20 มี.ค. 2558 พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาคดีความมั่นคงในราชอาณาจักรและคดีความผิดตามมาตรา 112 ว่าที่ประชุมได้จัดกลุ่มภารกิจโดยพิจารณาหมายจับผู้ต้องหาที่หลบหนีไปต่างประเทศทั้งในแถบยุโรปและประเทศเพื่อนบ้านจากเดิมที่มีการประสานขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนผู้ต้องหาจำนวน 40 รายนั้น ล่าสุดที่ประชุมปรับลดเหลือ 30 ราย ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูกออกหมายจับแล้ว ส่วนอีก 1รายอยู่ระหว่างดำเนินการขออนุมัติหมายจับ โดยรัฐบาลยืนยันต้องการตัวบุคคลเหล่านี้กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย จึงมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ รับไปดำเนินการอย่างจริงจังแม้บางประเทศจะติดขัดข้อกฎหมายก็ขอให้ทำความเข้าใจว่าคดีดังกล่าวไม่ใช่คดีหมิ่นประมาท ไม่ใช่คดีการเมือง แต่เป็นคดีเกี่ยวข้องกับความมั่นคงที่ส่งผลกระทบกับคนไทยทั้งประเทศ
พล.อ.ไพบูลย์ ยังระบุว่าหลังจากนี้เชื่อว่าการสอบสวนปราบปรามจะทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร บังคับให้ต้องลงทะเบียนเบอร์โทรศัพท์ทุกระบบ เพื่อพิสูจน์ตัวตนผู้ใช้โทรศัพท์แต่ละเลขหมาย และให้สำนักข่าวกรองแห่งชาติที่มีข้อมูลภาพรวมความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ กำหนดเป้าหมายในการปฏิบัติงานได้ชัดเจน ซึ่งจะนำเสนอแผนกันอีกครั้งในการประชุมเดือนเมษายน อย่างไรก็ตามจากการทำงานอย่างจริงจังทำให้สามารถปิดกั้นเว็บไซต์ได้เพิ่มกว่าเท่าตัว และการทำความเข้าใจกับต่างประเทศ อย่างนิวซีแลนด์ การเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาคดีนี้ก็เคลื่อนไหวน้อยลง
พล.อ.ไพบูลย์ ยังระบุว่าหลังจากนี้เชื่อว่าการสอบสวนปราบปรามจะทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร บังคับให้ต้องลงทะเบียนเบอร์โทรศัพท์ทุกระบบ เพื่อพิสูจน์ตัวตนผู้ใช้โทรศัพท์แต่ละเลขหมาย และให้สำนักข่าวกรองแห่งชาติที่มีข้อมูลภาพรวมความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ กำหนดเป้าหมายในการปฏิบัติงานได้ชัดเจน ซึ่งจะนำเสนอแผนกันอีกครั้งในการประชุมเดือนเมษายน อย่างไรก็ตามจากการทำงานอย่างจริงจังทำให้สามารถปิดกั้นเว็บไซต์ได้เพิ่มกว่าเท่าตัว และการทำความเข้าใจกับต่างประเทศ อย่างนิวซีแลนด์ การเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาคดีนี้ก็เคลื่อนไหวน้อยลง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น