วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สื่อฯ ทั่วโลกประจาน "ก่อรัฐประหารโดยศาลรัฐธรรมนูญ" ย้ำว่าอำมาตย์ไทยยังไม่พร้อมสละสิทธิ์ "เทพประทาน" ในการปกครองประเทศ





              เว็บไซต์หนังสือพิมพ์วอลสตรีท เจอร์นัล เผยแพร่บทวิเคราะห์การเมืองไทย เรื่อง "มือพิฆาตของอำมาตย์ไทย- รอยัลลิสต์เลือกตั้งแพ้ ก่อรัฐประหารโดยตุลาการ" ระบุว่า เมื่อวันพุธ พลังรอยัลลิสต์เล่นงานระบอบประชาธิปไตยของไทยอีกครั้ง ศาลรัฐธรรมนูญก่อรัฐประหารโดยตุลาการ โค่นล้มนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะกรณีย้ายข้าราชการ


             "นับเป็นครั้งที่สามในรอบหนึ่งทศวรรษ สถาบันที่ขาดการรับผิดแห่งนี้ ซึ่งอยู่ภายใต้การชักใยของระบอบอำมาตย์ กำจัดผู้นำจากการเลือกตั้ง ด้วยเหตุผลอันน่าเคลือบแคลง" บทวิเคราะห์ระบุ
บทวิเคราะห์บอกว่า ศาลเข้าแทรกแซงด้วยการตบรางวัลแก่ประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองรอยัลลิสต์ ที่บอยคอตการเลือกตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากบรรดาแกนนำพรรคได้ออกไปนำการประท้วงเพื่อโค่นล้มระบอบประชาธิปไตย และแต่งตั้งสภาที่ประกอบด้วยชนชั้นนำ


             เมื่อเดือนมีนาคม ศาลรัฐธรรมนูญประกาศให้การเลือกตั้งดังกล่าวเป็นโมฆะด้วยเหตุที่ว่า พวกผู้ประท้วงขัดขวางการเลือกตั้ง ทำให้ไม่สามารถจัดการลงคะแนนเป็นวันเดียวกันทั่วประเทศได้ ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลได้ขัดขวางการออกเสียงครั้งใหม่ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นอัมพาต


            สถานการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องน่าหัวร่อ และอันตรายอย่างยิ่ง ความขัดแย้งนี้ปลุกให้พวกสุดโต่งในทั้งสองฝ่ายข่มขู่ที่จะทำสงครามกลางเมือง ในรอบนี้ การเผชิญหน้าดูจะดุเดือดยิ่งขึ้น เพราะฝ่ายรอยัลลิสต์อยู่ในสภาพหลังพิงฝา กลุ่มพลังที่สนับสนุนพี่น้องตระกูลชินวัตรชนะเลือกตั้งตลอด 5 ครั้งที่ผ่านมา คาดว่าในการเลือกตั้งครั้งใหม่ก็จะชนะอีก ขณะที่กองทัพมีความแตกแยก และลังเลที่จะเข้ายึดอำนาจอีก


            ฝ่ายอำมาตยาธิปไตยมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญเผด็จการที่คณะรัฐประหารสร้างไว้เมื่อปี 2550 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช. และองค์กรอื่นๆ อาจขัดขวางเจตจำนงของผู้ออกเสียงเลือกตั้งก็จริงอยู่ แต่ไม้ตายนั้นอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะได้ยับยั้งความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกครั้งที่ผ่านมา
บทวิเคราะห์มองว่า ทางออกเฉพาะหน้าเพื่อรักษาประชาธิปไตยอันเปราะบางของไทย และหลีกเลี่ยงการนองเลือด คือ การเจรจาหาข้อยุติ หากฝ่ายอำมาตย์ได้รับหลักประกันในเรื่องความมีอภิสิทธิ์ต่างๆ และพรรคประชาธิปัตย์ได้ครองเก้าอี้จำนวนหนึ่ง ความขัดแย้งอาจทุเลาลงสัก 2-3 ปี อย่างไรก็ตาม ภาวะสันติเช่นนั้นยังคงง่อนแง่น เพราะทั้งสองฝ่ายมองอนาคตของประเทศไทยต่างกันลิบลับ ทักษิณ ชินวัตร ได้เหยียบตาปลาของระบอบศักดินาเมื่อเขาปลุกให้สามัญชนเรียกร้องอำนาจที่แท้จริงเมื่อปี 2544 ยักษ์ที่ตื่นแล้วไม่อาจกลับไปหลับใหลอีกแม้ตระกูลชินวัตรถูกขับออกไปจากการเมืองก็ตาม


           คำวินิจฉัยล่าสุดของศาลรัฐธรรมนูญเป็นการดิ้นเฮือกสุดท้ายของระบอบเก่า ทำลายความน่าศรัทธาของตนเองเมื่อพวกเขาดิ้นรนที่จะปิดกั้นพลังประชาธิปไตย


           บทวิเคราะห์ตั้งความหวังว่า ประเทศไทยจะมีผู้นำที่ชาญฉลาดสักคนบังเกิดขึ้นในฟากฝั่งพวกรอยัลลิสต์ ที่จะตระหนักถึงความจริงข้อนี้ และเลิกพยายามโค่นล้มประชาธิปไตย แม้ประชาธิปัตย์ยังไม่สามารถชนะเลือกตั้งได้ในอนาคตอันใกล้ พรรคนี้จะยังคงมีอิทธิพล และทัดทานกระแสประชานิยมของฝ่ายสนับสนุนตระกูลชินวัตรได้


            "อย่างไรก็ดี ในเวลานี้ ดูเหมือนฝ่ายอำมาตย์ไม่พร้อมที่จะสละการอ้างสิทธิ์เทพประทาน ที่จะปกครองประเทศไทย และยอมรับบทบาทของฝ่ายตรงข้าม" วอลสตรีท เจอร์นัล สรุปในตอนท้าย.


Source: Wall Street Journal



Photos: AFP

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น