Tue, 2015-05-12 18:20
ชุมพล จุลใส เผย กปปส. ทั้งหมดเตรียมลงเลือกตั้งในนาม พรรคประชาธิปัตย์ ชี้ คสช. ทำงานดีตามเป้าที่วางไว้ 50 เปอร์เซ็นต์ พร้อมยันไม่เห็นด้วยกับการทำประชามติ หาก รธน. ดีอยู่แล้ว ไม่ควรเสียเงินอีก
12 พ.ค. 2558 เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2558 ชุมพล จุลใส แกนนำ กปปส. กล่าวถึงแนวทางปฏิรูปประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า เราเห็นด้วยกับรัฐบาล ถือว่าทำงานได้ตามเป้าหมายที่ กปปส.ได้คาดหวังไว้แล้วร้อยละ 50 โดยเฉพาะการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นที่ถือว่าทำได้ดีเยี่ยม รวมทั้งแก้ปัญหาความมั่นคง และโรฮิงญา หากเจ้าหน้าที่ไม่รู้เห็นไม่เกี่ยวข้องจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน จึงเหลือเพียงปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องของเกษตรกรเท่านั้น ซึ่งอยากให้มีการปรับ ครม.ด้านเศรษฐกิจเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพราะปัญหาเศรษฐกิจสำคัญมาก หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. สามารถแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ รัฐบาลจะอยู่ได้ยาว เพราะชาวบ้านมีความสุข และสิ่งที่ต้องการให้ปฏิรูปหลังจากนี้ ให้เน้นเรื่องของตำรวจ เพราะจากการพูดคุยกับพนักงานสอบสวน ก็เห็นด้วยกับการแยกพนักงานสอบสวน ออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพราะพนักงานสอบสวนถือเป็นต้นสายของกระบวนการยุติธรรม หากอยู่ภายใต้ สตช.ก็จะถูกล้วงลูกจากผู้บังคับบัญชา
ชุมพล กล่าวต่อว่า กปปส.ยังจะจับตาดูการปฏิรูปของ คสช.ต่อไป และหากในอนาคตพรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นรัฐบาล และทำไม่ดี เราก็พร้อมจะออกมาเคลื่อนไหวอีก และตนจะไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะจตุพร พรหมพันธุ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยมีแต่คนไม่ดี คนดีก็มีเยอะ แต่ก็ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ขณะนี้ส่วนตัว และประชาชนมั่นใจและเชื่อใน ตัว พล.อ.ประยุทธ์ ยังเดินตามโรดแม็พ แต่โรดแม็พดังกล่าวก็ต้องอยู่ที่แม่น้ำ 5 สาย เป็นหนึ่งเดียวกันหรือไม่ เพราะแม่น้ำ 5 สายจะต้องรู้ตัวเองว่าเข้ามาทำภารกิจเพื่อชาติ จะมาทำตัวเป็นนักการเมืองไม่ได้ จะต้องรีบทำงานให้เสร็จตามแผน ต้องอย่าลืมคำพูดเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากเลยโรดแม็พไปแล้วจะอยู่ลำบาก ทั้งนี้สำหรับแนวทางการทำประชามตินั้น ตนไม่เห็นด้วย หากรัฐธรรมนูญดีแล้ว ก็ควรประกาศใช้ไปเลย จะเสียเงิน 3 พันล้านบาทไปเพื่อะไร เอาไปช่วยชาวบ้านดีกว่า และยังจะทำให้ประชาชนเกิดความขัดแย้งกันอีกอย่างเช่นบทเรียนในปี 50
ชุมพล ยังกล่าวด้วยว่า หากรัฐธรรมนูญประกาศใช้แล้ว กลุ่ม กปปส. จะยกขบวนเข้าพรรคประชาธิปัตย์เพื่อเป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทั้งหมด โดยไม่มีการลงสมัครในนามกปปส. เพราะเราเล่นการเมืองหน้าเดียว ไม่ใช่พรรคอะไหล่ และไม่มีนอมินี ขณะที่ พระสุเทพ ปภากโร หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. ก็ยังไม่มีกำหนดลาสิกขา และจะไม่เข้าลงสมัคร ส.ส.หรือลงเลือกตั้งอีกแล้ว และไม่ฝันจะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่พระสุเทพ จะทำงานในมูลนิธิมวลมหาประชาชน ส่วนเรื่องระบบเลือกตั้งที่กำหนดใหม่ในร่างรัฐธรรมนูญ ที่ให้มี ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบเปิด หรือโอเพ่นลิสต์นั้น คิดว่าเป็นระบบที่ดี เพราะตัดเรื่องระบบนายทุนพรรคการเมือง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น