|
ภาพนายพัน คำกอง |
ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 09.30 น. ศาลนัดไต่สวนคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญายื่นคำร้องขอให้ศาลชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง ชาวจังหวัดยโสธร อาชีพขับรถแท็กซี่ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่เสียชีวิตหน้าคอนโดมิเนียม ใกล้สถานีรถไฟแอร์พอร์ลิงค์สถานีราชปรารภ เมื่อวันที่ 15 พ.ค.53ระหว่างเหตุการณ์ทหารกระชับพื้นที่ราชประสงค์
โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาศาลตามหมายเรียกในฐานะพยาน
ก่อนการเบิกความ นายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากภรรยาของนายพัน เปิดเผย ว่า ประเด็นคำถามในการไต่สวนพยานจะเน้นเรื่องการออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเหตุความรุนแรงทางการเมืองเมื่อปี 2553 ว่าเป็นไปตามหลักสากลหรือไม่
เมื่อถึงเวลานัด นายอภิสิทธิ์ แถลงต่อศาลว่า ขอเบิกความในช่วงบ่าย เนื่องจากในช่วงเช้าติดภารกิจ ศาลพิจารณาแล้วอนุญาต หลังจากนั้นนายอภิสิทธิ์ได้เดินทางกลับทันทีโดยไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
ต่อมา พล.ต.อ.ปทีป ได้ขึ้นเบิกความเป็นปากแรกสรุปว่า ช่วงเกิดเหตุพยานมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือศอฉ. ซึ่งมีนายสุเทพ เป็นผู้อำนวยการ มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ควบคุมสถานการณ์และแก้ไขสถานการณ์ให้กลับสู่สภาวะปกติ และรักษาความสงบเรียบร้อย โดยหลักการปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมของศอฉ. คือ 1.ไม่ใช้ความรุนแรง 2.ใช้การเจรจาเป็นหลัก 3. หากจำเป็นต้องใช้กำลังให้พิจารณาจากเบาไปหาหนักตามหลักสากล โดยจะเตือนให้ทราบก่อนทุกขั้นตอน ซึ่งการใช้กำลังที่หนักที่สุดคือการใช้กระสุนยางที่ยิงด้วยปืนลูกซอง เพื่อป้องกันตัว
ซึ่งในการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่แยกคอกวัวและราชประสงค์ตามยุทธศาสตร์ได้วางกำลังปิดล้อมไว้ 3 ชั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฉพาะชั้นที่ 2 และ3 โดยมีเพียงโล่และกระบองเป็นอาวุธ ซึ่งการสลายการชุมนุมในวันที่ 11 เม.ย.53 ที่แยกผ่านฟ้าเป็นการดำเนินการของฝ่ายทหาร แต่ตนจำไม่ได้ว่า ใครเป็นหัวหน้าที่ควบคุมดูแลสั่งการ ซึ่งไม่สามารถขอคืนพื้นที่ในส่วนสะพานผ่านฟ้าได้ โดยในรายละเอียดการปฏิบัตตนไม่ทราบ เพราะพยานมีหน้าที่ดูแลด้านนโยบาย และเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาทำงานร่วมกับ ศอฉ. เท่านั้น
นอกจากนี้ในการควบคุมดูแลการชุมนุมในพื้นที่ราชประสงค์ตนทราบว่า วันที่ 14 พ.ค.มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพกอาวุธปืนพกได้ เนื่องจากช่วงนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงเสียชีวิตบริเวณถนนสีลม 2 นาย และก่อนหน้านี้ก็ได้มีเหตุการณ์รุนแรง โดยมีการลอบวางระเบิดรอบๆ กรุงเทพฯ และยิงอาวุธปืนเอ็ม79 ที่แยกศาลาแดง
