วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558

สืบพยานคดี ‘บัณฑิต อานียา’ ไม่พิจารณาลับ ทนายจำเลยขอส่งตรวจจิตเภท


ศาลทหารสืบพยานนัดแรก อัยการขอให้พิจารณาลับ ศาลเห็นว่าข้อความไม่แรง พิจารณาเปิดเผยได้ ด้านทนายยื่นขอส่งจำเลยวัย 73 ตรวจอาการจิตเภท ฟังคำสั่ง 9 ต.ค.
เมื่อวันที่ 23 ก.ย.2558  ที่ศาลทหาร มีการสืบพยานนัดแรกในคดีที่ บัณฑิต อานียา นักเขียนวัย 73 ปี ตกเป็นจำเลยในคดีมาตรา 112 จากกรณีแสดงความเห็นในงานระดมความเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปของพรรคการเมืองเล็กๆ พรรคหนึ่งหลังการรัฐประหารไม่นาน
เยาวลักษณ์ อนุพันธ์ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า อัยการได้แถลงต่อศาลว่าโจทก์จะนำสืบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ที่ร่วมจับกุมโดยเป็นพยานคู่ จำนวน 4 ปาก มีความประสงค์ขอซักถามพยานให้เสร็จสิ้นก่อนทั้ง 4 ปากจึงให้ทนายจำเลยถามค้าน ดังนั้น ในการสืบพยานนัดแรกนี้ซึ่งเป็นตำรวจ 2 นายที่เข้าจับกุมจำเลย จึงยังไม่มีการถามค้านจากทนายจำเลย
อย่างไรก็ตาม การนัดหมายสืบพยานในนัดหน้ายังไม่เกิดขึ้น เนื่องจากทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้นำตัวจำเลยไปตรวจสภาพจิตยังสถาบันกัลยาราชคริรนทร์ เนื่องจากจำเลยมีประวัติป่วยเป็นจิตเภท และคดี 112 ก่อนหน้านี้ศาลฎีกาก็พิพากษาให้รอการลงโทษจำเลยเนื่องจากจำเลยเป็นจิตเภท ศาลรับคำร้องและนัดฟังคำสั่งเรื่องการส่งตัวไปตรวจอีกครั้งในวันที่ 9 ต.ค.นี้ จากนั้นจึงนัดสืบพยานในส่วนที่เหลือ
ทนายจำเลยกล่าวด้วยว่า ก่อนการสืบพยาน อัยการได้ร้องต่อศาลขอให้พิจารณาคดีลับ เช่นเดียวกับคดี 112 อื่นๆ ที่พิจารณาในศาลทหาร ทนายจำเลยได้คัดค้าน และท้ายที่สุดศาลสั่งให้พิจารณาโดยเปิดเผย เนื่องจากเห็นว่าข้อความตามฟ้องไม่ได้มีความรุนแรงหรือหยาบคายและยังมีเจ้าหน้าที่ผู้สังเกตการณ์คดีจากองค์กรพัฒนาเอกชนเข้าร่วมด้วย
ทั้งนี้ บัณฑิต ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 27 พ.ย.57 หลังจากไปร่วมงานเสวนาที่จัดขึ้นโดยพรรคนวัตกรรม ซึ่งเป็นพรรคตั้งใหม่ยังไม่ได้จดทะเบียน การเสวนานี้เป็นการระดมความเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปในประเด็นต่างๆ เช่น อำนาจ กกต., ที่มา ส.ส., สถาบันกษัตริย์ ฯลฯ เพื่อรวบรวมความเห็นส่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีผู้เข้าร่วมประมาณ 15 คน โดยขณะที่บัณฑิตกำลังแสดงความคิดเห็นอยู่ก็โดนรวบตัวทันทีโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สังเกตการณ์อยู่ในงานโดยที่ยังพูดไม่จบประโยค หลังจากนำตัวมาสอบปากคำที่ สน.สุทธิสารและถูกควบคุมตัวไว้หนึ่งคืน วันที่ 28 พ.ย. ตำรวจนำตัวเขาไปขออำนาจฝากขังต่อศาลทหาร ศาลอนุญาตให้บัณฑิตประกันตัวโดยมี 'วาด รวี' เพื่อนร่วมอาชีพเป็นนายประกัน ใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 400,000 บาท ขณะที่ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเขียนคำร้องประกอบระบุถึงปัญหาสุขภาพที่ผู้ต้องหาเหลือไตเพียงข้างเดียวและต้องมีถุงปัสสาวะติดลำตัวมาตลอดหลายปี จากนั้นบัณฑิตเข้ารายงานตัวต่อศาลในทุกนัดฝากขังจนครบ 7 ผลัด และมีการสั่งฟ้องในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 โดยในคำฟ้องระบุคำพูดของจำเลยเพียง 2 ประโยค ประโยคแรกกล่าวถึงความแตกแยกของสังคมไทยและสถานะของสถาบันกษัตริย์กับกฎหมาย ประโยคที่สองกล่าวถึงระบอบการปกครองว่าจะเลือกแบบใด
คดีนี้นับเป็นคดีที่ 2 ที่เขาตกเป็นจำเลยหมิ่นประมาทกษัตริย์ ในครั้งแรกนั้นเขาถูกขังในเรือนจำอยู่นาน 98 วัน รวมทั้งถูกส่งตัวไปรักษอาการจิตเภทด้วยก่อนได้รับการประกันตัว ต่อมาศาลอาญาลงโทษจำคุก 4 ปีแต่ให้รอการลงโทษไว้เนื่องจากจำเลยป่วยเป็นโรคจิตเภท จากนั้นศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือนโดยไม่รอการลงโทษเพราะเห็นว่าจำเลยควบคุมตนเองได้ กระทั่งเมื่อต้นปี 2557 ศาลฏีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น