วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

'ประยุทธ์' วอนสื่อเสนอข่าวสารที่ไม่สร้างความขัดแย้งให้แก่คนในสังคม


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ระบุในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ขอความร่วมมือสื่อนำเสนอข้อมูลที่ไม่สร้างความขัดแย้งแก่คนในสังคม ชี้หากสร้าง Hate Speech ประจานประเทศไทยต่อชาวโลก ความขัดแย้งก็จะไม่มีวันจบไม่สิ้น
 
เมื่อวันที่  4 กรกฎาคม 2557 เวลา 20.30 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยขอความร่วมมือสื่อทุกประเภท งดเสนอข่าวที่สร้างความขัดแย้งรวมถึงการแชร์ข้อมูล  และโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์ ขณะนี้ยังพบว่า มีการแจกจ่ายข้อมูลหมิ่นสถาบัน และเนื้อหาที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคม รวมถึงการกล่าวร้ายบุคคลอื่น ทั้งนี้ ขอความร่วมมือสื่อมวลชน ผู้บริหารองค์กร และบรรณาธิการ ควบคุมดูแลเนื้อหาสาระให้มีมาตรฐาน พร้อมนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องสู่สาธารณะ ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบว่า สื่อใดไม่นำเสนอข้อเท็จจริง จะต้องรับผิดชอบ
 
ในส่วนของวิทยุชุมชนหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวว่า จะพยายามให้ออกอากาศโดยเร็วที่สุด ขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการ โดยส่วนหนึ่งที่จดทะเบียนถูกต้อง ได้อนุญาตออกอากาศไปแล้ว ส่วนที่เหลือจะดำเนินการตรวจสอบก่อน พร้อมขอความร่วมมือทุกสถานี ให้เปิดเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมีตามหลักปกติ
 
 
รายละเอียดรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2557 
 
สวัสดีครับ พี่น้องประชาชนที่เคารพ วันนี้ผมมีเรื่องจะกราบเรียนให้ทราบ ดังนี้
 
เรื่องแรกเรื่องสื่อ ผมขอทำความเข้าใจในเรื่องสื่อมวลชน และสื่อต่าง ๆ ก่อนเป็นลำดับแรก สื่อ ทั้ง โทรทัศน์ โทรทัศน์ดาวเทียม วิทยุกระจายเสียง วิทยุชุมชน โซเชียลมีเดีย สื่อสิ่งพิมพ์ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่อยากให้เกิดความขัดแย้ง และไม่เข้าใจกันอีกต่อไป ไม่ว่าจะกับ คสช. หรือกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
 
วันนี้บ้านเมืองของเรานั้น อยู่ในห้วงเวลาไม่ปกติ มีความจำเป็นต้องขอร้องให้ลดการนำเสนอข่าวที่จะเพิ่ม หรือขยายความขัดแย้ง รวมทั้งข่าวที่ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง
 
ที่ผ่านมาจะเห็นว่าก่อนวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา จะเห็นว่าประชาชนบริโภคข่าวจากสื่อทุกประเภท ต้องยอมรับว่า มีสื่อทั้งที่เลือกข้าง และเป็นกลาง ทำให้สังคม และประชาชนสับสน มีความเกลียดชังซึ่งกันและกัน เพราะต่างฝ่าย ต่างก็เชื่อมั่นที่จะเชื่อในข้อมูลของฝ่ายตน มีการเขียน หรือโพสต์ หรือวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดียกันอย่างกว้างขวาง ทั้งแชร์ข้อมูลของฝ่ายตนเอง และประสงค์ที่จะโน้มน้าวให้คนอื่นเชื่อด้วย รวมความไปถึงสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ที่อาจจะทำให้สังคมไทยเสื่อมโทรม เช่น หนังสือลามก อนาจาร หนังสือแนวหมิ่นเหม่สถาบัน ซึ่งพบว่ายังมีการลักลอบจำหน่ายกันอยู่ในหลายพื้นที่เช่นกัน ดังนั้น เราจำเป็นต้องช่วยกัน ทั้ง คสช. สมาคมผู้สื่อข่าว นักข่าว บรรณาธิการ เจ้าของสำนักพิมพ์ต่าง ๆ ตลอดจนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าที่โดยตรง
 
วันนี้โลกเราเปลี่ยนแปลงไปมาก ไม่มีพรมแดน การกระจายข่าวสาร รวดเร็วมาก หากมีการโพสต์ข้อความ หรือเสนอข่าวใดที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ก็มีแต่ข้อมูลสร้างความเกลียดชัง หรือที่เรียกว่า Hate Speech เป็นการประจานประเทศไทยในสายตาของต่างชาติ รวมทั้งสร้างผลกระทบต่อภายในประเทศเราเอง ความขัดแย้งก็จะไม่มีวันจบไม่สิ้น บางทีอาจสร้างผลกระทบกับความคิด ความอ่านของเยาวชนไทยที่เป็นอนาคตของเราด้วย หากปล่อยเป็นเช่นเดิม ความแตกแยกจะมากขึ้น เด็กไม่เคารพผู้ใหญ่ ต่างฝ่ายต่างใช้คำพูดที่หยาบคายใส่กัน สังคมก็จะเกิดการขาดความเชื่อมั่น ขาดความไว้วางใจซึ่งกันและกันในทุกระดับ ความสงบสุขก็จะเกิดขึ้นได้ยาก ฉะนั้นคนดี ๆ ก็อาจจะถูกให้ร้าย ก็ทำให้เขาหมดกำลังใจในการทำงาน
ผมขอร้องอีกครั้งหนึ่งให้ทุกท่านที่เกี่ยวข้องกับสื่อ ทั้งผู้สื่อข่าว สำนักพิมพ์ บรรณาธิการ ได้กรุณากำหนดมาตรฐาน มีมาตรการควบคุมเนื้อหาสาระของสื่อในความรับผิดชอบของท่าน ให้ช่วยการเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นข้อเท็จจริงต่อสาธารณชน หากสื่อใดนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นข้อเท็จจริง หรือสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ท่านต้องรับผิดชอบด้วย หากสื่อนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของท่านเอง
 
