วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ตามหาแพะกันหย่าย




        “เดินหน้าผ่าความจริง ใครบงการคนชุดดำ รับจ้างฆ่าประเทศไทย” อีเวนท์แรงๆตามสไตล์พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีโปรแกรมจัดกันในวันเสาร์ที่ 13 ต.ค. นี้ ที่อาคารสโมสรพลเมืองอาวุโสแห่งเมืองกรุงเทพฯ (ลุมพินีสถาน) สวนลุมพินี งานนี้จัดเต็ม มีถ่ายทอดสดผ่านทีวี.สีฟ้าที่พรรคประชาธิปัตย์ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องทางช่องบลูสกาย

     นอกจากการปราศรัยของบรรดาขุนพลที่ถูกยกย่องว่าเป็นคนฝีปากกล้าแล้ว ในงานยังมีการเปิดตัวหนังสือ “ความจริงไม่มีสี”  หนังสือนี้เขียนโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นั่งเป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงที่มีการปราบปรามประชาชนกลางเมือง

       การปราศรัยมีชื่อบุคคลและหัวข้อเรื่องที่น่าสนใจ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหัวหน้าพรรค พูดหัวข้อ  “เวทีประชาชนผ่าความจริง เวทีของความจริง” นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีคลัง พูดหัวข้อ “ผลกระทบเหตุการณ์รุนแรงปี 53 ต่อคนไทย” นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ พูดหัวข้อ “มุมมองประชาคมโลกต่อเหตุการณ์ชุมนุมปี 53” ที่ถูกวางเอาไว้เป็นไฮไลท์ของงานคือ หัวข้อ “ความมีจริงของคนชุดดำ” ที่จะขึ้นพูดโดยนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง

       จากนั้นต่อด้วยหัวข้อ “การชุมนุมรุนแรงกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ” รับผิดชอบโดยนายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช นายบัญญัติ บรรทัดฐาน รองประธานสภาที่ปรึกษาพรรค มาในหัวข้อ “สาระในรายงาน คอป.” ขาดไม่ได้คือวอลเปเปอร์ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พูดหัวข้อ “ข้อเท็จจริงสำคัญในเหตุการณ์รุนแรง” นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ทีมกฎหมายพรรค พูดหัวข้อ “หยุดบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม”

       ปิดท้ายด้วยผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ที่ทำให้มีคนตาย 98 ศพ บาดเจ็บกว่า 2,000 คน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ผู้ที่ยืดอกรับว่าทุกคำสั่งเป็นคนลงนามเอง จะมาในหัวข้อ “ความสูญเสียจากเหตุการณ์รุนแรง”

       พระเอกของงานอย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาพูดก่อนปิดงานหัวข้อ “เปิดใจเหตุการณ์รุนแรงปี 53” ยังไม่นับรวมนิทรรศกาลภาพถ่าย คลิปวิดีโอในคอนเซ็ปต์ “ฉีกหน้ากากจอมบงการ” และก่อนหน้าเวทีปราศรัยวันศุกร์ที่ 12 ต.ค. จะมีกิจกรรมตามหาชายชุดดำ โดยลงพื้นที่ 5 จุดที่รายงานของ คอป. ระบุว่าพบชายชุดดำก่อความรุนแรง นอกจากนี้ยังเล็งขยายการจัดงานไปตามต่างจังหวัด ประชาธิปัตย์จัดเต็ม จัดหนัก จัดแน่น
นับเป็นการดิ้นรนครั้งใหญ่ก่อนที่พนักงานสอบสวนของดีเอสไอจะตั้งข้อกล่าว หาต่อนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ “พยายามฆ่า หรือฆ่าคนตายโดยเจตนา” เพราะเล็งเห็นผลจากการปฏิบัติในการออกคำสั่ง

      ความจริงพรรคประชาธิปัตย์ชี้แจงเรื่องนี้มานานแล้ว ทั้งชี้แจง ทั้งกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามอย่างรุนแรงในช่วงที่เป็นรัฐบาล มีสื่อของรัฐอยู่ในมือ ตั้งเวทีปราศรัยโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งเมื่อปี 2554 ที่แยกราชประสงค์ มีทั้งบีบน้ำตา ร่ำไห้ สะอึกสะอื้น แต่ยังแพ้เลือกตั้งเพราะคนส่วนใหญ่ไม่เชื่อถือ ครั้งนี้คดีความเริ่มใกล้ตัวจึงต้องออกแรงดิ้นรนสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง ทั้งๆที่ครั้งหนึ่งเรียกร้องฝ่ายตรงข้ามว่าอย่าจัดชุมนุม อย่าจัดปราศรัย อย่าเคลื่อนไหวนอกสภาขยายความขัดแย้ง ใครมีอะไรให้ไปสู้กันในชั้นศาลตามกระบวนการยุติธรรม พอจะถึงคิวตัวเองบ้างกลับเลือดเข้าตา ยอมทำในสิ่งที่เคยขอไม่ให้คนอื่นทำ
ก็เหมือนกับการร้องตะโกนถามหาจริยธรรมจากคนอื่น เช่น กรณีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ และอีกหลายกรณี แต่ไม่เคยมองดูจริยธรรมของตัวเอง

“หลักการ” ที่แท้จริงอยู่ตรงไหน

หรือ “หลักการ” คืออะไรก็ได้หากเป็นฝ่ายได้ประโยชน์ และทำให้ตัวเองพ้นผิด

“ความรับผิดชอบทางการเมืองต้องสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย”

ใครเอ่ย? เคยพูดไว้

อีเวนท์ “ตามหาชายชุดดำ” จึงเป็นแค่อีเวนท์ตามหา “แพะ” มารับบาปแทนใช่หรือไม่?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น