รองโฆษก คสช. ติง “ฮิวแมนไรท์วอทช์” อย่าใช้ความรู้สึกกล่าวหา คสช.ละเมิดสิทธิ์จับกุม “บก.ลายจุด” - หมิ่นศาลทหาร สร้างความสับสนให้สังคม ย้ำมีมาตรฐานกระบวนการกฎหมาย ปลัด กต. เผยเรียกเอกอัครราชทูตไทย-กงสุลใหญ่ไทยประจำประเทศแถบยุโรป-สหรัฐ พบ หน.คสช. 11 มิ.ย.นี้ ยอมรับชาติตะวันตกกังวลต่อสถานการณ์การเมืองไทยเป็นพิเศษ
7 มิ.ย. 2557
สำนักข่าวไทยรายงานว่าพ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ชี้แจงกรณีสื่อมวลชนนำเสนอความเห็นของนายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการองค์กรสิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไรท์วอทช์ ประจำภูมิภาคเอเชีย ที่กล่าวหาว่า การจับกุมตัวนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ของ คสช.เป็นการปฏิเสธที่จะตระหนักถึงสิทธิพื้นฐานในการแสดงออกและการชุมนุม และหลังจากนี้จะเห็นระบบยุติธรรมจอมปลอมในการใช้ศาลทหาร ว่า คสช.ไม่ปรารถนาให้การแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคลดังกล่าว ที่อาจพิจารณาโดยใช้ทัศนคติส่วนตัว หรือมองด้านเดียว ตามธงที่อยู่ในใจ ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือขององค์กรเอกชน และสร้างความสับสนให้สังคม
“เป็นการให้ความสำคัญเรื่องสิทธิกับบางบุคคลเท่านั้น ไม่ได้มองบริบทที่เกิดขึ้นจริงของสังคม เพราะคนส่วนใหญ่ในสังคมไทยขณะนี้ มีความเข้าใจในเหตุผลความจำเป็นที่ คสช.ต้องเข้ามาบริหารราชการและดูแลสถานการณ์ประเทศในระยะเวลาหนึ่ง เพื่อปลดล็อกปัญหาต่างๆ โดยคนอื่นที่เห็นตรงกับ คสช.ส่วนใหญ่ต้องการความสงบเรียบร้อย อีกทั้งสถานการณ์ขณะนี้ไม่อยู่ในสภาวะปกติ การแสดงออกจึงจำเป็นต้องมีข้อจำกัดให้เป็นไปตามกฎหมาย หรือเน้นเชิงสร้างสรรค์ ไม่ขัดต่อแนวทางการรักษาความสงบ เพราะที่ผ่านมาการให้ความเห็นในบางลักษณะทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย” รองโฆษก คสช. กล่าว
พ.อ.วินธีย กล่าวว่า คสช.บริหารสถานการณ์ต่างๆ ตามความจำเป็น และเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าประชาชนที่ไม่มีเจตนากระทำผิดกฎหมาย จะไม่ได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการ คสช. และอาจเป็นการไม่เหมาะสมที่มีการกล่าวพาดพิงถึงกระบวนการยุติธรรมของศาลทหาร โดยการใช้ความรู้สึก ยืนยันว่าการพิจารณาคดีความของศาลทหารเป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมของไทย ไม่แตกต่างจากมาตรฐานของศาลทั่วไป อาจมีเพียงเรื่องของระยะเวลาที่กระทำที่รวดเร็วกว่า โดยการพิจารณาคดีต่าง ๆ ในขณะประกาศกฎอัยการศึก ธรรมนูญศาลทหารกำหนดให้พิจารณาคดีด้วยศาลชั้นเดียวเท่านั้น” พ.อ.วินธัย กล่าว
กต.เชิญทูตพบ หน.คสช.ทำความเข้าใจสถานการณ์ไทย 11 มิ.ย.
วันเดียวกันนี้ (7 มิ.ย.)
