6 พ.ย. 2558 จากกรณีเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา สื่อหลายสำนัก(ดู) รายงานตรงกันว่า พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาราชการแทน รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวนคดีแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงตามมาตรา 112 กล่าวถึงความคืบหน้าคดีนี้ว่า ขณะนี้ทางกองทัพยังไม่ได้เข้ามาแจ้งความหรือร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อให้ดำเนินคดีกับนายทหารที่กระทำความผิดตามที่ปรากฏเป็นข่าว แต่อาจมีการไปร้องทุกข์ที่กองบังคับการปราบปราม แต่ตอนนี้เรื่องยังมาไม่ถึงตน อย่างไรก็ตาม ในสำนวนที่ตนรับผิดชอบอยู่นั้น มีการให้การพาดพิงว่า มีนายทหารทั้งยศ พล.ต. และ พ.อ. มาเกี่ยวข้องพัวพัน 40 - 50 นาย โดยเป็นการซัดทอดกันไปมา แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนที่จะสามารถออกหมายจับทหารคนใดได้
ล่าสุดวันนี้ (6 พ.ย.58) ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ขณะนี้กองบังคับการกองปราบปรามรับสำนวนในคดีที่เกี่ยวข้องไว้ 10 กว่าเลขคดี สำนวนแรกในคดีความผิดมาตรา 112 ออกหมายจับ จับกุมผู้ต้องหา 3 คน กลุ่มของนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง และ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด มีผู้ต้องหาเพียงแค่นี้ อยู่ระหว่างฝากขังผลัดที่ 2 ขณะนี้สำนวนคดีคืบหน้าไปกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังขาดหลักฐานทางวิทยาการ ทางเทคนิควิทยาศาสตร์ที่ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ หากพยานหลักฐานครบถ้วนก็อาจมีการออกหมายจับในคดีนี้เพิ่มเติมก็ได้ หากพยานหลักฐานพาดพิง มีมูลถึงใครก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ส่วนคดีอื่นๆ นั้นคืบหน้าไปกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ส่วนจะออกหมายจับใครอีกหรือไม่อย่างไรนั้นอยู่ที่พยานหลักฐาน ยังไม่สามารถระบุได้ในขณะนี้ ยืนยันสอบสวนเรื่องนี้ทำตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
โต้ให้ข่าวพาดพิง 50 ทหาร จวกสื่อเสนอคลาดเคลื่อน
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวถึงกรณีที่มีการระบุว่ามีการพาดพิงถึงทหาร 40-50 นายในสำนวนนั้น ว่า กรณีที่เป็นข่าวมา 2-3 วันที่ผ่านมา ตนจำได้ว่าคุยกันนักข่าว 2-3 คน แต่จำไม่ได้ว่าเป็นใคร น้องๆ มาถามว่ามีใครเกี่ยวกับหมอหยองบ้าง ตนบอกว่ามีข้าราชการหลายสิบ เพราะตั้งสิบกว่าสำนวน ส่วนว่าจะจับใครได้บ้างก็บอกไปว่าจับตามหลักฐาน ไม่เคยระบุว่าจะจับนายทหารตั้งหลายคนซึ่งไม่มี ยังงงอยู่ว่าไปลงข่าวกันได้อย่างไร ไม่ตรงข้อเท็จจริงที่คุยกัน ส่วนที่เป็นข่าวว่ามีนายทหารหนีออกไป หรือลาออกจากราชการ ตนไม่ได้รับแจ้ง ยังไม่ทราบ ยังไม่ได้รับหลักฐานตรงนี้ จึงไม่มีข้อมูลนี้อยู่ในสำนวนการสอบสวน แต่นอกสำนวนตนไม่ทราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในสำนวนคดีของตำรวจไม่มีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องเลย พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ถูกต้อง ขอยืนยัน เมื่อถามว่าในการสอบปากคำหมอหยองมีการพาดพิงถึงทหารบ้างหรือไม่ รรท.รองผบ.ตร.กล่าวว่า เมื่อเขาอยู่กับทหารก็ต้องมีบ้าง แต่คำที่สื่อลงว่าพาดพิงซัดกันไปซัดกันมานั้น ตนดูแล้วคำนี้ต้องเป็นจำเลยซัดกันไปซัดกันมา หรือผู้ถูกจับซัดกันไปซัดกันมา มันไม่เกี่ยวว่าไปพาดพิงทหารคนไหน ถามต่อว่าจะพูดว่ามีการพูดถึง กล่าวอ้าง แต่ยังไม่มีความผิด หรือพบว่ามีความผิดได้หรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างดำเนินการจะให้ตนไปลงถึงขนาดนั้นก็คงไม่ได้ เดี๋ยวจะไปเขียนว่าไปพาดพิง เกี่ยวข้องกับกองทัพอีก
“ผมเรียนอย่างนี้ ความรู้สึกผมไม่เข้าใจเหมือนกัน วันนั้นมีน้องๆ สื่อมาคุยกับผมที่หน้าประตู ที่หน้าตู้เอทีเอ็ม น้องๆ ที่มาคุยกับผมคงไม่มีปัญหาอะไรหรอก พอส่งข่าวไปในโรงพิมพ์แต่ทำไมโรงพิมพ์ไปเขียนอย่างนั้น ไม่ทราบเหมือนกันในเมื่อข้อเท็จจริงมันไม่มี การจะจับเจ้าหน้าที่ของรัฐตั้ง 40-50 คน ข้อเท็จจริงมันต้องชัดเจน ไม่ทราบว่าไปเขียนอย่างนั้นได้อย่างไร และยืนยันว่าการเขียนอย่างนั้นทำให้กองทัพเสียหาย ชาติบ้านเมืองเสียหาย ผมกำลังพิจารณาว่ามีเจตนาอะไร รับจ็อบใครมา จึงเขียนไปอย่างนั้น” รรท.รอง ผบ.ตร.กล่าว และว่า กองทัพไม่มีการสอบถามอะไรเรื่องนี้ ทางกองทัพเขาไม่มายุ่งกับเราหรอก