คสช. ไม่ได้มุ่งหวังในการจะใช้อำนาจไปจำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อแต่ประการใด ที่ผ่านมา เราก็อนุโลม เราก็ให้สื่อเสรีภาพในการนำเสนอ อาจจะมากเกินไปด้วยซ้ำ ใครจะว่าใครก็ได้ เพราะฉะนั้นจะทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด บางครั้งก็ยังไม่ได้ตรวจสอบ ก็อยากให้เห็นใจคนที่เขาถูกกล่าวว่าร้ายไปบ้าง เขาจะทำอย่างไร เขาจะมีโอกาสปกป้องตนเองหรือไม่ ในบางครั้งถ้าเราไปลงความเห็นว่าเขาดีหรือไม่ดีอย่างไร โดยไม่มีข้อพิสูจน์ จะทำให้สังคมเกิดความขัดแย้งมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นเวลานี้ ก็ขอเรียนทำความเข้าใจอีกครั้งว่า เราต้องการความสงบสุข เพื่อ คสช. จะได้แก้ไขปัญหา ปัญหาจริง ๆ วันนี้ท่านทราบอยู่แล้วว่ามีปัญหาอยู่ที่ไหน เราก็ทำทุกอย่างและกำลังอยู่ในกระบวนการก็มี
 
สำหรับโรดแมป 3 ระยะ ที่เราพูดไปหลายครั้งแล้ว ก็จะมีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ต่าง ๆ มีทั้งนักวิเคราะห์ นักเขียน นักวิชาการต่าง ๆ บางครั้งผมก็รู้สึกน้อยใจเหมือนกันว่าท่านฟังเวลาเราพูดหรือไม่ คือข้อมูลต่าง ๆ ที่เราให้ไปท่านได้รับฟังหรือไม่ แต่รู้ว่าทุกท่านมีความห่วงใย มีความหวังดีกับประเทศชาติ แต่ขอให้กรุณาฟังเราบ้าง เพราะเราทำไปเราพยายามจะบอกท่านทุกครั้ง หากท่านไม่ฟังเลย จะไม่ได้เป็นการติเพื่อก่อ จะเป็นการติเหมือนจะทำลายกัน ในขณะที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย หรือทำไปยังไม่จบสิ้น อันนี้ก็ขอร้องอีกครั้ง คงไม่ได้หมายความทุกคน ทุกสื่อ เป็นเพียงส่วนน้อยมาก ผมถือว่าน้อยมาก วันนี้คงทำงานด้วยประสบการณ์อย่างเดียวไม่ได้แล้ว ต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
 
ส่วนวิทยุชุมชนก็เช่นเดียวกัน วันนี้เราก็พยายามที่จะให้มีการออกอากาศให้ได้โดยเร็ว ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนหลาย ๆ อย่างที่เราทำอยู่ มีการทยอยเปิดเป็นตามลำดับ อะไรที่ยังเปิดไม่ได้ก็ขอให้เข้าใจว่ายังไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ขอให้ทำให้ถูกต้อง และเราก็จะเปิดให้
 
สำหรับเรื่องของเศรษฐกิจในวันนี้ เรากระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยประเมินว่า เศรษฐกิจของเราจะโตขึ้นทั้งปี เพียงแค่ 1.5% ซึ่ง คสช. ทราบดีจะพยายามผลักดันให้ได้เกิน 2 % เพราะฉะนั้นแนวทางที่เรามีอยู่ในปัจจุบันคือกระตุ้นเศรษฐกิจของคนรายได้น้อย ให้ธนาคารต่าง ๆ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ได้พิจารณาทำโครงการต่าง ๆ ที่จะให้กลุ่มประชาชนได้กู้ยืมเงินไปลงทุนให้มากขึ้น
 
ส่วนเรื่องของการกระตุ้นการส่งออกให้มากขึ้นนั้น มีการรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทไม่ให้แข็งมากจนเกินไป มีการกระตุ้นส่งเสริมการท่องเที่ยว ได้มีการชักชวนผ่านทุกช่องทางให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวให้มากขึ้น ก็จะเป็นผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น การบริการต่าง ๆ ร้านอาหาร ร้านค้าต่าง ๆ สำหรับการท่องเที่ยวทุกคนทราบดีว่า เป็นรายได้สำคัญของไทย คสช. ได้กำหนดเป้าหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ อะไรที่เป็นอุปสรรค ปัญหา ก็ให้เสนอมา เพื่อเราจะได้แก้ไขต่อไป
 
เรื่องของการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐ วันนี้การตรวจสอบงบประมาณ ปี 2557 ก็ยังมีงบประมาณหลายงบประมาณของหลายกระทรวง ซึ่งยังไม่มีแผนงาน โครงการรองรับ ประมาณกว่า 5 หมื่นล้านบาท เราจะนำแผนการโครงการงบประมาณต่าง ๆ เหล่านั้นมาดูอีกครั้งหนึ่งว่าอะไรในแต่ละกระทรวงยังทำได้ช้า เราก็จะปรับงบประมาณตรงนี้ไปเพิ่มในแผนงาน โครงการ ที่ยังไม่สมบูรณ์และมีความเร่งด่วนสูง
 
เรื่องของการบริหารจัดการน้ำ คาดว่าจะสามารถปรับงบประมาณที่เหลือ ที่ผมเรียนเมื่อสักครู่ของทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง สามารถจะปรับเพิ่มได้ประมาณหมื่นกว่าล้าน เพื่อไปดำเนินการเร่งด่วนใน ปี 2557 และต่อเนื่องในปี 2558
 
สำหรับเรื่องสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน เราก็ให้ความสำคัญและความเร่งด่วนเช่นกัน วันนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาเพื่อจะอนุมัติแผนงาน โครงการดังกล่าวบางส่วน
 
งบประมาณ ปี 2557 ซึ่งผมเรียนไปแล้วว่าเราใช้จ่ายไป ไตรมาสสุดท้ายในขณะนี้ หากใช้ไม่หมด แผนงานที่ค้างอยู่ เราจะนำไปผูกพันไว้ในปีงบประมาณปี 2558 เพื่อดำเนินการให้ต่อเนื่องในลักษณะการบูรณาการ
 
