|
ประเด็นน่ากังวลจากข่าวเขาพระวิหารคือสงคราม
ตัวแทนสื่อกัมพูชา เปิดใจประเด็นที่คนกัมพูชากังวลคือสงคราม
พร้อมยอมรับคำตัดสินเพราะกัมพูชาเป็นฝ่ายยื่นคำร้องต่อศาลโลกเอง
ขณะสื่อชายแดนไทย-กัมพูชาเรียกร้องความร่วมมือระหว่างประเทศ
ซก สุวรรณ ประธานกรรมการสื่อมวลชนกัมพูชา และรองเลขาธิการสหพันธ์สื่อมวลชนอาเซียน กล่าว
ในการเสวนาหัวข้อ “ไทย-กัมพูชา-ปราสาทพระวิหาร..รู้ทันข่าว รู้ทันสื่อ”
ซึ่งจัดโดยมีเดีย อินไซด์เอาท์
ว่าคนกัมพูชารวมถึงนักข่าวจะติดตามข่าวถ่ายทอดสดจากช่อง 11 ของกัมพูชา
และสิ่งที่กังวลคือสงครามมากกว่าเรื่องผลคำตัดสิน
ทั้งนี้ฝั่งกัมพูชาเชื่อว่าชนะคดีเพราะกัมพูชาอ้างอิงแผนที่1:200,000
เตามคำตัดสินจากศาลโลก ซึ่งกัมพูชาชนะมา 50 ปีแล้ว
“นักการเมืองกัมพูชาพูดน้อยในเรื่องนี้
เพราะเขาเห็นว่าอยากตีความคำตัดสินใหม่ให้ชัดเจน
ไม่อยากให้เป็นเรื่องซ้ำไปซ้ำมาเกี่ยวกับปราสาทเขาพระวิหารซึ่งต้องการการ
พัฒนา”
“แต่การนำเสนอไม่เหมือนไทย ผมเห็นว่าไทยออกข่าวทุกช่วงเวลาเลย
ทั้งช่องสาม ช่อง 11 ผมดูทีวีของไทยสามช่อง”
สำหรับประเด็นในศาลโลกนั้น
สำหรับกัมพูชาเชื่อมั่นว่าต้องชนะนะ เพราะเรามีแผนที่ 1:200,000
เพราะเป็นตัดสินจากศาลโลก ซึ่งกัมพูชาชนะมา 50 ปีแล้ว
ส่วนความสนใจของประชาชนนั้น ซก
สุวรรณกล่าวว่าประชาชนไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่
ข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องนี้ส่วนใหญ่ติดตามจากข่าวไทย
ส่วนนักข่าวกัมพูชานั้นไปที่กรุงเฮกนั้นมีการรายงานประมาณ 2 ช่วงเท่านั้น
คือ 11.00 น. และ 18.00 น.
“การติดตามข่าวสารของฝั่งกัมพูชา กลัวอย่างเดียวคือกลัวสงคราม
ส่วนเรื่องคำตัดสินไม่มีความกังวล” ซก
สุวรรณกล่าวและว่าประชาชนกัมพูชาผ่านความขัดแย้งมานานแล้วและไม่ชอบเรื่อง
ความขัดแย้ง เมื่อมีความขัดแย้งทางกัมพูชาก็จะถือว่ารัฐบาลเป็นตัวแทนของเขา
ในส่วนการนำเสนอข่าวสาร เขากล่าวว่า กัมพูชามีเสรีภาพในการเขียน
แต่ถ้าทำให้เกิดความเสียหาย อะไรที่ไม่แน่นอนก็ไม่เขียน
ประเด็นความขัดแย้งจะเขียนค่อนข้างเบา และระมัดระวัง
เขาย้ำว่าผลการตัดสินนั้นกัมพูชาต้องยอมรับเพราะคนที่ร้องขอให้ศาลตีความคำตัดสินอีกครั้งเป็นฝ่ายกัมพูชาเอง
ประสิทธิ์ แสงรุ่งเรือง นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย กล่าว
ว่า ปัญหาเรื่องเขาพระวิหาร คนภาคกลางหรือรัฐบาลอาจจะมองอย่างหนึ่ง
แตกต่างจากคนกลุมหนึ่งที่อยู่ชายแดนมองต่างกัน
สิ่งที่คนชายแดนเป็นห่วงคือความกระทบกระทั่ง
คนชายแดนเคยเห็นผู้อพยพกัมพูชาอพยพมายังประทเศไทยเป็นล้าน
เห็นคนเวียดนามไหลทะลักเข้ามา ล้มตายนับแสนคน ภาพเหล่านี้ยังประทับอยู่ในใจ
“อย่างที่คุณ ซก สุวรรณกล่าว คนชายแดนเป็นห่วงเรื่องสงครามจริงๆ
ถ้าเกิดความขัดแย้งขึ้นมาเราเสียหาย ตลอดเวลาที่ผ่านมา
เวลามีปัญหาด้านสงครามขึ้นมา ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมาก
ฉะนั้นเมื่อมาพูดถึงเรื่องปัญหาเขาพระวิหาร
เรามีความเห็นว่าฝ่ายตุลาการนั้นควรปล่อยให้เขาดำเนินการ
ส่วนจะออกเป็นรูปแบบใดก็ตาม
เชื่อว่าทุกคนจะหาผลประโยชน์เพื่อตนเองและประเทศชาติ
