วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

'มีชัย' เตือน รบ.ใหม่ ไม่ทำตาม 'ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี' จะได้ชื่อว่าจงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ


ประธาน กรธ. ถก กม.ยุทธศาสตร์ชาติ ย้ำ รบ.หน้าไม่ทำ ส่อผิดรัฐธรรมนูญ ระบุแก้ไขได้โดยผ่านการรับฟังความเห็นของประชาชนมาก่อน เชื่อ คสช. ดูเวลาเหมาะสมปลดล๊อคพรรคการเมืองทำกิจกรรม

30 พ.ย. 2559 สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า ที่โรงแรมเอบิน่า เฮ้าส์ มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)ให้สัมภาษณ์ถึงผลการหารือกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ณ ขณะนี้ได้มีการหารือถึงการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งตนจะเข้าหารือกับสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในนามกฤษฏีกาด้วย ทั้งนี้หลังจากร่างรัฐธรรมนูญถูกประกาศใช้แล้ว กฎหมายว่าด้วยวิธีจัดทำยุทธศาสตร์และกฎหมายว่าด้วยวิธีจัดทำการปฏิรูปนั้น ก็จะต้องออกมาภายในระยะเวลา 120 วันเช่นกัน ดังนั้น คงต้องรีบจัดทำให้เสร็จ และจากนั้นก็จะนำไปสู่การมียุทธศาสตร์และวิธีการปฏิรูปภายในระยะเวลา 1 ปี ส่วนที่ฝ่ายการเมืองกลัวกันว่ายุทธศาสตร์ชาติจะไปบังคับการทำงานของรัฐบาลหลังจากนี้นั้น คิดว่าเวลาเขียนวิธีจัดทำกฎหมายต่างๆ รัฐบาลจะต้องรับฟังความเห็นจากประชาชน ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และต้องคำนึงถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย ยุทธศาสตร์ชาติก็เปรียบเสมือนกับการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาถูกทอดทิ้งพอสมควร เวลาจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปี ถ้าหากรัฐบาลถัดๆมาไม่ทำตามก็เท่ากับว่าเสียของ ต้องมาเริ่มนับหนึ่งใหม่อยู่เรื่อยๆ
“ยุทธศาสตร์ที่กำลังจะถูกกำหนดขึ้นมาใหม่นั้นจะเป็นยุทธศาสตร์ระยะเวลายาวถึง 20 ปี เพื่อกำหนดว่าอนาคตของประเทศไทยข้างหน้า จะมีหน้าตาจะเป็นอย่างไร การกำหนดยุทธศาสตร์ไม่ได้คิดขึ้นมาได้เองแต่เกิดจากแม่น้ำสายต่างๆอาทิ สปท. สนช. ได้ไปรับฟังความเห็นจากภาคส่วนต่างๆมา แล้วนำมาจัดทำเป็นยุทธศาสตร์อนาคต สมมติว่า รัฐบาลนี้มีแผนกำหนดว่าประเทศไทยวันข้างหน้าต้องเป็นแบบ 4.0 แต่พอรัฐบาลใหม่มา เขากลับกำหนดว่า ไม่เอา กลับไปขี่เกวียนดีกว่า เอาแค่ 1.0 พอ เขาก็ต้องไปทำกระบวนการถามความเห็นชาวบ้าน ถ้าชาวบ้านเขาเห็นด้วยว่าขี่เกวียน จะได้ไม่เหม็นน้ำมัน รัฐบาลก็ต้องไปปรับยุทธศาสตร์ว่าให้ขี่เกวียนแทน แล้วถ้าชาวบ้านเอาก็ไม่มีใครเขาห้าม นี่เป็นกระบวนวิธีการ ไม่มีบทลงโทษ แต่ถ้ารัฐบาลไม่ทำตามยุทธศาสตร์ เขาก็จะได้ชื่อว่าจงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ แม้กฎหมายจะไม่มีโทษอะไร แต่ในรัฐธรรมนูญก็ได้กำหนดโทษของการไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว เว้นแต่ว่ารัฐบาลนั้นได้เปลี่ยนยุทธศาสตร์ชาติโดยผ่านการรับฟังความเห็นของประชาชนมาก่อน” มีชัย กล่าว
ต่อกรณีคำถามถึงขั้นตอนและกำหนดการเวลาจัดทำพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ นั้น มีชัย กล่าวว่า กรธ.ได้ทำตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ แต่ต้องระวัง ไม่ควรออกกฎหมายมารวดเดียว เพราะถ้าทำแบบนั้นก็จะดูเหมือนว่าเป็นการกลั่นแกล้งพรรคการเมือง ส่วนเรื่องการปลดล๊อคให้พรรคการเมืองได้ทำกิจกรรมทางการเมืองนั้น ไม่ใช้เรื่องของกรธ. แต่ขึ้นอยู่กับ คสช.และรัฐบาลจะเป็นผู้ปลดล๊อคให้ ดังนั้นกรธ.ก็ต้องนึกถึงเขาว่าจะมีกำหนดเวลาทำงานได้เมื่อไร จะสามารถทำงานได้นานเท่าไรด้วย ถ้ากำหนดระเวลาสั้นไป เขาคงลำบาก
ต่อกรณีคำถามถึงความเห็นการปลดล๊อคห้ามทำกิจกรรมทางการเมืองว่าควรจะกำหนดให้ทำได้หลังจาก พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งออกมาครบทั้ง 4 ฉบับ อาจจะมีปัญหาได้ เพราะจะเข้าสู่ระยะเวลาการเลือกตั้งภายใน 150 วันแล้ว นั้น มีชัย กล่าวว่า พ.ร.บ.ทั้ง 4 ฉบับคงออกมาพรวดเดียวไม่ได้ คงต้องออกมา 2 ฉบับก่อน คือ พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองและว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง หลังจากนั้น จึงจะรู้ว่าควรจะต้องใช้เวลากี่วัน แล้ว กรธ.ก็จะคำนวนเวลาที่จะต้องออก พ.ร.บ.อีก 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ที่มา ส.ว. ทั้งนี้ตนเชื่อว่าทางรัฐบาลและ คสช.นั้นคงจะดูแลในเรื่องกำหนดเวลาที่เหมาะสมตรงนี้อยู่แล้ว คงจะไม่เกิดปัญหาตรงนี้ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดยังพูดในวันนี้ไม่ได้ เพราะยังไม่รู้ว่าเมื่อส่งร่าง พ.ร.บ.ไปให้ สนช.พิจารณาแล้ว สนช.จะแก้อย่างไรบ้าง หากเมื่อถึงเวลานั้นก็คงจะมีการปรับกำหนดเวลาที่เหมาะสมกันอีกทีหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น