วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557

คสช. แถลงผลการจับกุมและยึดอาวุธสงคราม ชี้มีส่วนเชื่อมโยง ‘จักรภพ’



29 มิ.ย. 2557 เว็บไซต์วอยซ์ทีวี รายงานว่า พันเอกวินธัย สุวารี พร้อมด้วยพันเอกวีรชน สุคนธปฏิภาค พันตำรวจเอกทรงพล วัธนะชัย ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมอาวุธสงคราม หลังจาก คสช. เข้าบริหารประเทศ  
 
พันเอกวินธัย ระบุ อาวุธสงครามที่ยึดมาได้เป็นผลการปฏิบัติงานของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพ ภาคที่ 1 และภาค 2 ที่ติดตาม จับกุมกลุ่มติดอาวุธ และตรวจค้นแหล่งซุกซ่อนต่างๆ หลังมีข่าวว่าจะมีการจัดตั้งและใช้กองกำลังอาวุธก่อเหตุรุนแรง จนอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน  
 
โดยผลการปฏิบัติการ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคมถึง 24 มิถุนายนที่ผ่านมา สามารถยึดอาวุธสงครามได้หลายรายการ อาทิ ปืนเล็กยาว และปืนกลชนิดต่างๆ จำนวน 144 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนกว่า 2 หมื่นนัด , ปืนยาวและปืนลูกซอง 258 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 557 นัด ยังมีปืนพกชนิดต่างๆ และเครื่องยิงลูกระเบิด แบบ M-79 อีก 23 เครื่อง รวมทั้งเครื่องยิงจรวด RPG 57 ลูก และยุทธภัณฑ์อื่นๆ 
 
โฆษก คสช. กล่าวด้วยว่า มีอาวุธบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม "ขอนแก่นโมเดล" ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นแบบที่จะใช้ในการก่อเหตุรุนแรงก่อนที่ คสช. จะเข้ามาบริหารประเทศ และยืดได้จากกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองในปี 2553 อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีอาวุธอีกจำนวนมากที่กระบวนการตรวจสอบยังไม่สมบูรณ์ และบางส่วนจากการสืบสวนสอบสวน พบว่ามีความเชื่อมโยงกับนายจักรภพ เพ็ญแข  
 
อย่างไรก็ตาม อาวุธบางส่วนยังอยู่ในระหว่างการดำเนินคดี จึงนำมาได้บางส่วนเท่านั้น  
 
กองทัพภาคที่ 4 แถลงข่าวผลการจับกุมอาวุธสงคราม 
 
ในขณะที่วันเดียวกัน สำนักข่าวแห่งชาติ รายงานว่า ที่กองทัพภาคที่ 4 ค่ายวชิราวุธ จังหวัดนครศรีธรรมราช พลโทวลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานแถลงข่าวผลการจับกุมอาวุธสงคราม เครื่องกระสุน และยุทธภัณฑ์ ระหว่างวันที่ 22 พ.ค.-25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า หลังจากที่ คสช.เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ ก็ได้มีนโยบายอย่างเคร่งครัดในการจับกุมอาวุธสงคราม รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ครอบครองอาวุธสงคราม นำมามอบให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งจากการดำเนินการของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 4 โดยการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดความมั่นคง ร่วมดำเนินการต่อเป้าหมายปิดล้อมตรวจค้นและจับกุม ร่วมกับเจ้าหน้าที่พลเรือนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถตรวจยึดอาวุธสงครามได้เป็นจำนวนมาก อาทิ ปืนเล็กยาวชนิดต่างๆ จำนวน 21 กระบอก ปืนยาวและปืนลูกซอง จำนวน 150 กระบอก ปืนพกชนิดต่างๆ จำนวน 399 กระบอก ลูกระเบิกขว้างชนิดต่างๆ จำนวน 13 ลูก สำหรับเครื่องกระสุน ประกอบด้วย กระสุนทั้งหมด 4,502 นัด กระสุนระเบิด แบบ M-79 จำนวน 3 นัดและยุทธภัณฑ์อื่นๆ เช่นเสื้อเกราะ จำนวน 5 รายการ
 
พลโทวลิต โรจนภักดี กล่าวว่า จากการที่หัวหน้า คสช. อยากเห็นความสงบเรียบร้อยเกิดขึ้นในประเทศ ไม่อยากให้ใช้อาวุธสงครามมาทำร้ายกัน จึงได้มีการประกาศคำสั่ง ให้ผู้มีอาวุธปืน อาวุธสงคราม ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งจากผลการดำเนินงานได้รับความร่วมมือมาโดยตลอด ทำให้สามารถตรวจยึดอาวุธสงครามได้จำนวนมาก และหลังจากนี้ก็จะดำเนินการกวาดล้างและต้องจับกุมให้ได้ทั้งหมด 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น