ภาพ เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ายึดเอกสาร 7 เหตุผลไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ของกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ NDM และเตรียมเชิญตัว เบญจรัตน์ แซ่ฉั่ว อาจารย์ประจำสถาบันสิทธิฯ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งกำลังถือเอกสารดังกล่าวอยู่ ไปยัง สน.ปทุมวัน โดยแจ้งว่า ต้องการพูดคุยด้วย แต่เมื่อผู้สื่อข่าว และผู้ร่วมงาน เข้าไปดูเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ได้เปลี่ยนใจจากการขอเชิญตัว เป็นขอนามบัตรแทน เพื่อที่จะติดต่อเพื่อเรียกไปคุยวันอื่น
สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา ม.มหิดล แถลงสนับสนุนการแสดงความคิดเห็นที่หลากหลายต่อร่างรธน.เพื่อการออกเสียงประชามติที่เสรี-เป็นธรรม เตือนคสช. รัฐบาลและกกต. กำลังขัดรธน. ม.4 ของคสช. รวมทั้ง พ.ร.บ.ประชามติเสียเอง ที่เขียนให้ความคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก
28 เม.ย.2559 จากเหตุการณ์ที่เจ ้าหน้าที่ตำรวจและทหารพยายา มขอให้ เบญจรัตน์ แซ่ฉั่ว อาจารย์ประจำสถาบันสิทธิมนุ ษยชนและสันติศึกษาซึ่งทำหน้ าที่วิทยากรในเวทีถกแถลงร่า งรัฐธรรมนูญครั้งที่ 2 หัวข้อ “คำถามพ่วงมีนัยอย่างไร” ณ ห้องประชุมมาลัย หุวะนันท์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ทีผ่านมา ไปยังสถานีตำรวจนครบาลปทุมว ัน เพื่อชี้แจงกรณีการเผยแพร่เ อกสาร “7 เหตุผล ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 7 สิงหา 59 ประชามติเพื่ออนาคต” โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้แ จ้งความผิดใด ๆ แต่เมื่อผู้สื่อข่าว และผู้ร่วมงาน เข้าไปดูเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ได้เปลี่ยนใจจากการขอเชิญตัว เป็นขอนามบัตรแทน เพื่อที่จะติดต่อเพื่อเรียกไปคุยวันอื่น นั้น (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)
ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติ ศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะองค์กรร่วมจัดงานและห น่วยงานต้นสังกัดของ เบญจรัตน์ ขอชี้แจงและเรียกร้องต่อรัฐ บาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคณะกรรมการการเลือกตั้ง ดังต่อไปนี้
1. สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติ ศึกษายืนยันการสนับสนุนระบอ บประชาธิปไตย โดยเฉพาะการมีพื้นที่แลกเปล ี่ยนและถกแถลงความเห็นที่แต กต่างหลากหลาย อันจะนำมาซึ่งการเรียนรู้ร่ วมกันของคนในสังคม การสร้างคุณค่าร่วมกัน และการแสวงหาแนวทางการอยู่ร ่วมกันได้ในความแตกต่างเหล่ านั้น
2. การแสดงออกถึงการเห็นด้วยแล ะไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรม นูญเป็นสิทธิและเสรีภาพของป วงชนชาวไทย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจั กรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 มาตรา 4 ซึ่งให้ความคุ้มครองสิทธิแล ะเสรีภาพในการแสดงออก ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้ วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางก ารเมืองที่ประเทศไทยเป็นภาค ีซึ่งรับรองสิทธิขั้นพื้นฐา นในการแสดงออกของปวงชน และตามมาตรา 7 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการ ออกเสียงประชามติร่างรัฐธรร มนูญ พ.ศ. 2559 ซึ่งบัญญัติว่า “บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแส ดงความคิดเห็นและเผยแพร่ควา มคิดเห็นเกี่ยวกับการออกเสี ยงโดยสุจริตและไม่ขัดต่อกฎห มาย”
