|
“สุเทพ เทือกสุบรรณ” หัวหน้าม็อบกบฏ กปปส. ประกาศจัดทัพใหม่ เตรียมระดมพลใหญ่ เพื่อโค่นล้มรัฐบาลทุกวิถีทางอีกครั้ง หลังคนไทยฉลองเทศกาลสงกรานต์เสร็จเรียบร้อย พร้อมกับประกาศว่า “คราวนี้ไม่ชนะ ก็จะเข้ามอบตัวทันที”
แม้จะฟังดู…“เชื่อไม่ได้” !! เนื่องจากเป็นคำประกาศที่คล้ายคลึงกับที่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” เคยประกาศไปแล้วก่อนหน้านี้ และได้ “กลืนน้ำลาย” ไปเรียบร้อยหลายครั้ง
แต่เมื่อ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ได้ “พูด” ออกไป “องค์กรเครือข่าย” ต่างๆ ก็แสดง “ปฏิกิริยา” ตอบรับเพื่อให้เป็นไปในแนวทางที่ “หัวหน้าม็อบกบฏ” ประกาศทันที
ล่าสุด “พล.อ.สายหยุด เกิดผล” และ “คณะรัฐบุคคล” ก็ออกมาแถลงข่าวเสนอให้ “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ไปเจรจากับองค์กรต่างๆ ทั้งตุลการและทหาร เพื่อร่วมกันหาหนทางที่จะนำไปสู่ “นายกฯคนกลาง” โดยอ้างว่า เพื่อเป็นทางออกจากสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง !!
ซึ่งแน่นอนว่า ความพยายามของคนกลุ่มนี้ไม่ใช่ครั้งแรก และคงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เพราะการกระทำในลักษณะเดียวกันนี้ได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ที่มีการ “รัฐประหาร 19 กันยายน 2549” แล้วผลักดันคนอย่าง “พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์” ขึ้นมาเป็น “นายกรัฐมนตรี” โดยอ้างว่าเป็น “คนดี”
แม้หลังจากนั้น จะมีการเปิดเผยความจริงในเวลาต่อมาว่า “พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์” กลับเป็นผู้เข้าไปถือครอง “ที่ดินเขายายเที่ยง” จ.นครราชสีมา อย่างผิดกฎหมาย จนต้องขนย้ายข้าวของออกนอกพื้นที่ก็ตาม
แต่ความพยายามของคนกลุ่มนี้ก็ยังไม่ลดละ ที่จะผลักดัน “คน” ที่อ้างว่าเป็น “คนดี” ขึ้นมาครองอำนาจทางการเมือง !!
จึงน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า คนกลุ่มคนผู้ผลักดัน “คนดี” เข้ามามีอำนาจเหล่านี้ ซึ่งก็มักจะอ้างว่าตัวเองเป็น “คนดี” มีคุณงาม “ความดี” มากกว่าคนอื่นๆนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นอย่างไร???
ทีมงาน “พระนครฯ” ได้รวบรวม “10 บุคคล” ที่อ้างอภิสิทธิ์ “ความดี” เหนือปุถุชนคนทั่วไป เป็น “หน้ากาก” ในการ “ผูกขาด” ความเป็น “คนดี” เอาไว้เฉพาะตน-พวกตน-กลุ่มตน เพื่อปฏิบัติการทางการเมือง…
โดยได้มีการจัดเรียงตามลำดับ “ความดี” เอาไว้ทั้งหมด ตามระดับ “ความหนา” ของหน้ากาก ของแต่ละบุคคล-กลุ่มคน เพื่อจะได้ช่วยกันระมัดระวังป้องกัน ไม่ให้บุคคลใกล้ชิดหลงเข้าไปวังวนของ “คนดี” เหล่านี้ ตลอดปี 2557 …
…เพราะอาจจะทำให้ “สังคม” สูญเสีย “ประชาธิปไตย” ไปได้ง่ายๆ
10.พล.อ.สายหยุด เกิดผล
อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด คนนี้เบียดเข้าสู่ตำแหน่ง “ท็อปเท็น”ในช่วงโค้งสุดท้าย ภายหลังออกมาเสนอแนวทางที่จะนำไปสู่ “นายกฯคนกลาง” ซึ่งได้ทำให้ผู้คนต่างๆ พากันเลิกพูดถึงที่มาที่ไปและคุณงามความดี ที่ “พล.อ.สายหยุด เกิดผล” เคยกระทำมาตลอดชีวิต สมัยที่ยังรับราชการ เนื่องจากทุกฝ่ายหันไปแสดงความคิดเห็นคัดค้านแนวคิดของ “พล.อ.สายหยุด เกิดผล” และ “คณะรัฐบุคคล” พร้อมเพรียงกันทั้งหมด นอกจากนี้เมื่อไปค้นประวัติ “พล.อ.สายหยุด เกิดผล” ในหมวกที่เป็น “ประธานองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย” หรือ “พีเน็ต” กลับพบว่าเป็นองค์กรหนึ่ง ที่ได้รับงบประมาณไปจาก “คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)” ไปเป็นจำนวนมาก ชำแหละ “พีเน็ต”องค์กรต้นสังกัด “สมชัย ศรีสุทธิยากร”..ปมปีนเกลียว กกต.2543 โชว์ตัวตน “ขาใหญ่” ผูกขาด “งบฯตรวจสอบเลือกตั้ง” ตะลึง “ขอ”แล้วไม่ให้ “ขู่ฟ้อง”เอาตาย!!
