู่ในหลายเหตุการณ์ ด้วยกัน และล่าสุดจำนวนหนึ่งเพิ่งมีคนแอบมาทิ้งคืนไว้  แต่ก็ยังไม่ครบ  เพราะฉะนั้นสังคมคงต้องร่วมพิจารณาดูเพื่อให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ ด้วย

       พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า ส่วนการชุมนุมทางการเมือง กองทัพบกไม่อยากให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้กล่าวอ้างถึงทหาร  และยืนยันได้ว่าทหารทุกคนมีความรักชาติและรักสถาบัน แต่ด้วยบ้านเมืองเรามีกรอบกติกาและกฎหมาย อีก ทั้งมีองค์กรอิสระมากมายที่จะดำเนินการตามหน้าที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของ ประเทศชาติ  ควรให้กระบวนการเหล่านี้ได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น