การอนุมัติงบประมาณแผนงาน/โครงการ วงเงิน ร้อยล้าน พันล้าน หมื่นล้าน ซึ่ง คสช. ได้อนุมัติไปบ้างแล้วนั้น เป็นการอนุมัติในกรอบของ ครม. เดิม ซึ่งปัจจุบันนั้น คสช. ทำหน้าที่อยู่ ทั้งนี้ คสช. ได้ปรับเปลี่ยนแผนงาน โครงการบางส่วน ที่เป็นปัญหาค้างคาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง
 
ในส่วนของการใช้จ่ายงบประมาณของ คสช. ปัจจุบันงบประมาณที่ คสช. ใช้จ่ายเป็นหลัก คือ ค่าตอบแทนกำลังพล ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร และงบปฏิบัติการบางส่วนเท่านั้น ในส่วนของการอนุมัติการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของกองทัพนั้น ก็คงเป็นไปตามแผนงานเดิมทั้งสิ้น ซึ่งได้ถูกบรรจุไว้ในการจัดทำงบประมาณประจำทุกปี
 
การปฏิรูปในระยะที่ 1 และ 2 วันนี้เป็นขั้นการเตรียมการ โดย คสช. ในเรื่องของการอำนวยความสะดวกให้ ทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น และให้ความรู้ ถกแถลงกันและยังไม่มีข้อสรุปใด ๆ
 
ระยะที่ 2 เมื่อมีรัฐบาลแล้วมีการจัดตั้งสภาปฏิรูป วิธีการคือการรับสมัครบุคคลทุกกลุ่มทุกฝ่าย ทั้งกลุ่มที่มีส่วนได้ส่วนเสีย การเมือง คู่ขัดแย้ง นักวิชาการ การศึกษา พลังงาน เศรษฐกิจ สังคม สมาคมต่าง ๆ ตลอดจนผู้แทนแต่ละจังหวัด ซึ่งจะต้องมีครบทุกกลุ่ม เราจะได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว
 
เรื่องระบบราชการ เรียนว่าที่ผ่านมาเกิดความเสียหายอย่างมาก ในระบบราชการไทย ผมไม่อยากให้สังคมตำหนิ เจ้าหน้าที่ หรือข้าราชการระดับผู้ปฏิบัติมากนัก ผู้รับผิดชอบควรจะเป็นฝ่ายบริหาร หรือหัวหน้าหน่วยงานระดับกระทรวงกรม หรือองค์กรระดับสูง ซึ่งอาจจะไม่ได้กำกับดูแลให้เป็นไปตามระบบ ระเบียบ ข้อบังคับของหน่วยงาน
 
วันนี้ คสช. เข้าไปตรวจสอบแล้ว ใครจะผิด จะถูกอย่างไร ก็คงต้องพิสูจน์กันต่อไปอีกครั้งหนึ่ง แต่ที่ผ่านมา อาจจะติดขัดด้วยระเบียบวินัยของข้าราชการ ซึ่งจำเป็นต้องปฏิบัติตามคำสั่ง ที่ผมกล่าวไป เราจะต้องพยามยามไม่ให้เกิดขึ้นอีก จะต้องมีการปฏิรูปทุกระบบ ใครจะผิด จะถูก ก็ว่าไปตามกระบวนการของกฎหมาย สำหรับผมเอง ผมต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นหัวหน้าหน่วยงาน ในส่วนของผู้บัญชาการทหารบก กองทัพบก และปัจจุบันก็ คสช. ด้วย
 
วันนี้ถึงแม้ว่าผมจะมอบหมายงานต่าง ๆ กระจายอำนาจไปบ้างแล้วก็ตาม แต่ผมไม่สามารถจะปัดความรับผิดชอบอะไรได้ ก็ต้องทำงาน กำกับดูแล ให้ขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ถ้าเราปฏิบัติงานตามระเบียบปฏิบัติประจำ (รปจ.) อย่างเดียว ก็ไม่ก้าวหน้า งานก็ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นเราต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดีที่สุด รวมความถึงในเรื่องของการให้รางวัลคนดี ทำโทษคนไม่ดี ใช้พระเดช พระคุณ ควบคู่กันไป หลักการของผมคือ นายต้องดูแลลูกน้อง ลูกน้องไม่จำเป็นต้องมาดูแลนาย
 
ระบบการบริหารราชการ ระหว่าง ฝ่ายการเมือง กับ ข้าราชการ จำเป็นต้องมีการปรับปรุง ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้าง บุคลากร คุณภาพ ความซื่อสัตย์ รวมไปถึงรูปแบบการปฏิบัติงาน หน้าที่ พันธกิจ ความริเริ่ม การมุ่งไปสู่ผลสัมฤทธิ์ การประเมินคุณภาพ ฯลฯ ต้องยอมรับกันว่า คนดีนั้น ย่อมมีมากกว่าคนที่ไม่ดี เราต้องใช้คนดีในการทำงาน หากทำไม่ได้ ก็จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไป จนกว่าจะได้คนดี ซื่อสัตย์ สุจริต จริง ๆ
 
การปรับย้ายข้าราชการในปัจจุบัน ระดับ 10 – 11 จำเป็นต้องใช้อำนาจ คสช. เนื่องจากปัจจุบันไม่มี ครม. ทั้งนี้เป็นการปรับย้ายเพื่อความเหมาะสม ฉะนั้นเรื่องการปรับย้ายในระดับที่ต่ำกว่า จะเป็นหน้าที่ของปลัดกระทรวง และหัวหน้าหน่วยงานเป็นการภายในที่ต้องรับผิดชอบ
 
คสช. ไม่ได้มุ่งหวังจะสืบทอดอำนาจ หรือเปลี่ยนกลุ่มผลประโยชน์แต่ประการใด คสช. พยายามแก้ไขเรื่อง ผลประโยชน์ทับซ้อน การทุจริต คอร์รัปชั่น ซึ่งก็เป็นการยากที่จะคัดสรรคนที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับสมัยใด/ยุคใด เข้ามาบริหารราชการได้เลย เพราะเป็นการปฏิบัติงานตามระเบียบปฏิบัติประจำ (รปจ.) ตามข้อบังคับของทุกหน่วยงาน ถ้าเราตั้งใหม่ไปแล้วทำงานไม่ดีก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาในปัจจุบัน
 
