วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558

บูร์กินาฟาโซเลิกทำรัฐประหาร มุ่งเลือกตั้ง 11 ต.ค.-สหประชาชาติแสดงความยินดี

เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ บัน คีมุน (ขวา) พบกับประธานาธิบดีมิแชล กาฟังโด ประธานาธิบดีบูร์กินาฟาโซ (ซ้าย) ที่กรุงแอดดิส อาบาบา ประเทศเอธิโอเปีย เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2558 (ที่มา: UN Photo/Eskinder Debebe/แฟ้มภาพ)

ผ่านไปได้เพียงสัปดาห์เดียว คณะรัฐประหารที่บูร์กินาฟาโซได้ขอยกเลิกทำรัฐประหาร ยอมปล่อย ปธน. หลังชาติแอฟริกาเข้ากดดันและเจรจา ด้านเลขาธิการยูเอ็น 'บัน คีมุน' ร่วมแสดงความยินดีกับ ปธน.บูร์กินาโฟโซที่กลับมารับตำแหน่งอีกครั้ง และชื่นชมที่ชาติแอฟริการ่วมกันหาทางออกวิกฤตการเมือง ยืนยันยูเอ็นจะทำงานใกล้ชิดเพื่อให้จัดการเลือกตั้งอย่างสันติ-โปร่งใส
24 ก.ย. 2558 เมื่อวานนี้ (23 ก.ย.) เลขาธิการสหประชาชาติ บัน คีมุน ได้แสดงความยินดีที่ประธานาธิบดีมิแชล กาฟังโด กลับมารับตำแหน่งในรัฐบาลเฉพาะกาลของบูร์กินาฟาโซ อีกครั้งหนึ่ง โดยในคำแถลงของ บัน คีมุน ได้กล่าวถึงความพยายามของ ประชาคมเศรษฐกิจแห่งรัฐแอฟริกาตะวันตก (Economic Community Of West African States - ECOWAS) ประมุขของรัฐและรัฐบาล รวมถึงทีมเจรจาของ ECOWAS ที่สามารถหาทางออกต่อวิกฤตการเมืองได้แต่เนิ่นๆ
โดยที่ประธานาธิบดีกาฟังโด นายกรัฐมนตรียาคูบา ไอแซค ซิดา และรัฐมนตรีในรัฐบาลหลายคนถูกหน่วยพิทักษ์ประธานาธิบดี (RSP) ซึ่งภักดีต่อประธานาธิบดีคนก่อน ทำรัฐประหาร และควมคุมตัวเมื่อสัปดาห์ก่อน และต่อมาคณะรัฐประหารได้ล้มเลิกการทำรัฐประหาร และยอมปล่อยตัวประธานาธิบดี
ทั้งนี้เลขาธิการองค์การสหประชาชาติได้ชื่นชมความร่วมมือที่ดียิ่งระหว่าง สหประชาชาติ สหภาพแอฟริกัน และ ECOWAS และหน่วยงานนานาชาติต่างๆ ที่สร้างหลักประกันเพื่อทำให้รัฐธรรมนูญกลับคืนมายังประเทศแห่งนี้อีก
บัน คีมุน กล่าวด้วยว่า การเริ่มต้นใหม่ของกระบวนการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง รวมไปถึงรัฐธรรมนูญและบทเฉพาะกาล จะช่วยให้บูร์กินาฟาโซ สามารถจัดการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาและประธานาธิบดี นอกจากนี้ บัน คีมุน ยังเรียกร้องต่อผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในบูร์กินาฟาโซ อดทนอดกลั้น และเคารพต่อสิทธิในบูรณภาพแห่งร่างกายและสิทธิมนุษยชนแห่งพลเมืองบูร์กินาฟาโซ
ในขณะที่ ผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติด้านแอฟริกาตะวันตก โมฮัมหมัด อิบราฮิม แชมบาส จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้เกี่ยวข้องในระดับระหว่างประเทศและภูมิภาคเพื่อสนับสนุนเจ้าหน้าที่ในบูร์กินาฟาโซ เพื่อที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งที่สันติและโปร่งใส
ทั้งนี้เมื่อพุธที่ 16 ก.ย. หน่วยพิทักษ์ประธานาธิบดี (RSP) ซึ่งภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีเบลส์ คอมปาโอเร ที่ถูกประชาชนขับไล่เมื่อตุลาคมปีก่อน ได้ทำรัฐประหาร โดยเข้าจับกุมประธานาธิบดีเฉพาะกาล มิแชล กาฟังโด นายกรัฐมนตรียาคูบา อีซัค ซีดา และรัฐมนตรีสองคน โดยอ้างว่าการแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งห้ามผู้สนับสนุนคอมปาโอเรลงสมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 11 ต.ค. นี้ ได้สร้างความแตกแยกและไม่พอใจให้แก่ประชาชน
อย่างไรก็ตามช่วงเช้าวานนี้ (23 ก.ย.) คณะรัฐประหารได้ยกเลิกการทำรัฐประหาร ยอมตกลงถอนกำลังกลับสู่กองทัพ ตามข้อตกลงที่มีขึ้นหลังการเจรจากับผู้นำชาติแอฟริกาโดยมีประธานาธิบดีจากเซเนกัล, โตโก, เบนิน และไนจีเรียเข้าร่วมการต่อรอง
หัวหน้าหน่วยอารักขาประธานาธิบดีซึ่งทำรัฐประหาร พล.อ.กิลเบิร์ต ดิอองแดร์ ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่าการทำรัฐประหารของเขานั้น "เป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่" "เราทราบว่าประชาชนไม่ได้สนับสนุนสิ่งนี้ นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเราถึงล้มเลิกการทำรัฐประหาร" ทั้งนี้ตามรายงานของบีบีซี
โดยในช่วงที่มีการทำรัฐประหาร มีประชาชนออกมาปะทะกับคณะรัฐประหารทำให้ประชาชนอย่างน้อย 10 คนเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บ 100 ราย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น