9.สุภา ปิยะจิตติ
“รองปลัดกระทรวงการคลัง” ซึ่งเพิ่งได้รับการสรรหาจาก “คณะกรรมการสรรหากรรมการ ป.ป.ช.” ที่มีองค์ประชุมเพียงแค่ “ประธาน 3 ศาล” จากทั้งหมดที่รัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ให้มีทั้งหมด 5 คน ให้เป็น “ป.ป.ช.” คนใหม่
แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้ภาพความหลังที่ “สุภา ปิยะจิตติ” ถูก ป.ป.ช.มีมติกล่าวหาและไต่สวนกรณีมีส่วนร่วมหรือสนับสนุนการกระทำความผิดให้มีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ในกรณีการประกวดราคาให้เช่าเนื้อที่โฆษณารถ ขสมก. โดยมิชอบ เนื่องจากมีการแก้ไขสัญญาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน ขณะดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารกิจการ ขสมก.เมื่อปี 2543
ซึ่งทำให้สังคมเกิดความกังขาว่า ในวันที่ “สุภา ปิยะจิตติ” ได้เป็น “ป.ป.ช.” คดีที่ตัวเองถูก “ป.ป.ช.” ไต่สวนนั้นจะเป็นเช่นไร ตะลึง!! ว่าที่ ป.ป.ช. “สุภา ปิยะจิตติ” ถูก “ป.ป.ช.” สั่งสอบปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ปมร่วมทุจริตประมูลโฆษณา ขสมก.ปี43 ส่อเอื้อประโยชน์เอกชน จับตาผ่าน “ลากตั้ง”ขึ้นเป็น “ป.ป.ช.”ได้..”หลุดคดี” หรือไม่ ?
8. สถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย
ฐานันดรที่ 4 ของสังคมที่ได้รับความน่าเชื่อถือจากสังคมมายาวนาน ต้องสั่นสะเทือนเมื่อ “สถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย” ทำโครงการของบประมาณสนับสนุนจาก “สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ” หรือ “สสส.” นับ 100 ล้านบาทมาตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งอ้างว่าเป็นโครงการเกี่ยวกับ “สุขภาวะ” หลุด เอกสารประวัติรับทุน “สสส.”หึ่ง “สถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อฯ”ผูกขาด 7ปีต่อเนื่อง อ้าง “สื่อสารสุขภาวะ”ถลุงไม่ต่ำ 96ล้าน จับตา “ขัดวัตถุประสงค์กองทุน”หรือไม่ ?
7. พุทธะอิสระ
หนึ่งในแกนนำ กปปส. สาวกคนสำคัญของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” อ้างผ้าเหลือง อ้างความเป็นพระ มาปฏิบัติการทางการเมือง ในการระดมพลชุมนุมเพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่กลับพบว่าในอดีต “พุทธอิสระ” หรือ “นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ” เคยต้อง “สึก” จากความเป็นพระมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2544 เนื่องจากครหาเกี่ยวกับการ “โกงอายุพรรษา”
โดยใน “ใบตราตั้งเจ้าอาวาส” กับเอกสารแต่งตั้งเป็น “เจ้าคณะตำบล” ที่มี “อายุ” คลาดเคลื่อนกันไปถึง 5 ปี และ “พรรษา” ต่างกัน 6 พรรษา ซ้ำร้ายยังฝันที่จะเป็น “พระพุทธเจ้าองค์ใหม่” ในอนาคต ฉีกหน้ากาก “เสือเหลือง อิสระ กปปส.” ย้อนประวัติ เอี่ยว “โกงพรรษา” ตะลึงเป้าหมายชีวิต พิชิต “พระพุทธเจ้า”ในอนาคต!!
6. อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
อีก 1 คนที่ที่สาวก กปปส.และ ปชป. เชิดชู ทั้งๆที่ “หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)” คนนี้ ขึ้นเป็น “นายกรัฐมนตรี” โดยที่ประชาชนไม่ได้เลือก “พรรคประชาธิปัตย์” ให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเป็นอันดับที่ 1
ซ้ำร้ายยังเป็น “นายกรัฐมนตรี” ในขณะที่มีการออกคำสั่งให้สลายการชุมนุมของประชาชน ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ติดอาวุธและใช้กระสุนจริง ในเหตุการณ์ความรุนแรงเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2553 จนเป็นเหตุให้มีประชาชนเสียชีวิตกว่า 100 รายและได้รับบาดเจ็บกว่า 2,000 ราย นอกจากนี้ในการชุมนุมของม็อบ กปปส. ซึ่งแกนนำม็อบ ล้วนแต่เป็น “อดีตแกนนำพรรคประชาธิปัตย์” และ “ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์” เป็นจำนวนมาก แต่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็ยังพูดได้ตลอดเวลาว่า การชุมนุมดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ !!
5. วิชา มหาคุณ
กรรมการ ป.ป.ช. อันเป็นองค์กรอิสระ ที่มีบทบาททางการเมืองมากที่สุดในขณะนี้ โดยเฉพาะกรณีการดำเนินการกับคดีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้สังคมกังขาอย่างมาก เนื่องจากใช้ระยะเวลาในการดำเนินการอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่วัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับการดำเนินการกับ “คดีทุจริตโครงการประกันรายได้เกษตรกร” และ “คดีทุจริตโครงการระบายข้าวสารในสต็อกรัฐบาล” ยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2552 ที่จนขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า
นอกจากนี้ยังถูกตรวจสอบพบว่า “วิชา มหาคุณ” ได้เปิดเผยที่มาที่ไปของตำแหน่ง ป.ป.ช. ที่ตัวเองได้มานั้นมาจากการทาบทามกันภายใน ของกลุ่มคนไม่กี่คน หลังเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ยิ่งทำให้สังคมได้เห็นถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังได้ชัดเจนมากขึ้น ตะะลึง “วิชา มหาคุณ”แฉเอง “มีวันนี้เพราะคมช.ให้”เปิดปากสารภาพ หลังรปห. “มีชัย ฤชุพันธุ์” จัดโผ ป.ป.ช.โยงวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์-อุดม เฟื่องฟุ้ง มีชื่อเข้าคิวนั่ง องค์กรอิสระคณะปฏิวัติ!!
4.สมชัย ศรีสุทธิยากร “กรรมการการเลือกตั้ง” ที่มีบทบาทมากที่สุดใน 5 กกต.ทั้ง 5 คน เพราะด้วย “หน้าที่ กกต.” ที่จะต้อง “จัดการเลือกตั้ง” ให้ “บริสุทธิ์-ยุติธรรม” ตามที่กฎหมายกำหนด แต่กลับปรากฏว่า หลายครั้งได้แสดงความคิดเห็นให้มีการ “เลื่อนการเลือกตั้ง” ออกไป ซึ่งขัดแย้งกับ “หน้าที่ในการจัดการเลือกตั้ง” ของ “กกต.”
ซึ่งเมื่อตรวจสอบย้อนหลังไปสมัย “สมชัย ศรีสุทธิยากร” ยังอยู่ภายใต้สังกัด “องค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย” หรือ “พีเน็ต” อันเป็นองค์กรที่ส่งเสริมการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย กลับเคยประกาศร่วม “บอยคอตเลือกตั้ง ปี 2549” ร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์มาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อเอาคนที่เคย “บอยคอตการเลือกตั้ง” มา “จัดการเลือกตั้ง” …วันนี้จึงเป็นเช่นนี้ !! แฉชัดๆ “สมชัย ศรีสุทธิยากร”แนวร่วม “มาร์ค”บอยคอตเลือกตั้ง’49 พฤติกรรม-คำพูดมัด “กกต.”พ้องเสียง ปชป.!!