การปฏิบัติงานของทุกหน่วยงานจะต้องมีความสัมพันธ์ทางการบังคับบัญชา ซึ่งการปกครองหรือบังคับบัญชาคนนั้นจะเกี่ยวข้องกัน 3 ส่วนคือ ผู้บังคับบัญชา ผู้ร่วมงาน ผู้ใต้บังคับบัญชา และผลสัมฤทธิ์จะไปตกอยู่ที่ประชาชนเป็นผู้ได้รับประโยชน์ ดังนั้นถ้าระบบดีแล้ว อะไรก็จะดี องค์กรที่ดีจะต้องมี “ความริเริ่ม รวดเร็ว รอบคอบ มีคุณธรรม และจริยธรรม ทั้งบุคลากร และองค์กรทุกองค์กร ”
 
ขอยืนยันว่า คสช. จะพยายามสร้างระบบ สร้างข้าราชการ สร้างคนให้แข็งแรง เป็นข้าราชการที่ดีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้ได้ หรือเป็นข้าราชการที่ดีของแผ่นดิน
 
การพัฒนาบุคลากร/ การเตรียมพร้อม สู่อนาคตของประเทศไทย หลักการของผมคือ รัฐต้องดูแลคนทุกวัย ทั้ง เด็ก เยาวชน วัยรุ่น ผู้ใหญ่ คนชรา อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง จะต้องมีการวางแผน เตรียมความพร้อม สร้างความคิดที่เป็นระบบ มีเหตุมีผล นึกถึงประเทศชาติก่อน สร้างจิตสำนึก อุดมการณ์ ความรักชาติ เยาวชน นักศึกษา จะต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย ขนบธรรมเนียมประเพณีไทยที่งดงาม เพื่อจะร่วมกันสร้างอนาคต เราสามารถจะสร้างอนาคตของประเทศได้ โดยไม่ต้องทำลายอดีตอันงดงามของเราทั้งสิ้น เพื่อให้เป็นไปตามการเจริญเติบโตของยุคสมัยในปัจจุบัน ซึ่งในอดีตเรามีความงดงามมากมาย ไม่จำเป็นต้องทำลาย
 
ผมได้รับรายงานว่า สถานีวิทยุชุมชนบางแห่งไม่เปิดเพลงเคารพธงชาติ หรือเพลงสรรเสริญ พระบารมี ผมได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตาม ตรวจสอบแล้ว ขอร้องว่าอย่าให้มีการกระทำผิดดังกล่าว เพราะอาจจะต้องถูกระงับการออกอากาศ เพราะถือว่าไม่เคารพกฎกติกาของสังคมในปัจจุบัน
 
การศึกษา หาความรู้นั้น ก็จะได้มาจากหลายทางด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนการสอนในสถานศึกษา หรือเรียนด้วยตนเอง และการไขว่คว้าหาความรู้จากภายนอก ผมมีแนวความคิดว่า ทั้งผู้ปกครอง ครู เด็ก จะต้องมีส่วนสัมพันธ์กัน การสอนในห้องเรียน ขอให้เป็นหลักมากกว่าการสอนพิเศษ ลดค่าใช้จ่ายของเด็กและผู้ปกครองลง เพราะทำให้เกิดความเดือดร้อน โรงเรียนมีค่าใช้จ่ายในการเรียนสูง อุปกรณ์ราคาแพง และมีการเรียนพิเศษเพิ่มเติม ทำให้เด็กเป็นภาระในการเรียน 2 ช่วงเวลา ซึ่งทำให้เกิดปัญหาในระบบการศึกษาของไทยเป็นอย่างยิ่ง ผมได้มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการปรับแก้ทั้งระบบ ฉะนั้นเราต้องสร้างความผูกพันกันให้ได้ระหว่างครู – ผู้ปกครอง และเด็กนักเรียน จะต้องมีความหวังดีต่อกัน ให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ต้องปรับตัวเข้าหากัน ผู้ใหญ่ก็ต้องเปิดโลกทรรศน์ตัวเองให้กว้างขึ้น หาเวลาให้ได้ในการดูทีวี อ่านหนังสือ ติดตามข่าวสารทั้งในและต่างประเทศ ไม่เช่นนั้นเราจะไม่รู้ว่าคนอื่นไปถึงไหนกันแล้ว ก็จะลืมคนอื่น ลืมประเทศชาติ มองถึงแต่ตนเอง คิดเองก็คิดไม่ได้
 
บางครั้งการเอาแบบอย่างต่างประเทศ เช่น ในทีวี หนังสือนิตยสาร ฯลฯ ถือว่าเป็นการลดเวลาของเราที่ไม่ต้องคิดมาก เพียงแต่นำมาประยุกต์ใช้ว่า จะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์กับบ้านเมืองของเราได้ ข้อสำคัญคือทุกคนต้องคิดให้พ้นตัวเองก่อน แบ่ง/เฉลี่ยตามความเหมาะสม ตามขีดความสามารถของตนเอง คือสถานะของตัวเอง และสิ่งที่ตัวเองจะต้องมีต่อสังคมภายนอกด้วย ผู้ที่มีโอกาสคือคนที่มีฐานะ ต้องคิดให้มาก จะได้ช่วยเหลือประเทศชาติได้อย่างแท้จริง ส่วนคนมีรายได้น้อย โอกาสน้อย ก็ต้องเริ่มคิด เริ่มมีส่วนในสังคม จะเป็นผู้รับอย่างเดียวไปตลอดไม่ได้ ท่านต้องพร้อมที่จะเป็นผู้ให้และผู้รับให้ได้ในอนาคต
 
การศึกษา ได้มุ่งเน้นให้มีการนำเทคโนโลยีในเรื่องการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม และอินเทอร์เน็ต ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ริเริ่มไว้แล้ว เพื่อกระจายไปยังสถานศึกษาให้มีคุณภาพมากขึ้นในพื้นที่ชนบท พื้นที่ห่างไกล โดยให้มีการปรับปรุงครู และบุคลากรทางการศึกษาให้ได้มาตรฐานเท่าเทียมกันทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
 