“ต้องรบกวนที่สื่อไปถามเจ้านายว่าให้อบรมคนให้ข่าว ว่าให้ข่าวอย่างนั้นได้อย่างไร ผมยืนยันว่าไม่เคยให้ข่าวจะจับนายทหาร 40-50 นาย ถ้าจริงก็เอาเทปมาเปิดดูกัน เพราะโดยหลักการ ธรรมชาติมันเป็นไปไม่ได้ ผมพูดหลายครั้งแล้วว่าโดยส่วนตัวถ้าสิ่งใดทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหาย ผมก็ไม่ยอม ผมจำเป็นต้องใช้สิทธิของผม อาจจะสิทธิส่วนตัวในการดำเนินการ เพราะการที่ไปเขียนข้างหน้าอีกอย่าง ข้างในอีกอย่าง ของหนังสือพิมพ์บางฉบับ มันทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหาย ทำให้กองทัพเสียหาย ทำให้แตกแยก ผมมองอย่างนั้น นี่คือมุมมองส่วนตัวผม” พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าว
เมื่อถามว่าสังคมอาจมองว่าตำรวจกำลังเกรงใจกองทัพหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า นิสัยตนไม่มี อย่างที่สื่อมวลชนทราบดีว่าตนจับทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นใครที่ไหนอย่างไร ถ้าศึกษาประวัติตน ไม่ว่าคุณจะสวมเสื้อสีอะไร หรือเป็นข้าราชการระดับไหน ตนจับหมด ผมทำคดีประเภทแรงๆนี่มาตั้งแต่ปี 2535-2536 แล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะมาทำตอนเป็นนายพล ทำมาเยอะ ว่ากันไปตามกบิลบ้าน กบิลเมือง
เมื่อถามว่าแสดงว่าในคำให้การของหมอหยองมีการพาดพิงคนอื่นจริงแต่ตำรวจยังไม่เชื่อ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ตามกฎหมายไม่ให้รับฟังการให้การของผู้ต้องหา เพราะจะให้การอย่างไรก็ได้ คำให้การของผู้ต้องหาสำหรับตนมีค่าเท่ากับ 0 ในกฎหมายไม่ให้รับฟัง สำหรับ น้องสาวหมอหยอง นั้นมีการเรียกมาสอบปากคำแล้วหรือไม่ จำไม่ได้ ต้องดูว่าเป็นการสืบสวนหรือสอบสวน ถ้าในชั้นสอบสวนไม่น่าจะมี จำไม่ได้ แต่ถ้าในชั้นสืบสวนตนไม่ทราบ ต้องถาม พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.
ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อมูลก่อนหน้านี้ที่ระบุว่ามีทหารยศ พล.ต.และ พ.อ.เกี่ยวข้องกับคดี ม.112 พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า อย่างที่ตนพูดแล้วว่าเรื่องนี้ยังไม่เข้ามาในสำนวนของตน ยังไม่มีใครมาแจ้ง อยู่นอกสำนวน เมื่อถามต่อว่าแสดงว่าชุดสอบสวนยังสอบไปไม่พบประเด็นนี้ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ใช่ ยังไม่มี ที่สื่อลงไปเองนั้นตนไม่ทราบเพราะเป็นหลักฐานทางหนังสือพิมพ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณี พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ อดีตที่ปรึกษา (สบ 10) การสอบสวนพบว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ยังไม่มีใครแจ้ง เมื่อถามว่ามีการเชิญมาสอบถามข้อมูลหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ตนยังไม่เจอท่าน
เมื่อถามว่ากรณีที่พาดพิงถึงทหารและทางกองทัพก็แสดงความไม่พอใจ ตรงนี้ตำรวจกล้าจะดำเนินการกับทหารที่อาจเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ถ้าผิด กองทัพเขาคงไม่ปกป้อง เจ้านายเขาไม่ปกป้อง มีแต่ว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพได้กำชับกับตนว่าถ้าผิดก็ให้ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก อย่าตกเป็นเครื่องมือ
เมื่อถามว่าทางกองทัพได้ประสานกับตำรวจในคดีนี้หรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า คดีนี้ส่วนใหญ่ทางทหารพระธรรมนูญก็เป็นผู้มาแจ้งความดำเนินคดี ทางกองทัพก็ดำเนินการในส่วนของเขาอยู่แล้ว
ถามถึงกรณีกองทัพประสานกับทางการพม่าให้ติดตามตัวทหารยศ พ.อ.ที่หลบหนีไป ถ้าตามตัวได้พนักงานสอบสวนต้องเรียกมาสอบสวนหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ ยังอยู่นอกสำนวน
เมื่อถามว่ามีภาพถ่ายนายทหารคู่กับหมอหยองจะต้องเรียกมาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์หรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ถ้ามีก็ได้ แต่ยังตอบไม่ได้ว่าจำเป็นต้องเชิญตัวมาให้ข้อมูลหรือไม่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนหาข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เช่น นายศุกร์โข ตามเสรี ซึ่งเบื้องต้นมีเพียงคดีอาวุธปืน ชั้นนี้ยังไม่พบความผิดตามมาตรา 112 แต่ถือเป็นพยานปากสำคัญที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับความผิดของผู้ที่เขาใกล้ชิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น