3.ประมนต์ สุธีวงศ์
“ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่น” ที่มีผลงานเด่นในการประกาศแนวทางต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นมากมาย ในช่วงการชุมนุมของม็อบ กปปส. ก็ออกสปอตโฆษณา “อย่าให้คนโกงมีที่ยืน” จนเป็นที่ฮือฮา แต่กลับปรากฏข้อมูล “บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด” ซึ่ง “ประมนต์ สุธีวงศ์” เป็น “ประธานบริษัท” สำแดงภาษีนำเข้าชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ โตโยต้า พรีอุส ไม่ถูกต้องตามพิกัดอัตราภาษีศุลกากร และถูกศุลกากรเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมนับหมื่นล้านบาท ตะลึง “บริษัท”ประธานต้านคอรัปชั่น จ่อ “โกง”ซะเอง! เอกสารศุลากรมัด “โตโยต้าไทย”ที่ “ประมนต์ สุธีวงศ์”เป็นประธาน ส่อเลี่ยงภาษีนำเข้ารถยนต์พรีอุส 1.1หมื่นล้าน!!
2.จรัญ ภักดีธนากุล
“ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” ซึ่งถูกกล่าวขานถึงความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 มากที่สุดคนหนึ่ง โดยหลังเหตุการณ์รัฐประหาร ก้าวข้ามห้วยจาก “เลขานุการประธานศาลฎีกา มารับเก้าอี้ “ปลัดกระทรวงยุติธรรม” จากนั้นร่วมเป็น “กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 2550” และขึ้นเป็น “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ”ในเวลาต่อมา เป็นอีก 1 คนในแวดวงตุลาการที่มีบทบาทอย่างยิ่งต่อการเมืองไทย แต่กลับถูกค้นพบว่า ศาลฎีกา ได้มีคำพิพากษาเลขที่ 435/2556 เมื่อ 22 มกราคม 2556 ให้ภรรยาของตุลาการคนดัง คืนที่ดินจำนวน 51 แปลงที่มีการปลอมเอกสารขึ้นมาโอนที่ดินไม่อย่างถูกต้อง เปิดคำพิพากษาศาลฎีกา เมียจรัญ ภักดีธนากุล โกงที่ดิน 51แปลง ปลอมหนังสือ หลอกโอนที่ดินเป็นของตัวเอง ศาลสั่งโอนคืน/ชดใช้ค่าเสียหายอ่วม 45 ล้าน
1.สุเทพ เทือกสุบรรณ
อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ที่เคยมีคำสั่งให้สลายการชุมนุมของประชาชน จนมีผู้เสียชีวิตกว่า 100 ศพ บาดเจ็บอีกกว่า 2,000 คน ผู้ซึ่งเคยกล่าวหาว่าการชุมนุมของประชาชนนั้นเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและมีผู้ก่อการร้ายแฝงตัวอยู่ในการชุมนุม กลับกลายมาเป็นแกนนำผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส. ที่ปิดถนนสาธารณะ บุกสถานที่ราชการ สร้างสถานการณ์และทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมไปถึงประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก
ซ้ำร้ายยังกล่าวหาเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าเป็นผู้ที่ทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้งๆที่ปรากฏอย่างชัดเจนว่ากลุ่มผู้ชุมนุมกปปส.นั้นมีอาวุธสงครามร้ายแรงอยู่ในการชุมนุมจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังปรากฏว่าในการชุมนุม “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ได้มีการปราศรัยกล่าวหานักการเมืองฝ่ายตรงข้ามจำนวนมากว่าทุจริตคอรัปชั่น ทั้งๆที่ตัวเองนั้นมีมลทินติดตัวมากมาย ตั้งแต่ กรณีที่ดิน สปก.4-01 สมัยที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และมาถึงกรณีโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน ในยุคที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงยังมีกรณีที่บุตรชาย ที่ชื่อ “แทน เทือกสุบรรณ” ก็โดนคดีบุกรุกที่ดินเขาแพง เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี อีกด้วย
จึงนับว่าเป็น อันดับ 1 ที่ถือครอง “(หน้ากาก) คนดี” ได้แนบเนียน ชนิดประวัติชีวิตตัวเอง ที่เต็มไปด้วยมลทิน …ไม่เคยมี กปปส. คนใดพูดถึงแม้แต่น้อย!!
เปิดเส้นทางชีวิต “หัวหน้าคณะจรกาธิปไตย” ตำนานอมตะ “สุเทพ-เมียเพื่อน” !!! ม็อบฝ่อ-กปปส.แผ่ว..เดิมพัน “สุเทพ”สะเทือนถึง “ลูก” แทน เทือกสุบรรณ คดีบุกรุกเขาแพง แขวนบนเส้นด้าย เป็น-ตาย ลุ้นเหนื่อย! เปิดตำนาน ปชป.ปล้นคนจน “เทือก”เขมือบคลาสสิค โกงที่ดิน สปก 4-01 ! |
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น