“ประยุทธ์” ลั่น คดีเสื้อแดงสู้อีก 10 ยกยังไม่จบ
เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ ( 27 พ.ย. )
ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
จะดำเนินการปิดคดีผู้เสียชีวิต 98 ศพ
จากเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ว่า
ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ในช่วงของการไต่สวน
เนื่องจากมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษว่ามีผู้เสียชีวิตจากการกระทำของเจ้า
หน้าที่ทหาร เมื่อผลการไต่สวนออกมาทางเจ้าหน้าที่ก็นำไปฟ้องศาลอาญา
หากศาลรับคำร้องก็จะต้องดำเนินการต่อไป
ส่วนทางกองทัพบกก็จะต้องดำเนินการอุทธรณ์เป็นคดีทั่วไป
เพราะฉะนั้นต้องสู้กันอีก 10 ยกยังไม่มีจบ
เมื่อถามถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นชอบ
ให้ลงนามในการเป็นสมาชิกศาลอาญาระหว่างประเทศนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า
อยากถามกลับไปว่าลงนามได้หรือไม่ และผิดกติกาอะไรหรือไม่
ถ้าลงนามได้ก็ลงนามไป หากไม่คิดว่าประเทศชาติเสียประโยชน์ก็ลงนามไป
และประชาชนทั้งประเทศก็ดูเอาเองว่าถูกหรือไม่ เพราะตนก็ไม่ทราบ
ทุกคนต้องมาร่วมรับผิดชอบประเทศชาติด้วยกัน เพราะเราอยู่ด้วย 3 ระบบคือ
ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายตุลาการ หาก3 ระบบนี้ยุ่ง
มันก็ไม่ใช่ประเทศแล้ว ขณะนี้ 3 อำนาจยังอยู่หมด
เพราะฉะนั้นอย่าไปหาอำนาจอื่นภายนอกให้มายุ่งวุ่นวาย
เพราะแค่นี้ก็ยุ่งพออยู่แล้ว
เมื่อถามถึงความคืบหน้าคดีที่เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดัง
กล่าว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า
อยากให้สื่อมวลชนเขียนให้คนทั่วไปเข้าใจว่ากองทัพเป็นกลไกของประเทศชาติ
มีหน้าที่แก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมืองที่ต้องดำเนินการตามกฎหมายอยู่แล้ว
ขอย้ำว่าเราต้องทำตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะทำตามอำเภอใจไม่ได้
โดยเฉพาะทหารที่มีกติกาและวินัยทหารอยู่ ถ้าบอกว่าตนไม่ทำเพราะไม่รักประเทศ
ตนคิดว่ามันไม่ใช่ มันเป็นเรื่องว่ามันควรจะทำอะไรเมื่อไหร่
เมื่อมีกระบวนการยุติธรรม มีกระบวนการประชาธิปไตย และมีการอภิปรายในสภาฯ
ทุกคนต้องให้ความสนใจ
ไม่ใช่เมื่อมีประชาชนสองฝ่ายทะเลาะกันแล้วจะให้ทหารก็ไปรบเพียงอย่างเดียว
อย่างนี้ประเทศชาติก็เกิดความเสียหาย
ขณะที่พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก
กล่าวถึงคดีการเสียชีวิตในช่วงที่มีการชุมนุมปี
53ในหลายคดีที่กล่าวอ้างว่าเสียชีวิตจากการกระทำของทหารว่า
สถานการณ์ในช่วงนั้นทหารถูกกดดันต่อต้านด้วยอาวุธสงครามจากกลุ่มผู้ไม่หวัง
ดีปะปนอยู่กับผู้ชุมนุมตลอดเวลา จนบางครั้งถึงขั้นต้องถอนกำลังออก
เพื่อลดการสูญเสียโดยต้องเปลี่ยนจุดวางกำลังใหม่
เนื่องจากถูกต่อต้านด้วยอาวุธอย่างรุนแรง
แสดงให้เห็นว่ามีบุคคลอื่นนอกเหนือจากเจ้าหน้าที่
ได้มีการใช้อาวุธสงครามกระทำต่อเจ้าหน้าที่และประชาชนอยู่ในหลายเหตุการณ์
ช่วงที่มีการชุมนุมฯ โดยเฉพาะจุดที่มีทหารประจำอยู่
ทำให้ทหารจะต้องมีความระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา
ทั้งนี้เรื่องวิถีกระสุนเองในหลายคดีก็ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ได้แน่ชัด
เพราะทหารได้ตรวจพบว่ามีการใช้อาวุธมาจากหลายทิศทางมาก
ยากลำบากในการตรวจจับเนื่องด้วยสภาพแวดล้อมสิ่งก่อสร้างที่เป็นตึกและอาคาร
ขนาดใหญ่
ที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คืออาวุธปืนของทหารที่ถูกปล้นยึดไปจำนวนมากเมื่อ
เม.ย 53
หลายครั้งสามารถตรวจพบได้ว่าอาวุธปืนดังกล่าวถูกนำมาใช้อยู่ในหลายเหตุการณ์
ด้วยกัน และล่าสุดจำนวนหนึ่งเพิ่งมีคนแอบมาทิ้งคืนไว้ แต่ก็ยังไม่ครบ
เพราะฉะนั้นสังคมคงต้องร่วมพิจารณาดูเพื่อให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่
ด้วย
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า ส่วนการชุมนุมทางการเมือง
กองทัพบกไม่อยากให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้กล่าวอ้างถึงทหาร
และยืนยันได้ว่าทหารทุกคนมีความรักชาติและรักสถาบัน
แต่ด้วยบ้านเมืองเรามีกรอบกติกาและกฎหมาย อีก
ทั้งมีองค์กรอิสระมากมายที่จะดำเนินการตามหน้าที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของ
ประเทศชาติ ควรให้กระบวนการเหล่านี้ได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น