วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557

รมว.ไอซีทียันไม่ได้ดักจับข้อมูลแชท ‘ไลน์’ เตือนอย่าส่งหมิ่นฯต่อ ชี้เท่ากับสมรู้ร่วมคิด


พรชัย รุจิประภา รมว.ไอซีที ยันไม่ได้ดักจับข้อมูลแชท ‘ไลน์’ เตือนอย่าส่งหมิ่นฯ ต่อ เพราะเท่ากับสมรู้ร่วมคิด ระบุสืบกระทำผิดผ่านเว็บไซต์, เฟซบุ๊กที่เปิดพับบลิคหาต้นตอจาก IP ตามหาตัวบุคคลได้ง่ายกว่า
24 ธ.ค.2557 จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่มีข่าวระบุว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ออกมากล่าวว่า กระทรวงไอซีทีสามารถสอดส่องตรวจดูได้หมดว่ามีการส่งต่อข้อความประเภทไหนบ้างในแอปพลิเคชั่น “ไลน์” (LINE) โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อความหมิ่นประมาท ข้อความหมิ่นสถาบัน และข้อความที่มีผลกระทบด้านความมั่นคง ซึ่งจะถูกจับตาเป็นพิเศษ แต่ละวันมีการส่งข้อความประเภทนี้จำนวนมากเช่นกัน(อ่านรายละเอียด)
จนะกระทั่งหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ ไลน์ ประเทศไทย ออกมายืนยันเองว่า ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลผู้ใช้ได้ ซึ่งถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล และในทางสากลก็มีกฎหมายละเมิดสิทธิของผู้ใช้ไลน์คุ้มครองอยู่ หากทางการไทยประสานมาที่ไลน์ประเทศไทย เพื่อจะขอข้อมูลผู้ใช้ไลน์ต้องมีหมายศาลและติดต่อไปที่ไลน์ ประเทศญี่ปุ่นหรือบริษัทแม่ก่อน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทแม่ด้วยว่าจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้ได้หรือไม่
ล่าสุดวานนี้(23 ธ.ค.57) ประชาชาติธุรกิจ รายงาน บทสัมภาษณ์ พรชัย รุจิประภา รมว.ไอซีที ในประเด็นดังกล่าว จึงได้คำตอบว่ากรณีที่มีกระแสข่าวระบุว่ากระทรวงไอซีทีได้ดักจับข้อมูลการสนทนาของประชาชนผ่านแอปพลิเคชั่น "ไลน์" เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนโดยนำวิธีการสืบหาพยานหลักฐานจากการกระทำผิดผ่านเว็บไซต์, เฟซบุ๊กมาปนกับกรณีแอปพลิเคชั่นแชท ซึ่งกรณีของเว็บไซต์และเฟซบุ๊ก เป็นการเผยแพร่ข้อมูลอย่างเปิดเผยในวงสาธารณะจึงค้นหาต้นตอได้จากหมายเลข IP และฐานข้อมูลในระบบทำให้ตามหาตัวบุคคลได้ง่ายกว่าการตามจับผ่านแอปพลิเคชั่นแชทที่เป็นการสนทนาระหว่างบุคคลต่อบุคคล และถ้าจะเข้าถึงข้อมูลในระบบได้ต้องประสานไปยังบริษัทไลน์ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งการจับกุมผู้กระทำผิดที่ผ่านมาสาวถึงต้นตอผู้ส่งได้ ด้วยการไล่ย้อนไปถึงผู้ส่งข้อความในแต่ละช่วง โดยมีข้อความในแชทที่ผู้แจ้งความนำมาให้เป็นหลักฐาน
“ผมพูดว่าให้ระวังอย่าส่งต่อข้อความทางไลน์นะ สามารถตามจับได้เพราะเวลาผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความ เขาจะนำข้อความในแชทมาให้ตำรวจทำให้สาวถึงต้นตอได้จากตรงนั้น ไม่ใช่ว่ากระทรวงไอซีทีไปนั่งส่องข้อความที่คนแชทกัน และที่เตือนว่า ให้ระวังอย่าส่งต่อเพราะตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แค่ส่งต่อก็ถือว่าสมรู้ร่วมคิดแล้วจะมาอ้างว่าไม่รู้ ไม่ตั้งใจไม่ได้ ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าที่นายกรัฐมนตรีหงุดหงิดเวลาอ่านข่าว เพราะไปลงไอ้ที่เราไม่ได้พูด เป็นแบบนี้เอง”
พรชัย ระบุด้วยว่า การแจ้งความคดีหมิ่นประมาทด้วยการส่งข้อความผ่านทางแอปพลิเคชั่น LINE มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  แต่ยังไม่มีกรณีใดที่ต้องประสานขอความร่วมมือไปยังบริษัทไลน์ประเทศญี่ปุ่น เพื่อขอข้อมูลในระบบของแอปพลิเคชั่นแต่อย่างใด
“ตั้งแต่มีข่าวออกไปได้คุยกับไลน์ ประเทศไทยแล้ว เขาก็เข้าใจว่า กระทรวงไอซีทีไม่ได้มีนโยบายไปกดดันหรือทำอย่างที่เป็นข่าว ทางนั้นยังมั่นใจด้วยว่า ผมไม่ได้พูดไปแบบนั้น เพราะก็รู้กันอยู่แล้วว่าทำไม่ได้ บริษัทเขาก็มีนโยบายคุ้มครองข้อมูลในระบบอยู่” พรชัย กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น