วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

สำคัญกว่าชีวิตคน:ความตายของ'Central World'และการก่อกำเนิดใหม่ -เสื้อแดงกับการสร้างตำนานทางวัฒนธรรมของกฎุมพีชาวกรุง


สำคัญกว่าชีวิตคน-สิ่งที่ชนชั้นกลางชาวกรุงทำหลังเหตุการณ์ 19 พฤษภา 2553 คือนำดอกไม้ไปวางไว้อาลัยห้างเซ็นทรัลเวิลด์ และกวาดเก็บทำความสะอาดพื้นที่ชุมนุม และร้องเพลง"ขอความสุขของเราจงคืนกลับมา" จนกระทั่งบก.ลายจุด นักกิจกรรมเสื้อแดงต้องจัดกิจกรรมไปร้องตะโกนว่า"ที่นี่มีคนตาย(พวกคุณรู้ไหม หรือแกล้งไม่รับรู้)

โดย ดร.จิม เทย์เลอร์
2 เมษายน 2554
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ดร.จิม เทย์เลอร์ นักวิชาการทางด้านมานุษยวิทยา แห่งมหาวิทยาลัย Adelaide ประเทศออสเตรเลีย ได้ตีพิมพ์บทความทางวิชาการเรื่อง Larger Than Life: 'Central World' and its Demise and Rebirth - Red Shirts and the Creation of an Urban Cultural Myth in Thailand ( สำคัญกว่าชีวิตคน:ความตายของ'Central World'และการก่อกำเนิดใหม่ -เสื้อแดงกับการสร้างตำนานทางวัฒนธรรมของชาวกรุง )เผยแพร่โดยสำนักพิมพ์ สถาบันวิจัยเอเชีย มหาวิทยาลัยแห่งชาติของสิงคโปร์ ในเดือนมีนาคมปีนี้

โดยดร.จิม เทย์เลอร์ กล่าวสรุปรวบยอดเกี่ยวกับรายงานทางวิชาการนี้ไว้ดังนี้


รายงานฉบับนี้พุ่งไปที่ผลกระทบทางด้านวัฒนธรรมและการเมืองจากเหตุการณ์ลอบวางเพลิง Central World ในกรุงเทพฯ อันเป็นห้างสรรพสินค้าของผู้บริโภคที่เป็นชนชั้นนำ/ชนชั้นกลางที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในย่านเอเชีย "ศูนย์กลางแห่งไลฟสไตล์ของชีวิต"และพื้นที่แห่งความฝัน

การเผาทำลายมัน ได้กลายเป็นตำนานบทใหม่ของชาวกรุง เพราะเท่ากับเป็นการโจมตีที่กลางใจของชาวกรุงผู้มีค่านิยมแห่งความสมัยใหม่

ห้างสรรพสินค้านี้ตั้งติดอยู่กับบริเวณที่กลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตย"เสื้อแดง"ปักหลักชุมนุมอยู่ที่แยกราชประสงค์ และในฉากตอนจบในวันสุดท้ายของการปราบปรามรุนแรง 19 พฤษภาคม 2553 ซึ่งผมยืนยันว่า การทำลายสัญลักษณ์ของเศรษฐกิจโดยการทำลายล้างห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ได้ส่งผลอย่างใหญ่หลวงต่อเหตุการณ์ทางการเมืองที่ตามมา

ด้วยการตอบสนองของระบอบปกครองผ่านศาลพิเศษและการจัดการวิกฤตของทหาร นับจากนั้นไปผู้นำการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงกลายเป็นกบฎ ถูกใช้วาทกรรมว่าเป็น"ผู้ก่อการร้าย"ต่อรัฐ ไม่ต่างไปจากการใช้เครื่องบินพุ่งชนตึกเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ในสหรัฐฯ

ผู้ชุมนุมที่ปราศจากอาวุธ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชุมนุมประท้วงจากเขตชนบท ผู้หญิง เด็ก และผู้ชายถูกกล่าวหาในเชิงติเตียนจากกฎุมพี ชนชั้นกลางในเมือง ผู้ที่อยู่ข้างรัฐว่า เป็นผู้รับผิดชอบต่อการวางเพลิง

ทว่าผมยืนยันด้วยหลักฐานว่าข้อกล่าวหานี้ขัดกันต่อความจริง;ว่าในความเป็นจริง และในทางปฏิบัติเป็นเพียงมายาภาพซึ่งรัฐใช้เป็นเหตุอ้างในการสังหารหมู่ผู้ประท้วง และการไล่ล่าแม่มดมาเซ่นเป็นเหยื่อสังเวย หลังการปราบปรามผู้ประท้วงในนครหลวงกรุงเทพฯ

อ่านรายละเอียดรายงานที่น่าสนใจอย่างยิ่งฉบับนี้ตามลิ้งค์นี้http://www.ari.nus.edu.sg/docs/wps/wps11_150.pdf
ป้ายประกาศหน้าเวบไซต์ของเซ็นทรัล เวิลด์ภายหลังห้างถูกเผาไม่กี่วัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น