แต่ในฐานะที่พัมูชาเป็นประเทศข้างเคียงกับเรา
มีอะไรก็น่าจะได้พูดคุยกันปรึกษาหารือกัน”
“ทางที่ดีที่สุดคือพยายามที่จะอย่าเสนอความคิดเห็นที่เป็นความขัดแย้งแต่
ต้น ผมไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นถึงแม้ว่าเขาจะพิพากษาว่าอย่างไรก็ตาม
แต่ที่มองโดยเฉพาะอย่างยิ่งผมเป็นคนที่อยู่ที่นั่นและทำข่าวสู้รบชายแดนมา
นาน ผมเห็นว่าปัญหานี้น่าจะได้พูดคุยกันและตกลงกันให้ได้
แต่ถ้าตกลงเรื่องเส้นเขตแดนไม่ได้ก็น่าจะใช้พื้นที่นี้ร่วมกันไปเลย
แต่เท่าที่มองถ้าหากว่าเราต่างฝ่ายต่างรักชาติ ต่างฝ่ายต่างระดมความคิดเห็น
ในที่สุดเราจะไม่สารรถรอมชอมกันได้”
ประสิทธิ์กล่าวว่า ประเทศในภูมิภาคอาเซียนเป็นประเทศเล็กๆ
ที่ร่ำรวยทางทรัพยากร ถ้าขัดแยน้งกันมาก
ปัญหาในอดีตอาจจะกลับมาคือประเทศมหาอำนาจอาจจะกลับเข้ามาอีกครั้งหยนึ่ง
ปัญหาที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดนั้น
เป็นเพราะประเทศอาเซียนสร้างขึ้นและไปเชื้อเชิญมหาอำนาจจากภายนอกเข้ามาเอง
เขาเท้าความถึงกรณีเผาสถานทูตไทยในกัมพูชาที่เกิดขึ้นเพราะปัญหาการสื่อ
สาร สื่อมวลชนชายแดนจึงตั้งสมาคมขึ้นมา
และอยากให้เอาความจริงมาพูดและพยายามแก้ไขปัญหา
รวมทั้งอยากให้กลุ่มประเทศอาเซียนอยู่ด้วยกันและมีความร่วมมือระหว่างกัน
สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี บรรณาธิการข่าวต่างประเทศ เดอะเนชั่น กล่าว
วา คนทั่วไปอาจจะอยากให้นักข่าวประเมิน
หรือชั่งน้ำหนักว่าใครมีน้ำหนักมากกว่ากัน
แต่เขาคิดว่านักข่าวไม่ควรตอบในเชิงสร้างความคาดหวังต่อประเด็นความขัดแย้ง
นี้
“ผมตอบว่า ประการแรกผมไม่มีความรู้ด้านกฎหมายระหว่างประเทศมากพอ
และทำไมผมจึงไม่พยายามจะบอกอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะถ้าพูดโดยทั่วไป
ผมคิดว่าผมไม่ควรจะตอบให้เกิดความคาดหวังใดๆ
“ผมทำข่าวเรื่องนี้ตื่นเต้นน้อยกว่าการทำข่าวเขาพระวิหารที่คณะกรรมการ
มรดกโลก เพราะประเด็นเป็นเรื่องทางการเมืองและหาประโยชน์จากความเพลี่ยงพล้ำ
ในประเด็นนี้เขาเห็นว่าเมื่อคดีขึ้นสู่ศาล ความขัดแย้งให้อยู่ในศาล
แต่รัฐบาลต่อรัฐบาลไม่เกลียดกัน ประชาชนต่อประชาชนไม่เกลียดกัน
พื้นที่ต่อให้เสีย 4.6 ตารางกิโลเมตร หรือ 2875 ไร่
ถ้าเทียบกับทั้งหมดในไทยนั้นน้อยมาก
เมื่อเทียบกับการใช้พื้นที่ฉบับเดียวกันแล้วไทยได้พื้นที่จากลาวจำนวนมาก
นั้น มากกว่า”
“ความลำบากในฐานะสื่อมวลชน คือการเอาตัวเองถอยออกมาจากเรื่องนี้
ไม่ว่าจะเป็นพลเมืองของชาติทั้งเป็นผู้ต้านหรือสนับสนุนรัฐบาลก็ตาม
แต่ผมคิดว่าเราสามารถแยกแยะได้”
“เขาพระวิหารเป็นต้นไม้หนึ่งต้นในป่าทั้งป่าของความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา
คนไทยรู้สึกกับมันมากเกินเหตุ ผมรู้สึกกับกรณีนี้
ต่างกับกรณีขึ้นทะเบียนมรดกโลก เพราะตอนนั้นคนไทย emotional เกินเหตุ”
สุภลักษณ์กล่าวพร้อมตั้งคำถามว่าถ้าเราได้พื้นที่ 4.6
ตารางกิโลเมตรแล้วเรายอมเสียความสัมพันธ์กับกัมพูชา เสียอะไรอีกหลายๆ อย่าง
เราจะยอมเสียอย่างนั้นหรือ |
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น