พล.อ.สรรเสริญ แจงรัฐบาลยืนยันควบคุมตัวพระมหาอภิชาติตามความผิดที่ปรากฏ ชี้เข้าข่ายสร้างความแตกแยก วอนสังคมเข้าใจเจตนาและการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ แนะใช้วิจารณญาณในการรับสื่อ
ที่มาภาพ : เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล
22 ก.ย.2560 จากกรณีข่าว พระมหาอภิชาต ปุณณจนโท ถูกเจ้าหน้าที่รัฐจำนวนหนึ่ง ได้นิมนต์ ออกจากวัดแห่งหนึ่งที่ อ.ระโนด จ. สงขลา ในเวลากลางวัน โดยนำตัวพระมหาอภิชาต ไปยังค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2560 จากนั้นมีข่าวว่าได้พาตัวมายังกองบังคับการกองปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนต่อมาถูกนำตัวมายังวัดเบญจมบพิตร เพื่อบังคับให้ลาสิกขา ในช่วงเย็นของวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันนี้ (22 ก.ย.60) เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล รายงานว่า พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีการควบคุมตัวพระมหาอภิชาติว่า การดำเนินการดังกล่าวของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายปกติ เนื่องจากพฤติกรรมที่ผ่านมาของพระมหาอภิชาติเข้าข่ายการดูหมิ่นให้ร้ายเสียดสีศาสนาอื่นตามที่ปรากฏอยู่ในสื่อโซเชียลมีเดียและคลิปต่าง ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งลุกลามบานปลายและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของบ้านเมืองได้ เพราะเรื่องของศาสนาเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน
“การกระทำของพระมหาอภิชาติได้รับการตักเตือนจากมหาเถรสมาคมและหน่วยงานด้านความมั่นคงมาโดยตลอด เพราะมีการใช้ถ้อยคำที่รุนแรงในเชิงปลุกระดม แต่ยังคงมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องจนสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดความเข้าใจผิดระหว่างศาสนา รัฐบาลจึงอยากให้พี่น้องประชาชนและคณะสงฆ์บางส่วนเข้าใจในเจตนาและการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่ยึดหลักกฎหมายและประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ โดยไม่ได้ต้องการให้เกิดผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาหรือพระธรรมวินัยแต่อย่างใด” โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว
พล.ท สรรเสริญ กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้รับรายงานว่าพระมหาอภิชาติได้ลาสิกขาบทแล้ว โดยเป็นความต้องการและความสมัครใจของท่านเอง และนับจากนี้ไปทุกอย่างจะเข้าสู่ขั้นตอนตามกฎหมาย โดยขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร ไม่หลงเชื่อหรือตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง หรือความคิดเห็นทางศาสนาที่แตกต่างกัน
“การกระทำของพระมหาอภิชาติได้รับการตักเตือนจากมหาเถรสมาคมและหน่วยงานด้านความมั่นคงมาโดยตลอด เพราะมีการใช้ถ้อยคำที่รุนแรงในเชิงปลุกระดม แต่ยังคงมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องจนสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดความเข้าใจผิดระหว่างศาสนา รัฐบาลจึงอยากให้พี่น้องประชาชนและคณะสงฆ์บางส่วนเข้าใจในเจตนาและการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่ยึดหลักกฎหมายและประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ โดยไม่ได้ต้องการให้เกิดผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาหรือพระธรรมวินัยแต่อย่างใด” โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว
พล.ท สรรเสริญ กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้รับรายงานว่าพระมหาอภิชาติได้ลาสิกขาบทแล้ว โดยเป็นความต้องการและความสมัครใจของท่านเอง และนับจากนี้ไปทุกอย่างจะเข้าสู่ขั้นตอนตามกฎหมาย โดยขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร ไม่หลงเชื่อหรือตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง หรือความคิดเห็นทางศาสนาที่แตกต่างกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น