การปรับปรุงการบริหารงานของรัฐวิสาหกิจ วันนี้ทราบดีว่า สังคมให้ความสนใจ การปรับเปลี่ยนรายชื่อคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ขอเวลาให้รัฐวิสาหกิจได้ทำงานสักระยะหนึ่ง หากทำงานไม่ดีก็ปรับเปลี่ยนใหม่ได้ ในวันนี้จะหาใครที่ไม่เคยทำงานให้กับใครเลยค่อนข้างยาก หากนำผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ ก็จะทำให้เกิดความเสียหาย สิ่งสำคัญคือ เราต้องควบคุมให้ได้ ให้อยู่ในกฎเกณฑ์ ไม่แสวงหาผลประโยชน์ ไม่สร้างความร่ำรวยแก่ตนเองและพวกพ้อง ประชาชนเดือดร้อน และไม่ได้ประโยชน์อะไรเท่าที่ควร คสช. พยายามปรับปรุงให้คนไม่ดีที่มีอยู่น้อย กลับตัวกลับใจเป็นคนดีของสังคมให้ได้ เราคงไม่สามารถจะปรับคนทุกคนออกไป ทั้งคนที่เราไม่พอใจ ไม่ชอบ ได้ทั้งหมด
 
การจัดตั้ง Super Board วัตถุประสงค์ เพื่อกำหนดนโยบาย และมีมาตรการควบคุมการบริหารงานของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น มิได้มุ่งหวังจะไปทำให้การประกอบธุรกิจ เกิดความเสียหายหรือการรวบผลประโยชน์อะไรต่าง ๆ มาสู่ คสช. เราต้องการให้มีมาตรการควบคุม ในเรื่องของความโปร่งใส และความเหมาะสมของผลประโยชน์ที่เกิดแก่ประชาชน ประเทศชาติ ในระยะต่อไปจะต้องปรับปรุงจัดระบบสัดส่วนผลประโยชน์ที่เกิดกับรัฐ กับผู้ถือหุ้น และประชาชน ให้ชัดเจนมากกว่าเดิม
 
ในเรื่องของการปรับโครงสร้างพลังงานของไทยนั้น วันนี้ยังมีความซับซ้อนมากพอสมควร ก็ยังอยู่ในขั้นตอนของการหารือ และการหามาตรการหรือข้อตกลงที่จะต้องดำเนินการต่อไป วันนี้ประชาชนเดือดร้อน อย่างไรก็ตาม ต้องฟังความเห็นจากทุกฝ่าย และปรับเข้าหากัน มีหลักการ เหตุผล จากข้อมูลที่ถูกต้องตรงกันก่อน เพื่อให้การดำเนินการเป็นที่ยอมรับ ถูกต้องเหมาะสม ประเทศชาติและประชาชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง วันนี้ คสช. กำลังพิจารณาในเรื่องราคาของพลังงาน เพื่อใช้เป็นการชั่วคราว ก่อนมีการปรับปรุงโครงสร้างทั้งระบบในระยะต่อไป
 
การแก้ปัญหาทุจริต คอร์รัปชั่น ปัจจุบันนั้น กระบวนการตรวจสอบเรื่องการทุจริต คอร์รัปชั่น โดย คสช. ได้ดำเนินการไปได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว หากพบว่ามีแผนงาน/โครงการ ของหน่วยงานใดมีความผิดปกติ หรือมีมูลก็จะรีบนำเข้าสู่กระบวนการต่อไปโดยทันที ปัจจุบันเราได้พิจารณาคัดสรรคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน เพื่อดำเนินการต่อไปในการตรวจสอบโครงการทุกโครงการที่มีปัญหา
 
เรื่องโครงการรับจำนำข้าว ที่ผ่านมาได้เริ่มมีการตรวจสอบมาบ้างแล้ว มีบางส่วนที่พบว่า มีข้าวหายไป 8 ถึง 9 หมื่นกระสอบ มูลค่า ประมาณ 60 - 70 ล้าน วันนี้จะต้องเร่งตรวจสอบให้ได้โดยเร็ว โดยชุดตรวจสอบที่ คสช. ได้จัดตั้งไว้ประมาณ 100 กว่าชุด จะเข้าตรวจสอบทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งมีการตรวจสอบบัญชีย้อนหลังก่อน วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ว่ามีความถูกต้องเพียงใด ดำเนินการคู่ขนานไปด้วย ส่วนการแก้ปัญหาทั้งระบบนั้น จะไปดำเนินการในระยะที่ 2 ให้เกิดผลอย่างยั่งยืน
 
ความคืบหน้าเรื่องอาวุธสงคราม เจ้าหน้าที่ตำรวจ/ทหาร ยังคงปฏิบัติงานต่อเนื่อง มีการจับกุมได้อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน จากการสอบสวนพบว่า มีความเชื่อมโยง มีบุคคลที่เกี่ยวข้องมากมายจากอดีตถึงปัจจุบัน รวมทั้งกรณีโมเดลในจังหวัดต่าง ๆ ตามที่เป็นข่าว และในพื้นที่อื่น ๆ อีกด้วย อาจจะมีการวิพากษ์วิจารณ์ หรือพูดคุยในโซเชียลมีเดียว่า เจ้าหน้าที่หมุนเวียนอาวุธมาสร้างภาพการจับกุมหรือไม่ ขอเรียนว่าเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างได้มาจากการสืบสวน สอบสวน และยังมีเป็นจำนวนมาก ข้อมูลดังกล่าวมาจากผู้ที่ถูกจับกุมทั้งสิ้น ได้มีการสืบสวน ค้นหา และได้ตรวจพบตลอดในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ขอให้มั่นใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เร็ว ๆ นี้ ก็จะมีการออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวขึ้นเพิ่มเติมอีก แล้วจะสรุปให้ทราบเป็นระยะ ๆ ทั้งจำนวน ผู้ต้องหา อาวุธสงครามที่พบ ตลอดจนขบวนการที่เกี่ยวข้อง วันนี้ต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน กำลังดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม และจะนำข้อมูลที่ได้มาให้ทุกท่านได้ทราบต่อไป
 