3. พฤติกรรมของผู้แทนรัฐบาลและ เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ ในการออกคำสั่ง จับกุม และข่มขู่ผู้ซึ่งแสดงความคิ ดเห็นโดยสุจริตและเปิดเผย เป็นพฤติกรรมที่ขัดกับเจตนา รมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอา ณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ที่มุ่งสร้างความสามัคคี สกัดการใช้กำลัง และยังขัดกับกติการะหว่างปร ะเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและ สิทธิทางการเมืองที่ประเทศไ ทยเป็นภาคี อีกทั้ง การไม่รับฟังความคิดเห็นที่ แตกต่างอาจนำมาซึ่งความขัดแ ย้ง ซึ่งขัดกับเจตนารมณ์และนโยบ ายของหัวหน้าคณะรักษาความสง บแห่งชาติที่มุ่งยุติความขั ดแย้งของคนในชาติ
4. ถ้ารัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะกรรมการการเลือกตั้ง และองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ เกี่ยวข้องกับการออกเสียงปร ะชามติร่างรัฐธรรมนูญเห็นว่ า บุคคลและ/ หรือองค์กรใดมีพฤติกรรมที่แส ดงให้เห็นว่ากระทำความผิดตา มพระราชบัญญัติว่าด้วยการออ กเสียงประชามติร่างรัฐธรรมน ูญ พ.ศ. 2559 จำเป็นต้องชี้แจงให้ชัดเจนว ่า บุคคลและ/ หรือองค์กรนั้นกระทำผิดกฎหมา ยฉบับใด ในมาตราใด ด้วยเหตุผลใด และต้องเป็นการชี้แจงโดยเปิ ดเผยต่อสาธารณะ
5. การแจกเอกสารหรือการแถลงข่า วว่ารับหรือไม่รับ และการเชิญชวนให้รับหรือไม่ รับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งกระทำโดยสุภาพและสุจริต ใจตามมาตรา 7 ที่อ้างถึงข้างต้น น่าจะกระทำได้เพราะไม่ถูกห้ ามโดยมาตรา 61 วรรคสองของพระราชบัญญัติว่า ด้วยการออกเสียงประชามติร่า งรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 ที่บัญญัติว่า “ผู้ใดดําเนินการเผยแพร่ข้อ ความ ภาพ เสียง ในสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือในช่องทางอื่นใด ที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงหรือ มีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ โดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิ ทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออ กเสียง หรือออกเสียงอย่างใดอย่างหน ึ่ง หรือไม่ออกเสียง ให้ถือว่าผู้นั้นกระทําการก ่อความวุ่นวายเพื่อให้การออ กเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรี ยบร้อย”
6. ผู้ที่บังคับใช้กฎหมายและผู ้ที่อยู่ในกระบวนการทางกฎหม ายพึงตีความพระราชบัญญัติว่ าด้วยการออกเสียงประชามติร่ างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 โดยเฉพาะมาตรา 61 ในทางที่เอื้อไม่ใช่ในทางที ่ลิดรอนสิทธิการแสดงความคิด เห็นของประชาชน ทั้งนี้ โดยสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของ ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั ้ง เพื่อให้การออกเสียงประชามต ิเป็นไปอย่างเสรีและเป็นธรร ม สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติ ศึกษา ขอยืนยันสิทธิขั้นพื้นฐานใน การแสดงออก และขอเรียกร้องต่อรัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคณะกรรมการการเลือกตั้ง และองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ ให้เคารพสิทธิขั้นพื้นฐานขอ งปวงชนชาวไทยในการแสดงออกซึ ่งความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรร มนูญและการออกเสียงประชามติ โดยสุจริตใจ
2. การแสดงออกถึงการเห็นด้วยแล
3. พฤติกรรมของผู้แทนรัฐบาลและ
4. ถ้ารัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะกรรมการการเลือกตั้ง และองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่
5. การแจกเอกสารหรือการแถลงข่า
6. ผู้ที่บังคับใช้กฎหมายและผู
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น