สำนักข่าวไทยยังรายงานอีกว่านายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า วันที่ 11 มิ.ย.นี้ กระทรวงการต่างประเทศเชิญเอกอัครราชทูตไทยและกงสุลใหญ่ที่ประจำการอยู่ในประเทศแถบยุโรปและสหรัฐอเมริกา 22 แห่ง พบหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง เพื่อทำความเข้าใจความจำเป็นของการเข้าควบคุมอำนาจและแนวทางคืนความสงบให้ประเทศ
“ยอมรับว่าชาติตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐ ออสเตรเลีย และอียู กังวลต่อสถานการณ์การเมืองไทยเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการร่วมประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนและการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องที่นครย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ โดยมีกว่า 20 ประเทศเข้าร่วมประชุม ซึ่งได้ใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจสถานการณ์การเมืองไทยด้วย” ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว
นายสีหศักดิ์อยู่ระหว่างเดินทางมาร่วมประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาในหลายกรอบการประชุมที่นครย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ กล่าวว่า ให้ความสำคัญกับการมาร่วมประชุมครั้งนี้ เพราะนอกจากเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนแล้วยังมีผู้แทนจากประเทศคู่เจรจาอีกมาก ทั้งสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย เชื่อว่าคงจะมีการหยิบยกประเด็นของเราขึ้นมาพูดคุยซึ่งไทยไม่มีปัญหา เราพร้อมและเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้พูดคุยชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ในไทยเพื่อให้เขามีความเข้าใจดียิ่งขึ้น ขณะนี้ไทยมีพัฒนาการที่น่าจะทำให้ประเทศตะวันตกมั่นใจ เพราะจากการแสดงท่าทีประเทศตะวันตกส่วนใหญ่มีความคาดหวังว่าไทยจะกลับสู่ประชาธิปไตยโดยเร็ว อยากเห็นแผนการและกรอบเวลาที่ชัดเจนซึ่งก็ได้มีการประกาศโรดแมป 3 ขั้นแล้ว คือการสร้างความปรองดอง การปฏิรูปประเทศ แและการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม
นายสีหศักดิ์ยังได้หารือกับนายหลิว เจิ้น หมิน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศจีน และนางสเตฟานี ลี หัวหน้าคณะผู้แทนนิวซีแลนด์ ซึ่งนายสีหศักดิ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า จีนถือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องภายในของไทยและเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมแสดงความคาดหวังว่าสถานการณ์ในไทยจะกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และอยากให้ความสัมพันธ์สองประเทศเดินหน้าต่อไป ทั้งนี้ จีนพร้อมที่จะสนับสนุนไทยหากมีการหยิบยกประเด็นเกี่ยวกับไทยมาพูดคุยในเวทีต่างๆ
ส่วนกรณีนิวซีแลนด์ นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ได้ชี้แจงให้ทราบถึงพัฒนาการล่าสุดของไทย และแจ้งว่าไทยรับทราบความห่วงกังวลของนิวซีแลนด์ และทราบว่าเขาใช้ประชาธิปไตยเป็นหลักในการดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ แต่ขออย่าให้ใช้บรรทัดฐานเดียวกันกับทุกประเทศ เพราะแต่ละประเทศมีปัญหาและสภาพสังคมต่างกัน จึงขอให้คำนึงถึงข้อเท็จจริงและสถานการณ์ในไทยด้วย
“ขณะนี้เป็นเวลาที่มิตรประเทศของเราควรมองไปข้างหน้า นิวซีแลนด์ควรสนับสนุนและอยู่เคียงข้างไทยระหว่างที่เรากำลังแก้ไขปัญหาต่างๆ แม้ที่ผ่านมาไทยจะเป็นประชาธิปไตยจริง แต่ก็เป็นประชาธิปไตยที่ไม่มีเสถียรภาพ และไม่อาจขับเคลื่อนประเทศได้ ขณะนี้เป็นโอกาสของไทยที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้ประชาธิปไตย เพื่อนำพาประเทศให้กลับเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์และยั่งยืน” นายสีหศักดิ์ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น