เทศกาลถือศีลอดของชาวไทยมุสลิม ขออำนวยพรให้พี่น้องชาวมุสลิมทุกคนที่ถือศีลอด ตามแนวทางของศาสนาอิสลาม และประสบผลสำเร็จตามที่ทุกท่านมุ่งหวังไว้ ขอให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และอื่น ๆ ช่วยกันทำให้พื้นที่ภาคใต้ของเรานั้นกลับคืนสู่ความสงบสุขโดยเร็วอย่างยั่งยืน คสช. มีนโยบายสนับสนุนชาวมุสลิมทั่วประเทศในการปฏิบัติตามหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม
 
ปัจจุบันในส่วนของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น คสช. ได้ผ่อนผันให้สถานีวิทยุชุมชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้บางแห่งออกอากาศเป็นการชั่วคราว เพื่ออธิบายวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องของชาวไทยมุสลิมและเผยแพร่ข่าวสารในเทศกาลถือศีลอดนี้ ในห้วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ในนามของรัฐบาลก็จะจัดงานเลี้ยงตามประเพณี โดย คสช. จะเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว
 
การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ปัจจุบัน คสช. ได้ปรับโครงสร้างการทำงาน ขอเรียนให้ทราบอีกครั้ง เพื่อต้องการให้เกิดเอกภาพและมีการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีอยู่ 3 ระดับด้วยกัน ดังนี้
 
ระดับนโยบาย : หัวหน้า คสช. ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด มีสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ให้คำปรึกษาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนโยบายปัจจุบัน และการจัดทำนโยบายในห้วงต่อไป
 
ระดับแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ : ตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) เพื่อบูรณาการหน่วยงาน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกลไกการบริหารจัดการที่มีอยู่เดิม ได้แก่ กพต., กปต., กอ.รมน., ศอ.บต. โดยมี รอง ผบ.ทบ. เป็นประธาน เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นเลขาธิการ เลขาธิการรักษาความมั่นคงภายใน และเลขาธิการ ศอ.บต. เป็นผู้ช่วยเลขาฯ โดยจะทำหน้าที่บูรณาการแผนงานโครงการของทุกหน่วยงาน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับมิติด้านความมั่นคงและการพัฒนา รวมทั้งบูรณาการการดำเนินงานของทุกส่วนราชการให้สอดคล้องกันอย่างต่อเนื่อง
 
ระดับ 3 ปฏิบัติการในพื้นที่ : กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน). เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการนำนโยบายต่าง ๆ นั้น ไปสู่การปฏิบัติ สำหรับเป็นการขับเคลื่อนงานของทุกส่วนราชการ ในภาพรวมเพื่อให้เกิดการบูรณาการ และเกิดความสอดคล้องของแผนงานโครงการ รวมทั้งสถานการณ์และความต้องการของประชาชน โดยอำนวยการ กำกับดูแล การปฏิบัติงานของจังหวัด กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (กอ.รมน.จว.), กองกำลังตำรวจ (กกล. ตำรวจ), กองกำลังทหาร (กกล. ทหาร) ส่วนราชการของกระทรวงต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) ทั้งหมด
 
การจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนวันนั้น เพียงแต่เพื่อให้การบูรณาการแผนงานและงบประมาณของทั้ง 3 ส่วน คือ กระทรวง ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในทุกหน่วยงาน ยังคงมีอิสระในการทำงานเป็นปกติ ยกเว้นในเรื่องของนโยบายเท่านั้น ซึ่ง คสช. ต้องการให้ใช้นโยบายการเมืองนำการทหาร เอาความต้องการของประชาชนเป็นที่ตั้ง งบประมาณทุกงบประมาณจะต้องลงถึงประชาชนอย่างแท้จริง
 
เรื่องการพูดคุยสันติภาพนั้น คสช. ยังคงดำเนินการอยู่โดยจะต้องอยู่ภายใต้หลักรัฐธรรมนูญ และกฎหมายไทย โดยได้นำบทเรียนจากต่างประเทศมาใช้ มีการประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์ของเรา และยังคงต้องให้ประเทศมาเลเซีย ช่วยเป็นผู้อำนวยความสะดวก พร้อมทั้งดำเนินการให้มีการพูดคุยบุคคลระดับสูง ขอยืนยันว่าจะปรับปรุงและแก้ไขทุกอย่างให้ดีขึ้น โดยอาศัยความเห็นชอบความร่วมกันของทุกพวกทุกฝ่าย
 
วันนี้ทางประเทศมาเลเซีย เขาใช้หลักการการแก้ไขปัญหาที่ว่า “ Win Heart and Mind ” แต่สำหรับประเทศไทย เราคงยึดถือยุทธศาสตร์พระราชทาน “ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และจะดำเนินการโดยให้เกียรติซึ่งกันและกัน และดำเนินการทุกอย่างภายใต้กฎหมายไทย
 
ขอสรุปงานสำคัญที่ คสช.กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน คงเป็นการอนุมัติแผนงานโครงการ เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณปี 57 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ประเทศชาติ ประชาชน ได้รับประโยชน์ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นลำดับแรก ส่วนการติดตามดำเนินคดี ขบวนการใช้อาวุธสงคราม การบุกรุกป่า ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ซึ่งทุกคดียังคงดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง
 
งานต่อไปคือการเตรียมการเข้าสู่ระยะที่ 2 เมื่อมีรัฐบาล ได้แก่ การปฏิรูปด้านต่าง ๆ พลังงาน การศึกษา ระบบราชการ กฎหมาย การแก้ปัญหาทุจริต คอร์รัปชั่น โครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจ ฯลฯ
 
วันนี้ได้มีการตรวจสอบร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราว รายละเอียดในการตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ การตั้งรัฐบาล และการตั้งสภาปฏิรูป ประมาณเดือนกันยายน จะเริ่มเข้าสู่ระยะที่ 2 ตาม Road Map ของ คสช. คือ การทูลเกล้าฯ ถวายรัฐธรรมนูญชั่วคราวและตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติ
 
เรื่องอื่น ๆ เป็นเรื่องที่พี่น้องข้าราชการมีความกังวลคือ เรื่องกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) วันนี้ ต้องใช้เวลา คสช. จะทำเป็นคำสั่งนโยบายให้ดำเนินการเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นำเข้าพิจารณาในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นลำดับต้น ๆ ในวาระที่สมควรต่อไป
 
