กรณี คสช. เรียกชาวบ้าน-นักกิจกรรมรายงานตัวชุดใหญ่ตามคำสั่ง 44/2557 ล่าสุดช่วงเย็นนี้ สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ได้รับการปล่อยตัวแล้ว ขณะที่รายอื่นๆ ยังคงมีการควบคุมตัว
สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ (แฟ้มภาพ)
3 มิ.ย. 2557 - สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งถูก คสช. ออกคำสั่งฉบับที่ 44/2557 เรียกให้ไปรายงานตัวในวันที่ 3 มิ.ย. ได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้ว โดยสุธาชัยระบุว่า คณะผู้สอบสวนได้ขอความร่วมมือใน 2 ประเด็น คือ ขออย่าให้เคลื่อนไหวคัดค้านรัฐประหาร และให้หยุดเขียนเรื่องการคัดค้านมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาไว้ก่อน
อนึ่งหลังการสลายการชุมนุมปี 2553 สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ถูกควบคุม ศอฉ. ตัวตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปไว้ที่ค่ายอดิศรใน จ.สระบุรี โดยถูกควบคุมตัวไปไว้ในสถานที่เดียวกับสมยศ พฤกษาเกษมสุข นักกิจกรรมด้านแรงงาน และบรรณาธิการวอยซ์ออฟทักษิณ
ทั้งนี้ เมื่อช่วงสายวันนี้ มีผู้ถูกเรียกตามคำสั่งฉบับเดียวกัน เข้ารายงานตัวกว่าสิบราย อาทิ นายเก่งกิจ กิติเรียงลาภ อาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, นายพฤกษ์ พฤกษ์สุนันท์ หรือลุงยิ้ม ตาสว่าง, นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย ผู้สื่อข่าวเว็บไซต์ประชาไท, นายปัญญา สุรกำจรโรจน์ สื่ออิสระ, นายรัชพงศ์ โอชาพงศ์ ศิลปิน, น.ส.สลิลทิพย์ ณ พัทลุง อดีตนักศึกษา, นายกิตติศักดิ์ สุจิตตารมย์ นักศึกษาปริญญาโท อดีตกรรมการ สนนท., น.ส.อุทัยรัตน์ มณีด้วง นักดนตรี, นายอัมรินทร์ ใสรัมย์, นายธนัท ศรีนิธิโฆษิต, นายนิพนธ์ ผดุงศิลป์ไพโรจน์ ซึ่งเป็นพ่อครัวทำกับข้าวในที่ชุมนุมคนเสื้อแดงตั้งแต่ปี 2553 และอดีตผู้สมัคร ส.ว. จ.สมุทรปราการ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการปล่อยตัวบุคคลเหล่านี้
สำหรับโพสต์ของสุธาชัย มีเนื้อหาดังนี้
000
"ถึงเพื่อน ทุกคนครับ
จะรายงานผลให้ทราบว่า ผมได้ไปรายงานตัวกับทางเจ้าหน้าที่ทหารแล้ว หลังจากที่ถูกสอบสวนทั้งจากฝ่ายทหารและตำรวจ 3 ชั่วโมง ก็ได้รับการปล่อยตัว โดยทางฝ่ายทหารอธิบายว่า การที่ผมมารายงานตัวถือว่าเป็นการให้ความร่วมมืออย่างดี การเรียกตัวมาก็เป็นการเรียกมาคุย ไม่ได้เป็นการคุกคาม เขาอธิบายว่ารัฐประหารครั้งนี้เป็นรัฐประหารที่สุภาพ ไม่ได้ตั้งใจจะเล่นงานใคร นอกจากต้องการจะให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ในบ้านเมือง เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมันแก้ไม่ได้ นอกจากจำเป็นจะต้องรัฐประหาร และจะใช้อำนาจเป็นการชั่วคราว
ผมจะไม่เล่าถึงการโต้เถียงประเด็น เพราะเป็นเรื่องยาว แต่จะเล่าให้ฟังว่า บรรยากาศการพูดคุย ผู้ซักถามมีราว 7-9 คน มาจากหน่วยงานราชการหลายหน่วยงาน ฝ่ายเจ้าหน้าที่มีการเตรียมตัวด้านข้อมูลเป็นอย่างดี เช่น ทราบถึงประวัติความเป็นมาของผม ได้อ่านบทความที่ผมเขียนลงโลกวันนี้มาแล้ว ประเด็นสำคัญในการซักถามเป็นเรื่องว่าด้วยมาตรา 112 แต่การซักถามสำหรับผมเป็นไปด้วยมิตรภาพ ท่าทีการพูดคุยของเจ้าหน้าที่ค่อนข้างดี แม้ว่าความเห็นจะไม่ตรงกันเลยก็ตาม
ท้ายที่สุด คณะผู้สอบสวนได้ขอให้ผมร่วมมือใน 2 ประเด็น คือ ขออย่าให้เคลื่อนไหวคัดค้านรัฐประหาร และให้หยุดเขียนเรื่องการคัดค้านมาตรา 112 ไว้ก่อน
แหม แต่ผมถือว่าเป็นเกียรติมากที่ถูกเชิญตัวในครั้งนี้ เรื่องขอความร่วมมือ ผมจะเอาอำนาจอะไรไปสู้กับคณะรัฐประหารได้ แต่ในเรื่องความคิดและจิตใจ คงบังคับกันไม่ได้ เพราะผมก็ยืนยันว่า ผมไม่ได้ต้านรัฐประหารเฉพาะครั้งนี้ การรัฐประหารตั้งแต่ 6 ตุลา 2519 เป็นต้นมา ผมไม่เคยเห็นเลยว่าจะแก้อะไรได้ มีแต่จะยิ่งขยายปัญหามากขึ้นทุกครั้ง ปัญหาบ้านเมืองคลี่คลายด้วยประชาธิปไตยทั้งนั้น
เรื่องมาตรา 112 สังคมไทยเป็นสังคมที่เป็นใบ้กับเรื่องนี้อยู่แล้ว ผมคนเดียวก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เสี่ยงต่อการถูกล่าแม่มด เก็บขยะแผ่นดิน
เล่าให้ฟังแค่นี้ก่อน ผมคงจะเขียนบทความลงโลกวันนี้และประชาไทต่อไป ส่วนเรื่องอะไรคงว่ากันภายหลัง"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น