สำหรับการสลายการชุมนุมที่ถนนราชปรารภบริเวณที่นายพัน คำกองถูกยิงเสียชีวิต ตนไม่เคยเห็นรายงานสรุปเหตุการณ์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจเนื่องจากในรายงานดังกล่าวได้จัดทำหลังจากที่ตนได้เกษียณอายุไปแล้ว และแม้ว่าตามหลักการแล้วหากมีผู้เสียชีวิตเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องเข้าไปตรวจสอบพื้นที่โดยเร็ว แต่กรณีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปยังที่เกิดเหตุได้ เนื่องจากมีการปะทะกันอยู่ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตามใน ขณะที่ตนยังปฏิบัติหน้าที่ใน ศอฉ.ในส่วนของตำรวจไม่พบว่าเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งในเรื่องของการใช้อาวุธปืน ถ้าตำรวจทำอะไรเกี่ยวกับการสลายการชุมนุมตนในฐานะรักษาการ ผบ.ตร. และผู้ช่วย ศอฉ. จะต้องทราบดังกล่าว
ต่อมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต รองนายกรัฐมนตรีและ อดีตผอ.ศอฉ.กล่าว เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 ศอฉ.ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ขอคืนพื้นที่ของกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.บริเวณแยกผ่านฟ้า และถนนราชดำเนินนอก เนื่องจากรัฐบาลต้องการเปิดเส้นทางการจราจรให้กับประชาชนที่ใช้เส้นทางมาจากสะพานพระปิ่นเกล้าฯ และ สะพานพระราม 8 โดยวิธีปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักสากลอย่างเคร่งครัด ใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักตามลำดับ คือ ใช้ โล่และกระบอง รถฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา และปืนลูกซองกระสุนยาง ซึ่งเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่เวลา 13.00 น.จนถึงเวลา 16.15 น.จึงสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่และกลับที่ตั้ง แต่ปรากฏว่าเมื่อเวลา 1 ทุ่ม มีกลุ่มชายชุดดำซึ่งปะปนอยู่กับกลุ่มผู้ชุมนุมนปช.ใช้อาวุธสงคราม ทั้งปืนเอ็ม 16 ระเบิดเอ็ม 79 และระเบิดขว้างเข้าใส่เจ้าหน้าที่ทหารที่บริเวณแยกคอกวัวและถนนดินสอ ซึ่งผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต มีทั้งผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ทหาร จากเหตุการณ์ดังกล่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) รับผิดชอบสำนวนการสอบสวน กระทั่งได้จับกุมและดำเนินคดีกับผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายรวม 26 คน
นายสุเทพ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์ชายชุดดำใช้อาวุธสงครามยิงใส่เจ้าหน้าที่ ศอฉ.จึงต้องมีมาตรการต่างๆ ให้รัดกุมยิ่งขึ้น เพื่อปกป้องชีวิตของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและประชาชนทั่วไป คือมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับหมวดขึ้นไปสามารถมีอาวุธปืนประจำได้ ให้มีสิ่งกั้นขวางระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ และให้รักษาระยะห่างระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุม ประมาณ 150 เมตร ต่อมาเมื่อผู้ชุมนุมย้ายไปที่แยกราชประสงค์ ศอฉ.ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตั้งด่านสกัดตามจุดต่างๆ เช่น ถ.ราชปรารภ ถ.เพลินจิต เพื่อไม่ให้ประชาชนเข้าไปชุมนุมเพิ่มเติมที่บริเวณแยกราชประสงค์ ส่วนกรณีที่นายพัน คำกอง ถูกยิงเสียชีวิต ที่บริเวณราชปรารภนั้น ได้รับรายงานในภายหลัง จากเจ้าหน้าที่ว่าเมื่อคืนวันที่ 15 พ.ค.