เรื่อง การหมดวาระในส่วนท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เทศบาล สภากรุงเทพมหานคร (สภา กทม.) กำลังพิจารณาหาแนวทางวิธีการสรรหาที่เหมาะสม โดยอาจจัดตั้งคณะกรรมการคัดสรรทดแทน ทั้งสภา กทม. และท้องถิ่น ในระยะต่อไป
 
เรื่องของการใช้ภาคประชาชน สร้างความปรองดอง ระดับชุมชน เราจะใช้มวลชนที่จัดตั้งไว้แล้ว มาร่วมด้วย เช่น อาสาสมัครสาธารสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.), อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.), ครูอาสา และอื่น ๆ นั้น โดยให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้แทนกระทรวงต่าง ๆ ในแต่ละจังหวัด สร้างโครงข่ายภาคประชาชน ระดับ อำเภอ ตำบล สนธิเข้ากับโครงข่ายงานสร้างความปรองดอง ที่ คสช. จัดตั้งไว้ และอาจมีองค์กรพัฒนาภาคเอกชน ที่มีความเข้มแข็งสนับสนุนได้อีกองค์กรหนึ่ง
 
เรื่องการสร้างความเข้าใจกับต่างประเทศ คสช. กำลังจัดคณะผู้แทนของ คสช. ทั้งภาคธุรกิจ เอกชน ประชาชน เดินทางไปทำความเข้าใจกับต่างประเทศอีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากส่วนราชการ ซึ่งกำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง วันนี้เราจะเริ่มในภูมิภาคเอเชียก่อน
 
ขอให้ประชาชนทุกท่าน ได้ติดตามการแถลงข่าวประจำวัน ของ คสช. ทางสื่อ โทรทัศน์ วิทยุ สิ่งพิมพ์ เว็บไซต์ ฯลฯ รายการเดินหน้าประเทศไทยทุกเย็น ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงในหน่วยที่ปฏิบัติงานนั้น มาชี้แจงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งรายการคืนความสุขให้คนในชาติ พบกับผมทุกวันศุกร์ด้วย ขอให้ทุกคนได้ให้ความสนใจสารคดีชุดความรู้ต่าง ๆ ของต่างประเทศและของไทย บางอย่าง บางคนยังไม่รู้จักประเทศไทยดีเท่าที่ควร ในขณะที่ยังไม่เคยไปเที่ยว ฉะนั้น ถ้าเราศึกษาเรียนรู้ในประเทศ นอกประเทศเราจะได้ช่วยกันนำมาประยุกต์และปรับปรุงประเทศไทยให้น่าอยู่ ชาวต่างชาติก็อยากจะมาท่องเที่ยวมากขึ้น รวมทั้งปรับวิสัยทัศน์คนไทยทุกพวกทุกวัยให้ทันสมัยมีความก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว
 
สำหรับเรื่องการแก้ไขปัญหาการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา ขณะนี้เป็นเพียงการขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการเดิม อีกส่วนหนึ่งเราพยายามจะจัดลอตเตอรี่ที่ไม่ได้อยู่ในระบบสัญญาเดิม เพื่อจะเพิ่มโควต้าให้มากขึ้น ฉะนั้น วันนี้ขอให้เข้าใจว่า วันนี้มี 2 ส่วน ส่วน 1 คือจะขายในราคา 80 บาทในจุดที่กำหนดที่เหลือนั้น คงต้องอยู่ในกลไกของตลาดเดิมไปก่อนและขอว่าไม่ให้เกิน 90 บาท เนื่องจากหลายอย่างได้ติดอยู่ในสัญญาเดิม หลายอย่างจะต้องหมดสัญญาในเร็ววันนี้ และเราคงไม่ต่อสัญญาเหล่านั้นอีก จะต้องหาวิธีหรือมาตรการว่า ทำอย่างไรให้ประชาชนหรือพี่น้องที่ทำมาหากินด้วยการขายลอตเตอรี่จะไม่เดือดร้อน ผมเข้าใจ ผมฟังข่าวจากทีวีทุกวันซึ่งเห็นใจจริง ๆ เราพยายามจะแก้ไขปัญหาให้ได้เร็วที่สุด ขอรับรองว่า คสช. จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์จากกองสลากกินแบ่งรัฐบาล แม้แต่บาทเดียว ผมขอยืนยัน ฉะนั้นการอ้างคำสั่งใด ๆ ก็ตาม ของ คสช. ให้ดำเนินการ ขอให้ตรวจสอบเล็กน้อย
 
วันนี้หลายอย่างได้อ้างคำสั่งมาจากผมบ้างหรือมาจากคนโน้นคนนี้บ้าง หลายอย่างผมประกาศไปแล้วว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องเหล่านี้ ฉะนั้นขอให้ได้มีการสอบถามมาอีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าใครจะไปอ้างอะไรก็ตาม เราไม่ต้องการไปสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอีกต่อไป เราถูกทำร้ายกันมานานแล้ว โดยสังคม อะไรก็ตาม วันนี้เราจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนแต่จะยั่งยืนมากน้อยเพียงใดต้องขึ้นอยู่กับในการแก้ไขปัญหาในระยะที่ 2 ของเรา ถ้าทุกคนร่วมมือทั้งข้าราชการ เอกชน ไม่ไปสร้างความเดือดร้อนสร้างปัญหาก็จะไม่เกิดปัญหา
 
ฉะนั้น ขอให้ผู้ที่กำลังทำความผิดหรือผู้ที่หยุดไปแล้ว ขอร้องว่าอย่าทำผิดต่อไปเลย และขอให้ประชาชนช่วยกันเฝ้าระวังพร้อมทั้งแจ้งให้ คสช. ทราบทุกเรื่อง เราจะได้นำเรื่องราวมาดำเนินการช้าบ้าง เร็วบ้าง ซึ่งขึ้นอยู่ที่ความหนักเบาของปัญหานั้น ๆ
 