เวลา 01.00 น. มีรถตู้วิ่งผ่านเข้ามาขณะที่เจ้าหน้าที่ถูกคนร้ายเข้าโจมตีด้วยอาวุธสงคราม ซึ่งเป็นการยิงตอบโต้กันระหว่างเจ้าหน้าที่และคนร้าย หลังจากนั้นจึงพบนายพัน เสียชีวิตอยู่ใกล้บังเกอร์หรือที่กำบัง ซึ่งหลังเกิดเหตุดีเอสไอได้ทำสำนวนของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งหมด และแม้จะส่งสำนวนกลับไปให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลตรวจพิสูจน์สาเหตุตายอีกครั้ง โดยให้ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์บาดแผลและตรวจสอบกระสุนปืน ก็ไม่ได้ข้อสรุปแน่ชัดว่านายพัน และผู้เสียชีวิตรายอื่นๆ เสียชีวิตจากการกระทำของฝ่ายใด
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นเบิกความ ว่า การเสียชีวิตจากการชุมนุมปี2553นั้นสาเหตุเกิดจากการที่ในกลุ่มผู้เข้าร่วมชุมนุมมีการใช้อาวุธปืนและวัตถุระเบิดในการก่อเหตุขึ้นมา แต่ทางรัฐบาลไม่มีนโยบายใดๆที่จะใช้กำลังเจ้าหน้าที่สลายการชุมนุมแต่ใช้วิธิการที่ได้รับการยอมรับจากสหประชาชาติ จะสังเกตุได้ว่าในช่วง2-3ปีหลังนี้ทางสหประชาชาติให้ความสนใจในเหตุการณ์ความรุนแรงหลายประเทศ แต่เหตุการณ์ในประเทศไทยทางสหประชาติก็ไม่ได้กล่าวหาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี53แต่อย่างใด ว่ามีการละเมิดสิทธิและใช้ความรุนแรง เหตุการณ์ในการชุมนุมปี2553นั้นตนได้ตั้ง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบสถานการณ์ และผอ. ศอฉ.ก่อนจะเปลี่ยนเป็นพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในช่วงหลังแต่ระหว่างที่มีการตั้ง ศอฉ.ตนมีอำนาจในการกำกับดูแลบริหามรราชการแผ่นดินอยู่รวมถึงการสั่งการ ศอฉ.ด้วย ในฐานะ นายกรัฐมนตรี
"ส่วนสาเหตุที่ต้องมีการขอพื้นที่คืนจากกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นเพราะว่าผู้ชุมนุมมีการชุมนุมแบ่งออกเป็น 2 พื้นที่ซึ่งไม่มีควาสมจำเป็น ทางรัฐบาลต้องการประชาชนรม2ฝั่งแม่น้ำสามารถเดินทางสัญจรผ่านสะพานพระราม8ได้ จึงต้องมี การขอคืนพื้นที่ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผู้ชุมนุมปิดถนนอยู่ ส่วนมาตรการดำเนินการเป็นหน้าที่ของ ศอฉ.และวิธีการจะต้องปฏิบัติตามที่หลักสากลยอมรับ ละย้ำว่าการปฏิบัติไม่ได้มีเจตนาที่มีการสลายการชุมนุมและมีการระมัดระวังทางด้านยุทธวิธีที่จะก่อให้เกิดความรุนแรงเช่น จะมีการหยุดปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งก่อนช่วงเวลานั้นไม่มีการรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต จนกระทั่งต่อมาได้รับรายงานว่าเจ้าหน้าที่ชุดที่ขอคืนพื้นที่โดนกองกำลังชุดดำปิดล้อมและยิงใส่ด้วยอาวุธสงครามถึงได้รับรายงานการเสียชีวิต" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับการขอคืนพื้นที่ในเหตุกามรณ์ครั้งนั้นทางรัฐบาลได้ยื่นขอให้ศาลแพ่งมีคำสั่งให้อนุญาติให้รัฐบาลขอคืนพื้นที่การชุมนุมและศาลแพ่งได้มีคำสั่งอนุญาติให้มีการขอคืนพื้นที่เพราะผู้ชุมนุมโดยวิธีไม่ชอบด้วยกฎหมาย และสั่งว่าการขอพื้นที่ต้องเป็นไปตามหลักสากล ซึ่งรัฐบาลก็ปฏิบัติตาม ตนไม่ทราบว่าในเหตุการณ์ดังกล่าวใครเป็นผู้บังคับบัญชาการในพื้นที่ แต่มีการรายงานมาตลอดเป็นระยะเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งซึ่งเป็นหลักสากล และไม่มีรายงานว่ามีเหตุที่จะต้องไม่ปฏิบัติตามหลักของคำสั่ง ซึ่งการขอคืนพื้นที่ที่สะพานผ่านฟ้านั้นใช้เวลาประมาณ 3-4วันก่อนที่ผู้ร่วมชุมนุมจะย้ายไปรวมที่ราชประสงค์ ซึ่งในการชุมนุมที่ราชประสงค์นั้นตนได้รับรายงานมาว่าในกลุ่มผู้ร่วมชุมนุมมีผู้ติดอาวุธแฝงตัวอยู่และการสื่อสารกับผู้ร่วมชุมนุมเป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะผู้ชุมนุมรับข่าวสารด้านเดียวจากแกนนำ รัฐบาลซึ่งมีนโยบายที่จะเจรจาได้มีการส่งบุคคลไปเจรจากับทางแกนนำอย่างต่อเนื่องหลายครั้งและข้อแม้การเจรจามีการเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งที่สะพานผ่านฟ้า มีทั้งการเจรจาในหลายรูปแบบ ทั้งเรื่องการขอพื้นที่คืนที่หน้าลานพระบรมรูปรัชกาลที่6 ซึ่งตกลงกันและแกนนำรับปากแต่ก็ไม่ได้มีการปฏิบัติตามที่ตกลงกันไว้ รวมถึงเรื่องการยุบสภาตามข้อเรียกร้องของแกนนำซึ่งตนได้เจรจาและตกลงประกาศว่าถ้ายกเลิกการชุมนุมตนจะยุบสำภาในวันที่ 14 พ.ย.53 ซึ่งมีการรับปากตกลงกันได้แต่ภายหลังทางแกนนำก็ไม่ได้มีการปฏิบัติตาม ต่อมา จึงได้ประกาศว่าจะไม่มีการเจรจาเกิดขึ้นอีก
"ส่วนคำว่ากระชับพื้นที่นั้นไม่ใช่การใช้การกำลังเข้าสลายการชุมนุม แต่เป็นการกำหนดให้มีการกระชับวงล้อมเพื่อให้หยุดการชุมนุมโดยใช้วิธีกดดัน ซึ่งระหว่างนั้นมีการเจรจาขอให้ยกเลิกการปิดล้อมและให้ชุมนุมโดยอิสระซึ่งรัฐบาลไม่รับข้อเสนอเพราะไม่มีประโยชน์และจะทำให้การชุมนุมยืดเยื้อ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว และว่า ซึ่งถ้ารัฐบาลใช้กำลังหรือมีคำสั่งสลายการชุมนุมจริงการชุมนุมต้องสลายไปทั้งหมดแต่ในความจริงพื้นที่หลายพื้นที่ยังมีการชุมนุมอยู่
อดีตนายกฯ กล่าวยืนยันว่าผู้เสียชีวิตที่เกิดจากระเบิด เอ็ม79 ทั้งหมดไม่ได้เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีการใช้ระเบิดชนิดนี้ ส่วนการเสียชีวิตโดยกระสุนปืนนั้นต้องสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงเพราะระหว่างการชุมนุมมีรายงานว่ามีอาวุธของเจ้าหน้าที่ถูกปล้นและมีการแต่งกายเลียนแบบทหารซึ่งในเรื่องนี้มีการส่งสำนวนคดีให้กรมสอบสวนคดีพิเศา(ดีเอสไอ)และตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) แต่ก็ยังไม่ได้ข้อยุติ ในส่วนของดีเอสไอนั้นมีข้อสรุปแล้วว่าเป็นฝีมือของผู้ชุม12ราย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่อง 6 ศพวัดปทุมนั้นตนได้ทราบจากสื่อมวลชนและรายงานทางด้านการข่าวทราบว่าในช่วงเกิดเหตุมีการต่อสู้กันของกองกำลังและเจ้าหน้าที่ สืบเนื่องมาจากการเผาเซ็นทรัลเวิลด์และสยามซึ่งระหว่างเกิดเหตุเพลิงไหม้จะมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิง และพยาบาลซึ่งผู้ก่อการจะใช้โอกาศนี้ก่อเหตุกับบุคคลเหล่านี้อีกทั้งตนได้รับรายงานว่ามีชายชุดดำอยู่ที่วัดปทุมวนารามอีกด้วย
หลังจากไต่สวนพยานทั้ง3ปากเสร็จสิ้น ทางทนายญาติผู้ตายแถลงหมดพยานศาลจึงนัดฟังคำสั่งวันที่ 17 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคดีนี้เป็นคดีแรกในสำนวนไต่สวนชันสูตรศพที่ศาลจะมีคำสั่ง
ภายหลัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันนี้ตนมาเบิกความในฐานะพยาน และไม่ห่วงว่าจะถูกมองเป็นจำเลยของสังคม ซึ่งตนได้เบิกความข้อเท็จจจริงไปในชั้นศาลแล้ว