วันนี้สิ่งที่เราเป็นห่วงมากที่สุดคือ การกระทำผิดกฎหมาย การทุจริต การไม่เคารพกฎหมาย ทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชน ผู้มีอิทธิพล ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก วันนี้ได้คลี่คลายไปตามลำดับ เราจำเป็นต้องแก้ไขพฤติกรรมคนไทยเหล่านั้น ให้ได้โดยเร็ว โดยการช่วยกันสอดส่องดูแล ตักเตือน ทั้งนี้ ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย กฎกติกาของสังคม ให้ความเป็นธรรมในการชี้แจง บางครั้งเราไปลงความเห็นว่า คนนั้นผิด คนนี้ถูก โดยที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการยุติธรรม ซึ่งทำให้ศาล องค์กรอิสระ หน่วยงานกระบวนการยุติธรรม ไม่ได้รับการเชื่อถือและยอมรับในการตัดสินคดี ยิ่งจะเป็นความร้ายแรงที่หนักหนาสาหัสกว่าเดิม
 
ส่วนกรณีที่ต่างประเทศ ได้แสดงความห่วงใยต่อการรัฐประหารในไทยนั้น ผมขออธิบายเพิ่มเติมดังนี้
 
- คสช. ดำเนินการครั้งนี้ เพื่อยุติความรุนแรง และแยกคู่ขัดแย้งออกจากกัน เนื่องจากสถานการณ์มีแนวโน้มมุ่งสู่การจลาจล การใช้อาวุธสงครามทำร้ายซึ่งกันและกัน รวมไปถึงเรื่องเศรษฐกิจต่าง ๆ ได้หยุดชะงัก ซึ่งหลังจาก 22 พฤษภาคม 2557 เราได้ตรวจยึดอาวุธสงครามได้มากมาย รวมทั้งพิสูจน์ทราบเครือข่ายขบวนการได้อย่างต่อเนื่อง
 
- ในเรื่องของการเรียกรายงานตัวบุคคล เป็นการเชิญคู่ขัดแย้งและบุคคลที่ความขัดแย้งเข้ามาพบปะพูดคุย ไม่ได้เรียกมาเพื่อกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือทำตามอำนาจความอำเภอใจ
 
- คสช.ได้ขอความร่วมมือสื่อมวลชน ได้กรุณาเข้าใจ ถ้าวันนี้เราไม่นำมาพูดคุยกันเรื่องราวอาจจะนำไปสู่ความรุนแรงต่อไป วันนี้จึงมีความจำเป็นต้องเรียกมาบ้าง เชิญมาบ้าง หรือเรียกมาบ้างซึ่งขึ้นอยู่ที่กรณีความหนักเบาของปัญหา ไม่ต้องการให้ไปใช้เชิงปลุกปั่น หรือสร้างข้อมูลเป็นเท็จ เพื่อสร้างความเกลียดชังและความแตกแยกของคนในชาติอีกต่อไป ดังนั้น วันนี้ที่เราพูดคุยกับสื่อมาตามลำดับ จะเห็นได้ว่า เราเห็นใจท่าน และท่านต้องเห็นใจเราด้วย ซึ่งเราไม่ได้ไปละเมิดแทรกแซง หรือละเมิดสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนแต่อย่างใด
 
- คสช. ส่งเสริมให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่ในการยุติความขัดแย้งตามระบบกฎหมายอย่างถูกต้อง เป็นกลาง และไม่บิดเบือนหลักการแห่งกฎหมาย โดย คสช. มีนโยบาย ไม่แทรกแซงในผลแห่งคดีเพื่อช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะเชื่อว่าจะก่อให้เกิดความขัดแย้งต่อไปในอนาคต
 
- คสช. และประชาชนชาวไทยทุกคน ยึดมั่น และศรัทธา ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่ง คสช.เข้าใจดีว่า การทำรัฐประหารนั้น โดยรูปแบบนั้นเหมือนเป็น อันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย และเป็นภัยต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามความเข้าใจของโลกตะวันตก แต่วันนี้เราทำ เป็นการกระทำที่จำเป็นหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้ เพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ และเพื่อส่งเสริมระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยให้เจริญงอกงามต่อไป
 
เรื่องการต่างประเทศ มีการชี้แจงทำความเข้าใจต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อ 1 กรกฎาคม 2557ที่ผ่านมา ท่านปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางไปพบท่านนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ซึ่งท่านได้เข้าใจสถานการณ์ของไทยและร่วมมือแก้ปัญหาแรงงานกับไทย รวมทั้งได้ปล่อยตัวคุณ วีระ สมความคิด กลับมาด้วย ซึ่งขอแสดงความยินดีด้วย และผมในนาม คสช. ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี ฮุนเซน และ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมทั้งสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อองค์พระมหากษัตริย์กัมพูชาด้วย ตลอดจน ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ที่ได้ดำเนินการทุกอย่างให้เป็นที่เรียบร้อย
 
เรื่องแรงงานต่างด้าว ปัจจุบันแรงงานชาวกัมพูชา ทยอยเดินทางกลับเข้ามาทำงานอย่างต่อเนื่อง เรารับว่าจะดูแลแรงงานต่างด้าวให้ดีที่สุด แต่ต้องขอจดทะเบียนให้ถูกต้องกฎหมายทุกคน ปัจจุบันเปิดศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว ที่จังหวัดสมุทรสาคร ได้ลดขั้นตอนการดำเนินการ ค่าใช้จ่ายลงบางส่วน สัปดาห์หน้าจะมีการพิจารณาเปิดศูนย์ One Stop Service เพิ่มเติมอีก และจะให้มีการจดทะเบียนต่างด้าวที่ทำงานบนเรือประมงด้วย ขอความร่วมมือเจ้าของเรือประมง ผู้ประกอบการทุกคนด้วย
 
วันนี้ผมได้พูดมาหลายเรื่องและถ้าเราไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน ถ้าคนไทย ทั้งท่านและผมไม่เข้าใจกันแล้ว เราจะให้ใครมาเข้าใจเรา ต่างประเทศจะยิ่งไม่เข้าใจ ฉะนั้นวันนี้ต้องมาเข้าใจกันก่อนถึงจะให้คนอื่นเขาเชื่อมั่นเรา ทำให้ต่างชาติเขาเชื่อมั่นเรา และให้เวลาเราในการแก้ไขปัญหา
 
ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งครับ ขอให้มีความสุขในวันหยุดสุดสัปดาห์ครับ ขอให้มีความสุขและปลอดภัยในการเดินทาง ขอบพระคุณครับ สวัสดีครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น